ส ๑
พยัญชนะตัวที่ ๔๐ เป็นพวกอักษรสูง ใช้ได้ทั้งเป็นพยัญชนะตัวต้นและตัวสะกดในแม่กดในคําที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤตเป็นต้นเช่น สวย สงสาร สวิตช์ รส สัมผัส สวิส.
ส ๒
คําประกอบหน้าคําอื่นที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤตบ่งความว่ากอบด้วย, พร้อมด้วย, เช่น สเทวก ว่า พร้อมด้วยเทวดา. (ป., ส.).
สก ๑
[สะกะ] ว. ของตน. (ป.; ส. สฺวก).
สกวาที
น. ผู้กล่าวถ้อยคําฝ่ายตน คือ ฝ่ายเสนอหรือฝ่ายถาม, คู่กับ ปรวาที. (ป.).
สก ๒
น. ผม. (ข. สก่).
สก ๓
(โบ) ก. สะเด็ดนํ้า เช่น เอาข้าวที่ซาวนํ้าแล้วใส่ในตะแกรงเพื่อให้นํ้าแห้งเรียกว่า สก.
สกฏ, สกฏะ
[สะกะตะ] น. เกวียน. (ป.).
สกฏ, สกฏะ
[สะกะตะ] น. เกวียน. (ป.).
สกฏภาระ
[พาระ] น. ของบรรทุกเกวียน.
สกทาคามิผล, สกิทาคามิผล
[สะกะ, สะกิ] น. ธรรมที่พระสกทาคามีได้บรรลุ. (ป. สกทาคามิผล,สกิทาคามิผล; ส. สกฺฤทาคามินฺ + ผล). (ดู ผล).
สกทาคามิผล, สกิทาคามิผล
[สะกะ, สะกิ] น. ธรรมที่พระสกทาคามีได้บรรลุ. (ป. สกทาคามิผล,สกิทาคามิผล; ส. สกฺฤทาคามินฺ + ผล). (ดู ผล).
สกทาคามิมรรค, สกิทาคามิมรรค
[มัก] น. ทางปฏิบัติที่ให้สําเร็จเป็นพระสกทาคามี. (ส. สกฺฤทาคามินฺ +มารฺค; ป. สกทาคามิมคฺค, สกิทาคามิมคฺค). (ดู มรรค).
สกทาคามิมรรค, สกิทาคามิมรรค
[มัก] น. ทางปฏิบัติที่ให้สําเร็จเป็นพระสกทาคามี. (ส. สกฺฤทาคามินฺ +มารฺค; ป. สกทาคามิมคฺค, สกิทาคามิมคฺค). (ดู มรรค).
สกทาคามี, สกิทาคามี
[สะกะ, สะกิ] น. 'ผู้มาสู่กามภพอีกครั้งหนึ่ง' เป็นชื่อพระอริยบุคคลชั้นที่ ๒ใน ๔ ชั้น คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามีและพระอรหันต์, บางทีก็เรียก สั้น ๆ ว่า พระสกทาคา หรือ พระสกิทาคา.(ป.; ส. สกฺฤทาคามินฺ).
สกทาคามี, สกิทาคามี
[สะกะ, สะกิ] น. 'ผู้มาสู่กามภพอีกครั้งหนึ่ง' เป็นชื่อพระอริยบุคคลชั้นที่ ๒ใน ๔ ชั้น คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามีและพระอรหันต์, บางทีก็เรียก สั้น ๆ ว่า พระสกทาคา หรือ พระสกิทาคา.(ป.; ส. สกฺฤทาคามินฺ).
สกนธ์
[สะกน] น. ขันธ์, กอง, ส่วนร่างกาย, ร่างกาย. (ส.; ป. ขนฺธ).
สกปรก
[สกกะปฺรก] ว. เปรอะหรือเปื้อนด้วยสิ่งที่ถือว่าน่าเกลียดหรือที่ไม่พึงประสงค์ เช่น เสื้อผ้าสกปรก เนื้อตัวสกปรกด้วยฝุ่นละออง, ขุ่นมัว,ไม่สะอาดหมดจด, เช่น น้ำสกปรก จิตใจสกปรก, ลักษณะกิริยาวาจาที่แสดงออกอย่างหยาบคาย เช่น พูดจาสกปรก, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น เขาเป็นคนสกปรก เล่นสกปรก.
สกรณีย์
[สะกะระ] (แบบ) น. ผู้ยังมีหน้าที่จะต้องทํา. (ป.).
สกรรจ์
[สะกัน] ว. ร้าย, ดุร้าย, เก่งกาจ, แข็งแรง, โดยมากใช้ ฉกรรจ์.
สกรรถ
[สะกัด] น. เรียกคำที่เพิ่มเข้าข้างหลังคำเดิม เมื่อเพิ่มแล้ว มีความหมายคงเดิม หรือหมายถึงพวกหรือหมู่ ว่า คำสกรรถ เช่น อากร (ในคำเช่นนรากร ประชากร) อาการ (ในคำเช่น คมนาการ ทัศนาการ) ชาติ (ในคำเช่น มนุษยชาติ ติณชาติ) ประเทศ (ในคำเช่น อุรประเทศ หทัยประเทศ).
สกรรมกริยา
[สะกํากฺริยา, สะกํากะริยา] (ไว) น. กริยาที่มีกรรมหรือผู้ถูกกระทํามารับ เช่น ดื่มน้ำ เตะฟุตบอล.
สกล, สกล
[สะกน, สะกนละ] ว. สากล. (ป., ส.).
สกล, สกล
[สะกน, สะกนละ] ว. สากล. (ป., ส.).
สกลโลก
น. ทั้งโลก, โลกทั้งสิ้น, ทั่วโลก.
สกลมหาสังฆปริณายก
[สะกนมะหาสังคะปะรินายก] (กฎ) น. ตําแหน่งของสมเด็จพระสังฆราชในฐานะที่ทรงเป็นประมุขแห่งคณะสงฆ์ทั้งปวง ทรงมีอํานาจบัญชาการคณะสงฆ์ ทรงตราพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม.
สกัด
ก. กั้น, ขวาง, เช่น สกัดหน้า; ตัดหรือกะเทาะของแข็งเช่นเหล็ก หินให้เป็นร่อง รอย ทะลุ หรือให้ขาดจากกัน, เรียกเหล็กที่ใช้ตัดหรือกะเทาะของแข็งเช่นนั้นว่า เหล็กสกัด; เค้นหรือแยกเอาออกมา เช่นสกัดนํ้ามัน สกัดน้ำหอมจากดอกกุหลาบ. (ข.).
สกัดแคร่
น. โคลงทวารประดับ.
สกา
น. เครื่องเล่นการพนันอย่างหนึ่งใช้ลูกบาศก์ทอดแล้วเดินตัวสกาตามแต้มลูกบาศก์. (เทียบทมิฬ บาสกา).
สกาว
[สะกาว] ว. ขาว, สะอาด, หมดจด.
สกิทาคามี
น. สกทาคามี.
สกี
น. แผ่นไม้แคบ ๆ ๒ แผ่น ปรกติยาวแผ่นละ ๑.๕๒.๔ เมตร มีที่สําหรับสวมเท้าผู้เล่น ใช้ในการเล่นสกี; กีฬาอย่างหนึ่ง ผู้เล่นยืนบนแผ่นสกี แล้วไถตัวให้ลื่นไถลลงไปตามเนินเขาที่มีหิมะปกคลุม โดยมีไม้คู่หนึ่งสําหรับยันหรือถ่อเวลาเล่น. (อ. ski).
สกีน้ำ
น. กีฬาอย่างหนึ่งคล้ายสกี แต่เล่นในนํ้า ใช้เรือยนต์ลาก.(อ. water ski).
สกุณ
น. นก. (ป.; ส. ศกุน).
สกุณา, สกุณี
(กลอน) น. นก.
สกุณา, สกุณี
(กลอน) น. นก.
สกุน
น. รก, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสกุน.
สกุนต์
น. นก. (ป.; ส. ศกุนฺต).
สกุล
[สะกุน] น. ตระกูล, วงศ์, เชื้อสาย, เผ่าพันธุ์; เชื้อชาติผู้ดี เช่น เป็นคนมีสกุล ผู้ดีมีสกุล.
สกุลรุนชาติ
[สะกุนรุนชาด] น. ตระกูลผู้ดี เช่น เขาเป็นคนมีสกุลรุนชาติ.
สเกต
น. ที่สวมเท้าทําด้วยโลหะมีล้อเล็ก ๆ ใช้สวมเวลาเล่นสเกต; ชื่อการเล่นอย่างหนึ่งที่ผู้เล่นต้องสวมสเกตวิ่งไปมาบนพื้นเรียบ ๆ.(อ. roller skate).
สเกตน้ำแข็ง
น. รองเท้าหุ้มข้อซึ่งมีพื้นติดแผ่นโลหะคล้ายสันมีดสําหรับแล่นลื่นไปบนลานนํ้าแข็ง; ชื่อการเล่นอย่างหนึ่งที่ผู้เล่นต้องสวมรองเท้าสเกตเช่นนั้นแล้วแล่นลื่นไปบนลานน้ำแข็ง. (อ. skate).
สแกนเดียม
น. ธาตุลําดับที่ ๒๑ สัญลักษณ์ Sc เป็นโลหะที่หายาก ลักษณะเป็นของแข็งสีขาว หลอมละลายที่ ๑๕๓๙ ? ซ. (อ. scandium).
สขะ, สขา, สขิ
(แบบ) น. เพื่อน, สหาย. (ป., ส.).
สขะ, สขา, สขิ
(แบบ) น. เพื่อน, สหาย. (ป., ส.).
สขะ, สขา, สขิ
(แบบ) น. เพื่อน, สหาย. (ป., ส.).
สง
ก. หย่งให้กระจายตัวหรือยกขึ้นให้นํ้าหรือของเล็ก ๆ ร่วงลง เช่นสงข้าวสงฟาง สงถั่วงอก สงเส้นบะหมี่. ว. สุกจัด, แก่จัด, (ใช้แก่หมาก) ในคำว่า หมากสง.
ส่ง
ก. ทําให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเคลื่อนพ้นจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เพื่อให้ถึงผู้รับหรือเป้าหมายด้วยอาการต่าง ๆ กัน เช่น ส่งข้าม ส่งผ่าน ส่งต่อ;หนุน ดัน หรือเสริมให้สูงขึ้น เช่น คนอยู่ข้างล่างช่วยส่งก้นคนข้างบนให้ปีนพ้นกำแพง ติดไม้ปั้นลมส่งหลังคาเรือน; แสดงอัธยาศัยในเมื่อมีผู้จะจากไป เช่น ไปส่ง เลี้ยงส่ง; อาการที่ส่งเครื่องหมาย ข้อความข่าวสาร หรือภาพ เป็นต้นไปให้อีกฝ่ายหนึ่งโดยอาศัยกรรมวิธีต่าง ๆเช่น ส่งสัญญาณ ส่งรหัส ส่งโทรเลข ส่งวิทยุ ส่งโทรภาพ.
ส่ง ๆ
(ปาก) ว. ลวก ๆ, มักง่าย, เช่น พูดส่ง ๆ พอเอาตัวรอด, ส่งเดช ก็ว่า.
ส่งกระแสจิต
ก. อาการที่ส่งความนึกคิดติดต่อกันระหว่างจิตของคนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างกันโดยไม่ต้องอาศัยประสาทสัมผัสทั้ง ๕ อย่างใดอย่างหนึ่ง.
ส่งกลิ่น
ก. กระจายออกไปจนได้กลิ่น เช่น อาหารส่งกลิ่นหอมน่ากิน.
ส่งกลีบ
ก. อาการที่ใช้เข็มร้อยมาลัยให้กลีบดอกไม้หรือใบไม้ยื่นยาวออกมาจากเข็มเสมอกัน.
ส่งข่าว
ก. บอกข่าว เช่น จะเดินทางเมื่อไรก็ส่งข่าวด้วยนะ.
ส่งข้าวส่งน้ำ, ส่งปิ่นโต
ก. เอาข้าวปลาอาหารเป็นต้นไปให้แก่ผู้ต้องหาหรือนักโทษ เช่นถ้าติดตะรางใครจะส่งข้าวส่งน้ำให้ ญาติติดคุกเลยต้องส่งปิ่นโตให้เป็นประจำ.
ส่งข้าวส่งน้ำ, ส่งปิ่นโต
ก. เอาข้าวปลาอาหารเป็นต้นไปให้แก่ผู้ต้องหาหรือนักโทษ เช่นถ้าติดตะรางใครจะส่งข้าวส่งน้ำให้ ญาติติดคุกเลยต้องส่งปิ่นโตให้เป็นประจำ.
ส่งความสุข
ก. ตั้งจิตอธิษฐานให้ผู้รับบัตรอวยพรมีความสุขความเจริญในวันสำคัญ เช่น วันปีใหม่ วันเกิด.
ส่งใจ
ก. ส่งน้ำใจที่มีความปรารถนาดีเพื่อให้เป็นกำลังใจแก่ผู้รับ เช่นส่งใจไปช่วยทหารในแนวหน้า.
ส่งดอก
ก. อาการที่ใช้เข็มร้อยก้านดอกไม้เช่นดอกพุด ดอกมะลิ ให้แต่ละดอกยื่นยาวจากเข็มได้ระยะเสมอกัน; นําดอกเบี้ยไปส่งให้,ชําระดอกเบี้ย.
ส่งเดช
(ปาก) ว. ลวก ๆ, มักง่าย, เช่น ทำส่งเดชพอให้พ้นตัว, ส่ง ๆ ก็ว่า.
ส่งตัว
ก. นําตัวเจ้าสาวไปส่งให้แก่เจ้าบ่าวตามฤกษ์ เช่น ได้ฤกษ์ส่งตัว.
ส่งท้าย
ก. พายกระตุ้นท้ายเรือเพื่อให้แล่นเร็ว เช่น เมื่อใกล้จะถึงเส้นชัยนายท้ายก็เร่งพายส่งท้าย; พูดหรือทําท้ายสุดเพื่ออําลา เช่นเขียนบทส่งท้ายต้องไว้ฝีมือหน่อย ส่งท้ายการเลี้ยงด้วยการให้พร.
ส่งทุกข์
ก. ถ่ายอุจจาระ.
ส่งพระเคราะห์
(โหร) ก. ทำพิธีส่งเทวดาประจำดาวพระเคราะห์ดวงที่กำลังจะสิ้นสุดการเสวยอายุเพื่อความสวัสดิมงคลตามความเชื่อทางโหราศาสตร์.
ส่งภาษา
ก. เจรจาปราศรัยกับผู้ที่พูดอีกภาษาหนึ่งโดยกล่าวคําเป็นภาษานั้น เช่น ให้ล่ามไปส่งภาษาถามเขาดูว่าต้องการอะไร;พูดเป็นภาษาอื่นหรือสำเนียงอื่นที่ตนฟังไม่เข้าใจ เช่น เขาส่งภาษาจีนกัน เขาส่งภาษาถิ่นมาเลยฟังไม่รู้เรื่อง.
ส่งลำ
ก. ร้องเพลงส่งให้ปี่พาทย์รับบรรเลงตามทํานองที่ร้อง (ใช้แก่การขับเสภาและสักวา); กระทําครั้งสุดท้าย เช่น เตะส่งลำ.
ส่งวิญญาณ
ก. ทำพิธีเพื่อให้วิญญาณผู้ตายไปเกิดในสุคติตามคติความเชื่อถือของพระพุทธศาสนาลัทธิมหายาน.
ส่งส่วย
ก. ส่งเงินเป็นต้นให้เป็นประจำตามที่ตกลงกัน (มักใช้ในทางไม่สุจริต)เช่น ผู้ลักลอบเล่นการพนันต้องส่งส่วยให้พวกนักเลงเจ้าถิ่น.
ส่งสัมผัส
ก. เรียกคำสุดท้ายของวรรคหน้าแห่งคำประพันธ์ที่คล้องจองกับคำใดคำหนึ่งในวรรคถัดไปว่า คำส่งสัมผัส.
ส่งสายตา
ก. มองโดยมีเจตนาให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ว่าตนมีความรู้สึกพอใจไม่พอใจ อ้อนวอน หรือเพื่อเป็นการปรามเป็นต้น เช่น ส่งสายตาปรามไม่ให้เพื่อนพูด.
ส่งเสริม
ก. เกื้อหนุน, ช่วยเหลือสนับสนุนให้ดีขึ้น, เช่น ส่งเสริมการลงทุนส่งเสริมการศึกษา.
ส่งเสีย
ก. ให้การอุดหนุน, เกื้อกูล, เช่น ส่งเสียลูกเรียนหนังสือ.
ส่งเสียง
ก. ร้องเสียงดัง, แผดเสียง, เช่น ดีใจอะไรส่งเสียงมาแต่ไกลส่งเสียงอื้ออึง.
สงกร
[กอน] (แบบ) น. การปะปน, การคาบเกี่ยว. (ป.; ส. สํกร).
สงกรานต์ ๑
[กฺราน] น. เทศกาลเนื่องในการขึ้นปีใหม่อย่างเก่า ซึ่งกําหนดตามสุริยคติ ปรกติตกวันที่ ๑๓๑๔๑๕ เมษายน วันที่ ๑๓ คือวันมหาสงกรานต์ วันที่ ๑๔ คือวันเนา และวันที่ ๑๕ คือวันเถลิงศก.(ส. สงฺกฺรานฺติ).
สงกรานต์ ๒
[กฺราน] น. ชื่อสัตว์พวกหนอนทะเล มีหลายวงศ์ เช่น วงศ์ Phyllodocidaeลำตัวยาวเป็นปล้อง แต่ละปล้องมีรยางค์สีรุ้ง ๑ คู่อยู่ข้างลำตัว อาศัยอยู่ในทะเล ช่วงประมาณเดือนเมษายนใกล้วันสงกรานต์จะพบอยู่ในบริเวณน้ำกร่อยหรือแม่น้ำลำคลองที่ติดต่อกับทะเลเพื่อผสมพันธุ์ จึงเรียกว่าตัวสงกรานต์.
สงกา
น. ความสงสัย. (ป. สงฺกา; ส. ศงฺกา).
สงโกจ
[โกด] (แบบ) ก. หดเข้า, สั้นเข้า; สยิ้ว, หน้านิ่วคิ้วขมวด. (ป. สงฺโกจ;ส. สํโกจ).
สงค์
น. ความข้องอยู่, ความเกี่ยวพัน, การติดอยู่. (ป. สงฺค; ส. สํค).
สงคร
[คอน] (แบบ) น. ความตกลง, สัญญา, ความผัดเพี้ยน. (ป. สงฺคร;ส. สํคร).
สงคราม
[คฺราม] น. การรบใหญ่ที่มีคนจำนวนมากต่อสู้ฆ่าฟันกัน, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น สงครามชีวิต สงครามปาก.(ส. สํคฺราม; ป. สงฺคาม).
สงครามกลางเมือง
น. สงครามระหว่างชนที่อาศัยอยู่ในประเทศเดียวกัน.
สงครามนิวเคลียร์
น. สงครามที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์.
สงครามเย็น
น. การต่อสู้ระหว่างประเทศต่อประเทศโดยไม่ใช้อาวุธแต่ใช้อํานาจอื่นแทน เช่น อำนาจทางการเมือง อำนาจทางเศรษฐกิจ.
สงครามโลก
น. สงครามใหญ่ที่มีประเทศมหาอำนาจเป็นคู่สงคราม.
สงเคราะห์
[เคฺราะ] น. การช่วยเหลือ, การอุดหนุน, เช่น ฌาปนกิจสงเคราะห์;การรวบรวม เช่น หนังสือนามสงเคราะห์. ก. อุดหนุน เช่น สงเคราะห์เด็กกำพร้า. (ส. สงฺคฺรห; ป. สงฺคห).
สงฆ์
น. ภิกษุ เช่น ของสงฆ์ พิธีสงฆ์, บางทีก็ใช้ควบกับคํา พระ หรือภิกษุ เป็น พระสงฆ์ หรือ ภิกษุสงฆ์ เช่น นิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ มีภิกษุสงฆ์มารับบิณฑบาตมาก, ลักษณนามว่ารูปหรือ องค์ เช่น ภิกษุสงฆ์ ๒ รูป พระสงฆ์ ๔ องค์; ภิกษุตั้งแต่ ๔รูปขึ้นไปร่วมกันทําสังฆกรรม แต่จํานวนภิกษุที่เข้าร่วมสังฆกรรมแต่ละอย่างไม่เท่ากัน คือในสังฆกรรมทั่ว ๆ ไป เช่น ในการสวดพิธีธรรม สวดอภิธัมมัตถสังคหะ ประกอบด้วยภิกษุ ๔ รูป เรียกว่าสงฆ์จตุรวรรค ในการรับกฐิน สวดพระปาติโมกข์ ปวารณากรรมและอุปสมบทในถิ่นที่ขาดแคลนภิกษุ ต้องประกอบด้วยภิกษุ ๕ รูปเรียกว่า สงฆ์ปัญจวรรค ในการอุปสมบทในถิ่นที่มีภิกษุมาก ต้องประกอบด้วยภิกษุ ๑๐ รูป เรียกว่า สงฆ์ทสวรรค และในการสวดอัพภานระงับอาบัติสังฆาทิเสส ต้องประกอบด้วยภิกษุ ๒๐ รูปเรียกว่า สงฆ์วีสติวรรค, ภิกษุที่เข้าร่วมสังฆกรรมดังกล่าว ถ้ามากกว่าจํานวนที่กําหนดจึงจะใช้ได้ ถ้าขาดจํานวนใช้ไม่ได้. (ป. สงฺฆ;ส. สํฆ).
สงบ
[สะหฺงบ] ก. ระงับ เช่น สงบจิตสงบใจ สงบสติอารมณ์ สงบศึก,หยุดนิ่ง เช่น คลื่นลมสงบ พายุสงบ, กลับเป็นปรกติ เช่น เหตุการณ์สงบแล้ว, ปราศจากสิ่งรบกวน เช่น จิตใจสงบ, ไม่กำเริบ เช่น อาการไข้สงบลง ภูเขาไฟสงบ, ไม่วุ่นวาย เช่น บ้านเมืองสงบปราศจากโจรผู้ร้าย.
สงบเงียบ
ก. ปราศจากเสียงรบกวน เช่น เด็ก ๆ ไม่อยู่บ้าน ทำให้บ้านสงบเงียบ.
สงบปากสงบคำ
ก. นิ่ง, ไม่พูด, เช่น เขาเป็นคนสงบปากสงบคำ, ไม่โต้เถียง เช่น สงบปากสงบคำเสียบ้าง อย่าไปต่อล้อต่อเถียงเขาเลย.
สงบราบคาบ
ก. เรียบร้อยปราศจากเสี้ยนหนามหรือความกระด้างกระเดื่องเช่น บ้านเมืองสงบราบคาบ.
สงบเสงี่ยม
ก. ระงับกิริยาวาจาด้วยความสุภาพเรียบร้อย เช่น เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว.
สงวน
[สะหฺงวน] ก. ถนอมรักษาไว้ เช่น เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์(โลกนิติ) สงวนมรดกของชาติ, หวงแหนไว้ เช่น สงวนเนื้อสงวนตัวสงวนลิขสิทธิ์ สงวนสิทธิ์. ว. ที่รักษาหวงแหนไว้ เช่น ป่าสงวน.
สงวนท่าที, สงวนทีท่า
ก. ไม่แสดงท่าทีให้ปรากฏชัดแจ้งเพื่อไม่ให้ผู้อื่นรู้ความคิดของตนเช่น เขาสงวนท่าทีไม่ยอมแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม, ระมัดระวังกิริยาวาจาไม่ให้ใครดูถูก เช่น ก่อนจะทักทายใคร ควรสงวนทีท่าไว้บ้าง.
สงวนท่าที, สงวนทีท่า
ก. ไม่แสดงท่าทีให้ปรากฏชัดแจ้งเพื่อไม่ให้ผู้อื่นรู้ความคิดของตนเช่น เขาสงวนท่าทีไม่ยอมแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม, ระมัดระวังกิริยาวาจาไม่ให้ใครดูถูก เช่น ก่อนจะทักทายใคร ควรสงวนทีท่าไว้บ้าง.
สงวนปากสงวนคำ
ก. พูดด้วยความระมัดระวัง, ระมัดระวังคำพูด, เช่น จะพูดจาอะไร รู้จักสงวนปากสงวนคำไว้บ้าง ผู้อื่นจะรู้ความคิด.
สงเษป
[เสบ] (แบบ) น. สังเขป เช่น สวมแสดงบันทึกสาร สงเษปไส้พ่อ. (ยวนพ่าย). (ส. สํเกฺษป; ป. สงฺเขป).
ส่งสการ
น. สังสการ.
สงสัย
ก. ไม่แน่ใจในข้อเท็จจริง เช่น สงสัยว่าทำดีจะได้ดีจริงหรือ, ลังเลเช่น เมื่อเดินไปถึงทาง ๒ แพร่ง สงสัยว่าจะไปทางไหนจึงจะถูก;ทราบไม่ได้แน่ชัด, เคลือบแคลง, เช่น สงสัยว่าคำตอบข้อไหนถูกสงสัยว่าเขาจะเป็นขโมย; เอาแน่ไม่ได้ เช่น สงสัยว่าเขาจะมาหรือไม่มา. (ป. สํสย; ส. สํศย).
สงสาร ๑, สงสาร
[สงสาน, สงสาระ] น. การเวียนว่ายตายเกิด, การเวียนตายเวียนเกิด;โลก. (ป., ส. สํสาร).
สงสาร ๑, สงสาร
[สงสาน, สงสาระ] น. การเวียนว่ายตายเกิด, การเวียนตายเวียนเกิด;โลก. (ป., ส. สํสาร).
สงสารทุกข์
น. ทุกข์ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด.
สงสารวัฏ
น. การเวียนว่ายตายเกิด, สังสารวัฏ หรือ วัฏสงสาร ก็ว่า.
สงสาร ๒
[สงสาน] ก. รู้สึกเห็นใจในความเดือดร้อนหรือความทุกข์ของผู้อื่น,รู้สึกห่วงใยด้วยความเมตตากรุณา, เช่น เห็นเด็ก ๆ อดอยากก็รู้สึกสงสาร เห็นเขาประสบอัคคีภัยแล้วสงสาร.
สงัด
[สะหฺงัด] ก. เงียบสงบ เช่น คลื่นสงัด ลมสงัด. ว. เงียบเชียบ,สงบเงียบเพราะปราศจากเสียงรบกวน, เช่น ดึกสงัด ยามสงัด.
สงัดคลื่น
ก. ไม่มีเสียงคลื่น.
สงัดคลื่นสงัดลม
ก. ไม่มีคลื่นไม่มีลม เช่น ทะเลสงัดคลื่นสงัดลม.
สงัดผู้สงัดคน
ก. เงียบเชียบเพราะไม่มีผู้คนผ่านไปมา.
สงัดลม
ก. ไม่มีลมพัด.
สง่า
[สะหฺง่า] ว. มีลักษณะผึ่งผายเป็นที่น่ายำเกรงหรือน่านิยมยกย่องเช่น ผู้นำจะต้องมีบุคลิกลักษณะสง่า, เป็นที่น่าเกรงขาม เช่นเสือโคร่งมีท่าทางสง่า.
สง่างาม
ว. มีท่าทางภูมิฐานแลดูงาม.
สง่าผ่าเผย
ว. มีท่าทางองอาจผึ่งผาย.
สง่าราศี
ว. มีท่าทางภูมิฐานผิวพรรณมีน้ำมีนวล.
สฐะ
(แบบ) ว. โกง, ล่อลวง; โอ้อวด. (ป.).
สณฑ์
(แบบ) น. ชัฏ, ดง, ที่รก, ที่ทึบ. (ป. สณฺฑ; ส. ษณฺฑ).
สด
ว. ใหม่ ใช้แก่ลักษณะของสิ่งต่าง ๆ ที่ได้มาหรือผลิตขึ้นใหม่ ๆ ยังไม่ทันเสื่อมหรือเสียคุณภาพของสิ่งนั้น คือ ไม่เหี่ยวแห้ง ซีดจางและอาจบริโภคหรือใช้ได้ดีในสภาพของขณะนั้น เช่น ไข่สด กุ้งสดปลาสด, มีอยู่หรือได้มาใหม่ ๆ เช่น ข่าวสด, ดิบ คือ ยังไม่สุกด้วยไฟไม่แห้งหรือหมักดองเป็นต้น เช่น น้ำพริกผักสด ผลไม้สด น้ำตาลสดเบียร์สด ขนมจีนแป้งสด.
สด ๆ, สด ๆ ร้อน ๆ
ว. หยก ๆ, ใหม่ ๆ, เร็ว ๆ นี้, ไว ๆ นี้, เช่น เขาเพิ่งจบการศึกษามาจากต่างประเทศสด ๆ ร้อน ๆ สินค้าเพิ่งผลิตออกจากโรงงานสด ๆร้อน ๆ; ซึ่ง ๆ หน้า เช่น เจ้าข้าเอ่ยบุคคลผู้ใดเลย ในโลกนี้ที่น่าจะเจรจาตลบเลี้ยวลดสด ๆ ร้อน ๆ เหมือนเจ้าพระยาเวสสันดรชีไพรเป็นว่าหามิได้นี้แล้วแล (เวสสันดร), โกหกสด ๆ ร้อน ๆ.
สด ๆ, สด ๆ ร้อน ๆ
ว. หยก ๆ, ใหม่ ๆ, เร็ว ๆ นี้, ไว ๆ นี้, เช่น เขาเพิ่งจบการศึกษามาจากต่างประเทศสด ๆ ร้อน ๆ สินค้าเพิ่งผลิตออกจากโรงงานสด ๆร้อน ๆ; ซึ่ง ๆ หน้า เช่น เจ้าข้าเอ่ยบุคคลผู้ใดเลย ในโลกนี้ที่น่าจะเจรจาตลบเลี้ยวลดสด ๆ ร้อน ๆ เหมือนเจ้าพระยาเวสสันดรชีไพรเป็นว่าหามิได้นี้แล้วแล (เวสสันดร), โกหกสด ๆ ร้อน ๆ.
สดคาว
ว. ดิบ ๆ และยังมีคาวอย่างปลาสดหรือเนื้อสด เช่น เขาชอบกินอาหารสดคาว, อาหารที่แสลงแก่โรค เช่น เป็นโรคริดสีดวงห้ามกินของสดคาว.
สดชื่น
ว. ใหม่และบริสุทธิ์ทำให้เบิกบานใจและกระปรี้กระเปร่าขึ้นเช่น จิตใจสดชื่น อากาศสดชื่น ดอกไม้บานสดชื่น ผิวพรรณสดชื่นหน้าตาสดชื่น.
สดใส
ว. ผ่องใส, ไม่ขุ่นมัว, เช่น หน้าตาสดใส สีสันสดใส.
สดก
[สะดก] (แบบ) น. หมวด ๑๐๐, จํานวนร้อย. (ป. สตก; ส. ศตก).
สดน, สดัน
[สะดน, สะ] (แบบ) น. เต้านม. (ส. สฺตน; ป. ถน).
สดน, สดัน
[สะดน, สะ] (แบบ) น. เต้านม. (ส. สฺตน; ป. ถน).
สดมภ์
[สะดม] น. เสา, หลัก; (คณิต) ช่องในแนวตั้งสําหรับกรอกรายการต่าง ๆ เช่น ตัวเลข สัญลักษณ์สูตร. (ส. สฺตมฺภ; ป. ถมฺภ).
สดับ
[สะดับ] ก. ตั้งใจฟัง เช่น สดับพระธรรมเทศนา, มักใช้เข้าคู่กับคําตรับฟัง เป็น สดับตรับฟัง; (วรรณ) ได้ยิน เช่น ถึงแม้ว่าจะสนิทนิทราก็ผวาเมื่อสดับศัพท์เสียงพี่. (วิวาหพระสมุท). (ข. สฎาบ่).
สดับตรับฟัง
ก. ฟังด้วยความเอาใจใส่ เช่น สดับตรับฟังพระธรรมเทศนา.
สดับปกรณ์
[สะดับปะกอน] ก. บังสุกุล (ใช้แก่ศพเจ้านาย). น. พิธีสวดมาติกาบังสุกุลเนื่องด้วยศพ ปัจจุบันใช้เฉพาะเจ้านาย. (ป. สตฺตปฺปกรณ;ส. สปฺตปฺรกรณ หมายถึง พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์).
สดำ
[สะ] ว. ขวา. (ข. สฺฎำ).
สดี
[สะ] น. นางที่มีความซื่อสัตย์ต่อสามี. (ส. สตี).
สดุดี
[สะ] น. คํายกย่อง, คําสรรเสริญ, (โดยปรกติใช้ในลักษณะเป็นพิธีการ), เช่น กล่าวสดุดีวีรกรรมของทหาร. (ส. สฺตุติ; ป. ถุติ).
สดูป
[สะดูบ] (แบบ) น. สถูป, สิ่งก่อสร้างซึ่งก่อไว้สําหรับบรรจุของควรบูชามีกระดูกแห่งบุคคลที่นับถือเป็นต้น, สตูป ก็ว่า.(ส. สฺตูป; ป. ถูป).
สต, สตะ ๑
[สะตะ] น. ร้อย (๑๐๐). (ป.; ส. ศต).
สต, สตะ ๑
[สะตะ] น. ร้อย (๑๐๐). (ป.; ส. ศต).
สตมาหะ
น. วันที่ครบ ๑๐๐.
สตะ ๒
ว. ระลึกได้, จําได้. (ป.; ส. สฺมฺฤต).
สตกะ
[สะตะ] น. หมวด ๑๐๐, จํานวนร้อย. (ป.).
สตน, สตัน
[สะตน, สะ] (แบบ) น. เต้านม. (ส. สฺตน; ป. ถน).
สตน, สตัน
[สะตน, สะ] (แบบ) น. เต้านม. (ส. สฺตน; ป. ถน).
สตภิสชะ, ศตภิษัช
[สะตะพิดชะ, สะตะพิสัด] น. ดาวฤกษ์ที่ ๒๔ มี ๔ ดวง เห็นเป็นรูปทิมทองหรือมังกร, ดาวพิมพ์ทอง หรือ ดาวยักษ์ ก็เรียก.
สตรอนเชียม
[สะตฺรอน] น. ธาตุลําดับที่ ๓๘ สัญลักษณ์ Sr เป็นโลหะลักษณะเป็นของแข็ง เนื้ออ่อน สีเหลืองอ่อน ไวต่อปฏิกิริยาเคมี หลอมละลายที่ ๗๕๒ ? ซ. (อ. strontium).
สตริกนิน
[สะตฺริก] น. สารประกอบอินทรีย์ประเภทแอลคาลอยด์ มีสูตรC21H22N2 O2 ลักษณะเป็นผลึกหรือผงสีขาว ละลายได้เล็กน้อยในนํ้าหลอมละลายที่ ๒๖๘ ? ๒๙๐ ? ซ. เป็นพิษอย่างแรง.(อ. strychnine).
สตรี
[สัดตฺรี] น. ผู้หญิง, เพศหญิง, คู่กับ บุรุษ, (ใช้ในลักษณะที่สุภาพ).(ส.; ป. อิตฺถี, ถี).
สตรีเพศ
น. เพศหญิง, คู่กับ บุรุษเพศ.
สตรีลิงค์, สตรีลึงค์
(ไว) น. เพศของคําที่เป็นเพศหญิง เช่น ย่า ยาย แม่ นารี,อิตถีลิงค์ ก็ว่า. (ส. สฺตรีลิงฺค; ป. อิตฺถีลิงฺค).
สตรีลิงค์, สตรีลึงค์
(ไว) น. เพศของคําที่เป็นเพศหญิง เช่น ย่า ยาย แม่ นารี,อิตถีลิงค์ ก็ว่า. (ส. สฺตรีลิงฺค; ป. อิตฺถีลิงฺค).
สตันย์
[สะ] (แบบ) น. นํ้านม. (ส.; ป. ถ?ฺ?).
สตัพธ์
[สะตับ] (แบบ) ว. แข็งกระด้าง, เย่อหยิ่ง. (ส. สฺตพฺธ; ป. ถทฺธ).
สตัฟฟ์
[สะ] น. การนําวัสดุบางอย่างบรรจุในโครงหนังสัตว์ซึ่งผ่านกรรมวิธีทางเคมีสําหรับรักษาไม่ให้เน่าเปื่อยแล้วตกแต่งให้ดูเหมือนสัตว์จริง. (อ. stuff).
สตัมภ์
[สะ] (แบบ) น. เสา, หลัก; เครื่องคํ้าจุน. (ส. สฺตมฺภ, สฺตมฺพ; ป. ถมฺภ).
สตางค์
[สะตาง] น. เหรียญกระษาปณ์ปลีกย่อย ๑๐๐ สตางค์ เป็น๑ บาท, อักษรย่อว่า สต., โดยปริยายหมายถึงเงินที่ใช้สอยเช่น วันนี้ไม่มีสตางค์ติดตัวมาเลย เขาเป็นคนมีสตางค์; ชื่อมาตราชั่งตามวิธีประเพณีสําหรับกําหนดนํ้าหนักเท่ากับเงินหนัก ๐.๑๕ กรัม; (โบ) มาตราวัดน้ำฝนเท่ากับ ๑ ใน ๑๐ของทศางค์.
สติ
[สะติ] น. ความรู้สึก, ความรู้สึกตัว, เช่น ได้สติ ฟื้นคืนสติ สิ้นสติ,ความรู้สึกผิดชอบ เช่น มีสติ ไร้สติ, ความระลึกได้ เช่น ตั้งสติกำหนดสติ. (ป.; ส. สฺมฺฤติ).
สติแตก
ก. ควบคุมสติไม่ได้.
สติปัญญา
น. ปัญญารอบคอบ, ปัญญารู้คิด, เช่น เขาเป็นคนมีสติปัญญาดี.
สติปัฏฐาน
น. ชื่อธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งสติ ๔ อย่าง คือ กาย เวทนา จิตธรรม. (ป.).
สติฟั่นเฟือน
ว. คุ้มดีคุ้มร้าย.
สติไม่ดี
ว. บ้า ๆ บอ ๆ; หลง ๆ ลืม ๆ เช่น หมู่นี้สติไม่ดี ทำงานผิดพลาดบ่อย ๆ.
สติลอย
ว. เหม่อ, เผลอสติ, เช่น เขาเดินสติลอยเลยถูกรถชน.
สติวินัย
น. วิธีระงับอนุวาทาธิกรณ์ของสงฆ์โดยไม่ต้องพิจารณาเพียงแต่สวดกรรมวาจาประกาศความไม่มีโทษของจําเลยไว้ซึ่งเรียกว่า ให้สติวินัย แล้วยกฟ้องของโจทก์เสีย. (ป.).
สติวิปลาส
[วิปะลาด] ว. มีสติฟั่นเฟือนคล้ายคนบ้า, สัญญาวิปลาส ก็ว่า.
สติสัมปชัญญะ
น. ความระลึกได้และความรู้ตัว, ความรู้สึกตัวด้วยความรอบคอบ, เช่น จะทำอะไรต้องมีสติสัมปชัญญะ.
สติอารมณ์
น. ความคิดที่ฟุ้งซ่าน เช่น สงบสติอารมณ์เสียบ้าง อย่าคิดมากไปเลย. (ป.).
สตี
[สะ] น. นางที่มีความซื่อสัตย์ต่อสามี; ธรรมเนียมที่ผู้หญิงชาวฮินดูเผาตัวบนกองไฟพร้อมกับศพสามีเพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและความบริสุทธิ์. (ส.).
สตู
[สะ] น. อาหารคาวชนิดหนึ่ง นำเนื้อหรือไก่เป็นต้นเคี่ยวในน้ำสต๊อกให้นุ่มด้วยไฟอ่อน ๆ ใส่ผัก เช่น มะเขือเทศ ถั่วแขกมันฝรั่ง มีน้ำข้น. (อ. stew).
สตูป
[สะตูบ] (แบบ) น. สถูป, สิ่งก่อสร้างซึ่งก่อไว้สําหรับบรรจุของควรบูชามีกระดูกแห่งบุคคลที่นับถือเป็นต้น, สดูป ก็ว่า.(ส.; ป. ถูป).
สเต๊ก
[สะ] น. ชื่ออาหารคาวชนิดหนึ่งตามแบบตะวันตก ทำด้วยเนื้อสันหรือปลาเป็นต้น หั่นชิ้นใหญ่ ๆ มักปรุงรส แล้วนำไปย่างหรือทอดกินกับมันฝรั่งทอด บด หรือต้ม และผักบางชนิดใส่เครื่องปรุงรสตามชอบ. (อ. steak).
สถน
[สะถน] (แบบ) น. เต้านม. (ส. สฺตน; ป. ถน).
สถบดี
[สะถะบอดี] (แบบ) น. ช่างก่อสร้าง, ช่างไม้. (ส. สฺถปติ; ป. ถปติ).
สถล, สถล
[สะถน, สะถนละ] น. ที่บก, ที่ดอน, ที่สูง. (ส.; ป. ถล).
สถล, สถล
[สะถน, สะถนละ] น. ที่บก, ที่ดอน, ที่สูง. (ส.; ป. ถล).
สถลทิน
น. ชื่อสถานที่สําหรับทําพิธีเกี่ยวกับรับช้างเผือก ทําเป็นเนินดินมีเสาโครงเพดานผ้าขาวเป็นที่หุงข้าวเภาและปักต้นอ้อย.
สถลบถ, สถลมารค
น. ทางบก เช่น กระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค. (ส.).
สถลบถ, สถลมารค
น. ทางบก เช่น กระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค. (ส.).
สถวีระ
[สะถะวีระ] (แบบ) น. พระเถระ; ชื่อนิกายหนึ่งของฝ่ายเถรวาทเรียกว่านิกายสถวีระ หรือ สถีรวาท. (ส. สฺถวิร ว่า ผู้ใหญ่,ผู้สูงอายุ; ป. เถร).
สถาน ๑
[สะถาน] น. ที่ตั้ง เช่น สถานเสาวภา สถานพยาบาล สถานพักฟื้น สถานบริบาลทารก, ถ้าใช้ประกอบคำอื่นหมายถึง ที่,แหล่ง, เช่น โบราณสถาน ศาสนสถาน ฌาปนสถาน ปูชนียสถานสังเวชนียสถาน; ประการ เช่น มีความผิดหลายสถาน. (ส.; ป. ?าน).
สถานกงสุล
น. ที่ทำการของกงสุล.
สถานที่
น. ที่ตั้ง, แหล่ง, เช่น สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ตากอากาศสถานที่พักผ่อนย่อนใจ.
สถานทูต
น. ที่ทำการของทูต.
สถานธนานุเคราะห์
น. โรงรับจำนำของกรมประชาสงเคราะห์.
สถานธนานุบาล
น. โรงรับจำนำของกรุงเทพมหานคร, โรงรับจำนำของเทศบาล.
สถานบริการ
(กฎ) น. สถานที่ที่ตั้งขึ้นเพื่อให้บริการโดยหวังประโยชน์ในการค้าดังต่อไปนี้ (๑) สถานเต้นรำ รำวง หรือรองเง็ง ประเภทที่มีและประเภทที่ไม่มีหญิงพาตเนอร์บริการ (๒) สถานที่ที่มีอาหาร สุราน้ำชาหรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่ายและบริการ โดยมีหญิงบำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้า หรือโดยมีที่สำหรับพักผ่อนหลับนอนหรือมีบริการนวดให้แก่ลูกค้า (๓) สถานอาบน้ำ นวด หรืออบตัว ซึ่งมีผู้บริการให้แก่ลูกค้า (๔) สถานที่ที่มีอาหาร สุรา น้ำชา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่ายโดยจัดให้มีการแสดงดนตรี หรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง.
สถานประกอบการ
(กฎ) น. สถานที่ซึ่งผู้ประกอบการใช้ประกอบกิจการเป็นประจำและหมายความรวมถึงสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจำด้วย.
สถาน ๒, สถานะ
[สะถานะ] น. ความเป็นไป, ความเป็นอยู่, เช่น เขาอยู่ในสถานะยากไร้ เศรษฐกิจของประเทศไทยมีสถานะมั่นคง น้ำมีสถานะปรกติเป็นของเหลว.
สถาน ๒, สถานะ
[สะถานะ] น. ความเป็นไป, ความเป็นอยู่, เช่น เขาอยู่ในสถานะยากไร้ เศรษฐกิจของประเทศไทยมีสถานะมั่นคง น้ำมีสถานะปรกติเป็นของเหลว.
สถานการณ์
น. เหตุการณ์ที่กําลังเป็นไป เช่น สถานการณ์บ้านเมืองเป็นปรกติดี.
สถานการณ์ฉุกเฉิน
(กฎ) น. สถานการณ์อันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือความปลอดภัยแห่งราชอาณาจักร หรืออันอาจทำให้ประเทศตกอยู่ในภาวะคับขัน หรือภาวะการรบหรือการสงคราม.
สถานภาพ
น. ฐานะ เช่น ราชบัณฑิตยสถานมีสถานภาพเป็นแหล่งค้นคว้าและบำรุงสรรพวิชา; ตําแหน่งหรือเกียรติยศของบุคคลที่ปรากฏในสังคม เช่น เขามีสถานภาพเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดี;สิทธิหน้าที่ตามบทบาทของบุคคล เช่น เขามีสถานภาพทางครอบครัวเป็นบิดา.
สถานี
[สะถานี] น. หน่วยที่ตั้งเป็นที่พักหรือที่ทําการ เช่น สถานีตํารวจ สถานีรถไฟ สถานีตรวจอากาศ สถานีขนส่ง; ฐานส่งกำลังบำรุงของกองทัพเรือที่ประจำอยู่บนบก มีฐานใหญ่ ๆ๓ แห่ง เรียกว่าสถานีทหารเรือ คือ สถานีทหารเรือกรุงเทพสถานีทหารเรือสงขลาสถานีทหารเรือพังงา, ฐานส่งกำลังบำรุงหน่วยย่อยสำหรับการปฏิบัติการตามลำแม่น้ำโขงเรียกว่า สถานีเรือ เช่น สถานีเรือ อำเภอเชียงคาน สถานีเรืออำเภอโขงเจียม สถานีเรืออำเภอธาตุพนม; ตำแหน่งของเรือขณะอยู่ในรูปกระบวน เช่น เรือ ก รักษาสถานีทางขวาของเรือ ข ระยะ ๕๐๐ หลา; ที่ที่กำหนดให้ทหารเรือประจำเพื่อปฏิบัติการตามภารกิจต่าง ๆ เช่น สถานีรบ สถานีจอดเรือ สถานีออกเรือ สถานีช่วยคนตกน้ำ สถานีรับส่งสิ่งของทางทะเล; ที่ที่มีหน่วยปฏิบัติการเฉพาะ เช่น สถานีสื่อสารดาวเทียม สถานีสมุทรศาสตร์สถานีตรวจอากาศ.
สถานีอนามัย
น. สถานบริการสาธารณสุขที่ไม่มีแพทย์ประจำ ให้บริการสาธารณสุขทุกสาขาและส่งเสริมป้องกันด้านอนามัยแก่ประชาชนในระดับตำบลและหมู่บ้าน, เดิมเรียกว่า สุขศาลา.
สถาบก
[สะ] (โบ) ก. สร้าง. (จารึกสยาม). (ส. สฺถาปก ว่า ผู้ตั้ง, ผู้สร้าง).
สถาบัน
[สะ] (สังคม) น. สิ่งซึ่งคนในส่วนรวม คือ สังคม จัดตั้งให้มีขึ้นเพราะเห็นประโยชน์ว่ามีความต้องการและจําเป็นแก่วิถีชีวิตของตน เช่น สถาบันครอบครัว สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์สถาบันการศึกษา สถาบันการเมือง สถาบันการเงิน. (ส.).
สถาปนา
[สะถาปะนา] ก. ยกย่องโดยแต่งตั้งให้สูงขึ้นเช่นเลื่อนเจ้านายให้สูงศักดิ์ขึ้น หรือยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง, ตั้งขึ้น (มักใช้แก่หน่วยราชการหรือองค์การที่สําคัญ ๆ ในระดับกระทรวง ทบวงมหาวิทยาลัย)เช่น วันสถาปนากระทรวงมหาดไทย วันสถาปนาราชบัณฑิตยสถานวันสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (ส. สฺถาปน; ป. ?าปน).
สถาปนิก
[สะถาปะ] น. ผู้ทรงคุณวุฒิในการสร้างสรรค์ทางออกแบบก่อสร้าง. (ส.).
สถาปนียพยากรณ์
[นียะ] น. การจําแนกธรรมหรือพยากรณ์ปัญหาธรรมโดยอาการนิ่ง.
สถาปนียวาที
[นียะ] น. ผู้จําแนกธรรมหรือพยากรณ์ปัญหาธรรมโดยการนิ่ง.
สถาปัตยกรรม
[สะถาปัดตะยะกํา] น. ศิลปะและวิทยาเกี่ยวกับงานก่อสร้างที่ประกอบด้วยศิลปลักษณะ. (ส. สฺถาปตฺย + กรฺมนฺ).
สถาปัตยกรรมศาสตร์
[สะถาปัดตะยะกำมะสาด] น. วิชาว่าด้วยการออกแบบงานก่อสร้างที่ประกอบด้วยศิลปลักษณะ.
สถาปัตยเรขา
[สะถาปัดตะยะ] น. แบบร่างหรือต้นแบบการออกแบบก่อสร้าง.
สถาปัตยเวท
[สะถาปัดตะยะเวด] น. วิชาการก่อสร้าง เป็นสาขาหนึ่งของ อุปเวท.(ส. สฺถาปตฺย + เวท). (ดู อุปเวท ประกอบ).
สถาพร, สถาวร
[สะถาพอน, วอน] ว. ยืนยง, มั่นคง, เช่น ขอให้มีความสุขสถาพรสถิตสถาพร. (ส. สฺถาวร; ป. ถาวร).
สถาพร, สถาวร
[สะถาพอน, วอน] ว. ยืนยง, มั่นคง, เช่น ขอให้มีความสุขสถาพรสถิตสถาพร. (ส. สฺถาวร; ป. ถาวร).
สถาล
[สะถาน] (แบบ) น. ภาชนะใส่ของ, จาน, ชาม. (ส. สฺถาล; ป. ถาล).
สถิต
[สะถิด] ก. อยู่, ยืนอยู่, ตั้งอยู่, (ใช้เป็นคํายกย่องแก่สิ่งหรือบุคคลที่อยู่ในฐานะสูง) เช่น พระเจ้าสถิตบนสวรรค์ พระมหากษัตริย์สถิตบนพระที่นั่งสมเด็จพระสังฆราชสถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร.(ส. สฺถิต; ป. ??ต).
สถิตยศาสตร์
[สะถิดตะยะ] น. วิชากลศาสตร์แขนงหนึ่ง ซึ่งว่าด้วยแรงที่กระทําต่อเทหวัตถุซึ่งเป็นของแข็ง โดยที่เทหวัตถุนั้น ๆ หยุดนิ่งอยู่กับที่.(อ. statics).
สถิติ
[สะ] น. หลักฐานที่รวบรวมเอาไว้เป็นตัวเลขสําหรับเปรียบเทียบหรือใช้อ้างอิง เช่น สถิติในการส่งสินค้าออกปีนี้สูงกว่าปีที่แล้ว.(ส. สฺถิติ; ป. ??ติ).
สถิติศาสตร์
น. วิชาว่าด้วยสถิติ. (อ. statistics).
สถิร
[สะถิระ] ว. มั่นคง, แข็ง, แข็งแรง. (ส. สฺถิร; ป. ถิร).
สถีรวาท
[สะถีระวาด] (แบบ) น. ชื่อนิกายหนึ่งของฝ่ายเถรวาท เรียกว่านิกายสถีรวาท หรือ สถวีระ.
สถุล
[สะถุน] ว. หยาบ, ตํ่าช้า, เลวทราม, (ใช้เป็นคำด่า), เช่น เลวสถุล,มักใช้เข้าคู่กับคำ ไพร่ เป็น ไพร่สถุล. (ส. สฺถูล ว่า อ้วน, หยาบ;ป. ถูล).
สถูป
[สะถูบ] น. สิ่งก่อสร้างที่มีรูปโอคว่ำซึ่งก่อไว้สำหรับบรรจุของควรบูชามีกระดูกของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เป็นต้น,บางทีใช้เข้าคู่กับคำ เจดีย์ เป็น สถูปเจดีย์ เช่น เดินเวียนเทียนรอบพระสถูปเจดีย์. (แบบ) สดูป, สตูป. (ป. ถูป; ส. สฺตูป).
สทิง
[สะ] น. แม่น้ำ, ใช้ว่า จทึง ฉทึง ชทึง ชรทึง สทึง หรือ สรทึง ก็มี.(ข. สฺทึง ว่า คลอง).
สทึง
[สะ] น. แม่นํ้า, ใช้ว่า จทึง ฉทึง ชทึง ชรทึง สทิง หรือ สรทึง ก็มี.(ข. สฺทึง ว่า คลอง).
สทุม
[สะ] น. เรือน. (ป.; ส. สทฺมนฺ).
สธนะ
[สะทะนะ] ว. มีเงิน, รํ่ารวย. (ป., ส.).
สธุสะ, สาธุสะ
คําเปล่งขึ้นก่อนกล่าวคําอื่น เพื่อขอความสวัสดิมงคลอย่างเดียวกับคํา ศุภมัสดุ.
สธุสะ, สาธุสะ
คําเปล่งขึ้นก่อนกล่าวคําอื่น เพื่อขอความสวัสดิมงคลอย่างเดียวกับคํา ศุภมัสดุ.
สน ๑
น. ชื่อไม้ต้นหลายชนิดหลายสกุลในหลายวงศ์ เช่น สนสองใบหรือ เกี๊ยะเปลือกหนา (Pinus merkusii Jungh. de Vriese),สนสามใบ หรือ เกี๊ยะเปลือกบาง (P. kesiya Royle ex Gordon)ในวงศ์ Pinaceae, ทั้ง ๒ ชนิดนี้ สนเขา ก็เรียก, พายัพเรียกจ๋วง; สนหางกระรอก (Dacrydium elatum Blume) ในวงศ์Cupressaceae; สนฉําฉา หรือ สนญี่ปุ่น [Podocarpusmacrophyllus (Thunb.) D. Don] ในวงศ์ Podocarpaceae;สนทราย หรือ สนสร้อย (Baeckea frutescens L.) ในวงศ์Myrtaceae สนทะเล (Casuarina equisetifolia J.R. et G.Forst.) ในวงศ์ Casuarinaceae.
สนแผง, สนหางสิงห์
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Thuja orientalis L. ในวงศ์ Cupressaceaeใบเป็นแผง ใบและเมล็ดใช้ทํายาได้.
สนแผง, สนหางสิงห์
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Thuja orientalis L. ในวงศ์ Cupressaceaeใบเป็นแผง ใบและเมล็ดใช้ทํายาได้.
สน ๒
ก. ร้อยด้วยเชือกหรือด้ายเป็นต้น เช่น สนเข็ม สนตะพาย.
สนเข็ม
ก. ร้อยด้ายหรือไหมเป็นต้นเข้าไปในรูเข็ม.
สนตะพาย
ก. กิริยาที่เอาเชือกร้อยช่องจมูกวัวควายที่เจาะ ซึ่งเรียกว่าตะพาย, ใช้โดยปริยายแก่คนว่า ถูกสนตะพาย หรือ ยอมให้เขาสนตะพายหมายความว่า ถูกบังคับให้ยอมทําตามด้วยความจําใจ ความหลง หรือความโง่เขลาเบาปัญญา.
ส้น
น. ส่วนท้ายของเท้า เช่น อย่าเดินลงส้น รองเท้ากัดส้น, เรียกเต็มว่าส้นเท้า, ส่วนท้ายของบางสิ่งบางอย่าง เช่น ส้นปืน.
ส้นตีน
(ปาก) น. ส้นเท้า, (มักใช้เป็นคำด่า).
ส้นตีนส้นมือ, ส้นมือส้นตีน
(ปาก) ว. ไร้สาระ, ไม่มีแก่นสาร, เช่น เรื่องส้นมือส้นตีนเท่านี้ก็ต้องมาฟ้องด้วย, ใช้เป็นคำด่า.
ส้นตีนส้นมือ, ส้นมือส้นตีน
(ปาก) ว. ไร้สาระ, ไม่มีแก่นสาร, เช่น เรื่องส้นมือส้นตีนเท่านี้ก็ต้องมาฟ้องด้วย, ใช้เป็นคำด่า.
ส้นมือ
น. ส่วนท้ายของฝ่ามือ.
ส้นรองเท้า
น. ส่วนล่างตอนท้ายของรองเท้าที่รองรับส้น.
สนใจ
ก. ตั้งใจจดจ่ออยู่กับสิ่งใดเรื่องใดเป็นพิเศษ เช่น เขาสนใจวิชาคณิตศาสตร์มาก, ใฝ่ใจใคร่รู้ใคร่เห็นเป็นต้น เช่น เขาสนใจการเมืองมาตั้งแต่เด็ก.
สนเดก
(แบบ) น. สํานัก. (ป. สนฺติก).
สนทนา
[สนทะ] ก. คุยกัน, ปรึกษาหารือกัน, พูดจาโต้ตอบกัน, เช่นสนทนาปัญหาบ้านเมือง สนทนาสารทุกข์สุกดิบ. ว. ที่คุยกัน,ที่ปรึกษาหารือกัน, ที่พูดจาโต้ตอบกัน, เช่น บทสนทนาในนวนิยาย บทสนทนาภาษาอังกฤษ. (เทียบ ป. สํสนฺทนา ว่าการเทียบเคียง, การเปรียบเทียบ).
สนทรรศ
[ทัด] น. ภาพ, สิ่งที่ปรากฏ. (ส. สํ + ทรฺศ).
สนทรรศน์
[ทัด] น. การดู, การจ้องดู, การแลเห็น. (ส. สํ + ทรฺศน).
สนทิศ
ก. ชี้แจง, สั่ง, บอกกล่าว, ประกาศ. (ส. สํ + ทิศ).
สนเทศ
น. คําสั่ง, ข่าวสาร, ใบบอก. (ส.; ป. สนฺเทส).
สนเท่ห์
ก. สงสัย, ฉงน, ไม่แน่ใจ, เช่น รู้สึกสนเท่ห์, มักใช้เข้าคู่กับคำฉงน เป็น ฉงนสนเท่ห์. (ป., ส. สนฺเทห).
สนธยา
[สนทะ] น. เวลาโพล้เพล้พลบคํ่า, บางทีใช้ว่า ยํ่าสนธยา;ช่วงเวลาที่ต่อระหว่างกลางวันกับกลางคืน คือเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตก. (ส.).
สนธิ
น. ที่ต่อ, การติดต่อ; การเอาศัพท์ตั้งแต่ ๒ ศัพท์ขึ้นไปมาเชื่อมเสียงให้กลมกลืนกันตามหลักที่ได้มาจากไวยากรณ์บาลีและสันสกฤต เช่น พจน + อนุกรม เป็นพจนานุกรมราช + อุปถัมภ์ เป็น ราชูปถัมภ์ นว + อรห + อาทิ + คุณเป็น นวารหาทิคุณ. (ป., ส.).
สนธิสัญญา
น. หนังสือสัญญาที่สําคัญยิ่งและทําเป็นตราสารสมบูรณ์แบบ, ความตกลงระหว่างประเทศ; หนังสือสัญญาที่ทําขึ้นระหว่างประเทศเอกราชตั้งแต่ ๒ ประเทศขึ้นไป. (อ. treaty).
สนธิอลงกต
[อะลงกด] น. โคลงนาคพันธ์.
สนน
[สะหฺนน] น. ถนน.
สนนราคา
[สะหฺนน] น. ราคา.
สนม ๑
[สะหฺนม] น. เจ้าจอมมารดาหรือเจ้าจอมอยู่งานซึ่งทรงพระเมตตายกย่องขึ้นเป็นชั้นสูง โดยได้รับพระราชทานหีบหมากทองคำลงยาราชาวดี เรียกว่า พระสนม. (ข. สฺนํ).
สนมเอก
น. เจ้าจอมมารดาที่ได้รับพระราชทานพานทองเพิ่มจากหีบหมากทองคำลงยาราชาวดี เรียกว่า พระสนมเอก ในสมัยโบราณมี ๔ ตำแหน่ง คือ ท้าวอินสุเรนทร์ ท้าวศรีสุดาจันทร์ท้าวอินทรเทวีและท้าวศรีจุฬาลักษณ์.
สนม ๒
[สะหฺนม] น. ข้าราชการในพระราชสํานักทําหน้าที่เกี่ยวกับพิธีศพทําสุกําศพหีบ จัดดอกไม้ ดูแลรักษาเครื่องนมัสการโกศ หีบเป็นต้น เรียกว่า เจ้าพนักงานสนมพลเรือน. (ข. สฺนุํ).
สนม ๓
[สะหฺนม] (โบ) น. เขตพระราชฐานซึ่งเป็นที่กักบริเวณผู้มีฐานันดรศักดิ์แห่งราชวงศ์หรือข้าทูลละอองธุลีพระบาทชั้นผู้ใหญ่โดยอยู่ในความควบคุมดูแลของพวกสนม, เรียกลักษณะที่ถูกกักบริเวณเช่นนั้นว่าติดสนม.
สนวน
[สะหฺนวน] ดู ฉนวน ๔.
สนอง
[สะหฺนอง] ก. ทำตามที่ได้รับคำสั่งหรือคำขอร้องเป็นต้น เช่นสนองโครงการในพระราชดำริ สนองนโยบายของรัฐบาล; โต้ตอบ เช่นกรรมตามสนอง, ตอบรับการเสนอ เช่น เสนอขายสนองซื้อ. (ข. สฺนง).
สนองไข
ก. กล่าวตอบ, อธิบาย.
สนองได
(ราชา) น. ไม้เกาหลัง.
สนอบ
[สะหฺนอบ] (โบ) น. เสื้อที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานใช้นุ่งห่มเฉพาะในพระราชพิธี โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือในเวลารับแขกเมือง เป็นต้น. (ข. สฺนบ ว่า ผ้าห่อศพ).
สนอม
[สะหฺนอม] ก. ถนอม.
สนะ
[สะหฺนะ] น. เสื้อ; เครื่องสอบสวน; หนัง. ก. เย็บ, ชุน, ปัก.
สนัด
[สะหฺนัด] ก. ถนัด, สันทัด, มั่นเหมาะ. ว. ชัด, แม่นยํา.
สนัดใจ
ว. ถนัดใจ.
สนั่น
[สะหฺนั่น] ว. กึกก้อง, ดังลั่น, ดังมาก, เช่น ฟ้าผ่าเสียงดังสนั่น.
สนับ ๑
[สะหฺนับ] น. เสื้อ; เครื่องสวม; เครื่องรองอย่างเครื่องรองมือของช่างเย็บเพื่อกันเข็มแทงมือเป็นต้น. ก. ทาบ, ซ้อน, เช่นหญ้าที่โทรมทับหญ้าที่ขึ้นใหม่อีก เรียกว่า ตกสนับ.
สนับแข้ง
น. เครื่องสวมแข้ง.
สนับงา
น. เนื้อหุ้มที่โคนงาช้าง.
สนับนิ้ว, สนับนิ้วมือ
น. ปลอกโลหะสวมปลายนิ้วมือสําหรับดุนก้นเข็มเพื่อไม่ให้เจ็บนิ้วมือ.
สนับนิ้ว, สนับนิ้วมือ
น. ปลอกโลหะสวมปลายนิ้วมือสําหรับดุนก้นเข็มเพื่อไม่ให้เจ็บนิ้วมือ.
สนับเพลา
[เพฺลา] น. กางเกงชั้นในมีขายาวประมาณครึ่งแข้งแล้วนุ่งผ้าโจงกระเบนทับอย่างตัวละคร, (ราชา) พระสนับเพลา.
สนับมือ
น. เครื่องรองใบลานเพื่อจารหนังสือได้ถนัด; เครื่องสวมมือมักทําด้วยทองเหลืองเป็นรูปเหมือนแหวน ๔ วงติดกันสําหรับสวมนิ้วมือเวลาชก.
สนับ ๒, สนับทึบ
น. ชื่อสัตว์นํ้าเค็มไม่มีกระดูกสันหลังในสกุล Lepas วงศ์Lepadidae, เพรียงคอห่าน ก็เรียก.
สนับ ๒, สนับทึบ
น. ชื่อสัตว์นํ้าเค็มไม่มีกระดูกสันหลังในสกุล Lepas วงศ์Lepadidae, เพรียงคอห่าน ก็เรียก.
สนับสนุน
ก. ส่งเสริม, ช่วยเหลือ, อุปการะ, เช่น สนับสนุนการกีฬาสนับสนุนการศึกษา.
สนาดก
[สะนา] (แบบ) น. ผู้ได้รับนํ้าสรงในพิธีสนานหลังจากจบการศึกษาแล้วซึ่งตามคติชีวิตของชาวฮินดูถือเป็นการสิ้นสุดชีวิตขั้นที่ ๑ ในอาศรม ๔ คือ พรหมจารี และย่างเข้าขั้นที่ ๒ คือคฤหัสถ์. (ส. สฺนาตก; ป. นหาตก).
สนาน
[สะหฺนาน] น. การอาบนํ้า. (ส. สฺนาน; ป. นหาน).
สนาบก
[สะนา] น. คนที่มีหน้าที่อาบนํ้าให้ผู้อื่น. (ส. สฺนาปก; ป. นหาปก).
สนาบัน
[สะนา] น. การอาบนํ้า, การอาบนํ้าให้ผู้อื่น. (ส.; ป. นหาปน).
สนาม
[สะหฺนาม] น. ลาน, ที่ว่าง, ที่โล่ง, ที่เล่น, เช่น เขานั่งอยู่ริมสนามเด็ก ๆ วิ่งเล่นในสนาม, ที่สำหรับเล่นหรือแข่งขันกีฬาต่าง ๆ เช่นสนามฟุตบอล สนามกอล์ฟ สนามชนวัว.
สนามกีฬา
น. สถานที่สำหรับฝึกซ้อมหรือแข่งขันกีฬา.
สนามเด็กเล่น
น. สถานที่ที่จัดให้เด็กเล่น มักมีอุปกรณ์การเล่น เช่น ชิงช้า ไม้ลื่น.
สนามบิน
น. (กฎ) พื้นที่ที่กำหนดไว้บนพื้นดินหรือน้ำสำหรับใช้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเพื่อการขึ้นลงหรือเคลื่อนไหวของอากาศยานรวมตลอดถึงอาคาร สิ่งติดตั้งและบริภัณฑ์ซึ่งอยู่ภายในสนามบินนั้น; (ปาก) ท่าอากาศยาน.
สนามบินอนุญาต
(กฎ) น. สนามบินที่บุคคลได้รับอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศและสนามบินที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมประกาศกำหนด.
สนามเพลาะ
น. คูที่ขุดกำบังตัวในเวลารบ.
สนามไฟฟ้า
(วิทยา) น. บริเวณที่มีอำนาจไฟฟ้า, บริเวณที่มีเส้นแรงไฟฟ้าผ่าน.
สนามแม่เหล็ก
(วิทยา) น. บริเวณที่มีอำนาจแม่เหล็ก, บริเวณที่มีเส้นแรงแม่เหล็กผ่าน.
สนามรบ
น. บริเวณที่คู่สงครามต่อสู้กัน เช่น เขาได้ผ่านสนามรบมามากแล้ว.
สนามวัด
น. สถานที่ที่สำนักเรียนพระปริยัติธรรมแต่ละสำนักได้กำหนดให้เป็นที่ทดสอบบาลีก่อนที่จะส่งเข้าสอบบาลีสนามหลวง.
สนามสอบ
น. สถานที่สำหรับจัดสอบไล่หรือสอบคัดเลือก.
สนามหลวง
น. สถานซึ่งกําหนดให้เป็นที่สอบไล่นักธรรมและบาลีในคำว่า สอบธรรมสนามหลวง สอบบาลีสนามหลวง.
สนายุ
[สะนา] (แบบ) น. เอ็น. (ส. สฺนายุ).
สนิกะ
[สะนิกะ] (แบบ) ว. ค่อย ๆ, เบา ๆ. (ป.).
สนิท
[สะหฺนิด] ว. อย่างใกล้ชิด, ชิดชอบ, เช่น เพื่อนสนิท คนสนิทเขาสนิทกันมาก, แนบชิด เช่น เข้าปากไม้ได้สนิท; กลมกล่อม,กลมกลืน, ในลักษณะที่เข้ากันได้ดีไม่มีอะไรบกพร่อง ซึ่งดูประหนึ่งว่าเป็นเนื้อเดียวหรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เช่น ประตูปิดสนิท สีเข้ากันสนิทเป็นเนื้อเดียวกัน ผนังห้องแต่ละด้านแม้จะทาสีต่างกันแต่สีก็เข้ากันได้สนิท; อย่างแท้จริง หรือทั้งหมดโดยไม่มีอะไรแทรกหรือเจือปน เช่น มะปรางหวานสนิท เชื่อสนิทตีหน้าสนิท. (ป. สินิทฺธ ว่า เสน่หา, รักใคร่; ส. สฺนิคฺธ).
สนิทใจ
ว. ไม่มีอะไรต้องแคลงใจหรือสงสัย เช่น เชื่ออย่างสนิทใจ,ถ้าใช้ในความปฏิเสธว่า ไม่สนิทใจ หมายความว่า มีลักษณะพึงรังเกียจ เช่น พื้นสกปรกนั่งแล้วไม่สนิทใจ ผ้าเช็ดมือในห้องน้ำรวมใช้ได้ไม่สนิทใจเลย.
สนิทปาก
ว. ไม่รู้สึกกระดากใจหรือตะขิดตะขวงใจ เช่น พูดเท็จได้สนิทปาก พูดคำหยาบโลนได้สนิทปาก, สนิทปากสนิทคอ ก็ว่า.
สนิทสนม
ก. ชอบพอ, คุ้นเคยกันดี, เช่น สองคนนี้สนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก. ว. แนบเนียน เช่น เขาพูดเท็จได้อย่างสนิทสนมเขาชำระแผลให้คนเป็นโรคเรื้อนได้อย่างสนิทสนมโดยไม่รังเกียจ.
สนิธ
[สะหฺนิด] (โบ) ว. สนิท.
สนิม ๑
[สะหฺนิม] น. ส่วนของผิวโลหะที่แปรสภาพไปจากเดิมเนื่องด้วยปฏิกิริยาเคมีเป็นสาเหตุให้เกิดการผุกร่อน เช่น มีดขึ้นสนิม; (ปาก) มลทิน เช่น สนิมในใจ.
สนิมขุม
น. สนิมซึ่งเกิดที่ผิวโลหะแล้วทำให้ผิวโลหะเป็นจุด ๆ หรือเป็นรู ๆ เช่น พระพุทธรูปสัมฤทธิ์เกิดสนิมขุม.
สนิม ๒
[สะหฺนิม] น. ถนิม, เครื่องประดับ ในคำว่า สนิมพิมพาภรณ์.(ข. ธฺนิม).
สนิมสร้อย
[สะหฺนิมส้อย] ว. ถนิมสร้อย, หนักไม่เอาเบาไม่สู้, ทำเป็นเหยาะแหยะ, ทำเป็นอ่อนแอ, (ใช้เป็นคำตำหนิ), เช่น ดุว่านิดหน่อยก็น้ำตาร่วง ทำเป็นแม่สนิมสร้อยไปได้.
สนุก
[สะหฺนุก] ว. ทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน, ทำให้เบิกบานใจ, เช่นหนังสือเรื่องนี้อ่านสนุก ภาพยนตร์เรื่องนี้สนุก. (ข. สฺรณุก).
สนุกสนาน
ว. ร่าเริงบันเทิงใจ, เพลิดเพลินเจริญใจ, เช่น เด็ก ๆ เล่นสาดน้ำในเทศกาลสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน.
สนุกเกอร์
[สะนุก] น. ชื่อกีฬาในร่มชนิดหนึ่งเล่นบนโต๊ะบิลเลียด ผู้เล่นใช้ไม้แทงลูกเรียกว่า ไม้คิว แทงลูกกลมสีขาวให้กระทบลูกกลมสีต่าง ๆ ซึ่งมีลูกแดง ๑๕ ลูก ลูกดํา ชมพู นํ้าเงิน นํ้าตาลเขียว และเหลือง อีกอย่างละ ๑ ลูก ให้ลงหลุมทีละลูกตามที่กําหนดไว้ในกติกา หรือทําให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถแทงลูกสีขาวให้กระทบกับลูกที่ต้องถูกกระทบได้ซึ่งเรียกว่า ทําสนุก.(อ. snooker).
สนุข
[สะหฺนุก] น. สุข. (แผลงมาจาก สุข).
สนุต
[สะนุด] ว. ไหล, ย้อย, (ใช้แก่น้ำนมแม่). (ส.).
สนุ่น ๑
[สะหฺนุ่น] น. ชื่อไม้ต้นชนิด Salix tetrasperma Roxb. ในวงศ์Salicaceae ชอบขึ้นริมนํ้า ใบเรียวเล็ก ท้องใบขาว เปลือกและรากใช้ทํายา, ตะไคร้บก ก็เรียก.
สนุ่น ๒
[สะหฺนุ่น] น. สวะหรือซากผุพังของพืชพรรณที่ซับซ้อนกันมาก ๆในบึงหรือหนองนํ้า สามารถเหยียบเดินไปได้.
สบ
ก. พบ, ปะ, เช่น สบโชค สบตา สบเหมาะ ฟันบนสบฟันล่าง, ถูก,ต้อง, เช่น สบใจ สบปาก สบอารมณ์. น. บริเวณที่แม่นํ้าตั้งแต่ ๒สายขึ้นไปมาบรรจบกัน เช่น สามสบ คือบริเวณที่ แม่น้ำบีคี่ใหญ่ห้วยซองกะเลีย และแม่น้ำรันตี รวม ๓ สาย มาสบกัน แล้วไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย. ว. ทุก ๆ, เสมอ, เช่น สบไถง ว่า ทุกวัน, สบสมัยว่า ทุกสมัย. (ข.).
สบประมาท
ก. แสดงกิริยาวาจาดูถูกดูหมิ่นซึ่ง ๆ หน้า เช่น เขาถูกสบประมาทในที่ประชุม, ประมาทหน้า.
สบสังวาส
ว. อยู่ร่วมกัน เช่น พระสงฆ์ที่มีศีลเสมอกันร่วมทําสังฆกรรมด้วยกันได้ เรียกว่า สงฆ์สบสังวาส.
สบง
[สะบง] น. ผ้านุ่งของภิกษุสามเณร. (ข. สฺบ่ง).
สบจ
[สะบด] (แบบ) น. คนชาติตํ่าช้า. (ป. สปจ; ส. ศฺวปจ).
สบถ
[สะบด] ก. เปล่งถ้อยคำเพื่อเน้นให้คนเชื่อโดยอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงโทษตนหรือให้ภัยพิบัติต่าง ๆ เกิดกับตนถ้าหากตนไม่ปฏิบัติตามหรือไม่เป็นไปอย่างที่พูดไว้. (ป. สปถ; ส. ศปถ).
สบเสีย ๑
ก. ชอบพอ, โปรดปราน.
สบเสีย ๒
ก. ดูถูก.
สบัน
[สะ] (แบบ) ก. สาบาน. (ป. สปน).
สบาย
[สะบาย] ว. อยู่ดีกินดี เช่น เดี๋ยวนี้เขาสบายขึ้น ลูก ๆ ทำงานหมดแล้ว, เป็นสุขกายสุขใจ เช่น เวลานี้เขาสบายแล้ว เพราะมีฐานะดีขึ้น ไม่มีวิตกกังวลใด ๆ; สะดวก เช่น ทำตามสบายไม่ต้องเกรงใจ มีรถส่วนตัวสบายกว่าไปรถประจำทาง, มักใช้เข้าคู่กับคำ สุข หรือ สะดวก เป็น สุขสบาย หรือ สะดวกสบาย;พอเหมาะพอดี เช่น เก้าอี้ตัวนี้นั่งสบาย;ไม่ลำบากกาย เช่น เขาทำงานสบายขึ้น ไม่ต้องแบกหามเหมือนเมื่อก่อน; ไม่เจ็บไม่ไข้เช่น เวลานี้เขาสบายดี ไม่ป่วยไข้; มีความพอใจเมื่อได้สัมผัสเช่น สบายหู สบายตา สบายกาย. (ป. สปฺปาย).
สบายใจ
ว. ไม่มีทุกข์มีร้อน เช่น ลูก ๆ เรียนจบหมดแล้วก็สบายใจทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วสบายใจ.
สบายอารมณ์
ว. มีอารมณ์เบิกบาน เช่น เขาทำงานไปร้องเพลงไปอย่างสบายอารมณ์ วันนี้ขอดูภาพยนตร์ให้สบายอารมณ์สักวัน.
สบู่ ๑
[สะ] น. ชื่อไม้พุ่ม ๒ ชนิดในสกุล Jatropha วงศ์ Euphorbiaceaeคือ สบู่ขาว หรือ สบู่ดํา (J. curcas L.) ก้านใบและใบอ่อนสีเขียวและ สบู่แดง (J. gossypifolia L.) ก้านใบและใบสีแดง, ทั้ง ๒ ชนิดมียางใส เมล็ดนําไปหีบได้นํ้ามันใช้เป็นเชื้อเพลิงและหล่อลื่นทุกส่วนเป็นพิษ.
สบู่ ๒
[สะ] น. สิ่งที่ผลิตขึ้นโดยนําไขสัตว์เช่นไขวัว หรือนํ้ามันพืชเช่นนํ้ามันมะพร้าวนํ้ามันมะกอกไปต้มกับด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์จะได้สบู่แข็ง หรือนําไปต้มกับด่างโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์จะได้สบู่อ่อน ใช้ชําระล้างและซักฟอก. (โปรตุเกส sapu).
สบู่เลือด
น. ชื่อไม้เถามีหัวชนิด Stephania venosa (Blume) Spreng.ในวงศ์ Menispermaceae ใบ เถา และผิวของหัวมีนํ้ายางสีแดง.
สไบ
[สะ] น. ผ้าแถบ, ผ้าคาดอกผู้หญิง. (ข. ไสฺบ).
สไบกรองทอง
น. ผ้าสไบที่ถักด้วยไหมทองไหมเงินให้เป็นลวดลายโปร่งรูปดอกไม้เป็นต้น และมีผ้าซับในอีกชั้นหนึ่ง.
สไบเฉียง
น. วิธีห่มผ้าสไบให้เฉวียงบ่าข้างใดข้างหนึ่ง เรียกว่าห่มสไบเฉียง.
สไบปัก
น. ผ้าสไบที่ปักด้วยดิ้นเงินหรือดิ้นทองและสอดไส้ด้วยไหมสีต่าง ๆ.
สไบนาง
ดู กระแตไต่ไม้ ๒.
สปริง
[สะปฺริง] น. สิ่งที่ยืดหรือหดแล้วคืนตัวได้เอง มักทำด้วยโลหะเช่น นาฬิกาเรือนนี้สปริงหลุด จึงไม่เดิน. ว. ที่ยืดหรือหดแล้วคืนตัวได้เอง เช่น เบาะสปริง เตียงสปริง. (อ. spring).
สปริงตัว
ก. ดีดตัวออก เช่น นักบินสปริงตัวออกจากเครื่องบิน.
สปอร์
น. หน่วยขยายพันธุ์ขนาดเล็ก ทำหน้าที่คล้ายเมล็ดพืชแต่ไม่มีเอ็มบริโอเมื่อสิ่งแวดล้อมเหมาะสมจะเจริญเป็นต้นใหม่ได้. (อ. spore).
สปาเกตตี
น. ชื่ออาหารอิตาลีชนิดหนึ่ง ทําจากแป้งสาลี เป็นเส้นกลมตันคล้ายเส้นขนมจีนแต่โตกว่าเล็กน้อย. (อ. spaghetti).
สเปกตรัม
(ฟิสิกส์) น. ผลที่ได้จากการที่การแผ่รังสีของแม่เหล็กไฟฟ้าถูกแยกออกเป็นองค์ประกอบต่าง ๆ ตามขนาดของช่วงคลื่นหรือความถี่ขององค์ประกอบนั้น ๆ. (อ. spectrum).
สเปกโทรสโกป
น. เครื่องมือที่ใช้ศึกษาการวิเคราะห์สเปกตรัม. (อ. spectroscope).
สไปริลลัม
น. แบคทีเรียที่มีรูปร่างเป็นเส้นหรือท่อนที่งอไปงอมาหรือบิดเป็นเกลียว. (อ. spirillum).
สพั้น
[สะ] น. ทองเหลือง, ทองแดง. (ข. สฺพาน่).
สพาบ
[สะ] ว. พังพาบ เช่น ก็มาให้มึงล้มสพาบ. (ม. คําหลวง ชูชก). (ข.).
สภา
น. องค์การหรือสถานที่ประชุม เช่น สภาผู้แทนราษฎรสภาสตรีแห่งชาติ สภามหาวิทยาลัย วุฒิสภา. (ป., ส.).
สภากาชาด
น. องค์การพยาบาลและบรรเทาทุกข์.
สภาจาร
น. ขนบธรรมเนียมขององค์การหรือสถานที่ประชุม. (ส.).
สภานายก, สภาบดี
น. ผู้เป็นประธานในที่ประชุม. (ส.).
สภานายก, สภาบดี
น. ผู้เป็นประธานในที่ประชุม. (ส.).
สภาผู้แทนราษฎร
(กฎ) น. สภานิติบัญญัติสภาหนึ่ง ซึ่งเมื่อรวมกับวุฒิสภาแล้วประกอบเป็นรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(พุทธศักราช ๒๕๔๐) สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจำนวน ๕๐๐ คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองจัดทำขึ้นจำนวน ๑๐๐ คน และสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน ๔๐๐ คน มีหน้าที่ในทางนิติบัญญัติ และมีอำนาจควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินตามระบบการปกครองแบบรัฐสภา.
สภาค
[สะพาก] ว. ร่วมกัน, อยู่หมวดเดียวกัน; เหมือนกัน, เท่ากัน. (ป.).
สภาพ
น. ความเป็นเองตามธรรมดาหรือตามธรรมชาติ เช่น สภาพความเป็นอยู่ สภาพดินฟ้าอากาศ, ลักษณะในตัวเอง; ภาวะ,ธรรมชาติ. (ป. สภาว; ส. สฺวภาว).
สภาพเดิม
น. ลักษณะหรือภาวะหรือธรรมชาติที่เป็นมาแต่แรก.
สภาพธรรม
น. หลักแห่งความเป็นเอง.
สภาว, สภาวะ
[สะพาวะ] น. สภาพ เช่น สภาวะดินฟ้าอากาศ. (ป.).
สภาว, สภาวะ
[สะพาวะ] น. สภาพ เช่น สภาวะดินฟ้าอากาศ. (ป.).
สภาวการณ์
น. เหตุการณ์ที่เป็นไปตามธรรมชาติ เช่น บ้านเมืองตกอยู่ในสภาวการณ์เดือดร้อนเพราะภัยธรรมชาติ.
สม ๑
ว. เหมาะ, เหมาะกับ, ควรแก่, เช่น บ่าวสาวคู่นี้สมกันเขาแต่งตัวสมฐานะ แสดงละครได้สมบทบาท เขาต่อสู้กันอย่างสมศักดิ์ศรี เด็กคนนี้แต่งตัวไม่สมวัย, รับกันเช่น หัวแหวนสมกับเรือนแหวน; ตรงกับ เช่น สมคะเนสมปรารถนา สมความตั้งใจ. (ปาก) สมน้ำหน้า เช่นสมแล้วที่สอบตก เพราะขี้เกียจนัก.
สมควร
ว. ควรยิ่ง, เหมาะสมยิ่ง, เช่น เขาทำงานดีสมควรขึ้นเงินเดือนให้ ๒ ขั้น.
สมคะเน
ก. เหมาะกับที่คาด, ตรงกับที่คิดไว้.
สมจริง
ว. ควรถือได้ว่าเป็นจริง, คล้ายกับที่เป็นจริง, เช่น เขาแสดงบทบาทในละครได้อย่างสมจริง; ตามความเป็นจริง เช่นเขาทำได้สมจริงอย่างที่พูดไว้; (วรรณ) เหมือนจริงแต่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมดเช่น นวนิยายสมจริง เรื่องสมจริง.
สมจริงสมจัง
ว. คล้ายกับที่เป็นจริงมาก เช่น เขาเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ได้สมจริงสมจัง.
สมใจ
ก. เป็นไปดังที่คิดไว้ เช่น เขาอยากได้หนังสือเล่มนี้มานานแล้ววันนี้มีคนเอามาให้ ก็เลยได้ไว้สมใจ.
สมนอก
น. เลกของเจ้านายที่ทรงกรมหรือขุนนางที่มีสิทธิ์มีเลก.
สมนัย
ก. สอดคล้องกับ, สอดคล้องกัน.
สมน้ำสมเนื้อ
ว. พอเหมาะพอดีกัน เช่น ขิงก็ราข่าก็แรง สมน้ำสมเนื้อกันดีแล้ว.
สมน้ำหน้า
ว. คําแดกดันหรือซํ้าเติมว่าควรได้รับผลร้ายเช่นนั้น เช่นขี้เกียจท่องหนังสือ สอบตกก็สมน้ำหน้า, (ปาก) สม ก็ว่าเช่น สมแล้วที่สอบตก เพราะขี้เกียจนัก.
สมใน
น. เลกของเจ้านายฝ่ายใน.
สมบุญ
ว. เหมาะแก่ที่มีบุญ.
สมประกอบ
ว. มีอวัยวะสมบูรณ์เป็นปรกติ เช่น เขาเป็นคนมีร่างกายสมประกอบ.
สมพรปาก
คํารับคำหวังดีต่อผู้ที่พูดอวยพรให้เป็นมงคล เช่น ขอให้สมพรปากนะ.
สมสัก
(โบ) น. เรียกชายที่มีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปี นับว่าเป็นชายฉกรรจ์ควรจะสักข้อมือประจําการรับราชการแผ่นดินว่า เลกสมสัก.
สมส่วน
ว. มีส่วนสัดเหมาะเจาะ เช่น การออกกำลังกายทำให้ร่างกายสมส่วน, รับกันพอเหมาะพอดี เช่น หลังคากับตัวเรือนสมส่วนกันดี.
สมหน้าสมตา
ว. เหมาะแก่เกียรติและฐานะ เช่น ลูกสาวบ้านนั้นเขาแต่งงานไปอย่างสมหน้าสมตา.
สมหวัง
ก. ได้ดังที่หวัง.
สมเหตุสมผล
ว. มีเหตุผลสมควร, มีเหตุผลรับกัน, เช่น คำชี้แจงของเขาสมเหตุสมผล เขาอภิปรายได้สมเหตุสมผล.
สมอ้าง
ก. รับรองถ้อยคําที่เขากล่าว.
สม ๒
ใช้ประกอบกับคำกริยาบางคำมีความหมายว่า ร่วมด้วยกันรวมกัน เช่น สมคิด สมรู้.
สมคบ
ก. ร่วมคบคิดกัน (ใช้ในทางไม่ดี) เช่น เขาสมคบกันไปปล้น.
สมจร
ก. ร่วมประเวณี เช่น เจ้าสมจรด้วยเมียข้าคนตนเองไซ้ท่านให้ไหมให้ผัวมันเปนไท ข้าสมจรด้วยกันพ่อแม่แลเจ้าข้ามิให้แลมันภากันหนีไกล (สามดวง) มีนิทานเรื่องนางนาคสมจรกับงูดิน.
สมทบ
ก. รวมเข้าด้วย เช่น เดินล่วงหน้าไปก่อนแล้วจะตามไปสมทบ.
สมยอม
ก. ยอมตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาบางอย่าง (มักใช้ในทางไม่ดี)เช่น เจ้าทุกข์สมยอมกับเจ้าหน้าที่.
สมรัก
ก. ร่วมประเวณี เช่น ชายลอบลักสมรักทำชู้ด้วยลูกสาวท่านก็ดี สองลอบสมรักด้วยกัน มิได้สู่ขอมีขันหมากเปนคำนับ.(สามดวง).
สมรู้
ก. ร่วมคิดกัน, เป็นใจกัน, (มักใช้ในทางที่ไม่ดี) เช่น เขาสมรู้กันในทางทุจริต, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ ร่วมคิด เป็น สมรู้ร่วมคิด เช่นเขาสมรู้ร่วมคิดกันในการฉ้อราษฎร์บังหลวง.
สมสอง
(วรรณ) ก. อยู่เป็นคู่ผัวเมีย, เขียนเป็น สํสอง ก็มี เช่นยงงขวบคืนสํสอง เศกไท้. (กำสรวล).
สมสู่
ก. ร่วมประเวณี (มักใช้ในทางไม่ดี) เช่น เขาไปสมสู่กันเองสมสู่อยู่กินกันฉันผัวเมีย, บางทีก็ใช้กับสัตว์บางชนิด เช่นเดือน ๑๒ เป็นฤดูที่สุนัขสมสู่กัน.
สม ๓
[สะมะ, สมมะ, สม] ว. เท่ากัน, เสมอกัน.
สมการ
[สะมะกาน, สมมะกาน] (คณิต) น. ข้อความที่แสดงความเท่ากันของนิพจน์ ๒ นิพจน์ เฉพาะบางค่าของตัวไม่ทราบค่าที่ปรากฏในนิพจน์นั้น ๆ หรือการเหมือนกันของข้อความย่อย ๒ ข้อความที่ปรากฏอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวาของเครื่องหมาย =. (อ. equation).
สมการเคมี
(เคมี) น. สมการที่เขียนขึ้นโดยอาศัยสัญลักษณ์ของธาตุเพื่อแสดงปฏิกิริยาเคมีและปริมาณของธาตุต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในปฏิกิริยาเคมีนั้น ๆ. (อ. chemical equation).
สมจารี
[สะมะ] น. ผู้ประพฤติสมํ่าเสมอ. (ป.).
สมดุล
[สะมะดุน, สมดุน] ว. เสมอกัน, เท่ากัน. (อ. equilibrium).
สมมูล
[สะมะมูน, สมมูน] ว. มีค่าเท่าเทียมกัน, เสมอเหมือนกัน,เปลี่ยนแทนกันได้. (อ. equivalent).
สมมูลเคมี
น. จํานวนเลขที่บ่งแสดงนํ้าหนักของสารที่ทําปฏิกิริยาโดยทางตรงหรือทางอ้อมได้พอดีกับ ๑.๐๐๘ หน่วยนํ้าหนักเดียวกันของธาตุไฮโดรเจน หรือกับ ๘ หน่วยนํ้าหนักเดียวกันของธาตุออกซิเจน. (อ. chemical equivalent).
สมวัย
[สะมะ] ว. มีวัยเสมอกัน, รุ่นราวคราวเดียวกัน. (ป.;อ. contemporary).
ส้ม ๑
น. ชื่อไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็กหลายชนิดในสกุล Citrusวงศ์ Rutaceae ใบ ดอก และผิวผลมีต่อมนํ้ามัน กลิ่นฉุนผลรสเปรี้ยวหรือหวาน กินได้ เช่น ส้มซ่า (C. aurantium L.)ส้มโอ [C. maxima (Burm.) Merr.] ส้มแก้ว (C. nobilisLour.) ส้มจุก ส้มเขียวหวาน ส้มจันทบูร (C. reticulataBlanco) ส้มเกลี้ยง ส้มเช้ง (C. sinensis Osbeck), ถ้าผลไม้จําพวกนี้มี มะ อยู่หน้า ต้องตัดคํา ส้ม ออก เช่นส้มมะนาว ส้มมะกรูด เป็น มะนาว มะกรูด. ว. สีเหลืองเจือแดง เรียกว่า สีส้ม.
ส้มทับ
น. ส้มจีนขนาดเล็กที่เชื่อมแล้วทับให้แห้ง. (พจน. ๒๔๙๓).
ส้ม ๒
ว. เปรี้ยว เช่น สารส้ม. น. คําใช้ประกอบหน้าชื่อพรรณไม้และของกินที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้มเช้า ส้มตำ ส้มฟัก.
ส้มกุ้ง ๑
น. ของกินชนิดหนึ่งทําด้วยกุ้ง ใช้หมักด้วยข้าวสุก เกลือและกระเทียม มีรสเปรี้ยว, กุ้งส้ม ก็ว่า.
ส้มจี๊
น. ของกินชนิดหนึ่ง ใช้พุทราตากแห้งป่นให้ละเอียด กวนกับน้ำตาลทรายให้งวด อัดเป็นแท่ง.
ส้มฉุน
น. ของกินชนิดหนึ่ง ใช้มะม่วงดิบมะยมดิบยำกับกุ้งแห้งใส่น้ำปลาน้ำตาล บางทีก็นำไปตากแดด, ส้มลิ้ม ก็เรียก.
ส้มตำ
น. ของกินชนิดหนึ่ง เอาผลไม้มีมะละกอเป็นต้นมาตําประสมกับเครื่องปรุงมีกระเทียม พริก มะนาว กุ้งแห้งเป็นต้น มีรสเปรี้ยว, บางท้องถิ่นเรียก ตําส้ม.
ส้มแผ่น
น. มะม่วงสุกที่กวนแล้วแผ่เป็นแผ่นบาง ๆ, ส้มลิ้ม ก็เรียก.
ส้มฟัก
น. อาหารทําด้วยปลาสับละเอียดผสมกับข้าวสุกหมักเกลือกระเทียม โขลกจนเหนียวแล้วห่อใบตองทับเอาไว้จนมีรสเปรี้ยว.
ส้มมะขาม
น. เนื้อในมะขามเปรี้ยวที่แก่จัด ซึ่งใช้เป็นเครื่องปรุงอาหารให้มีรสเปรี้ยว, ถ้าปั้นเป็นก้อนเรียก มะขามเปียก.
ส้มลิ้ม ๑
น. ของกินชนิดหนึ่ง ใช้มะม่วงดิบมะยมดิบยำกับกุ้งแห้งใส่น้ำปลาน้ำตาล บางทีก็นำไปตากแดด, ส้มฉุน ก็เรียก;มะม่วงสุกที่กวนแล้วแผ่เป็นแผ่นบาง ๆ, ส้มแผ่น ก็เรียก.
ส้มกุ้ง ๑
ดูใน ส้ม ๒.
ส้มกุ้ง ๒
น. (๑) ชื่อไม้เถาชนิด Ampelocissus martinii Planch.ในวงศ์ Vitaceaeเถาและใบมีขนสีแดง ผลกลมออกเป็นพวงคล้ายองุ่น. (๒) ชื่อไม้เถาชนิด Embelia ribes Burm.f.ในวงศ์ Myrsinaceae เถาและใบเกลี้ยง ผลกลมออกเป็นช่อ ใช้ทํายาได้. (๓) ชื่อไม้เถาชนิด Rubus moluccanus L.ในวงศ์ Rosaceae เถามีขนและหนาม ผลออกเป็นกระจุกสุกสีแดงกินได้. (๔) ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Begonia inflata C.B.Clarke ในวงศ์ Begoniaceae ต้นและใบอวบนํ้า ใบมีรสเปรี้ยว.
ส้มชื่น
(ถิ่นพายัพ, อีสาน) น. ต้นเขยตาย. (ดู เขยตาย).
ส้มเช้า
น. (๑) ชื่อไม้พุ่มชนิด Euphorbia ligularia Roxb. ในวงศ์Euphorbiaceaeต้นคล้ายต้นสลัดได แต่มีใบซึ่งมีรสเปรี้ยวในเวลาเช้า. (๒) ดู ต้นตายใบเป็น.
สมญา
[สมยา] น. ชื่อที่ตั้งให้ กร่อนมาจากคำว่า สมัญญา.
สมญานาม
[สมยานาม] น. สมญา.
สมเญศ
[สมเยด] (กลอน) น. ชื่อ.
สมณ, สมณะ
[สะมะนะ] น. ผู้สงบกิเลสแล้ว โดยเฉพาะหมายถึงภิกษุในพระพุทธศาสนา. (ป.; ส. ศฺรมณ).
สมณ, สมณะ
[สะมะนะ] น. ผู้สงบกิเลสแล้ว โดยเฉพาะหมายถึงภิกษุในพระพุทธศาสนา. (ป.; ส. ศฺรมณ).
สมณบริขาร
น. เครื่องใช้สอยของพระภิกษุในพระพุทธศาสนามี๘ อย่าง คือ สบง จีวร สังฆาฏิ บาตร มีดโกนหรือมีดตัดเล็บ เข็มประคดเอว กระบอกกรองนํ้า (ธมกรก),อัฐบริขาร ก็เรียก. (ป.).
สมณโวหาร
น. ถ้อยคําที่ควรแก่สมณะ เช่น อาตมา ฉันจังหันกัปปิยภัณฑ์. (ป.).
สมณศักดิ์
น. ยศพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานมีหลายชั้น แต่ละชั้นมีพัดยศเป็นเครื่องกําหนด.
สมณสารูป
ว. ที่สมควรแก่พระ (ใช้แก่กิริยามารยาทเป็นต้น). น. กิริยามารยาทเป็นต้นที่สมควรแก่สมณะ เช่น ภิกษุพูดจาควรมีสมณสารูป. (ป. สมณสารุปฺป).
สมณสาสน์
[-สาด] น. จดหมายของสมเด็จพระสังฆราชหรือประมุขของประเทศ ซึ่งเป็นนักบวชที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ.
สมเด็จ
น. คํายกย่องหน้าชื่อฐานันดรศักดิ์โดยกำเนิดหรือแต่งตั้งหมายความว่า ยิ่งใหญ่หรือประเสริฐ เช่น สมเด็จพระราชินีสมเด็จเจ้าฟ้า สมเด็จเจ้าพระยา สมเด็จพระราชาคณะ,ใช้แต่ลำพังว่า สมเด็จ ก็มี.
สมเด็จพระสังฆราช
(กฎ) น. ประมุขแห่งคณะสงฆ์ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาให้ดำรงตำแหน่ง สกลมหาสังฆปริณายก.
สมถ, สมถะ
[สะมะถะ] น. การทำใจให้สงบโดยเพ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นอารมณ์. ว. มักน้อย เช่น คนสมถะมีความเป็นอยู่เรียบง่าย. (ป.; ส. ศมถ).
สมถ, สมถะ
[สะมะถะ] น. การทำใจให้สงบโดยเพ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นอารมณ์. ว. มักน้อย เช่น คนสมถะมีความเป็นอยู่เรียบง่าย. (ป.; ส. ศมถ).
สมถยานิก
น. ผู้มีสมถะเป็นยาน, ผู้บำเพ็ญสมถะจนได้ฌานก่อนแล้วจึงเจริญวิปัสสนา. (ป.).
สมถวิปัสสนา
น. สมถะและวิปัสสนา เป็นแบบปฏิบัติในการเจริญกรรมฐานทางพุทธศาสนา. (ป.). (ดู วิปัสสนา ประกอบ).
สมนาคุณ
[สมมะนาคุน] ก. ตอบแทนบุญคุณด้วยทรัพย์ สิ่งของ หรือแรงงานเป็นต้นแล้วแต่กรณี เช่น ร้านค้ามีของสมนาคุณผู้ซื้อธนาคารให้ของสมนาคุณแก่ลูกค้า, เรียกทรัพย์หรือสิ่งของเป็นต้นที่ให้ในลักษณะเช่นนั้นว่า เงินสมนาคุณ ของสมนาคุณ.
สมบัติ ๑
น. ความถึงพร้อม หมายถึง ทรัพย์สิน เงินทอง ของใช้ เป็นต้นที่มีอยู่ เช่น ถึงมีสมบัติมากมายก็ไม่พ้นความตายไป ทำงานมาเกือบ ๒๐ ปี มีสมบัติอย่างเดียวคือบ้าน. (ป., ส. สมฺปตฺติ).
สมบัตินักเลง
น. ทรัพย์สมบัติที่ได้มาด้วยการเสี่ยงโชค.
สมบัติบ้า
น. ทรัพย์สินหรือยศถาบรรดาศักดิ์ที่เพ้อฝันว่าจะได้ เช่นคิดสมบัติบ้า; ข้าวของที่เก็บไว้แต่ไม่มีประโยชน์ เช่น สมบัติบ้าเต็มตู้ไปหมด ไม่รู้จักทิ้งเสียบ้าง.
สมบัติผู้ดี
น. มารยาทของผู้ที่มีความประพฤติดีทั้งทางกาย วาจาและความคิด.
สมบัติพัสถาน
[สมบัดพัดสะถาน] น. ทรัพย์สิน ที่ดิน และบ้านเรือน.
สมบัติ ๒
(วิทยา) น. ลักษณะประจําของสาร เช่น ไอโอดีน มีสมบัติเป็นอโลหะลักษณะเป็นของแข็ง สีเทาดําเป็นเงาวาว หลอมละลายที่ ๑๑๔ ?ซ. เมื่อระเหิดให้ไอสีม่วง.
สมบุกสมบัน
ว. ทนลําบากตรากตรำโดยไม่คิดถึงตัว เช่น เขาทำงานสมบุกสมบันจึงประสบความสำเร็จ; อาการที่ใช้โดยไม่ปรานีปราศรัยหรือโดยไม่ทะนุถนอม เช่น ใช้เสื้อผ้าสมบุกสมบันทำให้ขาดเร็วใช้วัวควายไถนาอย่างสมบุกสมบันโดยไม่ให้พักผ่อน.
สมบูรณ์
ก. บริบูรณ์ เช่น สมบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ สมบูรณ์ด้วยข้าทาสบริวาร, ครบถ้วน เช่น หลักฐานยังไม่สมบูรณ์; อ้วนท้วน, แข็งแรง,เช่น เขาสมบูรณ์ขึ้น เดี๋ยวนี้สุขภาพเขาสมบูรณ์ดีแล้ว. ว. มีคุณสมบัติหรือคุณลักษณะครบถ้วน เช่น มีคุณสมบัติสมบูรณ์ตามกำหนด; อ้วนท้วน, แข็งแรง, เช่น มีร่างกายสมบูรณ์ สุขภาพสมบูรณ์. (ส.).
สมบูรณาญาสิทธิราชย์
[สมบูระนายาสิดทิราด] น. ระบอบการปกครองซึ่งพระมหากษัตริย์มีอํานาจสิทธิ์ขาดในการบริหารประเทศ. (อ. absolute monarchy).
สมประดี, สมปฤดี, สมปฤๅดี
[สมปฺระ, สมปะรึ, สมปะรือ] น. ความรู้สึกตัว, มักใช้เข้าคู่กับคำสติ เป็น สติสมประดี เช่น ไม่ได้สติสมประดี. (ส. สฺมฺฤติ; ป. สติ).
สมประดี, สมปฤดี, สมปฤๅดี
[สมปฺระ, สมปะรึ, สมปะรือ] น. ความรู้สึกตัว, มักใช้เข้าคู่กับคำสติ เป็น สติสมประดี เช่น ไม่ได้สติสมประดี. (ส. สฺมฺฤติ; ป. สติ).
สมประดี, สมปฤดี, สมปฤๅดี
[สมปฺระ, สมปะรึ, สมปะรือ] น. ความรู้สึกตัว, มักใช้เข้าคู่กับคำสติ เป็น สติสมประดี เช่น ไม่ได้สติสมประดี. (ส. สฺมฺฤติ; ป. สติ).
ส้มป่อย
น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Acacia concinna (Willd.) DC. ในวงศ์Leguminosaeใบเป็นฝอยคล้ายใบชะอมแต่รสเปรี้ยว ใช้ทํายาได้ฝักใช้สระ หัวต่างสบู่และใช้ทํายาได้.
สมปัก
น. ผ้าลายหรือผ้าปูมสมัยเก่าสําหรับขุนนางนุ่งหรือห่อคัมภีร์เป็นต้น, ผ้าเกี้ยว ก็เรียก. (เทียบ ข. สํพต ว่า ผ้านุ่ง).
สมผุส
[ผุด] (โหร) น. การคํานวณชนิดหนึ่งเกี่ยวกับโลกและดาวพระเคราะห์เล็งร่วมกัน.
สมพง
น. ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด Tetrameles nudiflora R. Br.ในวงศ์ Datiscaceae ชอบขึ้นริมนํ้า โคนต้นเป็นพอนแผ่กว้างเปลือกสีเทาหรือเทาแกมนํ้าตาลเลื่อมเป็นมัน ใบมน ทิ้งใบหมดต้นในฤดูร้อน เนื้อไม้อ่อนเบา ใช้ทําก้านไม้ขีดไฟ เรือขุดและฝ้าเพดานได้, กะพง ก็เรียก.
สมพงศ์
น. การร่วมวงศ์หรือตระกูลกัน, (โหร) วิธีคํานวณว่าหญิงชายที่จะเป็นคู่ครองกันมีชะตาต้องกันหรือไม่.
สมพล ๑
[พน] น. เลกของขุนนางที่ปกครองหัวเมือง; (โบ) แบบวิธีเลขไทยในการฝึกหัดให้คูณคล่อง.
สมพล ๒, สัมพล
น. อาหาร, เสบียง. (ป.; ส. ศมฺพล).
สมพล ๒, สัมพล
น. อาหาร, เสบียง. (ป.; ส. ศมฺพล).
สมพัตสร
[พัดสอน] น. อากรสวนใหญ่เก็บจากผลของไม้ยืนต้นเป็นรายปี. (ส. สํวตฺสร ว่า ปี).
สมพาส
[พาด] น. การอยู่ร่วม, การร่วมประเวณี. (ป., ส. สํวาส).
สมเพช
[เพด] ก. สงสารสลดใจ, ควรได้รับความกรุณา, เช่น เห็นคนอนาถาแล้วอดสมเพชไม่ได้, มักใช้เข้าคู่กับคำ เวทนา เป็นสมเพชเวทนา. (ป., ส. สํเวชน ว่า สยดสยอง, สังเวช).
สมโพธน์
น. คําร้องเรียก, คําอาลปนะในไวยากรณ์. (ส. ว่า การร้องเรียก,การปราศรัย).
สมโพธิ
[โพด] น. การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า. (ป.).
สมภพ
[พบ] น. การเกิด, ใช้เป็นราชาศัพท์ว่า พระราชสมภพ และพระบรมราชสมภพ. (ป., ส. สมฺภว).
สมภาร
[พาน] น. พระที่เป็นเจ้าอาวาส. (ป., ส. สมฺภาร).
สมโภค
[โพก] น. การเสวยสุขกายใจอันเป็นไปในทางโลก. (ป., ส.).
สมโภช
[โพด] น. การกินร่วม, การเลี้ยงอาหาร; งานเลี้ยง, งานฉลองในพิธีมงคลเพื่อความยินดีร่าเริง เช่น งานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี งานสมโภชพระสุพรรณบัฏ(ใช้เฉพาะแต่ในงานพระราชพิธีเท่านั้น). (ป.; ส. สมฺโภชน).
สมมต, สมมติ, สมมติ, สมมุติ, สมมุติ
[สมมด, สมมด, สมมดติ, สมมุด, สมมุดติ] ก. รู้สึกนึกเอาว่าเช่น สมมติให้ตุ๊กตาเป็นน้อง. สัน. ต่างว่า, ถือเอาว่า, เช่นสมมุติว่าได้มรดกสิบล้าน จะบริจาคช่วยคนยากจน สมมุติว่าถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ ๑ จะไปเที่ยวรอบโลก. ว. ที่ยอมรับตกลงกันเองโดยปริยายโดยไม่คํานึงถึงสภาพที่แท้จริง เช่นสมมติเทพ.
สมมต, สมมติ, สมมติ, สมมุติ, สมมุติ
[สมมด, สมมด, สมมดติ, สมมุด, สมมุดติ] ก. รู้สึกนึกเอาว่าเช่น สมมติให้ตุ๊กตาเป็นน้อง. สัน. ต่างว่า, ถือเอาว่า, เช่นสมมุติว่าได้มรดกสิบล้าน จะบริจาคช่วยคนยากจน สมมุติว่าถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ ๑ จะไปเที่ยวรอบโลก. ว. ที่ยอมรับตกลงกันเองโดยปริยายโดยไม่คํานึงถึงสภาพที่แท้จริง เช่นสมมติเทพ.
สมมต, สมมติ, สมมติ, สมมุติ, สมมุติ
[สมมด, สมมด, สมมดติ, สมมุด, สมมุดติ] ก. รู้สึกนึกเอาว่าเช่น สมมติให้ตุ๊กตาเป็นน้อง. สัน. ต่างว่า, ถือเอาว่า, เช่นสมมุติว่าได้มรดกสิบล้าน จะบริจาคช่วยคนยากจน สมมุติว่าถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ ๑ จะไปเที่ยวรอบโลก. ว. ที่ยอมรับตกลงกันเองโดยปริยายโดยไม่คํานึงถึงสภาพที่แท้จริง เช่นสมมติเทพ.
สมมต, สมมติ, สมมติ, สมมุติ, สมมุติ
[สมมด, สมมด, สมมดติ, สมมุด, สมมุดติ] ก. รู้สึกนึกเอาว่าเช่น สมมติให้ตุ๊กตาเป็นน้อง. สัน. ต่างว่า, ถือเอาว่า, เช่นสมมุติว่าได้มรดกสิบล้าน จะบริจาคช่วยคนยากจน สมมุติว่าถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ ๑ จะไปเที่ยวรอบโลก. ว. ที่ยอมรับตกลงกันเองโดยปริยายโดยไม่คํานึงถึงสภาพที่แท้จริง เช่นสมมติเทพ.
สมมต, สมมติ, สมมติ, สมมุติ, สมมุติ
[สมมด, สมมด, สมมดติ, สมมุด, สมมุดติ] ก. รู้สึกนึกเอาว่าเช่น สมมติให้ตุ๊กตาเป็นน้อง. สัน. ต่างว่า, ถือเอาว่า, เช่นสมมุติว่าได้มรดกสิบล้าน จะบริจาคช่วยคนยากจน สมมุติว่าถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ ๑ จะไปเที่ยวรอบโลก. ว. ที่ยอมรับตกลงกันเองโดยปริยายโดยไม่คํานึงถึงสภาพที่แท้จริง เช่นสมมติเทพ.
สมมติฐาน, สมมุติฐาน
[สมมดติ, สมมุดติ] น. ข้อคิดเห็นหรือถ้อยแถลงที่ใช้เป็นมูลฐานแห่งการหาเหตุผล การทดลอง หรือการวิจัย. (อ. hypothesis).
สมมติฐาน, สมมุติฐาน
[สมมดติ, สมมุดติ] น. ข้อคิดเห็นหรือถ้อยแถลงที่ใช้เป็นมูลฐานแห่งการหาเหตุผล การทดลอง หรือการวิจัย. (อ. hypothesis).
สมมติเทพ
น. เทวดาโดยสมมติ หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน.
สมมาตร
[สมมาด] น. ลักษณะที่รูป ๒ รูปหรือรูปรูปเดียว แต่แยกได้เป็น๒ ส่วน มีสมบัติว่า ถ้านํารูปแรกไปทับรูปที่ ๒ หรือพับส่วนแรกไปทับส่วนที่ ๒ ในกรณีที่เป็นรูปเดียวกันแล้ว ทั้ง ๒ รูปหรือ ๒ส่วนนั้นจะทับกันสนิท, ถ้าเป็นรูปทรง ๓ มิติ เมื่อแบ่งครึ่งออกไป๒ ซีกจะเหมือนกันทุกประการ. (อ. symmetry).
ส้มมือ
น. ชื่อส้มชนิด Citrus medica L. var. sarcodactylis Swing.ในวงศ์ Rutaceae ส่วนล่างของผลมีลักษณะคล้ายนิ้วมือ ใช้ทํายาดมได้.
สมโมท
[โมด] ก. ยินดี, ร่าเริง, พอใจ, สัมโมท ก็ว่า. (ป., ส. สมฺโมท).
สมโยค
[โยก] ก. ร่วมประเวณี. (ส.).
สมร ๑, สมร
[สะหฺมอน, สะหฺมอนระ, สะหฺมอระ] น. การรบ, การสงคราม.(ป., ส.).
สมร ๑, สมร
[สะหฺมอน, สะหฺมอนระ, สะหฺมอระ] น. การรบ, การสงคราม.(ป., ส.).
สมรภูมิ
[สะหฺมอนระพูม, สะหฺมอระพูม] น. สนามรบ. (ส.).
สมร ๒
[สะหฺมอน] น. นางงามซึ่งเป็นที่รัก. (ส. สฺมร ว่า กามเทพ).
สมรด
น. เครื่องตกแต่งขอบต้นแขน และปลายแขนเสื้อครุย ปักด้วยดิ้น เงินแล่ง ทองแล่ง เป็นลวดลายต่าง ๆ; ผ้าคาดเอวปักด้วยดิ้น เงินแล่ง ทองแล่งเป็นลวดลายต่าง ๆ โบราณใช้เป็นเครื่องประกอบอย่างหนึ่งที่แสดงศักดิ์, สํารด หรือผ้าแฝง ก็เรียก.
สมรรถ, สมรรถ
[สะมัด, สะมัดถะ, สะหมัดถะ] ว. สามารถ. (ส. สมรฺถ ว่าผู้สามารถ; ป.สมตฺถ).
สมรรถ, สมรรถ
[สะมัด, สะมัดถะ, สะหมัดถะ] ว. สามารถ. (ส. สมรฺถ ว่าผู้สามารถ; ป.สมตฺถ).
สมรรถภาพ
[สะมัดถะ, สะหฺมัดถะ] น. ความสามารถ เช่น เขาเป็นคนมีสมรรถภาพในการทำงานสูงสมควรได้เลื่อนตำแหน่ง.
สมรรถนะ
[สะมัดถะนะ] น. ความสามารถ (ใช้แก่เครื่องยนต์) เช่นรถยนต์แบบนี้มีสมรรถนะดี เยี่ยมเหมาะสำหรับเดินทางไกล.
สมรส
[รด] ก. แต่งงาน เช่น นาย ก สมรสกับนางสาว ข. ว. ที่เกี่ยวกับการแต่งงาน เช่น พิธีมงคลสมรส.
สมฤดี, สมฤๅดี
[สมรึดี, สมรือดี] น. ความรู้สึกตัว, ใช้เป็น สมปฤดี สมปฤๅดีหรือ สมประดี ก็มี. (ส. สฺมฺฤติ; ป. สติ).
สมฤดี, สมฤๅดี
[สมรึดี, สมรือดี] น. ความรู้สึกตัว, ใช้เป็น สมปฤดี สมปฤๅดีหรือ สมประดี ก็มี. (ส. สฺมฺฤติ; ป. สติ).
สมฤติ
[สะมะรึติ] น. ชื่อคัมภีร์ทางศาสนาพราหมณ์ซึ่งแต่งขึ้นภายหลังคัมภีร์พวกศรุติ เช่น คัมภีร์เวทางคศาสตร์ ศูตระ รามายณะมหาภารตะ ปุราณะ ธรรมศาสตร์. (ส.).
ส้มลิ้ม ๑
ดูใน ส้ม ๒.
ส้มลิ้ม ๒
น. ต้นไม้ชนิดหนึ่ง ใช้ทํายาได้. (พจน. ๒๔๙๓).
สมวายะ
[สะมะวายะ] น. หมู่, พวก, ประชุม. (ป., ส.).
ส้มสันดาน
น. ชื่อไม้เถาชนิด Cissus hastata Miq. ในวงศ์ Vitaceaeใบมีรสเปรี้ยว ใช้ทํายาได้.
สมเสร็จ
น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิด Tapirus indicus ในวงศ์Tapiridae เป็นสัตว์กีบคี่ขนาดใหญ่ ลําตัวตอนกลางสีขาวส่วนหัวและท้ายสีดําขอบหูสีขาว จมูกและริมฝีปากบนยื่นยาวออกมาคล้ายงวงยืดหดเข้าออกได้ หางสั้น ลูกเกิดใหม่ตัวมีลายสีขาวตามยาว กินหญ้า ใบไม้และผลไม้ เป็นสัตว์ป่าสงวนของไทย, ผสมเสร็จ ก็เรียก.
ส้มเสี้ยว
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Bauhinia malabarica Roxb. ในวงศ์Leguminosae ใบมีรสเปรี้ยว ใช้ทํายาได้.
สมอ ๑
[สะหฺมอ] น. หิน. (ข. ถฺม); ของหนักที่ล่ามโซ่หรือเชือกอยู่กับเรือเวลาจอดเรือใช้ทอดลงไปในนํ้าให้เกาะพื้นเพื่อไม่ให้เรือเคลื่อนไปที่อื่น.
สมอเกา
ก. อาการที่สมอหลุดจากพื้นที่ทอดไว้ แล้วครูดไปตามพื้นท้องน้ำด้วยแรงลมและกระแสน้ำ.
สมอ ๒
[สะหฺมอ] น. ชื่อไม้ต้นหลายชนิดในสกุล Terminalia วงศ์Combretaceae ใช้ทํายาได้ เช่น สมอไทย (T. chebulaRetz.), สมอพิเภก [T. bellirica (Gaertn.) Roxb.], สมอดีงู[T. citrina (Gaertn.) Roxb. ex Flem.].
สมอ ๓
[สะหฺมอ] น. ลูกฝ้าย.
สมอกานน
ดู ตีนนก (๑).
สมอง
[สะหฺมอง] น. เรียกส่วนที่อยู่ภายในกะโหลกศีรษะ มีลักษณะนุ่ม ๆ หยุ่น ๆ เป็นลูกคลื่น เป็นที่รวมประสาทให้เกิดความรู้สึกฯลฯ ว่า มันสมอง; โดยปริยายหมายความว่า ปัญญาความคิดเช่น เขาเป็นคนสมองดี, หัวสมอง ก็ว่า, (ปาก) ขมอง.
สมองตาย
ว. สภาวะที่สมองถูกทําลายจนสูญเสียการทํางานโดยสิ้นเชิงถือว่าสิ้นชีวิตแล้ว.
สมองฝ่อ
น. เนื้อสมองน้อยลงเนื่องจากมีการเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทและเนื้อเยื่อของสมองหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง.(อ. cerebral atrophy).
สมอจีน
ดู กาน้ำ.
สมอทะเล
ดู กุระ.
สมอสำเภา
น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์บุษยะ มี ๕ ดวง, ดาวปุยฝ้าย ดาวพวงดอกไม้ ดาวดอกบัว ดาวโลง ดาวปู ดาวสิธยะ ดาวบุษย์ดาวปุษยะ หรือ ดาวปุสสะ ก็เรียก.
สมะ
น. ความสงบ, ความราบคาบ. (ป.).
สมัคร
[สะหฺมัก] ก. ยื่นความจำนงขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกหรือร่วมในกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นต้น เช่น สมัครเป็นสมาชิกสมาคม สมัครเข้าทำงาน, บางทีก็มีคํา ใจ ประกอบอยู่ด้วยซึ่งเป็นคําผสมชนิดที่ต้องการเน้น เช่น ใจสมัคร ว่า ใจที่สมัคร,สมัครใจ ว่า สมัครด้วยความเต็มใจ. (ต. สมัค ว่า เต็มใจ;ป. สมคฺค; ส. สมคฺร ว่า พร้อม).
สมัครใจ
ก. สมัครด้วยความเต็มใจ เช่น งานนี้เขาสมัครใจเป็นแม่ครัวชาวเขาสมัครใจย้ายถิ่นฐาน. น. ความเต็มใจ เช่น ทำโดยสมัครใจ.
สมัครพรรคพวก
น. ผู้เข้าร่วมเป็นพวกด้วย เช่น เขาเป็นคนกว้างขวางมีสมัครพรรคพวกมาก.
สมัครสมา
[สะหฺมักสะมา] ก. ขอขมาในความผิดที่ได้กระทําไปแล้ว.
สมัครสมาน
[สะหฺมักสะหฺมาน] ก. เชื่อมสามัคคี เช่น จะทำการงานอะไรขอให้สมัครสมานกัน.
สมังคี
[สะมัง] ว. ประกอบด้วย, พร้อมเพรียงด้วย. (ป.).
สมัช, สมัชชา
[สะมัด] น. การประชุมเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น ไปร่วมประชุมสมัชชาแห่งชาติ; ที่ประชุมเช่น สมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ. (ป.).
สมัช, สมัชชา
[สะมัด] น. การประชุมเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น ไปร่วมประชุมสมัชชาแห่งชาติ; ที่ประชุมเช่น สมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ. (ป.).
สมัญญา
[สะมันยา] น. ชื่อที่มีผู้ยกย่องหรือตั้งให้ เช่น พระพุทธเจ้าได้รับสมัญญาว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ศาสดาของศาสนาเชนได้รับสมัญญาว่ามหาวีระ เพราะเป็นผู้มีความกล้าหาญมาก. (ป.).
สมัต
[สะมัด] ก. จบแล้ว, จบข้อความ, สําเร็จแล้ว; เต็ม, บริบูรณ์.(ป. สมตฺต).
สมัน
[สะหฺมัน] น. ชื่อสัตว์เคี้ยวเอื้องชนิด Cervus schomburgkiในวงศ์ Cervidae ขนาดเล็กกว่ากวางป่า ขนสีนํ้าตาลหางสั้น เขาแตกแขนงมากกว่ากวางชนิดอื่น เป็นกวางที่มีเขาสวยงามมาก และมีถิ่นกําเนิดเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น เป็นสัตว์ป่าสงวนซึ่งสูญพันธุ์แล้ว, เนื้อสมันก็เรียก.
สมันต์
[สะมัน] ว. โดยรอบ, ใกล้เคียง. (ป., ส.).
สมัย
[สะไหฺม] น. เวลา, คราว, เช่น สมัยโบราณ สมัยกลางสมัยปัจจุบัน, มักใช้เข้าคู่กับคำ กาล เป็น กาลสมัย. (ป., ส.).
สมัยเก่า
น. สมัยโบราณ เช่น ถ้วยชามชุดนี้เป็นของสมัยเก่า. ว. พ้นสมัย, ไม่ใช่สมัยใหม่, ก่อนเวลาปัจจุบัน, เช่น เขามีความคิดอย่างคนสมัยเก่า.
สมัยนิยม
น. ความนิยมในแต่ละสมัย เช่น แต่งตัวตามสมัยนิยมไว้ผมตามสมัยนิยม.
สมัยใหม่
น. สมัยปัจจุบัน เช่น ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ปรัชญาสมัยใหม่.ว. ทันสมัย เช่น แม้เขาจะอายุมาก แต่เขามีความคิดอย่างคนสมัยใหม่.
สมา ๑
[สะมา] ก. ขมา.
สมา ๒
[สะมา] น. ปี. (ป., ส.).
สมาคม
[สะมา] น. การประชุม, การเข้าร่วมพวกร่วมคณะ, การคบค้า;แหล่งหรือที่ประชุมของบุคคลหลายคนมาร่วมกันด้วยมีจุดประสงค์เพื่อประโยชน์บางประการ เช่น เข้าสมาคมสมาคมศิษย์เก่า; (กฎ) นิติบุคคลที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อกระทําการใด ๆ อันมีลักษณะต่อเนื่องร่วมกันและมิใช่เป็นการหาผลกําไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน สมาคมต้องมีข้อบังคับและจดทะเบียนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์. (ป., ส.). ก. คบค้า, คบหา, เช่น อย่าสมาคมกับคนพาลให้สมาคมกับนักปราชญ์.
สมาคมการค้า
(กฎ) น. สถาบันที่บุคคลหลายคนซึ่งเป็นผู้ประกอบวิสาหกิจจัดตั้งขึ้นเพื่อทำการส่งเสริมการประกอบวิสาหกิจอันมิใช่เป็นการหาผลกำไรหรือรายได้แบ่งปันกัน.
สมาจาร
[สะมาจาน] น. ความประพฤติที่ดี, ธรรมเนียม, ประเพณี. (ป., ส.).
สมาชิก ๑
[สะมา] น. ผู้มีสิทธิและมีส่วนร่วมในสมาคม องค์การ หรือกิจกรรมใด ๆ เช่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสมาคมศิษย์เก่า สมาชิกวารสาร, (ปาก) ลูกค้า, ขาประจำ, เช่น หมู่นี้สมาชิกไม่ค่อยมาอุดหนุนที่ร้านเลย. (ป., ส.).
สมาชิกวุฒิสภา
น. สมาชิกของวุฒิสภา, (ปาก) วุฒิสมาชิก.
สมาชิก ๒
[สะมา] (คณิต) น. สิ่งแต่ละสิ่งที่มีปรากฏอยู่ในเซตใดเซตหนึ่งเช่น { ก, ข, ค } คือ เซตของอักษร ๓ ตัวแรกในภาษาไทย มีสมาชิก ๓ ตัว, สิ่งที่ปรากฏอยู่ในคู่อันดับใดคู่อันดับหนึ่ง เช่น(ก, ข) คือ คู่อันดับหนึ่ง (ที่มี ก เป็นสมาชิกตัวหน้า ข เป็นสมาชิกตัวหลัง. อ. element, member).
สมาทาน
[สะมา] ก. รับเอาถือเอาเป็นข้อปฏิบัติ เช่น สมาทานศีล. (ป., ส.).
สมาธิ
[สะมาทิ] น. ความตั้งมั่นแห่งจิต; ความสํารวมใจให้แน่วแน่เพื่อให้จิตใจสงบหรือเพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง. (ป., ส.).
สมาน ๑
[สะมานะ, สะหฺมานนะ] ว. เสมอกัน, เท่ากัน. (ป., ส.).
สมานคติ
[สะมานะ] น. การดําเนินอย่างเดียวกัน, การมี ความเห็นพ้องกัน. (ส.).
สมานฉันท์
[สะมานะ, สะหฺมานนะ] น. ความพอใจร่วมกัน, ความเห็นพ้องกัน, เช่น มีความเห็นเป็นสมานฉันท์. (ป. สมาน + ฉนฺท).
สมานสังวาส
[สะมานะ] น. การอยู่ร่วมเสมอกัน (ใช้แก่พระสงฆ์ที่มีศีลเสมอกัน ทําอุโบสถหรือสังฆกรรมร่วมกันได้). (ป. สมานสํวาส).
สมาน ๒
[สะหฺมาน] ก. ทําให้ติดกัน, ทําให้สนิท, เช่น ยาสมานแผลการสมานเนื้อไม้; เชื่อม, ผูกพัน, เช่น สมานไมตรี.
สมาบัติ
[สะมาบัด] น. ภาวะที่จิตสงบประณีต, คุณวิเศษที่เกิดจากการที่จิตเพ่งอารมณ์จนแน่วแน่, การบรรลุคุณวิเศษชั้นสูงด้วยอำนาจของการเข้าสมาธิ, มีหลายอย่าง เช่น ฌานสมาบัติผลสมาบัติ, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ ฌาน เป็น ฌานสมาบัติมี ๘ ได้แก่ รูปฌาน ๔ อรูปฌาน ๔. (ป., ส. สมาปตฺติ).
สมาพันธรัฐ
[พันทะ] น. รัฐหลาย ๆ รัฐที่รวมกันเพื่อประโยชน์ร่วมกันบางอย่างโดยมีข้อตกลงระหว่างกันให้มีรัฐบาลกลาง และให้มีอํานาจหน้าที่เฉพาะกิจการบางอย่างที่รัฐสมาชิกยินยอมมอบหมายให้เท่านั้น, ปัจจุบันไม่มีแล้ว. (อ. confederationof states).
สมาส
[สะหฺมาด] น. การเอาศัพท์ตั้งแต่ ๒ ศัพท์ขึ้นไปมาต่อกันเป็นศัพท์เดียวตามหลักที่ได้มาจากไวยากรณ์บาลีและสันสกฤตเช่น สุนทร + พจน์ เป็น สุนทรพจน์ รัฐ + ศาสตร์ เป็น รัฐศาสตร์อุดม + การณ์ เป็น อุดมการณ์. (ป., ส.).
สม่ำเสมอ
[สะหฺมํ่าสะเหฺมอ] ว. เสมอเป็นปรกติ เช่น มาประชุมสม่ำเสมอ,เสมอตามกำหนด เช่น ส่งดอกเบี้ยสม่ำเสมอ; ราบเรียบ, ไม่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ, (มักใช้ในความปฏิเสธ) เช่น พื้นไม่สม่ำเสมอ.
สมิง
[สะหฺมิง] น. เสือที่เชื่อว่าเดิมเป็นคนที่มีวิชาอาคมแก่กล้าแล้วต่อมาสามารถจำแลงร่างเป็นเสือได้ หรือเสือที่กินคนมาก ๆ เข้า เชื่อกันว่าวิญญาณคนตายเข้าสิง ต่อมาสามารถจำแลงร่างเป็นคนได้ เรียกว่าเสือสมิง; ตําแหน่งขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายมอญ. (ต. สมิง ว่า พระเจ้าแผ่นดิน, เจ้าเมือง, ผู้ปกครอง).
สมิงพราย
น. เจ้าผี.
สมิงมิ่งชาย
น. ชายชาติทหาร, ยอดชาย.
สมิงทอง
น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สมิต ๑
[สะมิด] ก. ยิ้ม, เบิกบาน. (ส.; ป. สิต).
สมิต ๒
[สะมิด] ก. ประสม, รวบรวม. (ป.).
สมิต ๓
[สะมิด] น. กิ่งแห้งของต้นไม้บางชนิด เช่นต้นโพใช้เป็นเชื้อไฟในพิธีโหมกูณฑ์. (ส.); ใบไม้ ๓ ชนิด คือ ใบมะม่วง ใบทอง และใบตะขบที่ถวายพระเจ้าแผ่นดินในพิธีอภิเษก เช่นราชาภิเษก.
สมิต ๔
ดู สมิทธ์, สมิทธิ.
สมิติ
[สะ] น. ที่ประชุม. (ป., ส.).
สมิทธ์, สมิทธิ
[สะมิด, สะมิดทิ] ว. สําเร็จพร้อม, สมบูรณ์, สัมฤทธิ์, เขียนว่าสมิต ก็มี. (ป.).
สมิทธ์, สมิทธิ
[สะมิด, สะมิดทิ] ว. สําเร็จพร้อม, สมบูรณ์, สัมฤทธิ์, เขียนว่าสมิต ก็มี. (ป.).
สมี ๑
[สะหฺมี] น. คําเรียกพระภิกษุผู้ต้องอธิกรณ์ขั้นปาราชิก; (โบ)คําใช้เรียกพระภิกษุ.
สมี ๒
[สะหฺมี] น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Sesbania sesban (L.) Merr. ในวงศ์Leguminosae ดอกสีเหลืองมีประสีนํ้าตาล ใบคล้ายใบโสนใช้ทํายาและใช้ในพิธีพลีกูณฑ์. (ส. ศมี).
สมีปะ
[สะมี] (แบบ) ว. ใกล้ เช่น สมีปสร้อยสระศรี. (สมุทรโฆษ). (ป.).
สมีระ
[สะมี] น. ลม. (ป., ส. สมีรณ).
สมุก ๑
[สะหฺมุก] น. ถ่านทําจากใบตองแห้งใบหญ้าคาเป็นต้นป่นให้เป็นผงประสมกับรักนํ้าเกลี้ยง สําหรับทารองพื้นบนสิ่งต่าง ๆ เช่นบานประตูหน้าต่างโบสถ์วิหารก่อนที่จะเขียนลายรดนํ้าปิดทอง.
สมุก ๒
[สะหฺมุก] น. ภาชนะสานก้น ๔ มุม มีฝาสวมครอบ สําหรับใส่สิ่งของต่าง ๆ. (ป. สมุคฺค ว่า หีบ, ตะกร้า).
สมุจจัย
[สะหฺมุดไจ] น. การรวบรวม. (ป., ส.).
สมุจเฉท, สมุจเฉท
[สะหฺมุดเฉด, เฉดทะ] น. การตัดขาด. (ป., ส.).
สมุจเฉท, สมุจเฉท
[สะหฺมุดเฉด, เฉดทะ] น. การตัดขาด. (ป., ส.).
สมุจเฉทปหาน
[ปะหาน] น. การละกิเลสได้ขาดอย่างพระอรหันต์.
สมุฏฐาน
[สะหฺมุดถาน] น. ที่เกิด, ที่ตั้ง, เหตุ, เช่น สมุฏฐานของโรคโรคนี้มีจิตเป็นสมุฏฐาน. (ป.).
สมุด
[สะหฺมุด] น. กระดาษที่ทําเป็นเล่ม มีหลายชนิดเรียกชื่อตามประโยชน์ใช้สอย เช่น สมุดวาดเขียน สมุดแผนที่ สมุดแบบฝึกหัดคัดลายมือ.
สมุดข่อย
น. สมุดไทย.
สมุดไทย
น. สมุดที่ทําด้วยกระดาษข่อยแผ่นยาว ๆ หน้าแคบ พับทางขวางทบกลับไปกลับมาคล้ายผ้าจีบ เป็นสมุดเล่มสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีทั้งชนิดกระดาษขาวและกระดาษดํา, สมุดข่อย ก็เรียก.
สมุดปูมเดินทาง
น. สมุดบันทึกรายการต่าง ๆ เกี่ยวกับการเดินเรือหรือการเดินอากาศ เช่น เดินทางจากไหนถึงไหน วันที่เดินทางจํานวนชั่วโมง ฯลฯ.
สมุดรายงาน
น. สมุดบันทึกผลการเรียนและพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของนักเรียน, เดิมเรียกว่า สมุดพก.
สมุตถาน
[สะหฺมุดถาน] น. สมุฏฐาน. (ส.; ป. สมุฏฺฺ?าน).
สมุทร ๑, สมุทร
[สะหฺมุด, สะหฺมุดทฺระ] น. ทะเลลึก; เรียกทะเลขนาดใหญ่ ซึ่งมีแผ่นดินโอบล้อมเป็นตอน ๆ ว่า มหาสมุทร เช่น มหาสมุทรอินเดียมหาสมุทรแปซิฟิก. (ส.; ป. สมุทฺท).
สมุทร ๑, สมุทร
[สะหฺมุด, สะหฺมุดทฺระ] น. ทะเลลึก; เรียกทะเลขนาดใหญ่ ซึ่งมีแผ่นดินโอบล้อมเป็นตอน ๆ ว่า มหาสมุทร เช่น มหาสมุทรอินเดียมหาสมุทรแปซิฟิก. (ส.; ป. สมุทฺท).
สมุทรโจร
[สะหฺมุดทฺระ] น. โจรสลัด.
สมุทรศาสตร์
[สะหฺมุดทฺระ] น. วิทยาศาสตร์สาขาหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะสมบัติทางเคมีและฟิสิกส์ของนํ้าทะเล ชีววิทยาทะเล และปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของทะเลและมหาสมุทร.(อ. oceanography).
สมุทรเสนา
[สะหฺมุดทฺระ] (เลิก) น. เรียกลูกเสือพวกหนึ่งตามจังหวัดชายทะเลว่า ลูกเสือสมุทรเสนา.
สมุทร ๒
[สะหฺมุด] น. ดาวเนปจูน.
สมุทรโคดม
[สะหฺมุดทฺระ] น. ข้าวฟ่างสมุทรโคดม. (ดู ข้าวฟ่าง ที่ ข้าว).
สมุทัย
[สะหฺมุไท, สะหฺมุดไท] น. ต้นเหตุ, ที่เกิด, ในคำว่า ทุกขสมุทัยหมายถึง ต้นเหตุหรือที่เกิดแห่งทุกข์. (ป., ส.).
สมุน ๑
[สะหฺมุน] น. บริวาร, คนอยู่ในบังคับ, มักเรียกว่า ลูกสมุน.
สมุน ๒
[สะหฺมุน] น. จาก คา หรือใบไม้ที่ใช้มุงหลบหลังคา.
สมุน ๓
[สะหฺมุน] น. สวะหญ้าขนาดใหญ่ที่อยู่ชายฝั่ง.
สมุน ๔
[สะหฺมุน] น. หมอทําพิธีเบิกไพรเพื่อป้องกันภัยในป่า.
สมุนไพร
[สะหฺมุนไพฺร] น. ผลิตผลธรรมชาติ ได้จาก พืช สัตว์ และ แร่ธาตุที่ใช้เป็นยา หรือผสมกับสารอื่นตามตํารับยา เพื่อบําบัดโรค บํารุงร่างกาย หรือใช้เป็นยาพิษ เช่น กระเทียม นํ้าผึ้ง รากดิน (ไส้เดือน)เขากวางอ่อน กํามะถัน ยางน่อง โล่ติ๊น.
สมุลแว้ง
[สะหฺมุนละ] น. ชื่อไม้ต้นชนิด Cinnamomum thailandica Kosterm.ในวงศ์ Lauraceae เปลือกมีกลิ่นหอมร้อน ใช้ทํายาได้.
สมุห, สมุห์
[สะหฺมุหะ, สะหฺมุ] น. หมู่, กอง, พวก. (ป.; ส. สมูห); หัวหน้าในตําแหน่งหน้าที่ เช่น สมุหพระราชพิธี สมุหราชองครักษ์ สมุห์บัญชี;ตําแหน่งพระฐานานุกรมเหนือใบฎีกา เช่น พระสมุห์ พระครูสมุห์.สมุหกลาโหม, สมุหพระกลาโหม น. ตําแหน่งข้าราชการชั้นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายทหารครั้งโบราณ.
สมุห, สมุห์
[สะหฺมุหะ, สะหฺมุ] น. หมู่, กอง, พวก. (ป.; ส. สมูห); หัวหน้าในตําแหน่งหน้าที่ เช่น สมุหพระราชพิธี สมุหราชองครักษ์ สมุห์บัญชี;ตําแหน่งพระฐานานุกรมเหนือใบฎีกา เช่น พระสมุห์ พระครูสมุห์.สมุหกลาโหม, สมุหพระกลาโหม น. ตําแหน่งข้าราชการชั้นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายทหารครั้งโบราณ.
สมุหเทศาภิบาล
น. ผู้สําเร็จราชการมณฑลสมัยโบราณ.
สมุหนาม
(ไว) น. คํานามที่บอกลักษณะของคน สัตว์ และสิ่งของที่รวมกันอยู่เป็นหมวด เป็นหมู่ เป็นพวก เช่น กอง หมู่ คณะ ฝูง พวก.
สมุหนายก
น. ตําแหน่งข้าราชการชั้นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายพลเรือนครั้งโบราณ.
สมุหประธาน
(โบ) น. เสนาบดีชั้นจตุสดมภ์ คือ เวียง วัง คลัง นา.
สโมธาน
[สะโมทาน] น. การประชุม, การรวมกัน. (ป.; ส. สมวธาน).
สโมสร
[สะโมสอน] น. ที่สําหรับร่วมประชุมคบหากัน เช่น สโมสรข้าราชการ
สโมสรทหารบก
ก. ร่วมชุมนุมกัน เช่น ไปร่วมสโมสร. (ป. สโมสรณ;ส. สมวสรณ).
สโมสรสันนิบาต
น. งานชุมนุมใหญ่อย่างเป็นทางการ เช่น รัฐบาลจัดงานสโมสรสันนิบาตที่ทำเนียบรัฐบาลเนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา.
สยด
[สะหฺยด] ก. ใจหายวาบขึ้นทันที เพราะความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ได้เห็น.
สยดสยอง
[สะหฺยดสะหฺยอง] ว. รู้สึกหวาดเสียวมีอาการขนลุกขนพองตามมาด้วย เช่น เห็นเขาใช้ดาบแทงกันจนไส้ทะลักรู้สึกสยดสยอง.
สยดแสยง
ก. สยดโดยมีอาการขยะแขยงทั้งเกลียดทั้งกลัวตามมาด้วย.
สยนะ
[สะยะ] น. ที่นอน; การนอน. (ป.).
สยบ
[สะหฺยบ] ก. ซบลง, ฟุบลง, เช่น สยบอยู่แทบเท้า; แพ้ เช่น เขายอมสยบอย่างราบคาบ, ทําให้พ่ายแพ้ เช่น พระพุทธเจ้าสยบมาร.
สยมพร
[สะหฺยมพอน] น. พิธีเลือกคู่ของกษัตริย์สมัยโบราณ; การเลือกผัวของนางกษัตริย์สมัยโบราณ, สยัมพร สยุมพร หรือ สวยมพร ก็ใช้.(ป. สยํวร; ส. สฺวยํวร).
สยมภู
[สะหฺยมพู] น. พระผู้เป็นเอง, พระอิศวร, สวยมภู ก็ใช้. (ป. สยมฺภู;ส. สฺวยมฺภู).
สยอง
[สะหฺยอง] ว. อาการที่ขนลุกขนชันเพราะความหวาดกลัวในความว่า ขนพองสยองเกล้า.
สยองขวัญ
ว. น่าหวาดกลัวจนขวัญหาย เช่น นวนิยายสยองขวัญ.
สยอน
[สะหฺยอน] ก. หวาดเสียว, กลัว.
สยัมพร
[สะหฺยําพอน] น. สยมพร, สยุมพร หรือ สวยมพร ก็ใช้.
สยัมวรา
[สะยําวะ] น. หญิงที่เลือกคู่เอาเอง. (ป.; ส. สยํวรา, สฺวยํวรา).
สยาม, สยาม
[สะหฺยาม, สะหฺยามมะ] น. ชื่อเรียกประเทศไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๒; ของประเทศไทย.
สยาม, สยาม
[สะหฺยาม, สะหฺยามมะ] น. ชื่อเรียกประเทศไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๒; ของประเทศไทย.
สยามานุสติ
[สะหฺยามมานุดสะติ, สะหฺยามานุดสะติ] น. การระลึกถึงประเทศสยาม, ชื่อโคลง ๔ สุภาพ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว.
สยามินทร์
[สะหฺยามิน] น. ผู้เป็นใหญ่ในสยามหมายถึง พระมหากษัตริย์ของประเทศไทย.
สยามรัฐ
[สะหฺยามมะ] น. แคว้นไทย, ประเทศไทย.
สยาย
[สะหฺยาย] ก. คลี่หรือคลายสิ่งที่มุ่นหรือเป็นกลุ่มก้อนอยู่ให้แผ่กระจายออก เช่น สยายผม. ว. ที่คลี่หรือคลายสิ่งที่มุ่นหรือเป็นกลุ่มก้อนอยู่ให้แผ่กระจายออก เช่น ผมสยาย.
สยิว
[สะหฺยิว] ก. รู้สึกเย็นเยือก, รู้สึกเสียวซ่าน, รู้สึกวาบหวาม เช่นสยิวกาย สยิวใจ.
สยิ้ว
[สะยิ่ว] ก. ทําหน้านิ่วคิ้วขมวดแสดงความไม่พอใจหรือเบื่อหน่ายในคำว่า สยิ้วหน้า สยิ้วพระพักตร์.
สยุ่น
[สะหฺยุ่น] น. เครื่องมือกลึงไม้ชนิดหนึ่ง รูปเหมือนสิ่ว ตัวทำด้วยเหล็กด้ามทำด้วยไม้ยาวประมาณ ๑ ศอก มีหน้าต่าง ๆ เช่นหน้าตัด หน้าสามเหลี่ยม หน้าโค้ง.
สยุมพร ๑
[สะหฺยุมพอน] น. สยมพร, สยัมพร หรือ สวยมพร ก็ใช้.
สยุมพร ๒
ดู ชะโอน.
สยุมภู
[สะหฺยุมพู] ว. เป็นเองตามธรรมชาติ เช่น รกสยุมภู ว่า รกอย่างเป็นเองตามธรรมชาติ.
สร ๑
[สอน] น. ศร. (ป.; ส. ศร).
สร ๒
[สอระ] ว. ทิพย์, แกล้วกล้า, เช่น สรศาสดา สรศักดิ์ สรสีห์.(ป., ส. สุร).
สร ๓
[สฺระ] คํานําหน้าคําอื่นที่ใช้ในบทกลอนเพื่อความสละสลวยเช่น ดื่น เป็นสรดื่น, คําที่แผลงมาจากคําที่ขึ้นต้นด้วยตัว สซึ่งใช้ในบทกลอน เช่น สนุก เป็น สรนุก.
สรกะ
[สะระกะ] น. จอก, ขัน. (ป., ส.).
สรง
[สง] ก. อาบนํ้า (ใช้แก่บรรพชิตและเจ้านาย). (ข.).
สร่ง ๑
[สะหฺร่ง] น. วิธีฝังเพชรเม็ดเล็ก ๆ ขนาดไข่ปลาลงไปบนพื้นที่ทําให้โปร่ง, ถ้าแกะแรให้ผิวเป็นเหลี่ยมขึ้นเงาดูเหมือนฝังเพชรเรียกว่า ตัดสร่ง.
สร่ง ๒
[สะหฺร่ง] น. ชื่ออาหารว่างชนิดหนึ่ง ทำด้วยหมูสับคลุกกับรากผักชีพริกไทย น้ำปลา ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ พันด้วยเส้นมี่สั้วลวกทอดให้เหลืองนวล รับประทานกับน้ำจิ้ม.
สรฏะ
[สะระ] น. กิ้งก่า. (ป., ส.).
สรณ, สรณะ
[สะระนะ] น. ที่พึ่ง, ที่ระลึก; ความระลึก. (ป.; ส. ศรณ).
สรณ, สรณะ
[สะระนะ] น. ที่พึ่ง, ที่ระลึก; ความระลึก. (ป.; ส. ศรณ).
สรณคมน์, สรณาคมน์
น. การยึดเอาเป็นที่พึ่งที่ระลึก, ในพระพุทธศาสนาหมายถึงการถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก เรียกว่า ไตรสรณคมน์หรือ ไตรสรณาคมน์. (ป.).
สรณคมน์, สรณาคมน์
น. การยึดเอาเป็นที่พึ่งที่ระลึก, ในพระพุทธศาสนาหมายถึงการถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก เรียกว่า ไตรสรณคมน์หรือ ไตรสรณาคมน์. (ป.).
สรณตรัย
น. ที่พึ่งทั้ง ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์.
สรดัก
[สฺระ] (กลอน) ก. เต็มไป, ดาษไป, แน่นไป.
สรดึ่น
[สฺระ] (กลอน) ก. ตื่นใจ. ว. เป็นพืดไป.
สรดื่น
[สฺระ] (กลอน) ว. เกลื่อนกลาด, ดาษดื่น.
สรตะ
[สะระ] น. การคาดคะเนตามเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องการพนันมีหวย ถั่ว โป เป็นต้น; โดยปริยายหมายความว่า การคาดคะเนตามข้อสังเกตหรือสันนิษฐาน, การเก็งหรือการคาดหมายเอาโดยยึดเค้าเดิมเป็นหลัก, เช่น คิดสรตะแล้วงานนี้ขาดทุน, เขียน เป็นสะระตะ ก็มี.
สรตัก
[สฺระ] (กลอน) ก. เต็มไป, ดาษไป, แน่นไป.
สรทะ
[สะระ] น. ฤดูใบไม้ร่วง, ฤดูสารท. (ป.; ส. ศรท).
สรทึง
[สฺระ] (กลอน) น. แม่นํ้า, ใช้ว่า จทึง ฉทึง ชทึง ชรทึง สทิงหรือ สทึง ก็มี. (ข. สฺทึงว่า คลอง).
สรแทบ
[สฺระ] (กลอน) ว. ไม่นูน, ราบ.
สรนุก
[สฺระหฺนุก] (กลอน) ว. สนุก.
สรไน
[สฺระ] น. ปี่ไฉน เช่น นักคุณแคนคู่ฆ้อง สรไน. (หริภุญชัย).
สรบ
[สฺรบ] (โบ; กลอน) ว. ทั่ว, พร้อม, เขียนเป็น สรับ ก็มี.
สรบบ
[สฺระ] (กลอน) น. สารบบ.
สรบับ
[สฺระ] (กลอน) น. สารบับ.
สรพะ
[สะระพะ] ว. เสียงดัง, เอ็ดอึง. (ป.; ส. ศรว).
สรเพชญ
[สฺระเพด] น. สรรเพชญ. (ส. สรฺวชฺ?).
สรภะ
[สะระ] น. สัตว์ในนิยายว่ามี ๘ ขา มีกําลังยิ่งกว่าราชสีห์.(ป.; ส. ศรภ).
สรภัญญะ
[สะระพันยะ, สอระพันยะ] น. ทํานองสําหรับสวดคําที่เป็นฉันท์, ทํานองขับร้องทํานองหนึ่ง, เช่น สวดสรภัญญะทำนองสรภัญญะ. (ป.).
สรภู
[สะระ] น. ตุ๊กแก. (ป.).
สรม
[สฺรม] ก. ขอ, มักใช้ว่า สรวม. (ข. สูม). ว. พร้อม.
สรร
[สัน] ก. เลือก, คัด, เช่น จัดสรร เลือกสรร. (ข. สรัล).
สรรแสร้ง
ก. เลือกว่า, แกล้งเลือก.
สรรหา
ก. เลือกมา, คัดมา, เช่น สรรหาของมาตกแต่งบ้าน คณะกรรมการสรรหาอธิการบดี.
สรรค์
[สัน] ก. สร้างให้มีให้เป็นขึ้น, มักใช้เข้าคู่กับคำ สร้าง เป็นสรรค์สร้าง หรือ สร้างสรรค์. (ส. สรฺค ว่า สร้างอย่างพระพรหมสร้างโลก).
สรรพ, สรรพ
[สับ, สับพะ] ว. ทุกสิ่ง, ทั้งปวง, ทั้งหมด, เช่น พร้อมสรรพงามสรรพ เสร็จสรรพ สรรพสิ่ง สรรพสินค้า. (ส. สรฺว; ป. สพฺพ).
สรรพ, สรรพ
[สับ, สับพะ] ว. ทุกสิ่ง, ทั้งปวง, ทั้งหมด, เช่น พร้อมสรรพงามสรรพ เสร็จสรรพ สรรพสิ่ง สรรพสินค้า. (ส. สรฺว; ป. สพฺพ).
สรรพคราส
น. สุริยุปราคาหมดดวง.
สรรพคุณ
น. คุณสมบัติของสิ่งที่เป็นยา, โดยปริยายหมายถึงคุณสมบัติเช่น เขามีสรรพคุณเชื่อถือได้. (ส. สรฺว + คุณ).
สรรพนาม
(ไว) น. คําที่ใช้แทนชื่อ นาม หรือข้อความที่กล่าวมาแล้ว เพื่อไม่ต้องกล่าวชื่อ นาม หรือข้อความนั้นซ้ำอีก เช่น ฉัน เขา เรา ท่าน.
สรรพสามิต
[สับพะ, สันพะ] น. อากรที่เก็บจากสิ่งประดิษฐ์และผลิตขึ้นภายในประเทศ เรียกว่า อากรสรรพสามิต.
สรรพากร
[สันพากอน] น. อากรที่เก็บจากสิ่งที่เป็นเองหรือมีบ่อเกิดเป็นรายได้.
สรรพางค์
[สันระพาง] น. ทั้งตัว, ทั่วตัว, มักใช้เข้าคู่กับคำ กาย เป็นสรรพางค์กาย เช่น เจ็บปวดทั่วสรรพางค์กาย, สารพางค์ก็ว่า. (ส. สรฺวางฺค).
สรรพัชญ
(แบบ) น. สรรเพชญ. (ส. สรฺวชฺ?).
สรรพากร
ดู สรรพ, สรรพ.
สรรพางค์
ดู สรรพ, สรรพ.
สรรเพชญ
(แบบ) น. ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง, ผู้รู้ทั่ว, พระนามของพระพุทธเจ้า,สรรพัชญ ก็เรียก. (ส. สรฺวชฺ?; ป. สพฺพญฺญู).
สรรเพชุดา
[สันเพดชุ] (แบบ) น. ความเป็นผู้รู้ทุกสิ่ง หมายเอาความเป็นพระพุทธเจ้า. (ส. สรฺวชฺ?าตฺฤ; ป. สพฺพญฺญุตา).
สรรเพชุดาญาณ
น. ญาณหรือปัญญาที่รู้ทุกสิ่ง หมายเอาญาณของพระพุทธเจ้า.(ส. สรฺวชฺ?าน; ป. สพฺ??ฺญุต?าณ).
สรรวง
[สฺระรวง] (กลอน) น. สรวง.
สรรเสริญ
[สันเสิน, สันระเสิน] ก. กล่าวคํายกย่อง เชิดชู หรือ เทิดทูน เช่นสรรเสริญพระพุทธคุณ, กล่าวคําชมด้วยความนิยมพอใจ หรือเยินยอคุณความดี เช่น สรรเสริญคนที่มีความกตัญญูรู้คุณ,สรเสริญ ก็ใช้.
สรลน
[สฺระหฺลน] (กลอน) ว. สลอน, แน่น; เชิดชู.
สรลม
[สฺระหฺลม] (กลอน) ว. สล้าง, ดาษ, ระกะ.
สรลมสลวน
[สะหฺลวน] ว. แน่นหนา, ดาดาษ, สล้าง, สลอน.
สรลอด
[สฺระหฺลอด] (กลอน) น. สลอด.
สรลอน
[สฺระหฺลอน] (กลอน) ว. สลอน.
สรละ
[สฺระหฺละ] (กลอน) ก. สละ.
สรล้าย
[สฺระหฺล้าย] (กลอน) ก. สลาย, แตก, กระจาย, เรี่ยราย, เป็นแนวติด ๆ กันไป.
สรลิด
[สฺระหฺลิด] (กลอน) น. ดอกสลิด.
สรเลข
[สอระ] น. ตําแหน่งข้าราชการหัวเมืองในสมัยโบราณ.
สรวง
[สวง] น. ฟ้า, สวรรค์; เทวดา. ก. เซ่น, บูชา, บน.
สรวงเส
ก. บูชา, เสสรวง ก็ว่า.
สรวป
[สะหฺรวบ] (โบ) ก. สรุป. (แผลงมาจาก สรุป).
สรวม
[สวม] ก. ขอ. (ข.).
สรวมชีพ
ก. ขอชีวิต, ขอจงให้ชีวิตหรือปกป้องชีวิต, ใช้ขึ้นต้นคํากราบบังคมทูลอย่างขอเดชะ.
สรวล
[สวน] ก. หัวเราะ, ราชาศัพท์ใช้ว่า ทรงพระสรวล.
สรวลสันหรรษา
ก. หัวเราะร่าเริงยินดี, หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ, เช่นบรรดาศิษย์เก่ามาร่วมสรวลสันหรรษาในงานชุมนุมศิษย์เก่าประจำปี.
สรวลเส, สรวลเสเฮฮา
ก. หัวเราะร่าเริง, หัวเราะอย่างสนุกสนานครึกครื้น, เช่นเขาชอบหาเรื่องขำขันมาเล่า ทำให้เพื่อน ๆ ได้สรวลเสเฮฮาเสมอ, เสสรวล ก็ว่า.
สรวลเส, สรวลเสเฮฮา
ก. หัวเราะร่าเริง, หัวเราะอย่างสนุกสนานครึกครื้น, เช่นเขาชอบหาเรื่องขำขันมาเล่า ทำให้เพื่อน ๆ ได้สรวลเสเฮฮาเสมอ, เสสรวล ก็ว่า.
สรสรก
[สะระสก] ว. โซก, ซ่ก, โชก, เช่น แล้วมันก็เชือดเอาหัวใจนางเลือดตกพลางสรสรก แล่นฉวยฉกหาไปบอยู่แล. (ม. คำหลวงกุมาร).
สรเสริญ
[สฺระ] (กลอน) ก. สรรเสริญ.
สรเหนาะ, สระเหนาะ
[สฺระเหฺนาะ] (กลอน) ว. เสนาะ, ไพเราะ; วังเวงใจ, เศร้าใจ,เช่น สรเหนาะนิราษน้อง ลงเรือ. (โคลงกำสรวล), สระเหนาะน้ำคว่วงคว้วงควิวแด. (โคลงกำสรวล). (ข. สฺรโณะ ว่า นึกสังเวช สงสารวังเวงใจอาลัยถึง).
สรเหนาะ, สระเหนาะ
[สฺระเหฺนาะ] (กลอน) ว. เสนาะ, ไพเราะ; วังเวงใจ, เศร้าใจ,เช่น สรเหนาะนิราษน้อง ลงเรือ. (โคลงกำสรวล), สระเหนาะน้ำคว่วงคว้วงควิวแด. (โคลงกำสรวล). (ข. สฺรโณะ ว่า นึกสังเวช สงสารวังเวงใจอาลัยถึง).
สร้อย ๑
[ส้อย] น. ขนคอสัตว์ เช่น สร้อยคอไก่ สร้อยคอสิงโต;เครื่องประดับที่ทําเป็นเส้น เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ,สายสร้อย ก็เรียก.
สร้อยระย้า ๑
น. ชื่อตุ้มหูชนิดหนึ่งที่มีระย้าห้อยลงมา.
สร้อยสน
น. สร้อยที่ถักเป็นลายคดกริช; ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง;ชื่อกลบทชนิดหนึ่ง.
สร้อยอ่อน
น. สร้อยขนาดเล็กตั้งแต่ ๒ สายขึ้นไปเรียงกัน มีหัวเป็นที่ร้อย.
สร้อย ๒
[ส้อย] น. ชื่อปลานํ้าจืดหลายสกุลในวงศ์ Cyprinidae พบอยู่รวมกันเป็นฝูงในตอนปลายฤดูนํ้าหลาก และว่ายทวนนํ้าขึ้นไปหากินในแหล่งนํ้าที่สูงขึ้นไป ส่วนใหญ่ลําตัวสีขาวเงินและมีจุดคลํ้าหรือจุดดําบนเกล็ดจนเห็นเป็นเส้นสายหลายแถบพาดตามยาวอยู่ข้างตัว เช่น สร้อยขาว (Cirrhinus jullieni),กระสร้อย ก็เรียก.
สร้อย ๓
[ส้อย] น. คำหรือวลีที่ใช้ลงท้ายวรรค ท้ายบาท หรือท้ายบทร้อยกรองเพื่อให้ครบตามจำนวน เพื่อความไพเราะของเสียงและความหมายหรือเพื่อแสดงว่าจบตอน เช่น นา เฮย ฤๅ บารนีแก่แม่นา โสตถิ์เทอญ, คำสร้อย ก็ว่า; คำที่เติมหรือประกอบคำอื่นเพื่อให้ไพเราะหรือเต็มความ เช่น เสื้อแสง หนังสือหนังหา,คำต่อท้ายราชทินนาม เช่น พระราชปัญญาสุธี ศรีปริยัติธาดามหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี เจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจ สกลนิติธรรมศาสตราจารย์ มหิบาลมหาสวามิภักดิ์ ปรมัคราชมนตรีอภัยพิริยปรากรมพาหุ.
สร้อย ๔
[ส้อย] น. ผู้หญิง, นาง, เช่น จําใจจําจากสร้อย. (ตะเลงพ่าย).
สร้อย ๕
[ส้อย] น. ดอกไม้ เช่น สร้อยสลา.
สร้อย ๖
[ส้อย] ก. โศก.
สร้อยเศร้า
ก. เศร้าสร้อย.
สร้อยทอง
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Solidago polyglossa DC. ในวงศ์Compositae ดอกสีเหลืองออกเป็นช่อ.
สร้อยทะแย
น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สร้อยนกเขา
น. (๑) ดู ข้างตะเภา. (๒) ดู ขี้ขม และ ทองลิน.
สร้อยน้ำผึ้ง
ดู รากกล้วย.
สร้อยระย้า ๑
ดูใน สร้อย ๑.
สร้อยระย้า ๒
น. (๑) ชื่อกล้วยไม้อิงอาศัยชนิด Otochilus fusca Lindl. ในวงศ์Orchidaceae ดอกเล็ก สีขาว ออกเป็นช่อห้อยลง กลิ่นหอม. (๒)ชื่อไม้พุ่มอิงอาศัยชนิด Medinilla magnifica Lindl. ในวงศ์Melastomataceae ใบรูปไข่เป็นมัน เส้นกลางใบสีขาวนวลดอกสีชมพู ออกเป็นช่อห้อยลง.
สร้อยอินทนิล
น. ชื่อไม้เถาชนิด Thunbergia grandiflora Roxb. ในวงศ์Acanthaceae ดอกสีฟ้าอมม่วงหรือขาว ออกเป็นพวงห้อยระย้า, ช่ออินทนิล หรือ ม่านอินทนิล ก็เรียก.
สระ ๑
[สะ] น. แอ่งนํ้าขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเองหรือคนขุด. (ป. สร; ส. สรสฺ).
สระ ๒
[สะหฺระ] น. เสียงพูดที่เปล่งออกมาโดยอาศัยการเคลื่อนไหวของลิ้นและริมฝีปากเป็นสําคัญ แต่ไม่มีการสกัดกั้นจากอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในปาก เช่น เสียง อะ อา โดยทั่วไปจะออกเสียงสระร่วมกับเสียงพยัญชนะ หรือออกเสียงเฉพาะเสียงสระอย่างเดียวก็ได้, เสียงสระ ก็เรียก; ตัวอักษรที่ใช้แทนเสียงสระ เช่น ะา, รูปสระ ก็เรียก. (ป. สร; ส. สฺวร).
สระ ๓
[สะ] ก. ฟอกให้สะอาดหมดจด ในคำว่า สระหัว สระผม,ชำระล้างให้สะอาด เช่น สระหวี.
สระ ๔
[สฺระ] คําที่แผลงมาจากคําที่ขึ้นต้นด้วยคํา สะ ซึ่งใช้ในบทกลอนเช่น สะท้อน เป็น สระท้อน.
สระ ๕
[สะระ] น. เสียง. (ป.; ส. สฺวร).
สระกอ
[สฺระ] (กลอน) ว. สะกอ.
สระคราญ
[สฺระ] (กลอน) ว. สะคราญ.
สระดะ
[สฺระ] (กลอน) ว. ระดะไป, เกะกะไป, ดาษไป, แน่นไป.
สระท้อน
[สฺระ] (กลอน) ว. สะท้อน; อ่อน. (ข.).
สระพรั่ง
[สฺระ] (กลอน) ว. สะพรั่ง.
สระสม
[สฺระ] (วรรณ) ว. สวย เช่น พิศดูคางสระสม. (ลอ).
สระอาด
[สฺระ] (กลอน) ว. สะอาด.
สระอื้น
[สฺระ] (กลอน) ก. สะอื้น.
สรั่ง
[สะหฺรั่ง] น. หัวหน้ากะลาสี. (เปอร์เซีย).
สรัสวดี
[สะรัดสะวะดี] น. เทวีองค์หนึ่งในลัทธิศักติของศาสนาฮินดูเป็นชายาของพระพรหม ถือว่าเป็นเทวีแห่งศิลปวิทยา มีหลายชื่อ เช่น ภารตีพราหมี สารทา, ไทยใช้ว่า สุรัสวดี ก็มี.(ส. สรสฺวตี).
สร่าง
[ส่าง] ก. คลาย, ถอย, ทุเลา, (ใช้แก่ลักษณะความเป็นไปของร่างกายหรืออารมณ์ที่ผิดปรกติจากธรรมดา), เช่นสร่างไข้ สร่างโศก ไข้ยังไม่สร่าง สร่างเมา เมาไม่สร่าง.
สร้าง ๑
[ส้าง] ก. เนรมิต, บันดาลให้มีให้เป็นขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจ, เช่นพระพรหมสร้างโลก, ทำให้มีให้เป็นขึ้นด้วยวิธีต่าง ๆ กัน (ใช้ทั้งทางรูปธรรมและนามธรรม) เช่น สร้างบ้าน สร้างเมืองสร้างศัตรูสร้างชื่อเสียง.
สร้างชาติ
ก. ทำให้ชาติมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคง.
สร้างฐานะ
ก. ประกอบอาชีพจนมีทรัพย์สินเป็นหลักฐานมั่นคง.
สร้างเนื้อสร้างตัว
ก. สร้างฐานะให้ดีขึ้น, สร้างฐานะให้มั่นคง.
สร้างวิมานในอากาศ
(สํา) ก. ใฝ่ฝันถึงความมั่งมี, คิดคาดหรือหวังจะมีหรือเป็นอะไรอย่างเลิศลอย.
สร้างสถานการณ์
ก. สร้างให้เป็นเรื่องเป็นข่าวขึ้นมาโดยไม่มีมูลเพื่อหวังประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง.
สร้างสรรค์
ก. สร้างให้มีให้เป็นขึ้น (มักใช้ทางนามธรรม) เช่น สร้างสรรค์ความสุขความเจริญให้แก่สังคม. ว. มีลักษณะริเริ่มในทางดีเช่น ความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะสร้างสรรค์.
สร้างเสริม
ก. ทำให้เกิดมีขึ้นและเพิ่มพูนให้มากยิ่งขึ้น เช่น การศึกษาสร้างเสริมคนให้เป็นพลเมืองดี.
สร้าง ๒
[ส้าง] น. โรงขนาดเล็กมียกพื้นข้างใน สำหรับพระสงฆ์นั่งสวดพระอภิธรรม อยู่ ๔ มุมพระเมรุ, ซ่าง คดซ่าง คดสร้างสำซ่าง หรือสำสร้าง ก็เรียก. (เทียบ ส. ศมฺศาน; ป. สุสาน).
สราญ
[สะ] ว. สําราญ.
สร้าวเสียว
[ส้าว] ก. เร่ง; เตือนใจ.
สริตะ
[สะริตะ] น. แม่นํ้า, ลําธาร. (ส.; ป. สริตา).
สรี้
[สะรี้] ดู กระซิก ๒.
สรีร, สรีระ
[สะรีระ] น. ร่างกาย. (ป.; ส. ศรีร).
สรีร, สรีระ
[สะรีระ] น. ร่างกาย. (ป.; ส. ศรีร).
สรีรกิจ
น. การทํากิจเกี่ยวกับร่างกาย เช่น ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ;การปลงศพ.
สรีรธาตุ
น. กระดูกของศพที่เผาแล้ว.
สรีรวิทยา, สรีรศาสตร์
น. วิชาว่าด้วยสมบัติและการกระทําหน้าที่ของอินทรีย์ต่าง ๆซึ่งเป็นส่วนของสิ่งที่เป็นรูปร่างและมีชีวิต. (อ. physiology).
สรีรวิทยา, สรีรศาสตร์
น. วิชาว่าด้วยสมบัติและการกระทําหน้าที่ของอินทรีย์ต่าง ๆซึ่งเป็นส่วนของสิ่งที่เป็นรูปร่างและมีชีวิต. (อ. physiology).
สรีรังคาร, สรีรางคาร
[สะรีรังคาน, สะรีรางคาน] น. เถ้าถ่านที่ปะปนกับกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อยของศพที่เผาแล้ว.
สรีรังคาร, สรีรางคาร
[สะรีรังคาน, สะรีรางคาน] น. เถ้าถ่านที่ปะปนกับกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อยของศพที่เผาแล้ว.
สรีรังคาร, สรีรางคาร
ดู สรีร, สรีระ.
สรีรังคาร, สรีรางคาร
ดู สรีร, สรีระ.
สรีสฤบ
[สะรีสฺริบ] น. สัตว์เลื้อยคลาน, งู. (ส.; ป. สิรึสป).
สรุก
[สฺรุก] น. เมือง. (ข. สฺรุก).
สรุกเกรา
[เกฺรา] น. บ้านนอก. (ข. สฺรุกเกฺรา).
สรุง
[สุง] (กลอน) น. อํานาจ, เดช.
สรุโนก
[สฺรุ] น. นก. (แผลงมาจาก สุโนก).
สรุป, สรูป
[สะหฺรุบ, สะหฺรูบ] ก. ย่อเอาเฉพาะใจความสำคัญของเรื่องเป็นประเด็น ๆ ไป เช่น สรุปข่าว สรุปสถานการณ์, โบราณใช้ว่า สรวป ก็มี. น. ประเด็นย่อ ๆ ของเรื่อง เช่น กล่าวโดยสรุป.
สรุป, สรูป
[สะหฺรุบ, สะหฺรูบ] ก. ย่อเอาเฉพาะใจความสำคัญของเรื่องเป็นประเด็น ๆ ไป เช่น สรุปข่าว สรุปสถานการณ์, โบราณใช้ว่า สรวป ก็มี. น. ประเด็นย่อ ๆ ของเรื่อง เช่น กล่าวโดยสรุป.
สรุสระ
[สะหฺรุสะหฺระ] ว. ขรุขระ, ไม่เรียบร้อย.
สโรชะ
น. ดอกบัว, บัว. (ส. ว่า เกิดในสระ).
สฤก
[สฺริก] น. บัวขาว. (ส.).
สฤคาล
[สฺริคาน] น. หมาจิ้งจอก. (ส.).
สฤต
[สฺริด] ก. ผ่านไป, พ้นไป, ล่วงไป. (ส.).
สฤษฎิ, สฤษฎี, สฤษฏ์
[สะหฺริดสะ, สะหฺริด] น. การทํา, การสร้าง, ใช้ว่า สฤษดิ์ก็มี. (ส.).
สฤษฎิ, สฤษฎี, สฤษฏ์
[สะหฺริดสะ, สะหฺริด] น. การทํา, การสร้าง, ใช้ว่า สฤษดิ์ก็มี. (ส.).
สฤษฎิ, สฤษฎี, สฤษฏ์
[สะหฺริดสะ, สะหฺริด] น. การทํา, การสร้าง, ใช้ว่า สฤษดิ์ก็มี. (ส.).
สฤษดิ์
น. สฤษฏ์.
สลด
[สะหฺลด] ก. สังเวชใจ, รู้สึกรันทดใจ; เผือด, ถอดสี, เช่นหน้าสลด; เฉา, เหี่ยว, (ใช้แก่ใบไม้ดอกไม้ซึ่งขาดนํ้าเลี้ยงหรือถูกความร้อน) เช่น ต้นไม้ถูกความร้อนมาก ๆ ใบสลด.
สลดใจ
ก. รู้สึกเศร้าใจแกมสังเวช, รู้สึกหดหู่ใจ, เช่น ข่าวแผ่นดินไหวคนตายเป็นหมื่น ๆ ฟังแล้วสลดใจ เห็นสุนัขถูกรถทับตายรู้สึกสลดใจ.
สลบ
[สะหฺลบ] ก. อาการที่หมดความรู้สึก เช่น ถูกตีหัวจนสลบเป็นลมล้มสลบ.
สลบแดด
ก. อาการที่ใบไม้ดอกไม้เหี่ยวหรือเฉาเมื่อถูกแดดหรือความร้อน.
สลบไสล
ก. อาการที่แน่นิ่งไม่ไหวติง, อาการที่หลับใหลจนไม่รู้สึกตัว,เช่น อดนอนมาหลายวัน วันนี้เลยนอนสลบไสล.
สลบเหมือด
(ปาก) ก. สลบไสล.
สลวน
[สนละวน] ก. สาละวน.
สลวย
[สะหฺลวย] ว. ลักษณะของเส้นผมที่ละเอียด อ่อนนุ่ม ทิ้งตัวและมีปลายช้อยงอนงาม เช่น ผมสลวยจัดทรงง่าย, ลักษณะชายผ้าที่ทิ้งตัวห้อยลง เช่น ผ้าม่านทิ้งชายห้อยสลวย.
สลอด
[สะหฺลอด] น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Croton tiglium L. ในวงศ์Euphorbiaceae เมล็ดเป็นพิษ.
สลอน
[สะหฺลอน] ว. เห็นเด่นสะพรั่ง เช่น นั่งหน้าสลอน ยกมือสลอน.
สลอย
[สะหฺลอย] (กลอน) ว. งาม.
สละ ๑
[สะละ] น. ขนเม่น. (ป.).
สละ ๒
[สะหฺละ] น. ชื่อปาล์มชนิด Salacca edulis Reinw. ในวงศ์Palmae ขึ้นเป็นกอคล้ายระกํา ผลสีคลํ้า ไม่มีหนาม เนื้อสีขาวหนาล่อนรสหวาน (เทียบ ม. salak); ชื่อระกําพันธุ์หนึ่งส่วนมากผลมีเมล็ดเดียว.
สละ ๓
[สะหฺละ] น. ชื่อปลาทะเลชนิด Scomberoides sanctipetriในวงศ์ Carangidae ลําตัวแบนข้างและกว้างมาก มีจุดดําใหญ่อยู่บนเส้นข้างตัว ๕๘ จุด ตาเล็กอยู่ค่อนไปทางด้านสันหัว ขนาดโตได้ถึง ๑.๕ เมตร.
สละ ๔
[สะหฺละ] ก. บริจาค เช่น สละทรัพย์ช่วยการกุศล, เสียสละก็ใช้; ผละออก เช่น กัปตันสละเรือ, ละทิ้ง เช่น สละบ้านเรือนออกบวช, ละวาง, ปล่อยวาง, (สิ่งที่ยังต้องการจะรักษาไว้กับตนอยู่เพื่อเห็นแก่ความสุขความสงบเรียบร้อย หรือเพื่อพลีบูชาเป็นต้น), เช่น สละกิเลส.
สละชีพเพื่อชาติ
ก. ยอมเสียชีวิตเพื่อปกป้องประเทศชาติ.
สละราชสมบัติ
ก. สละความเป็นพระมหากษัตริย์.
สละสลวย
[สะหฺละสะหฺลวย] ว. ที่กล่าวหรือเรียบเรียงได้เนื้อถ้อยกระทงความและมีสำนวนกลมกลืนไพเราะระรื่นหู (ใช้แก่ถ้อยคำสำนวน) เช่น บทความนี้มีสำนวนสละสลวย.
สลัก ๑
[สะหฺลัก] ก. สกัดกั้น เช่น สลักโจรไว้อย่าให้หนีไปได้. น. เครื่องกั้นหรือกลอนประตูหน้าต่างเป็นต้นแบบเรือนไทยที่ลงไว้เพื่อไม่ให้เลื่อนหรือผลักเข้าไปได้ เช่น ลงสลักประตู.
สลักเกลียว
น. แท่งโลหะที่หัวมีลักษณะกลมหรือเหลี่ยม ตอนปลายมีเกลียวสําหรับใส่ขันยึดกับนอต. (ดู นอต ๒).
สลักเพชร
น. ไม้หรือเหล็กสําหรับสอดขัดกลอนประตูหน้าต่างแบบเรือนไทยเพื่อไม่ให้เคลื่อนที่; วิธีเข้าปากไม้แบบหนึ่ง บากปากไม้และเดือยเป็นรูปหางเหยี่ยว ใช้ลิ่มสอดเข้าไปที่หัวเดือยซึ่งบากไว้ เมื่อสอดเดือยเข้าไปในปากไม้แล้วตอกอัด ลิ่มจะดันให้ปลายเดือยขยายออกอัดแน่นกับปากไม้; กล้ามเนื้อที่เกาะอยู่ระหว่างขอบกระดูกเชิงกรานตรงตะโพกกับหัวกระดูกต้นขาทําให้ขากางออกได้.
สลัก ๒
[สะหฺลัก] ก. ทําให้เป็นลวดลายหรือรูปภาพด้วยวิธีใช้สิ่วสกัดตัด ตอก ดุน เป็นต้น เช่น สลักไม้ สลักลูกนิมิต หรือใช้สิ่งอื่นขูดขีดให้เป็นตัวหนังสือเป็นต้น เช่น สลักชื่อบนหีบบุหรี่. (เทียบม. selak).
สลักเสลา
[สะเหฺลา] ก. สลักให้เป็นลวดลายเรียบร้อยสวยงาม เช่นเสียเวลานั่งสลักเสลาผักครึ่งวันกว่าจะได้ลงมือทำกับข้าวสลักเสลาเสาหินเป็นลายเทพนม.
สลักหลัง
(กฎ) ก. เขียนข้อความลงในด้านหลังตราสาร เพื่อโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่ตราสารนั้น เช่น สลักหลังตั๋วแลกเงิน; เขียนลงข้างหลังเอกสารเป็นต้น เช่น สลักหลังเช็ค สลักหลังรูปให้ไว้เป็นที่ระลึก.
สลักเต้
[สะหฺลัก] น. ใบชา. (ข. สฺลึกแต).
สลักสำคัญ
ว. สําคัญมาก, สําคัญยิ่ง, เช่น เรื่องนี้สลักสำคัญมาก ไม่เห็นสลักสำคัญอะไรเลย.
สลัด ๑
[สะหฺลัด] น. ชื่อยําชนิดหนึ่งตามแบบชาวตะวันตก ประกอบด้วยผักสดหลายชนิด เช่น ผักกาดหอม หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศแตงกวา เป็นหลัก และอาจมีเนื้อสัตว์หรือไข่ด้วย ราดด้วยน้ำปรุงรสที่เรียกว่าน้ำสลัด สลัดมีหลายชนิด เช่น สลัดผัก สลัดเนื้อสัน สลัดแขก.
สลัดผลไม้
น. ชื่ออาหารชนิดหนึ่งตามแบบตะวันตก ทำด้วยผลไม้หลายชนิด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ราดด้วยน้ำเชื่อมหรือครีมหรือใช้โรยหน้าไอศกรีม.
สลัด ๒
[สะหฺลัด] น. โจรที่ปล้นเรือในทะเล เรียกว่า โจรสลัด. (เทียบม. salat ว่า ช่องแคบ).
สลัดอากาศ
น. โจรที่จี้หรือปล้นเครื่องบินในอากาศ.
สลัด ๓
[สะหฺลัด] ก. ทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ให้หลุดไปโดยวิธีสะบัดซัดหรือกระพือ เป็นต้น เช่น สลัดรองเท้าให้หลุดจากเท้า เม่นสลัดขน เขาสลัดมีดสั้นไปที่คู่ต่อสู้ ไก่สลัดขนปีก, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น สลัดรัก.
สลัดได ๑
[สะหฺลัด] น. ชื่อไม้พุ่มหลายชนิดในสกุล Euphorbia วงศ์Euphorbiaceae ต้นเป็นเหลี่ยม มีหนาม ไม่มีใบ เช่น ชนิดE. lacei Craib, สลัดไดป่า (E. antiquorum L.) ส่วนที่ใช้ทํายาได้เรียก กระลําพัก.
สลัดได ๒
[สะหฺลัด] น. เครื่องประดับยอดปรางค์ ทําเป็นรูปหอก มีกิ่งเป็นรูปดาบแตกสาขาออกไป ๔ ทิศ, แง่งขิง นพศูล นภศูลฝักเพกา หรือ ลําภุขัน ก็เรียก.
สลับ
[สะหฺลับ] ว. คั่นเป็นลําดับ เช่น เขียวสลับแดง ผู้หญิงผู้ชายนั่งสลับกันสร้อยทับทิมสลับเพชร; สับเปลี่ยน เช่น สลับคู่.
สลับฉาก
น. เรียกการแสดงสั้น ๆ ที่คั่นระหว่างการแสดงละครแต่ละฉากเพื่อให้มีเวลาสําหรับเปลี่ยนฉากละครว่า การแสดงสลับฉาก.
สลับฟันปลา
ว. สับหว่างสลับเยื้องกันอย่างฟันปลา เช่น นั่งสลับฟันปลายืนสลับฟันปลา.
สลับเรือน
(โหร) ก. อาการที่ดาวพระเคราะห์สับเปลี่ยนเรือนเกษตรกันในดวงชะตาบุคคล เช่นเจ้าเรือนเกษตรพุธราศีกันย์มาครองเรือนเกษตรศุกร์ราศีตุลย์ และเจ้าเรือนเกษตรศุกร์ราศีตุลย์ไปครองเรือนเกษตรพุธราศีกันย์.
สลับสล้าง
[สะหฺลับสะล่าง] ว. เรียกลักษณะต้นไม้ที่ขึ้นเป็นดง มองจากที่สูงแลเห็นยอดสูง ๆ ต่ำ ๆ เช่น ขึ้นไปบนยอดเขา เห็นต้นไม้ขึ้นสลับสล้างเต็มไปหมด.
สลัว, สลัว ๆ
[สะหฺลัว] ว. ไม่แจ่ม, ไม่กระจ่าง, เช่น ในห้องมีแสงสลัวมองเห็นได้ราง ๆ ใกล้ค่ำมีแสงสลัว ๆ.
สลัว, สลัว ๆ
[สะหฺลัว] ว. ไม่แจ่ม, ไม่กระจ่าง, เช่น ในห้องมีแสงสลัวมองเห็นได้ราง ๆ ใกล้ค่ำมีแสงสลัว ๆ.
สลา
[สะหฺลา] น. หมาก. (ข.).
สลาเหิน
น. หมากที่ถือกันว่าเมื่อเสกแล้วเป็นตัวแมลงภู่ ทําให้ผู้กินแล้วลุ่มหลงรัก.
สลาก ๑
[สะหฺลาก] น. สิ่งเช่นติ้ว ตั๋ว หรือแผ่นกระดาษเล็ก ๆ เป็นต้นซึ่งทําเป็นเครื่องหมายกําหนดไว้เนื่องในการเสี่ยงโชคเสี่ยงทายเป็นต้น เช่น สลากภัต; ป้ายบอกชื่อยา ใช้ปิดขวดยารักษาโรคเรียกว่า สลากยา, ฉลาก ก็ว่า. (ป.; ส. ศลาก).
สลากกินแบ่ง
น. สลากที่จัดให้มีขึ้นเพื่อขายให้แก่ผู้เล่นเป็นการเสี่ยงโชคโดยมีการให้รางวัลที่แบ่งเป็นหลายรางวัลแก่ผู้เล่นซึ่งถือสลากเลขหมายรางวัลที่ออกตามวิธีการที่กำหนด, ลอตเตอรี่หวย หรือ หวยเบอร์ ก็เรียก.
สลากกินรวบ
น. สลากชนิดที่จําหน่ายแก่ผู้ถือเพื่อรับสิ่งของเป็นรางวัลในการเสี่ยงโชคโดยผู้จําหน่ายรวบเงินค่าสลากไว้ทั้งหมด.
สลากภัต
[สะหฺลากกะพัด] น. อาหารแห้งหรือผลไม้ถวายพระโดยวิธีจับฉลาก เช่น สลากภัตข้าวสาร สลากภัตทุเรียน.(ป. สลากภตฺต).
สลาก ๒
[สะหฺลาก] ดู กระดี่ ๑.
สลาง
ดู กระดี่ ๑.
สล้าง
[สะล่าง] ว. ที่ตั้งอยู่สูงเด่นเป็นหมู่เป็นพวก เช่น ต้นสักสูงสล้าง.
สลาด
[สะหฺลาด] น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Notopterus notopterus ในวงศ์Notopteridae รูปร่างคล้ายปลากราย หัวและลําตัวแบนข้างมากท้องเป็นสันคม ปากตํ่า สันหัวแอ่นลงเล็กน้อย ครีบหลังเด่นแต่มีขนาดเล็กเท่า ๆ กันกับครีบอก ครีบท้องเล็ก ครีบก้นยาวต่อเนื่องกับครีบหางซึ่งเล็กและมีขอบกลม พื้นลําตัวสีขาว หลังเทา ไม่มีจุดสีเด่นหรือลวดลายสีเข้มใด ๆ ขนาดยาวเพียง ๓๕ เซนติเมตร,ฉลาด หรือ ตอง ก็เรียก.
สลาตัน
[สะหฺลา] น. เรียกลมที่พัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในปลายฤดูฝนว่า ลมสลาตัน, เรียกลมพายุที่มีกําลังแรงจัดทุกชนิด เช่น ไต้ฝุ่น ไซโคลน ว่า ลมสลาตัน,โดยปริยายใช้เป็นความเปรียบเทียบหมายถึงอาการที่ไป มาหรือเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างลมสลาตัน เช่น เวลาเขาโกรธอย่างกับลมสลาตัน. (เทียบ ม. selatan ว่า ลมใต้).
สลาบ
[สะหฺลาบ] น. ปีกของนก; ขน. (ข.).
สลาย
[สะหฺลาย] ก. สูญสิ้นไป เช่น ฝันสลาย เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นหมอกก็สลายไป, ทำให้สูญสิ้นไป เช่น ใช้ยาสมุนไพรสลายพิษงู, ฉลาย ก็ว่า.
สลายตัว
ก. เปลี่ยนสภาพ เช่น ยาบางชนิดสลายตัวในน้ำ; อาการที่ฝูงชนซึ่งรวมตัวกันเพื่อประท้วงเป็นต้นแล้วต่อมาได้แยกย้ายกันไป เช่น กลุ่มชนที่มาประท้วงได้สลายตัวไปหมดแล้ว.
สลิด ๑
[สะหฺลิด] น. ชื่อไม้เถาชนิด Telosma minor Craib ในวงศ์Asclepiadaceae ใบมนป้อม ผลเรียวยาว ดอกสีเขียวอมเหลือง กลิ่นหอม กินได้, ขจร ก็เรียก.
สลิด ๒
[สะหฺลิด] น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Trichogaster pectoralis ในวงศ์Anabantidae รูปร่างคล้ายปลากระดี่ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกัน มีเกล็ดเล็กและไม่มีจุดดําข้างตัว แต่มีลายสีคลํ้าหลายแนวพาดเฉียงตลอดข้างลําตัว และมีขนาดโตกว่าถึง ๒๐ เซนติเมตร พบตามแหล่งนํ้านิ่ง เช่น หนอง คลองบึงทั่วไป ทํารังเป็นหวอดที่ผิวนํ้า,ราชาศัพท์เรียกว่าปลาใบไม้.
สลิล
[สะลิน] น. นํ้า. (ป., ส.).
สลึก
[สะหฺลึก] น. ใบไม้. (ข.).
สลึง
[สะหฺลึง] น. มาตราเงินตามวิธีประเพณี ๒๕ สตางค์ เท่ากับ๑ สลึง, เขียนตามวิธีโบราณดังนี้ (รูปภาพ) หมายความว่า๒ สลึง; ชื่อมาตราชั่งตามวิธีประเพณี สําหรับกําหนดนํ้าหนักเท่ากับเงินหนัก ๑ ใน ๔ บาท หรือ ๓.๗๕ กรัม.
สลุต
[สะหฺลุด] ก. คํานับ เช่น ยิงสลุต. (อ. salute).
สลุบ
[สะหฺลุบ] น. เรือใบเดินทะเลชนิดหนึ่งแบบชาวตะวันตก.(อ. sloop).
สลุมพร
[สะหฺลุมพอน] น. ปลาเนื้ออ่อน. (พจน. ๒๔๙๓).
สแลง
น. ถ้อยคําหรือสํานวนที่ใช้เข้าใจกันเฉพาะกลุ่มหรือชั่วระยะเวลาหนึ่งไม่ใช่ภาษาที่ยอมรับกันว่าถูกต้อง. (อ. slang).
สว
[สะวะ] น. ของตนเอง. (ส.; ป. สก).
สวกรรม
น. งานส่วนตัว. (ส. สฺวกรฺมนฺ).
สวการย์
น. หน้าที่หรือธุระของตนเอง. (ส. สฺวการฺย).
สวภาพ
น. สภาพ, ความเป็นอยู่ของตนเอง. (ส. สฺวภาว).
สวราชย์
น. ความเป็นเอกราช; การปกครองด้วยตนเอง. (ส. สฺวราชฺย).
สวก ๑
ว. มีเนื้อไม่แน่นและไม่ซุย (ใช้แก่ลักษณะหัวเผือกหัวมันและผลไม้บางชนิด).
สวก ๒
[สะหฺวก] น. สวิงขนาดเล็กชนิดหนึ่งสําหรับตักปลา.
ส้วง
น. ช่อง, โพรง, (โดยมากมักใช้แก่ทวารหนัก).
สวด
ก. ว่าเป็นทํานองอย่างพระสวดมนต์ เช่น สวดสังคหะ สวดพระอภิธรรม; (ปาก) นินทาว่าร้าย, ดุด่า, ว่ากล่าว, เช่น ถูกแม่สวด.
สวน ๑
น. บริเวณที่ปลูกต้นไม้เป็นจํานวนมาก เช่น สวนทุเรียน สวนยาง สวนกุหลาบ สวนผัก, โดยปริยายหมายถึงสถานที่ซึ่งมีลักษณะเช่นนั้นในบางกรณี เช่น สวนสัตว์ สวนงู.
สวนครัว
น. บริเวณที่ปลูกพืชผักที่ใช้เป็นอาหารในครัวเรือน เช่น พริกมะเขือ ข่า ตะไคร้ โหระพา.
สวนญี่ปุ่น
น. สวนที่จัดตามแบบญี่ปุ่น มีสิ่งประดับที่สำคัญคือไม้ดอกไม้ใบ สะพาน โคม เป็นต้น.
สวนป่า
น. บริเวณที่ปลูกพรรณไม้ทดแทนป่าที่ถูกทำลาย มักเป็นไม้ที่มีค่าทางเศรษฐกิจ อาจปลูกไม้ชนิดเดียวหรือหลายชนิดรวมกันก็ได้เพื่อใช้ไม้ทำเครื่องเรือน เยื่อกระดาษ หรืออนุรักษ์พรรณไม้ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เป็นต้น เช่น สวนป่าสัก สวนป่าไม้ยาง. (อ. forest garden); สวนไม้ใบที่ปลูกไว้ในบริเวณบ้านมักเป็นพรรณไม้ที่มีค่า เช่น เฟิน ว่าน.
สวนพฤกษศาสตร์
น. บริเวณที่ปลูกพรรณไม้มากชนิดทั้งในและต่างประเทศรวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่ มักเขียนป้ายบอกชื่อสามัญและชื่อวิทยาศาสตร์ไว้ด้วย เพื่อประโยชน์แก่การศึกษาและพักผ่อนหย่อนใจเป็นต้น เช่น สวนพฤกษศาสตร์ที่พุแคจังหวัดสระบุรี. (อ. botanic garden, botanical garden).
สวนรุกขชาติ
น. บริเวณที่ปลูกพรรณไม้นานาชนิด โดยเฉพาะไม้ยืนต้นที่มีค่าทางเศรษฐกิจและไม้ดอกซึ่งมีอยู่ในท้องถิ่น มักเขียนป้ายบอกชื่อสามัญและชื่อวิทยาศาสตร์ไว้ด้วย เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ เช่น สวนรุกขชาติที่ห้วยแก้ว จังหวัดเชียงใหม่.(อ. arboretum).
สวนสนุก
น. สถานที่ที่รวบรวมบรรดาสิ่งที่ทำให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินไว้บริการประชาชน.
สวนสมุนไพร
น. บริเวณที่ปลูกพืชที่ใช้เป็นสมุนไพร.
สวนหย่อม
น. สวนไม้ประดับขนาดเล็ก จัดในเนื้อที่จำกัด.
สวน ๒
อาการที่เคลื่อนไปตรงข้ามในเส้นทางเดียวกัน เช่น เดินสวนกันมีรถสวนมา; เทียบสอบขนาดหรือปริมาณเครื่องตวง เช่น สวนสัดสวนทะนาน; เอาสายสวนใส่ทางช่องปัสสาวะให้เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะเพื่อให้ปัสสาวะออก, เอาลูกสวนใส่ทวารหนักแล้วบีบนํ้ายาหรือนํ้าสบู่ให้เข้าไปในลําไส้ใหญ่เพื่อกระตุ้นให้ลําไส้ใหญ่บีบตัวให้อุจจาระออก.
สวนควัน
ว. อาการที่ย้อนตอบทันที เช่น พูดสวนควัน ยิงสวนควันเตะสวนควัน.
สวนความ
ก. สอบเปรียบเทียบข้อความ.
สวนคำ
ว. อาการที่พูดย้อนตอบทันที เช่น พอเขาว่ามา ฉันก็ว่าสวนคำไป.
สวนแทง
ก. แทงตอบทันที.
สวนปากสวนคำ
ก. สอบปากคํายันกันดู.
สวนสนาม
น. พิธีชุมนุมพลกองทหารที่ลานกว้างเพื่อแสดงความสง่าผ่าเผยความพร้อมเพรียง และอานุภาพของเครื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ให้เป็นเกียรติแก่ผู้เป็นประธานในพิธีซึ่งจะได้ตรวจดูแถวทหารที่ตั้งอยู่คือ ตรวจพลและดูการเดินแถวของทหารเหล่านั้น.
สวน ๓
ก. เย็บแบบด้วยดอกไม้หรือใบไม้ให้เป็นแถบยาว เพื่อใช้ตกแต่งประดับโครงประทุนคลุมผ้าไตรเป็นต้น, เซ็น ก็ว่า.
สวน ๔, สวนะ ๑
[สะวะนะ] น. การฟัง. (ป.; ส. ศฺรวณ).
สวน ๔, สวนะ ๑
[สะวะนะ] น. การฟัง. (ป.; ส. ศฺรวณ).
สวนาการ
น. อาการฟัง. (ป.).
สวนะ ๒
น. การไหลไป. (ป.; ส. สฺรวณ).
ส่วน
น. สิ่งที่แบ่งจากสิ่งรวม เช่น เงินส่วนนี้จะเอาไว้ทําบุญ; การเข้าร่วมเช่น เรื่องนี้ขอมีส่วนด้วย; แผนกย่อย, ฝ่าย, เช่น งานกองนี้แบ่งออกเป็นหลายส่วน, ตอน, ท่อน, เช่น เรื่องนี้แบ่งออกเป็น ๕ ส่วน; ขนาดที่พอเหมาะพอดี เช่น ได้ส่วน สมส่วน ผิดส่วน; ด้าน เช่น ส่วนกว้างส่วนยาว ส่วนหนา; จำนวนที่อยู่ข้างล่างของเศษในเลขเศษส่วน. สัน. ฝ่าย, ข้าง, เช่น พอสอบเสร็จเพื่อน ๆ ก็ไปเที่ยวภูเก็ต ส่วนฉันไปเชียงใหม่.
ส่วนกลาง
น. ส่วนเมืองหลวง, ศูนย์กลาง.
ส่วนเกิน
น. ส่วนที่นอกเหนือไปจากที่กำหนด เช่น ได้รับบัตรเชิญไปงาน ๒ คน แต่ไป ๓ คน คนที่ ๓ เป็นส่วนเกิน.
ส่วนควบ
(กฎ) น. ส่วนของทรัพย์ซึ่งโดยสภาพแห่งทรัพย์หรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของทรัพย์นั้นและไม่อาจแยกจากกันได้นอกจากจะทำลาย ทำให้บุบสลายหรือทำให้ทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือสภาพไป.
ส่วนได้ส่วนเสีย
น. ประโยชน์ที่ควรได้ควรเสียซึ่งมีอยู่ในส่วนรวม, การได้การเสียร่วมกับคนอื่น, เช่น เขาไม่สนใจงานนี้เพราะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย.
ส่วนตัว
ว. เฉพาะตัว, เฉพาะบุคคล, เช่น เรื่องส่วนตัว ของใช้ส่วนตัว.
ส่วนท้องถิ่น
น. เขตเทศบาล.
ส่วนบุญ
น. ส่วนที่เป็นบุญกุศล เช่น แผ่ส่วนบุญ เปรตขอส่วนบุญ.
ส่วนแบ่ง
น. ส่วนย่อยที่แยกออกจากส่วนใหญ่ เช่น เขาได้ส่วนแบ่งมรดก ๓ ใน ๑๐ ส่วน.
ส่วนประกอบ
น. สิ่งต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบเป็นสิ่งใหญ่, ส่วนของสิ่งต่าง ๆที่เป็นเครื่องประกอบทําให้เกิดเป็นรูปขึ้นใหม่โดยเฉพาะ,องค์ประกอบ ก็เรียก.
ส่วนผสม
น. สิ่งต่าง ๆ ที่ผสมกันให้เกิดเป็นสิ่งรวม เช่น ส่วนผสมของอาหาร ส่วนผสมของยา ส่วนผสมของปูนซีเมนต์.
ส่วนพระองค์
(ราชา) ว. ส่วนตัว (ใช้แก่เจ้านายตั้งแต่พระองค์เจ้าขึ้นไป)เช่น หนังสือส่วนพระองค์.
ส่วนภูมิภาค
น. ส่วนหัวเมือง.
ส่วนรวม
น. หมู่คณะ เช่น เห็นแก่ส่วนรวม ทำเพื่อส่วนรวม, ส่วนที่ใช้ร่วมกัน เช่น ห้องน้ำส่วนรวม ของใช้ส่วนรวม.
ส่วนร่วม
น. ส่วนได้ส่วนเสียในกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เช่น มีส่วนร่วมในการบำเพ็ญกุศล มีส่วนร่วมในการทุจริต มีส่วนร่วมในการลงทุนบริษัท.
ส่วนลด
น. ส่วนที่หักจากจํานวนเงินที่เก็บมาได้ หรือจากจํานวนที่ซื้อหรือที่ใช้ตามส่วนที่กําหนดไว้.
ส่วนสัด
น. ขนาดที่พอเหมาะพอดีตามเกณฑ์ที่กําหนดหรือที่นิยมเช่น ผู้หญิงคนนี้มีรูปร่างได้ส่วนสัด; (ศิลปะ) ส่วนที่กําหนดขึ้นให้มีความสัมพันธ์กันเพื่อให้เกิดความพอดี.
ส่วนหน้า
น. เรียกเขตที่มีการรบว่า พื้นที่ส่วนหน้า, เรียกส่วนราชการที่แยกออกไปเพื่ออํานวยความสะดวกในการควบคุมบังคับบัญชาในการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติงานพิเศษ เช่น เรียกกองบัญชาการทหารสูงสุดว่า กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า.
ส่วนหลัง
น. เรียกเขตของกองทหารที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการส่งกําลังบํารุงว่า พื้นที่ส่วนหลัง.
ส่วนองค์
(ราชา) ว. ส่วนตัว (ใช้แก่หม่อมเจ้า) เช่น ของใช้ส่วนองค์.
สวนาการ
ดู สวน ๔, สวนะ ๑.
สวนิต
[สะวะ] (กลอน) ก. ยิน, ฟัง.
สวนีย
[สะวะนียะ] น. คําที่น่าฟัง, คําไพเราะ. (ป.; ส. ศฺรวณีย).
สวบ, สวบ ๆ
ว. เสียงดังอย่างเสียงกรับพวง; เสียงคนหรือสัตว์ยํ่าไปบนใบไม้หรือสิ่งที่ทําให้เกิดเสียงเช่นนั้น เช่น เสียงเดินบุกป่าดังสวบ ๆ, สวบสาบก็ว่า; อาการที่ก้มหน้าก้มตากินเอา ๆ ด้วยความหิวโหยหรือตะกละตะกลาม; อาการที่ก้าวเดินจ้ำเอา ๆ.
สวบ, สวบ ๆ
ว. เสียงดังอย่างเสียงกรับพวง; เสียงคนหรือสัตว์ยํ่าไปบนใบไม้หรือสิ่งที่ทําให้เกิดเสียงเช่นนั้น เช่น เสียงเดินบุกป่าดังสวบ ๆ, สวบสาบก็ว่า; อาการที่ก้มหน้าก้มตากินเอา ๆ ด้วยความหิวโหยหรือตะกละตะกลาม; อาการที่ก้าวเดินจ้ำเอา ๆ.
สวม
ก. กิริยาที่เอาของที่เป็นโพรงเป็นวงเป็นต้นครอบลงบนอีกสิ่งหนึ่งเช่น สวมชฎา สวมหมวก เกี้ยวสวมจุก, คล้อง เช่น สวมพวงมาลัย,นุ่ง ในคําว่า สวมกางเกง, ใส่ เช่น สวมเสื้อ สวมรองเท้า; เข้าแทนที่เช่น สวมตําแหน่ง.
สวมกอด
ก. เอามือทั้ง ๒ ข้างโอบรัดเข้าไว้ในวงแขน เช่น แม่สวมกอดลูก,ส้วมกอด ก็ว่า.
สวมเขา
ก. ทำความอัปยศให้แก่สามีด้วยการมีชู้โดยที่สามีไม่รู้ระแคะระคาย.
สวมบท, สวมบทบาท
ก. แสดงบทบาท เช่น สวมบทพระเอก สวมบทบาทผู้ร้าย;แสดงออกในลักษณะที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น คนใจบาปสวมบทนักบุญ.
สวมบท, สวมบทบาท
ก. แสดงบทบาท เช่น สวมบทพระเอก สวมบทบาทผู้ร้าย;แสดงออกในลักษณะที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น คนใจบาปสวมบทนักบุญ.
สวมรอย
ก. เข้าแทนที่คนอื่นโดยทําเป็นทีให้เข้าใจว่าตนเองเป็นตัวจริง เช่น ผู้ร้ายสวมรอยเจ้าของบ้านเข้าไปขโมยของ.
สวมวิญญาณ
ก. เอาวิญญาณของผู้อื่นหรือสัตว์อื่นเป็นต้นมาสวมใส่ในจิตใจของตน เช่น สวมวิญญาณนักรบ สวมวิญญาณสัตว์ป่า.
สวมหน้ากาก
(สำ) ก. แสดงทีท่าหรือกิริยาอาการที่มิได้เกิดจากนิสัยใจจริง,แสดงกิริยาท่าทีลวงให้เข้าใจผิด, เช่น ต่างคนต่างสวมหน้ากากเข้าหากัน, ใส่หน้ากาก ก็ว่า.
สวมหมวกหลายใบ
(สำ) ก. ดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่งในเวลาเดียวกัน.
สวมหัวโขน
ก. เอาหัวโขนสวมศีรษะ, โดยปริยายหมายความว่า ดำรงตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตหรือมียศถาบรรดาศักดิ์แล้วมักลืมตัวชอบแสดงอำนาจ.
ส้วม ๑
น. สถานที่ที่สร้างไว้สำหรับถ่ายอุจจาระปัสสาวะโดยเฉพาะมักทำเป็นห้อง.
ส้วมชักโครก
น. ส้วมแบบส้วมซึมชนิดหนึ่ง ต่างกันตรงที่เมื่อถ่ายแล้วใช้กดหรือชักให้น้ำที่อยู่ในถังด้านหลังหรือข้างบนหัวส้วมไหลชำระสิ่งที่ถ่ายแทนการราดน้ำ.
ส้วมซึม
น. ส้วมที่ตั้งถังซีเมนต์ซ้อนกันลงไปในดินหลาย ๆ ถังมีหัวส้วมสำหรับนั่งถ่ายอยู่เหนือถังบนสุด เมื่อถ่ายแล้วต้องราดน้ำเพื่อชำระสิ่งที่ถ่ายให้ลงสู่ถังส้วมแล้วซึมหายไปในดิน.
ส้วมหลุม
น. ส้วมที่ขุดหลุมแล้วใช้ไม้กระดานหรือไม้ท่อนใหญ่ทอดพาดปากหลุมสำหรับนั่งถ่าย.
ส้วม ๒
(ถิ่นอีสาน) น. ห้องนอน.
ส้วม ๓
ก. เอามือทั้ง ๒ ข้างโอบรัดเข้าไว้ในวงแขน เรียกว่า ส้วมกอด,สวมกอด ก็ว่า.
สวย
ว. งามน่าพึงพอใจ, มักใช้เข้าคู่กับคํา งาม เป็น สวยงาม,ในบทกลอนใช้ว่า ส้วย ก็มี; ไม่เปียก (ใช้แก่ข้าวสุก) เช่นหุงข้าวสวยดี ไม่ดิบ ไม่แฉะ.
สวยแต่รูป จูบไม่หอม
(สํา) ว. มีรูปร่างงาม แต่มีความประพฤติ ท่าทีวาจา และกิริยามารยาทไม่ดี.
ส่วย ๑
น. ของที่เรียกเก็บจากพื้นเมืองส่งเป็นภาคหลวงตามวิธีเรียกเก็บภาษีอากรในสมัยโบราณ; เงินช่วยราชการตามที่กําหนดเรียกเก็บจากราษฎรชายที่มิได้รับราชการทหารเป็นรายบุคคล, รัชชูปการ ก็ว่า.
ส่วย ๒
น. ชนชาติพูดภาษาตระกูลมอญเขมรพวกหนึ่ง อยู่ทางภาคอีสาน.
ส้วย ๑
ก. ชําแหละ, ผ่าล้าง.
ส้วย ๒
ว. ลักษณะที่เป็นมุมแหลมออกไป.
ส้วยเสี้ยว
น. ของที่มีมุม ๓ มุม เช่นใบเรือที่อยู่ตอนหัวเรือ. (ปรัดเล).
สวยม
[สะวะหฺยม] ว. ด้วยตัวเอง. (ส.).
สวยมพร
น. สยมพร, สยัมพร หรือ สยุมพร ก็ใช้.
สวยมภู
น. สยมภู.
สวรรค, สวรรค์
[สะหฺวันคะ, สะหฺวัน] น. โลกของเทวดา, เมืองฟ้า. (ส. สฺวรฺค;ป. สคฺค).น. สยมภู.
สวรรค, สวรรค์
[สะหฺวันคะ, สะหฺวัน] น. โลกของเทวดา, เมืองฟ้า. (ส. สฺวรฺค;ป. สคฺค).น. สยมภู.
สวรรคต
[สะหฺวันคด] ก. ไปสู่สวรรค์, ตาย, (ใช้ในราชาศัพท์สําหรับพระเจ้าแผ่นดิน สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระยุพราชสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และพระบรมราชวงศ์ที่ทรงได้รับพระราชทานฉัตร ๗ ชั้น). (ส. สฺวรฺค + คต ว่า ไปสู่สวรรค์).
สวรรคบดี
[สะหฺวันคะบอดี] น. เจ้าเมืองสวรรค์ คือ พระอินทร์. (ส. สฺวรฺคปติ).
สวรรค์ในอก นรกในใจ, สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
(สํา) น. ความสุขที่เกิดจากการทำความดี หรือความทุกข์ที่เกิดจากการทำความชั่ว ย่อมอยู่ในใจของผู้ทำเอง.
สวรรค์ในอก นรกในใจ, สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
(สํา) น. ความสุขที่เกิดจากการทำความดี หรือความทุกข์ที่เกิดจากการทำความชั่ว ย่อมอยู่ในใจของผู้ทำเอง.
สวรรคาลัย
ก. ตาย (ใช้แก่เจ้านายชั้นสูง), (กลอน) ตาย.
สวรรคาลัย
ดู สวรรค, สวรรค์.
สวรรยา
[สะหฺวันยา] (กลอน) น. สมบัติ.
สวระ
น. เสียง. (ส.).
สวะ ๑
[สะหฺวะ] น. ต้นหญ้า ต้นผัก หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ลอยเป็นแพอยู่ในนํ้า.
สวะ ๒, สวะ ๆ
[สะหฺวะ] (ปาก) ว. เลว, ไร้ประโยชน์, เช่น คนสวะ เรื่องสวะ ๆ;ดาษดื่น, มีมาก, เช่น ของสวะ ๆ.
สวะ ๒, สวะ ๆ
[สะหฺวะ] (ปาก) ว. เลว, ไร้ประโยชน์, เช่น คนสวะ เรื่องสวะ ๆ;ดาษดื่น, มีมาก, เช่น ของสวะ ๆ.
สวะ ๓
[สะหฺวะ] (กลอน) ก. สละ เช่น สวะบาปแสวงบุญบท ที่แล้ว.(ยวนพ่าย).
สวัสดิ, สวัสดิ์ ๑, สวัสดี ๑
[สะหฺวัดดิ, สะหฺวัด, สะหฺวัดดี] น. ความดี, ความงาม, ความเจริญรุ่งเรือง; ความปลอดภัย เช่น ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ขอให้มีความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล ขอให้มีความสุขสวัสดี ขอให้สวัสดีมีชัย. (ส. สฺวสฺติ; ป. โสตฺถิ).
สวัสดิ, สวัสดิ์ ๑, สวัสดี ๑
[สะหฺวัดดิ, สะหฺวัด, สะหฺวัดดี] น. ความดี, ความงาม, ความเจริญรุ่งเรือง; ความปลอดภัย เช่น ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ขอให้มีความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล ขอให้มีความสุขสวัสดี ขอให้สวัสดีมีชัย. (ส. สฺวสฺติ; ป. โสตฺถิ).
สวัสดิ, สวัสดิ์ ๑, สวัสดี ๑
[สะหฺวัดดิ, สะหฺวัด, สะหฺวัดดี] น. ความดี, ความงาม, ความเจริญรุ่งเรือง; ความปลอดภัย เช่น ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ขอให้มีความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล ขอให้มีความสุขสวัสดี ขอให้สวัสดีมีชัย. (ส. สฺวสฺติ; ป. โสตฺถิ).
สวัสดิการ
น. การให้สิ่งที่เอื้ออํานวยให้ผู้ทํางานมีชีวิตและสภาพความเป็นอยู่ที่ดีและสะดวกสบาย เช่น มีสถานพยาบาลให้ที่พักอาศัยจัดรถรับส่ง.
สวัสดิภาพ
น. ความปลอดภัย เช่น ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ตำรวจออกตรวจท้องที่ในเวลากลางคืนเพื่อสวัสดิภาพของประชาชน.
สวัสดิมงคล
น. สิ่งที่ให้ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง เช่น ประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ในบ้านเพื่อสวัสดิมงคล.
สวัสดิ์ ๒, สวัสดี ๒
[สะหฺวัด, สะหฺวัดดี] คำทักทายหรือพูดขึ้นเมื่อพบหรือจากกันเช่น อรุณสวัสดิ์ ราตรีสวัสดิ์ สวัสดีปีใหม่ สวัสดีครับคุณครู.
สวัสดิ์ ๒, สวัสดี ๒
[สะหฺวัด, สะหฺวัดดี] คำทักทายหรือพูดขึ้นเมื่อพบหรือจากกันเช่น อรุณสวัสดิ์ ราตรีสวัสดิ์ สวัสดีปีใหม่ สวัสดีครับคุณครู.
สวัสติ, สวาตี
[สะหฺวัดติ, สะวาตี] น. ดาวฤกษ์ที่ ๑๕ มี ๕ ดวง เห็นเป็นรูปช้างพังเหนียงผูกคอสุนัข ดวงแก้ว หรือ กระออมนํ้า, ดาวช้างพัง หรือดาวงูเหลือม ก็เรียก. (ส. สฺวาติ).
สวัสติ, สวาตี
[สะหฺวัดติ, สะวาตี] น. ดาวฤกษ์ที่ ๑๕ มี ๕ ดวง เห็นเป็นรูปช้างพังเหนียงผูกคอสุนัข ดวงแก้ว หรือ กระออมนํ้า, ดาวช้างพัง หรือดาวงูเหลือม ก็เรียก. (ส. สฺวาติ).
สวัสติกะ
[สะหฺวัดติกะ] น. สัญลักษณ์รูปกากบาทปลายหักมุมเวียนขวาใช้เป็นเครื่องหมายแสดงความสุขสวัสดีมาแต่โบราณ สันนิษฐานกันว่าเป็นรูปดวงอาทิตย์โคจรเวียนขวา. (ส. สฺวสฺติกา).
สวา
[สะหฺวา] น. ลิง. (ข.).
สวาปาม
[สะหฺวา] ก. ขยุ้มกินอย่างตะกละลุกลนอย่างลิงกิน, (ปาก)กินอย่างตะกละ.
สวาคตะ
[สะหฺวาคะตะ] น. คํากล่าวต้อนรับ. (ป., ส.).
สวาง
[สะหฺวาง] น. ผี, สาง ก็เรียก.
สว่าง
[สะหฺว่าง] ว. ระยะเวลาฟ้าสาง, ระยะเวลาเมื่อรุ่งอรุณ, เช่นสว่างแล้ว, กระจ่าง, มีแสงมาก, เช่น แสงไฟสว่าง แสงจันทร์สว่าง; แจ้ง, รู้แจ้ง, เช่น ปัญญาสว่าง; หายจากความหลงผิดเช่น หูตาสว่าง; โล่ง, ปลอดโปร่ง, เช่น สว่างอก สว่างใจ; หายง่วง ในคําว่า ตาสว่าง.
สว่างไสว
[สะหฺว่างสะไหฺว] ว. สว่างรุ่งเรืองทั่วไป เช่น บริเวณงานมีแสงไฟสว่างไสว, โดยปริยายหมายความว่า มีความสุขเช่น โลกนี้ช่างสว่างไสวเหลือเกิน เดี๋ยวนี้ฉันหมดหนี้สินแล้วชีวิตฉันจึงสว่างไสวขึ้น.
สวาด
[สะหฺวาด] น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Caesalpinia bonduc (L.)Roxb. ในวงศ์ Leguminosae ลําต้นมีหนาม ฝักมีหนามละเอียดเมล็ดกลม เปลือกแข็งสีเทาอมเขียว. ว. สีเทาอมเขียวอย่างสีเมล็ดสวาด เรียกว่า สีสวาด, เรียกแมวที่มีสีเช่นนั้นว่า แมวสีสวาด ว่าเป็นแมวไทยที่ชาวต่างประเทศนิยมเลี้ยงและมีราคาแพง.
สวาดิ ๑
[สะหฺวาด] ดู สวัสติ.
สวาดิ ๒
[สะหฺวาด] (โบ) ก. รักใคร่, ยินดี.
สวาท
[สะหฺวาด] น. ความรัก ความพอใจ หรือความยินดีในทางกามารมณ์ เช่น รสสวาท พายุสวาท ไฟสวาท. (ปาก) ก. รักยินดี หรือ พอใจ เป็นต้น (มักใช้ในเชิงปฏิเสธ) เช่น หน้าตาน่าสวาทนักนี่ คุณคิดว่าเขาสวาทคุณนักหรือ. (ส. สฺวาท ว่ารสอร่อย, รสหวาน).
สว่าน
[สะหฺว่าน] น. เครื่องมือช่างไม้ปลายเป็นเกลียวแหลมสําหรับเจาะไชมี ๒ ชนิด คือ ชนิดหนึ่งเป็นเหล็กปลายเป็นเกลียวแหลมในตัวสําหรับเจาะไชสิ่งเล็ก ๆ หรือบาง ๆ อีกชนิดหนึ่งมีรูปร่างคล้ายลูกดาล ๒ อันต่อกัน ปลายด้านบนมีแป้นสําหรับมือกดตรงกลางมีที่สําหรับมือจับหมุนให้ดอกสว่านซึ่งสวมติดกับปลายอีกด้านหนึ่งเจาะไชสิ่งที่ค่อนข้างใหญ่หน้าหนา.
สว้าน
[สะว่าน] ก. อาการที่ลมในท้องดันขึ้นมา เป็นอาการของไข้หนักจวนจะสิ้นใจ.
สวาบ
[สะหฺวาบ] น. ส่วนกายของคนและสัตว์สี่เท้า อยู่ระหว่างชายโครงกับสันกระดูกตะโพก เป็นส่วนที่ไม่มีกระดูก.
สวามิ, สวามี
[สะหฺวา] น. เจ้า, ผู้เป็นใหญ่, นาย; ผัว, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสวามี;เจ้าของ. (ส. สฺวามี, สฺวามินฺ; ป. สามิ).
สวามิ, สวามี
[สะหฺวา] น. เจ้า, ผู้เป็นใหญ่, นาย; ผัว, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสวามี;เจ้าของ. (ส. สฺวามี, สฺวามินฺ; ป. สามิ).
สวามินี
น. หญิงผู้เป็นใหญ่เป็นเจ้าของ. (ส. สฺวามินี).
สวามิภักดิ์
ก. ยอมตนหรือมอบตนอยู่ใต้อํานาจ เช่น ข้าศึกเข้ามาสวามิภักดิ์,สามิภักดิ์ ก็ว่า. (ส. สฺวามินฺ + ภกฺติ ว่า ความซื่อตรงต่อเจ้า).
สวาย ๑
[สะหฺวาย] น. ต้นมะม่วง. (ข. สฺวาย).
สวายสอ
น. ชื่อมะม่วงชนิดหนึ่ง. (ข.).
สวาย ๒
[สะหฺวาย] น. ชื่อปลานํ้าจืดขนาดใหญ่ชนิด Pangasius pangasiusในวงศ์ Schilbeidae ลําตัวแบนข้างเล็กน้อย ไม่มีเกล็ด มีหนวดสั้น ๆ๒ คู่ ลักษณะคล้ายปลาเทโพแต่ไม่มีจุดเหนือครีบอก ขนาดยาวได้ถึง ๑.๖ เมตร.
สวาสดิ์
[สะหฺวาด] ก. รักใคร่, ยินดี.
สวาหะ
[สะหฺวาหะ] คํากล่าวเมื่อจบการเสกเป่า. (ส. สฺวาหา).
สวิง
[สะหฺวิง] น. เครื่องช้อนปลาชนิดหนึ่ง ถักเป็นร่างแห ลักษณะเป็นถุงมักใช้ไม้หรือหวายทําเป็นขอบปาก.
สวิงสวาย
[สะหฺวิงสะหฺวาย] ก. อาการที่รู้สึกใจหวิว วิงเวียน คลื่นไส้ตาพร่าจะเป็นลม เช่น เดินฝ่าแดดนาน รู้สึกสวิงสวาย;โลดโผน, เกินพอดี, เช่น สำนวนสวิงสวาย เต้นรำสวิงสวาย.
สวิญญาณกทรัพย์
[สะวินยานะกะซับ, สะวินยานนะกะซับ] (กฎ; โบ) น. สิ่งที่มีวิญญาณหรือชีวิตซึ่งนับเป็นทรัพย์ เช่น ทาส ช้าง ม้า วัวควาย, ตรงข้ามกับ อวิญญาณกทรัพย์, วิญญาณกทรัพย์ ก็ว่า.
สวิตช์
[สะวิด] น. อุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ใช้สําหรับปิดเปิดหรือเปลี่ยนวงจรไฟฟ้า. (อ. switch).
สสาร, สสาร
[สะสาน, สานระ] น. สิ่งที่มีมวลสาร ต้องการที่อยู่ และสัมผัสได้อาจมีเพียงสารเดียว เช่น ทองคํา เงิน แก้ว เกลือ น้ำ หรือประกอบด้วยสารหลายสาร เช่น ดินปืน อากาศ ก็ได้.
สสาร, สสาร
[สะสาน, สานระ] น. สิ่งที่มีมวลสาร ต้องการที่อยู่ และสัมผัสได้อาจมีเพียงสารเดียว เช่น ทองคํา เงิน แก้ว เกลือ น้ำ หรือประกอบด้วยสารหลายสาร เช่น ดินปืน อากาศ ก็ได้.
สสารนิยม
น. วัตถุนิยม.
สสุระ
[สะ] น. พ่อตา, พ่อผัว. (ป.; ส. ศฺวศุร).
สสุรี, สัสุรี
[สะ, สัดสุ] น. แม่ยาย, แม่ผัว. (ป.; ส. ศฺวศฺรู).
สสุรี, สัสุรี
[สะ, สัดสุ] น. แม่ยาย, แม่ผัว. (ป.; ส. ศฺวศฺรู).
สห
[สะหะ] ว. ด้วยกัน, พร้อม, ร่วม, ร่วมกัน, (ใช้ประกอบหน้าคําอื่น) เช่น สหประชาชาติ สหพันธ์สหรัฐ. (ป., ส.).
สหกรณ์
น. งานร่วมมือกัน เช่นทางธุรกิจหรืออุตสาหกรรม เพื่อหากําไรหรือเพื่อประโยชน์อื่น ๆ ในงานนั้น ๆ ร่วมกัน, (กฎ)คณะบุคคลซึ่งร่วมกันดําเนินกิจการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันและได้จดทะเบียนเป็นสหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์.
สหการ
น. การร่วมมือกัน.
สหจร
น. ผู้ร่วมทาง, เพื่อน, สหาย. (ส.).
สหชาต, สหชาติ
น. ผู้เกิดวันเดือนปีเดียวกัน, ผู้เกิดร่วมปีนักษัตรในรอบเดียวกัน. (ป.); (ราชา) รก.
สหชาต, สหชาติ
น. ผู้เกิดวันเดือนปีเดียวกัน, ผู้เกิดร่วมปีนักษัตรในรอบเดียวกัน. (ป.); (ราชา) รก.
สหธรรม
น. ธรรมอันเดียวกัน, กฎหรือความเชื่อถืออย่างเดียวกัน.
สหธรรมิก
[สะหะทํามิก] น. ผู้มีการประพฤติธรรมร่วมกัน เช่น พระสงฆ์ทั้งปวงเป็นเพื่อนสหธรรมิกกัน อุบาสกอุบาสิกาเป็นสหธรรมิกกัน.(ป. สหธมฺมิก).
สหบาน
น. การดื่มร่วมกัน.
สหประชาชาติ
(กฎ) น. องค์การระหว่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นเป็นทางการเมื่อพ.ศ. ๒๔๘๘ (ค.ศ. ๑๙๔๕) ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ แทนสันนิบาตชาติตามมติของที่ประชุมผู้แทนประเทศ ๕๐ ประเทศในการประชุมใหญ่ที่นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์สําคัญ คือ การป้องกันสงคราม การยืนยันรับรองสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน การเคารพและปฏิบัติตามพันธกรณีที่เกิดจากสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศ, เรียกชื่อเต็มว่า องค์การสหประชาชาติ (United Nations Organization).
สหพันธ์
น. สหภาพหรือสมาคมตั้งแต่ ๒ สหภาพหรือ ๒ สมาคมขึ้นไปที่ร่วมกันดำเนินกิจการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของสหภาพหรือสมาคมที่เข้าร่วมกันนั้นเช่น สหพันธ์กรรมกร.
สหพันธรัฐ
น. รัฐหลายรัฐที่รวมกันเป็นรัฐรวม โดยมีรัฐบาลกลางเป็นผู้ดําเนินกิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับประโยชน์ส่วนรวมตามที่กําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ละรัฐมีอํานาจเฉพาะกิจการภายในรัฐของตนเท่านั้น. (อ. federal state).
สหภาพ
น. การรวมตัวขององค์การตั้งแต่ ๒ องค์การขึ้นไป เพื่อทํากิจการทั่วไปหรือกิจการเฉพาะอย่างตามวัตถุประสงค์ขององค์การที่เข้าร่วมกันนั้น เช่น สหภาพศุลกากร สหภาพรัฐสภา; ชื่อรูปแบบหนึ่งของการรวมตัวของรัฐตั้งแต่ ๒ รัฐขึ้นไป เช่น สหภาพพม่า; องค์การของลูกจ้าง เช่น สหภาพแรงงาน. (อ. union).
สหภาพแรงงาน
(กฎ) น. องค์การของลูกจ้างที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการแสวงหาและคุ้มครองผลประโยชน์เกี่ยวกับสภาพการจ้าง และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง และระหว่างลูกจ้างด้วยกัน เช่น สหภาพแรงงานการรถไฟแห่งประเทศไทยสหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต.
สหศึกษา
น. การศึกษาที่ให้นักเรียนชายและหญิงเรียนรวมในสถานศึกษาเดียวกัน.
สหัช
ว. ที่มีมาแต่กําเนิด. (ป., ส.).
สหาย
น. เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข. (ป., ส.).
สหัช
ดู สห.
สหัมบดี
[สะหําบอดี] น. ชื่อท้าวมหาพรหมองค์หนึ่ง. (ป.).
สหัส, สหัสสะ
[สะหัดสะ] ว. หนึ่งพัน คือ ๑๐ ร้อย (๑,๐๐๐). (ป.; ส. สหสฺร).
สหัส, สหัสสะ
[สะหัดสะ] ว. หนึ่งพัน คือ ๑๐ ร้อย (๑,๐๐๐). (ป.; ส. สหสฺร).
สหัสธารา
[สะหัดสะ] น. เครื่องโปรยนํ้าให้เป็นฝอย (ใช้ในการอภิเษก),โดยปริยายหมายถึงการสรงนํ้าของพระเจ้าแผ่นดิน.(ป. สหสฺสธารา; ส. สหสฺรธารา).
สหัสนัยน์, สหัสเนตร
[สะหัดสะ] น. พันตา หมายถึง พระอินทร์. (ป. สหสฺสเนตฺต,สหสฺสนยน; ส. สหสฺรเนตฺร, สหสฺรนยน).
สหัสนัยน์, สหัสเนตร
[สะหัดสะ] น. พันตา หมายถึง พระอินทร์. (ป. สหสฺสเนตฺต,สหสฺสนยน; ส. สหสฺรเนตฺร, สหสฺรนยน).
สหัสรังสี
[สะหัดสะ] น. พันแสง หมายถึง พระอาทิตย์. (ป. สหสฺสรํสิ).
สหัสา
[สะหัดสา] ว. โดยเร็ว, ทันใด, โดยตรง; ยิ่งนัก. (ป., ส. สหสา).
สหาย
ดู สห.
สอ ๑
ว. ขาว เช่น ดินสอพอง. (เทียบเขมร ส ว่า ขาว).
สอปูน
ก. นําปูนสอมาเชื่อมอิฐหรือหินให้ติดกัน.
สอ ๒
ว. ประดังกัน เช่น วิ่งสอกันมารับหน้า, หลั่งออกมาออ ในคำว่าน้ำลายสอ.
สอ ๓
น. คอ. (ข.).
สอ ๔
น. โกฐสอ. (ดู โกฐสอ ที่ โกฐ).
ส่อ
ก. แสดงให้รู้เป็นนัย ๆ (ส่วนมากใช้ไปในทางที่ไม่ดี) เช่นสำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล ส่อเจตนาทุจริต ส่อพิรุธ;(โบ) ฟ้อง.
ส่อเสียด
ก. อาการที่พูดยุยงให้ผู้อื่นแตกแยกกัน.
สอง
น. จํานวนหนึ่งบวกหนึ่ง; เดือน ๒ ทางจันทรคติ เรียกว่าเดือนยี่ ตกในราวเดือนมกราคม.
สองเกลอ
น. เครื่องมือสำหรับตอกกระทุ้งเสาเข็ม ลักษณะเป็นไม้ท่อนกลม มีที่จับสำหรับยก ๒ ที่.
สองแง่สองง่าม
ว. มีความหมายตีได้เป็น ๒ นัย ทั้งความหมายธรรมดาและความหมายที่ส่อไปในทางหยาบโลน (มักใช้ในปริศนาคำทาย)เช่นนอนสูงให้นอนคว่ำ นอนต่ำให้นอนหงาย.
สองแง่สองมุม
ว. มีความหมายตีได้เป็น ๒ นัย เช่นสาบานขอให้ตายใน ๗ วัน.
สองจิตสองใจ
ว. ลังเล, ตัดสินใจไม่ได้, เช่น จะไปเชียงใหม่ดีหรือไม่ไปดียังสองจิตสองใจอยู่.
สองใจ
ว. มีจิตใจไม่แน่นอนในเรื่องชู้สาว (มักใช้แก่ผู้หญิง).
สองชั้น
น. จังหวะของดนตรีไทยที่มีระดับปานกลางคือช้ากว่าชั้นเดียวเท่าตัว หรือเร็วกว่าสามชั้นเท่าตัว เรียกเต็มว่าอัตราสองชั้น, เรียกหน้าทับและเพลงที่มีจังหวะเช่นนี้ว่าหน้าทับสองชั้น เพลงสองชั้น.
สองต่อสอง
ว. แต่ลําพัง ๒ คน โดยเฉพาะในที่ลับหูลับตาคนอื่น (มักใช้แก่ชายหนึ่งและหญิงหนึ่งที่อยู่ด้วยกันตามลําพัง).
สองตาก็ไม่แล, สองตาก็ไม่อยากแล
(สำ) คำที่แสดงอาการว่าไม่แยแสหรือตัดรอนไม่เป็นมิตรไมตรีกันอีกต่อไป.
สองตาก็ไม่แล, สองตาก็ไม่อยากแล
(สำ) คำที่แสดงอาการว่าไม่แยแสหรือตัดรอนไม่เป็นมิตรไมตรีกันอีกต่อไป.
สองผม
ว. มีอายุแล้ว หมายถึงคนที่มีผมหงอกบ้างแล้ว เช่นพูดว่าคนสองผม.
สองฝักสองฝ่าย
(สํา) ว. ที่ทําตัวเข้าด้วยทั้ง ๒ ข้าง ซึ่งมักไม่เป็นมิตรกันโดยหวังประโยชน์เพื่อตน เช่น ประเทศเล็กที่ช่วยตัวเองไม่ได้ มักต้องทําตัวสองฝักสองฝ่ายกับประเทศใหญ่เพื่อความอยู่รอดของตน.
สองไม้
น. ทํานองเพลงที่ใช้หน้าทับทําจังหวะ.
สองสลึงเฟื้อง
(ปาก) ว. บ้า ๆ บอ ๆ, มีสติไม่สมบูรณ์, มีจิตใจใกล้ไปทางบ้า ๆ บอ ๆ, สามสลึงเฟื้อง ไม่เต็มเต็ง หรือ ไม่เต็มบาท ก็ว่า.
สองหน้า
น. ชื่อกลองชนิดหนึ่ง รูปคล้ายเปิงมางแต่ใหญ่กว่า ใช้ตีทั้ง ๒ ข้าง. (สํา) ว. ที่ทําตัวให้ทั้ง ๒ ฝ่ายต่างเข้าใจผิดกันโดยหวังประโยชน์เพื่อตน เช่น เขาเป็นคนสองหน้า อย่าไว้ใจเขานักนะ.
ส่อง
ก. ฉายแสง เช่น แดดส่อง ไฟส่อง ส่องไฟ แสงจันทร์ส่องตะวันส่องหน้า, ฉายแสงดู เช่น ส่องสัตว์ในป่า ส่องทางส่องกบ; เพ่งมอง เช่น ส่องกล้อง, เล็ง เช่น ส่องปืน; (ปาก)ยิง เช่น ถูกส่องด้วยปืนลูกซอง.
ส่องกระจก
ก. ดูภาพตนเองในกระจกเงา, โดยปริยายหมายความว่าให้สำรวจดูฐานะหรือข้อบกพร่องของตน (มักใช้ในอาการที่ดูหมิ่น) เช่น กลับไปส่องกระจกดูเงาตัวเองเสียบ้าง.
ส้อง
(กลอน) น. ซ่อง, ประชุม.
สองฤดู
ดู คริสต์มาส ๒.
สอด
ก. เสือกหรือใส่เข้าไปในช่องหรือในระหว่างที่แคบ ๆ เช่น สอดจดหมายเข้าไปใต้ประตู สอดขาเข้าไปในกางเกง, ใส่ เช่น สอดสนับเพลา, แทรกเข้าไประหว่างกลาง เช่น เอาธนบัตรสอดไว้ในหนังสือ, แทรกเข้าในระหว่าง (มักใช้ในเชิงตำหนิ) เช่น ขณะที่ผู้ใหญ่กำลังพูดอยู่ เด็กไม่ควรพูดสอดขึ้น.
สอดคล้อง
ว. พ้อง, ประสาน, ไม่ขัดกัน, เช่น มีความเห็นสอดคล้องกันทำงานสอดคล้องกัน ความคิดกับการกระทำสอดคล้องกัน.
สอดแทรก
ก. เข้าไปยุ่งในเรื่องที่มิใช่หน้าที่ของตน เช่น เขาชอบไปสอดแทรกในเรื่องส่วนตัวของคนอื่น.
สอดแนม
ก. ลอบเข้าไปสืบความ เช่น ส่งทหารไปสอดแนมข้าศึก.
สอดรู้, สอดรู้สอดเห็น
ก. เที่ยวเข้าไปรู้ในเรื่องของคนอื่น (มักใช้ในทางไม่ดี) เช่นใครเขาจะทำอะไรกันที่ไหน ก็เที่ยวไปสอดรู้เขาหมด เขาเป็นคนช่างสอดรู้สอดเห็น มีเรื่องของชาวบ้านมาเล่าเสมอ.
สอดรู้, สอดรู้สอดเห็น
ก. เที่ยวเข้าไปรู้ในเรื่องของคนอื่น (มักใช้ในทางไม่ดี) เช่นใครเขาจะทำอะไรกันที่ไหน ก็เที่ยวไปสอดรู้เขาหมด เขาเป็นคนช่างสอดรู้สอดเห็น มีเรื่องของชาวบ้านมาเล่าเสมอ.
สอดส่อง
ก. ตรวจดูทั่ว ๆ ไป, เอาใจใส่ดูแล, เช่น รัฐบาลที่ดีจะต้องสอดส่องดูแลทุกข์สุขของราษฎร.
สอดส่าย
ก. ส่ายตาค้นหา ในคำว่า สอดส่ายสายตา เช่น สอดส่ายสายตาหาเพื่อนที่นัดไว้ ตำรวจสอดส่ายสายตาหาคนร้าย,โดยปริยายหมายถึงส่ายตามองหาช่องทางหรือโอกาสที่จะลักขโมยเป็นต้น.
สอดสี
ว. ลักษณะการพิมพ์ให้เป็นสีตั้งแต่ ๒ สีขึ้นไป เรียกว่า พิมพ์สอดสี.
สอดใส่
ก. ใส่โดยวิธีสอดเข้าไป.
สอดไส้
ก. ใส่ไส้ไว้ข้างใน, โดยปริยายหมายความว่า แอบสอดสิ่งแปลกปลอมปนเข้าไปโดยมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เช่น สอดไส้ธนบัตรปลอมไว้ในปึกธนบัตรจริง สอดไส้เอกสารที่เป็นประโยชน์แก่ตนปะปนเข้าไปพร้อมกับเอกสารในแฟ้มเสนอเซ็น. ว. เรียกขนมชนิดหนึ่ง มีไส้หน้ากระฉีก ปั้นเป็นก้อนหุ้มด้วยแป้งข้าวเหนียวดำแล้วหยอดด้วยแป้งข้าวเจ้า กะทิและเกลือ ซึ่งกวนสุกแล้ว ห่อด้วยใบตองหรือใส่กระทงนึ่งให้สุก ว่า ขนมสอดไส้, ขนมใส่ไส้ ก็เรียก.
สอดหมุด
ก. สอดผ้ากอซเข้าไปในโพรงฝีเป็นต้นเพื่อซับของเหลวภายใน.
สอน
ก. บอกวิชาความรู้ให้ เช่น ครูสอนหนังสือนักเรียน, แสดงให้เข้าใจโดยวิธีบอกหรือทําให้เห็นเป็นตัวอย่างเพื่อให้รู้ดีชั่วเป็นต้น เช่น สอนแม่ไม้มวยไทย สอนเย็บปักถักร้อย สอนเท่าไรไม่รู้จักจํา; เริ่มฝึกหัด เช่น เด็กสอนพูด ผู้เป็นอัมพาตต้องมาสอนเดินใหม่ ไก่สอนขัน, เริ่มมีผล เช่น ต้นไม้สอนเป็น.
สอนขัน
ว. เรียกไก่อ่อนที่เพิ่งหัดขันว่า ไก่อ่อนสอนขัน หรือ ไก่สอนขัน,โดยปริยายหมายถึงมีประสบการณ์น้อยยังรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคน.
สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ
(สํา) ก. สอนสิ่งที่เขารู้ดีหรือที่เขาถนัดอยู่แล้ว.
สอนใจ
ว. ที่เตือนสติตนเอง เช่น สุภาษิตสอนใจ หนังสือสอนใจ.
สอนเดิน
ว. เรียกเด็กที่เริ่มหัดเดินเตาะแตะว่า เด็กสอนเดิน. ก. ฝึกหัดเดิน เช่น เขานอนป่วยอยู่หลายเดือน เมื่อหายป่วยแล้วต้องสอนเดินใหม่.
สอนนาค
ก. กล่าวคำทำขวัญนาคเพื่อสอนกุลบุตรที่จะอุปสมบทให้รู้สึกซาบซึ้งถึงพระคุณของพ่อแม่ และให้เห็นว่าการบวชนั้นเป็นการตอบสนองพระคุณพ่อแม่อย่างหนึ่ง.
สอนพูด
ว. เรียกเด็กที่เริ่มหัดพูดว่า เด็กสอนพูด.
สอนยาก
ว. ดื้อดึง, ไม่อยู่ในโอวาท, เช่น เขาเป็นเด็กสอนยาก, มักใช้เข้าคู่กับคำ ว่ายาก เป็น ว่ายากสอนยาก.
สอนยืน
ว. เรียกเด็กที่เริ่มตั้งไข่ว่า เด็กสอนยืน.
สอนลูกให้เป็นโจร
(สำ) ก. ไม่ว่ากล่าวอบรมสั่งสอนลูกให้เป็นคนดีเมื่อลูกไปลักขโมยของใครมาได้กลับชมเชยว่าเก่ง ในที่สุดลูกก็กลายเป็นโจร.
สอนสั่ง
ก. ชี้แจงให้เข้าใจและบอกให้ทำ, สั่งสอน ก็ว่า.
สอนหนังสือสังฆราช, บอกหนังสือสังฆราช
(สํา) ก. สอนสิ่งที่เขารู้ดีอยู่แล้ว.
ส่อน
ว. เรียกตาที่มีตาดําอยู่ไม่ตรงที่ตามปรกติว่า ตาส่อน.
สอบ ๑
ก. ตรวจ ทดลอง เปรียบเทียบ หรือไล่เลียง เพื่อหาข้อเท็จจริงหรือ วัดให้รู้ว่ามีความรู้หรือความสามารถแค่ไหน เช่น สอบตาชั่งให้ได้มาตรฐาน สอบราคาสินค้า สอบปากคำผู้ต้องหาสอบพิมพ์ดีด.
สอบข้อเขียน
ก. สอบความรู้โดยให้ผู้สอบเขียนคำตอบลงในกระดาษ.
สอบเขตที่ดิน
ก. ตรวจสอบที่ดินโดยพนักงานที่ดินและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทราบเนื้อที่และแนวเขตที่แน่นอน.
สอบแข่งขัน
ก. สอบเพื่อพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับทุนหรือบรรจุในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งเป็นต้น.
สอบความถนัด
ก. ทดสอบดูว่ามีความถนัดหรือความสามารถในทางใดบ้าง,ทดสอบดูว่ามีความถนัดในสาขาวิชาที่ต้องการเข้าศึกษาหรือในงานที่จะต้องทำหรือไม่.
สอบซ่อม
ก. สอบเพื่อให้ผ่านวิชาที่เคยสอบตก.
สอบซ้อม
ก. ทดสอบความรู้ก่อนสอบไล่ (ใช้ในโรงเรียน).
สอบถาม
ก. ถามเพื่อขอทราบข้อมูลที่ต้องการ เช่น สอบถามเวลาเดินรถ.
สอบทาน
ก. ตรวจสอบหนังสือ ข้อความ หรือตัวเลข ให้ตรงกับต้นฉบับหรือถ้อยคำที่บอกเป็นต้น.
สอบเทียบ, สอบเทียบความรู้
ก. สอบเพื่อเทียบว่ามีความรู้เข้าเกณฑ์มาตรฐานที่ทางราชการกำหนดหรือไม่.
สอบเทียบ, สอบเทียบความรู้
ก. สอบเพื่อเทียบว่ามีความรู้เข้าเกณฑ์มาตรฐานที่ทางราชการกำหนดหรือไม่.
สอบใบขับขี่
ก. สอบเพื่อแสดงว่ามีความรู้ในกฎจราจรและสามารถขับขี่ยานยนต์ได้.
สอบประวัติส่วนบุคคล
ก. ขอให้เจ้าพนักงานตำรวจท้องที่ที่บุคคลซึ่งจะบรรจุเข้ารับราชการเป็นต้นอาศัยอยู่ สอบประวัติย่อ ภูมิลำเนาครั้งสุดท้าย และลายพิมพ์นิ้วมือเป็นต้นของบุคคลนั้น.
สอบปากคำ
ก. ซักถามเพื่อให้บุคคลให้การโดยพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ เช่น สอบปากคําพยาน สอบปากคําผู้ต้องหา,กฎหมายใช้ว่า ถามปากคํา.
สอบปากเปล่า
ก. สอบโดยวิธีซักถามให้ตอบด้วยวาจา.
สอบพยาน
ก. ซักถามพยานเพื่อหาข้อเท็จจริง.
สอบราคา
ก. สอบดูราคาสิ่งของตามร้านค้าต่าง ๆ ว่าแตกต่างกันอย่างไร,ตรวจสอบราคาที่ขายว่าถูกต้องตามที่ทางราชการกำหนดไว้หรือไม่, สอบถามราคาในการพิมพ์หรือการซื้อเป็นต้นจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อหาราคาต่ำสุด.
สอบไล่
ก. สอบความรู้ที่เล่าเรียนมาว่าได้ตามมาตรฐานของหลักสูตรแต่ละขั้นหรือทั้งหมด.
สอบสวน
(กฎ) ก. รวบรวมพยานหลักฐานและดําเนินการอย่างอื่นซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทําไปเกี่ยวกับความผิดที่กล่าวหาเพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิด และเพื่อจะเอาตัวผู้กระทําผิดมาฟ้องลงโทษ.
สอบสวนทวนพยาน
(สํา) ก. สอบพยาน.
สอบสัมภาษณ์
ก. สอบท่วงทีวาจาและไหวพริบพิจารณาดูชั้นเชิงและความสามารถของผู้เข้าสอบ ว่าจะเป็นผู้เหมาะสมตามที่ต้องการหรือไม่.
สอบอารมณ์
ก. สอบถามประสบการณ์ทางจิตของผู้ที่เจริญวิปัสสนากรรมฐานว่าก้าวหน้าไปถึงขั้นใดแล้ว.
สอบ ๒
ว. มีลักษณะเรียวลงด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้ง ๒ ด้าน ใช้แก่รูปทรงของภาชนะหรือสิ่งที่มีลักษณะกลวง เช่น พ้อมก้นสอบปากสอบเสื้อแขนสอบ กางเกงขาสอบ.
สอพลอ
[สอพฺลอ] ก. กล่าวร้ายป้ายสีผู้อื่นเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีฐานะสูงกว่าเกลียดชังผู้นั้นเพื่อประโยชน์ของตน.
ส้อม
น. เหล็ก ๒ ง่าม ปลายแหลม ใช้แทงปลาเป็นต้น; เครื่องใช้จิ้มอาหารกิน, คู่กับ ช้อน; ไม้ไผ่ที่จักให้เป็นซี่ ๆ ทำปลายซี่ให้แหลมสำหรับเสียบอ้อยที่ควั่นเป็นข้อ ๆ, เรียกอ้อยควั่นที่เสียบซี่ไม้ไผ่ปลายแหลมดังกล่าวว่า อ้อยส้อม. ก. ปาด เหลา หรือเจียน เช่น ส้อมงวงมะพร้าว.
ส้อมเสียง
น. อุปกรณ์ทำด้วยโลหะเป็นรูปอักษร U มีก้านสำหรับจับยึดเมื่อเคาะจะเกิดเสียงที่มีความถี่คงที่ เป็นเวลานาน ใช้เป็นความถี่อ้างอิง เช่น ใช้เทียบเสียงเครื่องดนตรี.
สอย ๑
ก. เอาไม้มีขอหรือมีง่ามหรือไม้จำปาเกี่ยว ดึงดัน หรือบิดเอาดอกไม้ลูกไม้เป็นต้นลงมา; แทงด้วยเข็มหรือสิ่งที่แหลมอย่างเข็มเย็บผ้าให้เป็นตะเข็บ.
สอยดอกฟ้า
(สํา) ก. หมายปองที่จะได้หญิงผู้สูงศักดิ์กว่าตนมาเป็นคู่ครอง.
สอยดาว
ว. เรียกอาการที่เดินหงายหน้าว่า เดินสอยดาว; เรียกหมัดที่ชกตวัดขึ้นสู่ปลายคางของคู่ต่อสู้ว่า หมัดสอยดาว.
สอยผม
ก. เอาไม้แหลมเล็ก ๆ เป็นต้นแทงผมให้เรียบเรียงเส้น.
สอยไร
ก. เอาไม้แหลมเล็ก ๆ เป็นต้นแทงผมให้เห็นรอยไร.
สอย ๒
ก. ใช้, ใช้เข้าคู่กันเป็น ใช้สอย.
ส่อเสียด
ก. อาการที่พูดยุยงให้ผู้อื่นแตกแยกกัน.
สะ ๑, สะสวย
ว. สวย.
สะ ๑, สะสวย
ว. สวย.
สะ ๒
ก. ใส่หรือสุมเพื่อกันไว้ เช่น เอาหนามสะ.
สะกด
ก. กลั้นไว้, ข่มไว้, เช่น เมื่อเกิดความไม่พอใจ ก็รู้จักสะกดอารมณ์ไว้บ้าง; เขียนหรือบอกตัวอักษรที่ประกอบกันเป็นคํา, เรียกพยัญชนะที่บังคับตัวอักษรข้างหน้าให้เป็นมาตราต่าง ๆ เช่น แม่กน น สะกดแม่กด ด สะกด. น. เรียกลูกประคําที่เป็นลูกคั่นว่า ลูกสะกด. (เทียบข. สงฺกด).
สะกดจิต
ก. ใช้อำนาจจิตเป็นสื่อสะกดให้หลับแล้วบังคับให้กระทําตามความต้องการของตน.
สะกดทัพ
ก. ใช้อำนาจเวทมนตร์บังคับให้ทหารในกองทัพของฝ่ายตรงข้ามหลับ.
สะกดผี
ก. ใช้เวทมนตร์สะกดไม่ให้ผีอาละวาดหรือให้อยู่ในอำนาจเป็นต้น.
สะกดรอย
ก. ตามไปติด ๆ โดยไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ตัว.
สะกดอกสะกดใจ, สะกดอารมณ์
ก. ข่มอารมณ์มิให้หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วหรือที่กำลังประสบ.
สะกดอกสะกดใจ, สะกดอารมณ์
ก. ข่มอารมณ์มิให้หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วหรือที่กำลังประสบ.
สะกอ
ว. ตะกอ, หนุ่ม, รุ่น, ในคำว่า หนุ่มสะกอ รุ่นสะกอ; รวมอยู่เป็นพวก ๆ. (ข. สรกอ ว่า รุ่นราวคราวเดียวกัน).
สะกาง
น. เครื่องดักจระเข้อย่างหนึ่ง มีเงี่ยง ๒ ข้าง สําหรับผูกเหยื่อลอยนํ้าไว้; เครื่องล่อใจ เช่น สินสะกาง; ตะกาง ก็เรียก.
สะการะ
น. ดอกไม้. (ช.).
สะการะตาหรา
น. ดอกกรรณิการ์. (ช.).
สะกิด
ก. เอาปลายเล็บหรือสิ่งที่คล้ายคลึงกันเขี่ยหรือแคะแต่เบา ๆเพื่อให้รู้ตัวหรือเพื่อให้หลุดหรือให้แตกออกเป็นต้น เช่น เอามือสะกิดสีข้างใช้เข็มสะกิดฝีให้หนองออก; โดยปริยายหมายความว่า เตือนให้นึกถึง.
สะกิดใจ
ก. ฉุกคิดถึงเหตุการณ์หรือถ้อยคำที่เคยได้เห็นหรือได้ยินมาเช่น คำพูดของเขาสะกิดใจฉัน เมื่อได้ยินเขาพูดเรื่องเงิน ก็รู้สึกสะกิดใจว่าเขาจะมาทวงหนี้.
สะกิดสะเกา
ก. สะกิดบ่อย ๆ, โดยปริยายหมายถึงพูดหรือทำให้กระทบใจบ่อย ๆ เช่น เรื่องนี้จบไปแล้วจะสะกิดสะเกาขึ้นมาทำไม.
สะเก็ด
น. ชิ้นย่อยของไม้หรือหินเป็นต้นที่ตัดหรือแยกออกจากส่วนใหญ่ เช่น สะเก็ดไม้; เลือดและนํ้าเหลืองซึ่งแห้งติดกรังอยู่ที่ปากแผล เช่น สะเก็ดแผล; โดยปริยายหมายความว่า เศษเล็กเศษน้อยซึ่งมีค่าตํ่ากว่ามาตรฐาน, เลว, เช่น คนสะเก็ดอย่างนั้น ใครจะคบด้วย.
สะเก็ดตีนเมรุ
(ปาก) ก. เลวมาก, ไม่มีค่า, เช่น เขาเป็นพวกสะเก็ดตีนเมรุจะอบรมสั่งสอนอย่างไรก็ไม่ได้ดี.
สะแก ๑
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Combretum quadrangulare Kurz ในวงศ์Combretaceae นิยมใช้ทําฟืน เมล็ดใช้ทํายาได้.
สะแกวัลย์
น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Combretum punctatum Blumeในวงศ์ Combretaceae.
สะแก ๒
น. ชื่อการพนันชนิดหนึ่งคล้ายสกา.
สะแกแสง
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Cananga latifolia Finet et Gagnep. ในวงศ์Annonaceae ใช้ทํายาได้.
สะคร้อ
ดู ตะคร้อ.
สะคราญ
น. หญิงงาม เช่น โฉมสะคราญ. ว. งาม, สวย, เช่น สะคราญตาสะคราญใจ.
สะค้าน
น. ชื่อไม้เถาชนิดหนึ่งในสกุล Piper วงศ์ Piperaceae ใช้ทํายาได้,ตะค้าน ก็เรียก.
สะเงาะสะแงะ
ว. เปะปะอย่างคนเมา เช่น เดินสะเงาะสะแงะ พูดจาสะเงาะสะแงะ.
สะใจ
ว. หนําใจ, สาแก่ใจ, สมใจอยาก, เช่น อยากกินหูฉลามมานานแล้ววันนี้ต้องกินให้สะใจเสียที เขาโมโหน้องมากเลยตีเสียสะใจ.
สะดม
ก. ปล้นโดยใช้วิธีรมยาให้เจ้าของทรัพย์หลับสนิทไม่รู้สึกตัว,ใช้เข้าคู่กับคำ ปล้น เป็น ปล้นสะดม. (ข. สณฺฎํ).
สะดวก
ว. คล่อง, ไม่ติดขัด, เช่น ทางสะดวก การเดินทางสมัยนี้สะดวกกว่าสมัยก่อน, มักใช้เข้าคู่กับคำ สบาย เป็น สะดวกสบาย.
สะดัก, สังดัก
ก. คอย, กั้นไว้.
สะดัก, สังดัก
ก. คอย, กั้นไว้.
สะดิ้ง
(ปาก) ว. ดัดจริตดีดดิ้น เช่น ทำเป็นสะดิ้งไปได้ อย่าสะดิ้งให้มากนัก, สะดุ้งสะดิ้ง ก็ว่า.
สะดึง
น. กรอบไม้สําหรับขึงผ้าที่จะเย็บเป็นจีวร, กรอบไม้หรือไม้แบบสําหรับขึงผ้าในเวลาปักดิ้นหรือไหมเป็นต้น, ขอบไม้สําหรับขึงเปล มี ๔ ด้าน.
สะดือ
น. ส่วนของร่างกายอยู่ตรงกลางพื้นท้องเป็นรูหวําเข้าไป.
สะดือจุ่น
น. สะดือที่มีลักษณะโปนออกมา.
สะดือทะเล
น. บริเวณทะเลตอนที่มีน้ำไหลวนเป็นเกลียวลึกลงไปซึ่งถือกันว่าเป็นศูนย์กลางของทะเล.
สะดืออ่าง
น. รูเหนือท่อน้ำทิ้งที่อ่างล้างหน้าหรืออ่างอาบน้ำเป็นต้นสำหรับให้น้ำไหลลงสู่ท่อน้ำทิ้ง.
สะดุ้ง ๑
ก. ไหวตัวขึ้นทันทีด้วยความตกใจ เพราะไม่ทันรู้ตัวหรือไม่ได้นึกคาดหมายไว้เป็นต้น เช่น เมื่อได้ยินเสียงระเบิดก็สะดุ้งสุดตัว.
สะดุ้งมาร
(ปาก) น. เรียกพระพุทธรูปปางมารวิชัย คือ ปางชนะมารว่า พระสะดุ้งมาร.
สะดุ้งสะเทือน
ก. หวั่นไหว, เดือดร้อน, กังวลใจ, มักใช้ในความปฏิเสธ เช่นใครจะนินทาว่าร้ายอย่างไรก็ไม่สะดุ้งสะเทือน มหาเศรษฐีเสียเงินล้านสองล้านไม่สะดุ้งสะเทือนหรอก.
สะดุ้ง ๒
น. เครื่องมือจับสัตว์นํ้าชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายยอยก, อีสานเรียก กะดุ้ง.
สะดุ้งสะดิ้ง
ว. ดัดจริตดีดดิ้น, สะดิ้ง ก็ว่า.
สะดุด ๑
ก. อาการที่เดินหรือวิ่ง ปลายเท้าไปกระทบสิ่งที่ขวางหน้า ทําให้ก้าวผิดจังหวะ เซ ถลา หรือหกล้ม เป็นต้น เช่น เขาสะดุดก้อนหินล้มลง เด็กวิ่งไปสะดุดตอไม้.
สะดุดขาตัวเอง
(สำ) ก. ทำผิดหลักเกณฑ์ที่ตนกำหนดไว้เอง.
สะดุดใจ
ก. ฉุกคิดขึ้นมาได้, ฉุกใจได้คิดเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างมากระทบใจทำให้รู้สึกสงสัยตงิด ๆ.
สะดุดตา
ก. กระทบตาชวนให้มอง เช่น ผู้หญิงคนนี้สวยสะดุดตาจริง ๆ วันนี้เขาใส่เสื้อสีสะดุดตา, ชวนให้สนใจ เช่น เขามีบุคลิกลักษณะเด่นกว่าคนอื่น ๆ เห็นแล้วรู้สึกสะดุดตาทีเดียว, ที่เห็นเด่นชัด เช่น ร้านอาหารร้านนี้ทาสีแดงสะดุดตาแต่ไกล.
สะดุดหู
ก. กระทบหูชวนให้อยากฟัง หรือรู้สึกเคลือบแคลงใจเป็นต้นเช่น ได้ยินเสียงเพลงเขมรไทรโยค รู้สึกสะดุดหูทำให้นึกถึงความหลังได้ยินเสียงคนพาลพูดแขวะ รู้สึกสะดุดหูทันที.
สะดุด ๒, สะดุด ๆ
ว. ไม่ราบเรียบ (ใช้แก่ภาษาหนังสือทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง)เช่น เรียงความสำนวนนี้อ่านสะดุด ๆ, ตะกุกตะกัก เช่น เด็กคนนี้ยังอ่านหนังสือสะดุดมาก, ไม่สม่ำเสมอ เช่น เครื่องจักรเดินสะดุด ๆ.
สะดุด ๒, สะดุด ๆ
ว. ไม่ราบเรียบ (ใช้แก่ภาษาหนังสือทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง)เช่น เรียงความสำนวนนี้อ่านสะดุด ๆ, ตะกุกตะกัก เช่น เด็กคนนี้ยังอ่านหนังสือสะดุดมาก, ไม่สม่ำเสมอ เช่น เครื่องจักรเดินสะดุด ๆ.
สะเด็ด ๑, สะเด็ดน้ำ
ก. ทำให้น้ำหยุดหยดหรือหยุดไหลโดยวิธีรินหรือสงเป็นต้นเช่น เช็ดน้ำข้าวให้สะเด็ดน้ำ สงถั่วงอกให้สะเด็ดน้ำ.
สะเด็ด ๑, สะเด็ดน้ำ
ก. ทำให้น้ำหยุดหยดหรือหยุดไหลโดยวิธีรินหรือสงเป็นต้นเช่น เช็ดน้ำข้าวให้สะเด็ดน้ำ สงถั่วงอกให้สะเด็ดน้ำ.
สะเด็ด ๒
(ปาก) ว. อย่างยิ่ง เช่น กับข้าววันนี้อร่อยสะเด็ด.
สะเด็ดยาด
(ปาก) ว. อย่างที่สุด เช่น ผู้หญิงคนนั้นสวยสะเด็ดยาด.
สะเด็ด ๓
ดู หมอ ๒.
สะเดา
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Azadirachta indica Juss. var. siamensisValeton ในวงศ์ Meliaceae ใบมีรสขม ใบอ่อนและช่อดอกกินได้และใช้ทํายาได้.
สะเดาอินเดีย
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Azadirachta indica Juss. var. indica Juss.ในวงศ์ Meliaceae ใบมีรสขม ใบอ่อนและช่อดอกกินได้และใช้ทํายาได้, ชาวบ้านเข้าใจว่าเป็นชนิดเดียวกับต้นซิงโคนาที่ใช้เปลือกสกัดเป็นยาควินิน.
สะเดาดิน
น. (๑) ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Hydrolea zeylanica (L.) Vahl ในวงศ์Hydrophyllaceae ขึ้นในนา ใบยาวคล้ายหญ้า. (๒) ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Lobelia alsinoides Lam. ในวงศ์ Campanulaceaeต้นเล็กกว่าชนิดแรกใบค่อนข้างป้อม. (๓) ดู ขวง ๑.
สะเดาะ
ก. ทําให้หลุดออกมาด้วยคาถาอาคม เช่น สะเดาะโซ่ตรวนสะเดาะกุญแจ; ทำให้หมดสิ้นไปหรือเบาบางลง เช่น ทำบุญสะเดาะเคราะห์ปล่อยนกปล่อยปลาสะเดาะเคราะห์.
สะตอ
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Parkia speciosa Hassk. ในวงศ์ Leguminosaeฝักแบน เมล็ดในกินได้ มีมากทางภาคใต้.
สะตอเบา
ดู กระถิน.
สะตาหมัน
น. สวน. (ช. สะ ว่า หนึ่ง, ตาหมัน ว่า สวน).
สะตึ, สะตึ ๆ
(ปาก) ว. ไม่มีอะไรดี, ไม่ได้เรื่อง, ไม่มีค่า, เช่น หนังเรื่องนี้สะตึดูแล้วเสียดายเงิน ของสะตึ ๆ อย่างนี้ไม่ซื้อหรอก.
สะตึ, สะตึ ๆ
(ปาก) ว. ไม่มีอะไรดี, ไม่ได้เรื่อง, ไม่มีค่า, เช่น หนังเรื่องนี้สะตึดูแล้วเสียดายเงิน ของสะตึ ๆ อย่างนี้ไม่ซื้อหรอก.
สะตือ ๑
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Crudia chrysantha Schum. ในวงศ์Leguminosae ฝักแบนกลม ใช้ทํายาได้.
สะตือ ๒
น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Notopterus borneensis ในวงศ์Notopteridae รูปร่างคล้ายปลากราย แต่ไม่มีจุดดําเด่นมีจุดสีนํ้าตาลกระจายอยู่ทั่วตัว.
สะตุ
ก. แปรรูปลักษณะของบางอย่าง เช่นเกลือ สารส้ม จุนสีให้เป็นผงบริสุทธิ์โดยวิธีทําให้ร้อนจัดด้วยไฟ เพื่อให้สิ่งที่ไม่ต้องการสลายกลายเป็นควันไป.
สะเต๊ะ
น. ชื่ออาหารชนิดหนึ่ง ใช้เนื้อหมูหรือเนื้อวัวเป็นต้นที่ปรุงรสแล้วเสียบไม้ย่างไฟ กินกับนํ้าจิ้มและอาจาด.
สะโตก
น. ขันโตก.
สะทกสะท้าน
ก. รู้สึกเกรงกลัว, รู้สึกเกรงกลัวจนตัวสั่น, เช่น เขาข่มขู่ฉันเสียจนสะทกสะท้านพูดไม่ถูก เธอตอบคำถามผู้บังคับบัญชาอย่างไม่สะทกสะท้าน.
สะทน
ก. สะท้อน, หวั่นไหว.
สะท้อน ๑
ก. วกกลับ, ย้อนกลับ, เช่น แสงสะท้อน เสียงสะท้อน, โดยปริยายหมายความว่า แสดงให้เห็นภาพหรือลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งเช่น นวนิยายสะท้อนภาพสังคม ละครสะท้อนชีวิตจริง.
สะท้อนใจ
ก. อาการที่หายใจแรงขึ้น ๆ ลง ๆ เพราะอารมณ์สะเทือนใจเป็นต้น.
สะท้อน ๒
ดู กระท้อน ๑.
สะท้าน
ก. รู้สึกเย็นเยือกเข้าหัวใจ ทําให้ครั่นคร้าม หรือหวั่นกลัวจนตัวสั่น เช่น เห็นไฟไหม้แล้วสะท้าน, หนาวสั่น เช่น หนาวสะท้านเหมือนจะเป็นไข้ หนาวสะท้านเพราะเดินกรำฝนมาหลายชั่วโมง, มักใช้เข้าคู่กับคำ สะทก เป็น สะทกสะท้าน;ดังลั่น, ดังก้อง, สั่นสะเทือน, เช่น เสียงปืนใหญ่ดังสะท้านก้องไปทั้งกรุง.
สะทึก
ก. ใจเต้นตึก ๆ.
สะทึน, สะทึ่น
(กลอน) ว. ใจผิดปรกติ, ใจเป็นทุกข์, เช่น พระทองผทมตื่นขึ้นสะทึ่นเที้ยรสระอื้น. (ลอ).
สะทึน, สะทึ่น
(กลอน) ว. ใจผิดปรกติ, ใจเป็นทุกข์, เช่น พระทองผทมตื่นขึ้นสะทึ่นเที้ยรสระอื้น. (ลอ).
สะเทิน ๑
ว. ครึ่ง ๆ กลาง ๆ, กํ้ากึ่ง, เช่น สาวสะเทิน คือ เพิ่งจะขึ้นสาวหรือ อยู่ในระหว่างสาวกับเด็กกํ้ากึ่งกัน.
สะเทินน้ำสะเทินบก
ว. ที่อยู่ได้หรือปฏิบัติการได้ทั้งในนํ้าและบนบกเช่น การรบสะเทินนํ้าสะเทินบก เรือสะเทินนํ้าสะเทินบก เครื่องบินสะเทินนํ้าสะเทินบก, เรียกสัตว์จําพวกที่อยู่ได้ทั้งในนํ้าและบนบก เช่น กบ คางคก อึ่งอ่าง ว่า สัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบก.
สะเทิน ๒
(เคมี) ก. ทำให้เป็นกลาง เช่น สามารถสะเทินด่างได้.
สะเทิน ๓
ก. ไหว, โคลง, เช่น ช้างตัวนี้เดินไม่สะเทิน.
สะเทิ้น, สะเทิ้นอาย
ก. แสดงกิริยาวาจาอย่างขัด ๆ เขิน ๆ เพราะรู้สึกขวยอาย(มักใช้แก่หญิงสาว) เช่น หญิงสาวพอมีผู้ชายชมว่าสวยก็รู้สึกสะเทิ้น หญิงสาวพอมีชายหนุ่มมาจ้องมองก็สะเทิ้นอาย.
สะเทิ้น, สะเทิ้นอาย
ก. แสดงกิริยาวาจาอย่างขัด ๆ เขิน ๆ เพราะรู้สึกขวยอาย(มักใช้แก่หญิงสาว) เช่น หญิงสาวพอมีผู้ชายชมว่าสวยก็รู้สึกสะเทิ้น หญิงสาวพอมีชายหนุ่มมาจ้องมองก็สะเทิ้นอาย.
สะเทือน, สะเทื้อน
ก. มีอาการเหมือนไหวหรือสั่นเพราะถูกกระทบกระทั่ง เช่นนั่งรถที่แล่นไปตามทางขรุขระก็รู้สึกสะเทือน เสียงระเบิดทำให้บ้านสะเทือน, โดยปริยายหมายความว่า รู้สึกหวั่นไหว เช่นเขาว่าลูกก็สะเทือนไปถึงแม่ ใครจะว่าอย่างไร ๆ ก็ไม่สะเทือน,กระเทือน ก็ว่า.
สะเทือน, สะเทื้อน
ก. มีอาการเหมือนไหวหรือสั่นเพราะถูกกระทบกระทั่ง เช่นนั่งรถที่แล่นไปตามทางขรุขระก็รู้สึกสะเทือน เสียงระเบิดทำให้บ้านสะเทือน, โดยปริยายหมายความว่า รู้สึกหวั่นไหว เช่นเขาว่าลูกก็สะเทือนไปถึงแม่ ใครจะว่าอย่างไร ๆ ก็ไม่สะเทือน,กระเทือน ก็ว่า.
สะเทือนใจ
ก. มีจิตใจหวั่นไหวอย่างแรงในเมื่อได้ประสบกับสิ่งที่ไม่น่าพอใจ เช่น เห็นภาพแม่กอดศพลูกร้องไห้แล้วรู้สึกสะเทือนใจ.
สะเทือนอารมณ์
ก. มีจิตใจหวั่นไหวอย่างแรงเพราะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากระทบทำให้รู้สึกเศร้าหมอง เช่น นวนิยายสะเทือนอารมณ์ อ่านเรื่องเศร้าแล้วสะเทือนอารมณ์.
สะบะ
น. ตะกร้อ. (ช.).
สะบัก
น. กระดูกส่วนที่เป็นฐานรองรับต้นแขน อยู่ถัดบ่าลงไปข้างหลัง ปลายด้านนอกเป็นที่หัวกระดูกต้นแขนเกาะยึด.(รูปภาพ สะบัก)
สะบักจม
ก. อาการที่ปวดเมื่อยบริเวณสะบักเพราะเลือดเดินไม่สะดวก.
สะบักสะบอม
ก. บอบชํ้าเต็มที เช่น ถูกชกเสียสะบักสะบอม.
สะบัด
ก. เคลื่อนไหวหรือทําให้เคลื่อนไหวไปมาอย่างเร็วและแรงเพื่อให้สิ่งที่ติดอยู่หลุดไป เช่น หมาสะบัดขนเพื่อให้นํ้าที่ติดอยู่หลุดกระเซ็นไป หรือเพื่อให้หมดทางต่อสู้ดิ้นรน เช่น แมวคาบหนูสะบัดไปมาหรือเพื่อให้เข้าที่ ให้กลับเข้ารูปเดิม เป็นต้นเช่น เขาชอบสะบัดผม สะบัดแขนเสื้อ, เอาใบมีดโกนปัดไปปัดมาบนแผ่นหนังเป็นต้นเพื่อลับให้คม เรียกว่า สะบัดมีดโกนหรือ สะบัดมีด, เรียกอาการของสิ่งเช่นธงเมื่อถูกลมพัดกระพือหรือถูกโบกไปมาเป็นต้นให้ปลิวพลิ้วเกิดเป็นริ้ว ๆ ว่า ธงสะบัด,สลัด ปัด หรือ ฟัด ก็ใช้โดยอนุโลม; โดยปริยายหมายความว่าอย่างมาก, อย่างยิ่ง, เช่น สวยสะบัดโกงสะบัด; (โบ) ฉ้อโกง,กระบัด ประบัด หรือ ตระบัด ก็ใช้.
สะบัด ๆ
ว. อาการที่พูดห้วน ๆ ไม่มีหางเสียง แสดงความไม่พอใจเช่น แม่ค้าไม่พอใจที่ลูกค้าต่อราคามากไป จึงพูดสะบัด ๆ.
สะบัดก้น
ก. อาการที่ลุกผละไปทันทีด้วยความไม่พอใจเป็นต้นเช่น กินแล้วก็สะบัดก้นไป พูดยังไม่ทันรู้เรื่องก็โกรธสะบัดก้นไปแล้ว.
สะบัดช่อ
(ปาก) ว. อย่างที่สุด เช่น สวยสะบัดช่อ.
สะบัดมือ
ก. ลุกไปทันทีเป็นเชิงเอาเปรียบหรือรู้มาก เช่น งานยังไม่ทันเสร็จก็สะบัดมือไปแล้ว กินอิ่มแล้วก็สะบัดมือไป.
สะบัดย่าง
ว. อาการที่ม้าเดินเหยาะย่างอย่างสง่างามพร้อมกับสะบัดหางด้วย ในความว่า ม้าเดินสะบัดย่าง.
สะบัดร้อนสะบัดหนาว
ก. ครั่นเนื้อครั่นตัว, มีอาการคล้ายจะเป็นไข้เพราะเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว, โดยปริยายหมายความว่า มีความเร่าร้อนใจกลัวว่าจะถูกลงโทษหรือถูกตำหนิเป็นต้น เช่น ผู้ที่ทำความผิดไว้ พอเห็นผู้บังคับบัญชามาก็รู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว, ร้อน ๆ หนาว ๆ หรือ หนาว ๆ ร้อน ๆ ก็ว่า.
สะบัดลุกสะบัดนั่ง
ก. ผุดลุกผุดนั่ง, มีอาการคล้ายกระวนกระวายใจเพราะเดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่ง.
สะบัดสะบิ้ง
ก. แสดงอาการกะบึงกะบอนแสนงอน เช่น เวลางอนก็ทำกิริยาสะบัดสะบิ้ง. น. ชื่อกลบทแบบหนึ่ง.
สะบัดหน้า
ก. ไม่พอใจโดยผินหรือเบือนหน้าไปทันที เช่น สะบัดหน้าหนี.
สะบั้น
ว. อาการที่แยกหรือขาดจากกันอย่างเด็ดขาด เช่นสัมพันธภาพขาดสะบั้น ความรักขาดสะบั้น, โดยปริยายหมายความว่า อย่างยิ่ง, อย่างมาก, เช่น กินสะบั้น.
สะบั้นหั่นแหลก
(ปาก) ว. อย่างที่สุด เช่น โกงสะบั้นหั่นแหลก บู๊สะบั้นหั่นแหลก.
สะบันงา
ดู กระดังงา.
สะบันงาจีน
ดู กระดังงาจีน ที่ กระดังงา.
สะบันงาต้น
ดู กระดังงา.
สะบ้า
น. ชื่อไม้เถาชนิด Entada rheedii Spreng. ในวงศ์Leguminosae ฝักมีเมล็ดกลมแบนแข็ง เรียกว่า ลูกสะบ้าใช้ขัดสมุดไทยและทํายาได้, สะบ้ามอญ ก็เรียก; ชื่อการเล่นชนิดหนึ่ง ใช้ลูกสะบ้าหรือของกลม ๆ อย่างงบนํ้าอ้อยล้อหรือทอยเป็นต้น.
สะบ้ามอญ
ดู สะบ้า.
สะบู
น. ดอกไม้ (?) เช่น ถนัดดั่งสะบูบังใบ แม่เร้น. (กําสรวล).
สะแบง ๑
ดู กราด ๔.
สะแบง ๒
ก. สะพาย, ตระแบง ก็ว่า.
สะเปะสะปะ
ว. ไม่ตรงเป้า เช่น ชกต่อยสะเปะสะปะ, ไม่ตรงทาง เช่นคนเมาเดินสะเปะสะปะ, ไม่เป็นระเบียบ เช่น นอนแขนขาก่ายกันสะเปะสะปะ, อาการที่พูดเลอะเทอะเรื่อยเจื้อยไม่มีประเด็น เช่น พูดสะเปะสะปะ.
สะพรัก
ว. พร้อม.
สะพรั่ง
ว. อาการที่สิ่งอย่างเดียวกันจำนวนมากปรากฏพร้อม ๆ กันเช่น ดอกไม้ในสวนบานสะพรั่ง มะม่วงออกช่อสะพรั่ง เขามีลูกสาว ๓ คน กำลังเป็นสาวสะพรั่ง.
สะพรึงกลัว
ว. น่าพรั่นพรึง ใช้ว่า น่าสะพรึงกลัว เช่น เห็นร่างดำทะมึนน่าสะพรึงกลัว.
สะพรึบ, สะพรึ่บ, สะพรึบพร้อม, สะพรึ่บพร้อม
ว. พร้อมพรั่งอยู่มากมายอย่างเต็มที่ เช่น พากันมาพร้อมสะพรึบ มากันสะพรึบพร้อม.
สะพรึบ, สะพรึ่บ, สะพรึบพร้อม, สะพรึ่บพร้อม
ว. พร้อมพรั่งอยู่มากมายอย่างเต็มที่ เช่น พากันมาพร้อมสะพรึบ มากันสะพรึบพร้อม.
สะพรึบ, สะพรึ่บ, สะพรึบพร้อม, สะพรึ่บพร้อม
ว. พร้อมพรั่งอยู่มากมายอย่างเต็มที่ เช่น พากันมาพร้อมสะพรึบ มากันสะพรึบพร้อม.
สะพรึบ, สะพรึ่บ, สะพรึบพร้อม, สะพรึ่บพร้อม
ว. พร้อมพรั่งอยู่มากมายอย่างเต็มที่ เช่น พากันมาพร้อมสะพรึบ มากันสะพรึบพร้อม.
สะพัก
น. ผ้าห่มเฉียงบ่า ราชาศัพท์ใช้ว่า ผ้าทรงสะพัก. ก. ห่มผ้า,ห่มคลุม, เช่น สะพักพระถันปทุเมศ. (ม. ร่ายยาว ทานกัณฑ์).
สะพัง
น. แอ่ง, บ่อ, หนอง, ตะพัง ตระพัง หรือ กระพัง ก็ว่า. (เทียบข. ตฺรพําง ว่า บ่อที่เกิดเอง).
สะพัด ๑
ก. ล้อมไว้, กั้นไว้, เช่น ครั้นราตรีดึกสงัด เขาก็สะพัดสามรอบ.(ลอ). ว. อาการที่เคลื่อนไหวเรื่อยไปอย่างรวดเร็วดุจกระแสนํ้าไหล เช่น ข่าวแพร่สะพัด เงินหมุนเวียนสะพัด, ตะพัด ก็ว่า.
สะพัด ๒
(วรรณ) ก. ผูก, คาด, ล้อม, เช่น ครั้นราตรีดึกสงัด เขาก็สะพัดสามรอบ. (ลอ), กระพัด ก็ว่า.
สะพั้น
น. ชื่อโรคชนิดหนึ่ง มักเกิดแก่เด็กอ่อนหรือเด็กเล็ก ๆ มีอาการชักมือเท้ากํา ตามตําราแพทย์แผนโบราณว่า มักเกิดเพราะผิดอากาศเป็นต้น, ตะพั้น ก็ว่า.
สะพาน
น. สิ่งปลูกสร้างที่ทําสําหรับข้ามแม่นํ้าลําคลอง เป็นต้น บางทีทํายื่นลงในนํ้าสําหรับขึ้นลง, ไม้ที่ทอดระหว่างหัวเสาสำหรับรับคอสองของอาคารที่เป็นตึกโบราณ, โดยปริยายหมายความว่า สื่อเชื่อมโยง เช่น ตีสนิทกับน้องชายเพื่อเป็นสะพานไปรู้จักกับพี่สาว, ตะพาน ก็ว่า.
สะพานแขวน
น. สะพานที่สร้างแขวนไว้กับโซ่หรือสายลวด ไม่ใช้เสารับนํ้าหนักสะพาน แต่อาจมีเสาคํ้าสายลวดให้สูงตํ่าตามต้องการ.
สะพานชัก
น. สะพานที่สร้างให้ยกเก็บได้เมื่อไม่ต้องการใช้.
สะพานช้าง
น. สะพานที่ทำแข็งแรงสำหรับให้ช้างข้ามในสมัยโบราณ,ตะพานช้าง ก็ว่า.
สะพานเชือก
น. สะพานชั่วคราวที่ทําด้วยเชือกสําหรับข้ามแม่นํ้าลําคลอง.
สะพานเดินเรือ
น. พื้นที่ยกสูงขึ้นจากดาดฟ้าเรือ สําหรับนายเรือหรือนายยามเรือเดิน หรือสําหรับต้นหน กัปตันเรือ หรือผู้บังคับการเรือควบคุมและสั่งการเกี่ยวกับการนําเรือในน่านนํ้าให้ปลอดภัย, (โบ)สะพานเดินเรือใช้เป็นหอบังคับการด้วย.
สะพานทุ่น
น. สะพานชั่วคราวที่ใช้ทุ่นรองไม้กระดานเป็นต้นสําหรับข้ามแม่นํ้าลําคลอง.
สะพานเบี่ยง
น. สะพานที่สร้างขึ้นใช้ชั่วคราวโดยเบี่ยงจากสะพานที่กําลังสร้างหรือซ่อมอยู่.
สะพานปลา
น. สะพานที่สร้างทอดยาวออกไปในนํ้า ใช้เป็นท่าเทียบเรือประมงเพื่อขนปลาเป็นต้นขึ้นจากเรือ.
สะพานโป๊ะ
น. สะพานที่ทอดจากฝั่งไปที่โป๊ะเรือ ทำด้วยไม้กระดานเป็นต้น มีไม้ตอกประกับทางด้านขวางสำหรับเดิน.
สะพานไฟ
น. อุปกรณ์ไฟฟ้าคล้ายสวิตช์ สําหรับตัดกระแสไฟฟ้าจากวงจร, (ปาก) สวิตช์ขนาดใหญ่.
สะพานเรือก
น. สะพานชั่วคราวที่ทำด้วยไม้ไผ่ผ่าซีกถักด้วยหวายหรือเชือก.
สะพานลอย
น. สะพานสูงแคบ ๆ ที่สร้างคร่อมขวางถนน ใช้เป็นทางให้คนเดินข้ามถนน รถสามารถแล่นผ่านใต้สะพานได้, สะพานสูงกว้าง และยาวมาก มักสร้างคร่อมทางรถไฟหรือสี่แยกที่ถนนสายสําคัญ ๆ ตัดกัน เพื่อให้รถยนต์แล่นผ่านไปมาได้โดยไม่ต้องรอให้รถไฟผ่านหรือรอสัญญาณไฟ.
สะพานเสี้ยว
น. สะพานที่สร้างให้ปลายโค้งเลี้ยวไปทางขวาหรือซ้าย.
สะพานหก
น. สะพานที่สร้างให้ส่วนหนึ่งยกขึ้นได้เพื่อเปิดทางให้เรือแล่นผ่าน.
สะพานหนู
น. ไม้กระดานเล็กตรึงทับบนไม้เชิงกลอน, ตะพานหนู ก็ว่า.
สะพานหัน
น. สะพานที่สร้างให้บางส่วนหันเบนออกไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อปิดทางให้เรือแล่นผ่าน.
สะพาย
น. แขวนบ่า, ห้อยเฉียงบ่า, เช่น สะพายย่าม สะพายกระเป๋า, ตะพาย ก็ว่า.
สะพายเฉียง
ก. ห่มเฉียงบ่า.
สะพายแล่ง
ว. ลักษณะที่ถูกฟันขาดเฉียงบ่า เรียกว่า ขาดสะพายแล่ง, ตะพายแล่ง ก็ว่า.
สะเพร่า
[เพฺร่า] ว. อาการที่ทําอย่างหวัด ๆ ลวก ๆ, ขาดความรอบคอบ, ไม่ถี่ถ้วน,ไม่เรียบร้อย, เช่น เขียนหนังสือสะเพร่าตก ๆ หล่น ๆ ล้างแก้วสะเพร่าไม่สะอาด.
สะโพก
น. ส่วนของร่างกายเบื้องหลังถัดบั้นเอวลงไป มีเนื้อเป็นกระพุ้งทั้ง๒ ข้าง, กล้ามเนื้อส่วนบนที่นูนขึ้นของโคนขาสัตว์สองเท้าหรือโคนขาหลังของสัตว์สี่เท้า, ตะโพก ก็ว่า.
สะเภา ๑
น. เรือสําเภา, ตะเภา ก็เรียก.
สะเภา ๒
น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์ปุนัพพสุ มี ๓ ดวง, ดาวหัวสําเภา ดาวสําเภาทองดาวยามเกา ดาวตาเรือชัย หรือ ดาวปุนัพพสู ก็เรียก.
สะใภ้
น. หญิงที่มาแต่งงานกับญาติผู้ชาย, เมียของญาติ, เช่น ถ้าเป็นเมียของลูกชาย เรียก ลูกสะใภ้ ถ้าเป็นเมียของลุง เรียก ป้าสะใภ้, (ปาก) ตะใภ้.
สะโมง
ดู กระแตไต่ไม้ ๒.
สะระตะ
(แบบ) ก. เก็งหรือคาดหมายเอาโดยยึดเค้าเดิมเป็นหลัก เช่นข้าพระพุทธเจ้าคิดสะระตะอยู่ว่าจะแก้ไขอย่างไรดี. (หนังสือเจ้าพระยาพระเสด็จฯ กราบบังคมทูล ร. ๕), สรตะ ก็ว่า.
สะระแหน่
[แหฺน่] น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Mentha cordifolia Opiz ในวงศ์ Labiataeใบมีกลิ่นฉุน กินได้.
สะละปะตุ่น
(โบ) น. ไหมชนิดหนึ่ง.
สะลาง
ดู กระดูกค่าง.
สะลาบ
น. ผิวของพิมพ์หล่อพระที่แตกออกเป็นกาบเล็ก ๆ เมื่อความร้อนลดลงกะทันหัน.
สะลึมสะลือ
ว. ครึ่งหลับครึ่งตื่นหรืองัวเงียเพราะเมาหรือง่วง เช่น พอเมาได้ที่ก็นั่งสะลึมสะลือ เมื่อคืนนอนดึก ตื่นขึ้นมาเลยสะลึมสะลือ.
สะวี้ดสะว้าด
(ปาก) ว. รวดเร็ว, ฉวัดเฉวียน, เช่น ขับรถสะวี้ดสะว้าด; ฉูดฉาด,นำสมัยแบบโลดโผน, เช่น เด็ก ๆ ไม่ควรแต่งตัวสะวี้ดสะว้าด.
สะสม
ก. สั่งสม, รวบรวมให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ, เช่น เขาสะสมนาฬิกาเป็นงานอดิเรก.
สะสวย
ว. ค่อนข้างสวย, อยู่ในเกณฑ์สวย, (มักใช้แก่ผู้หญิง), เช่น เด็ก ๆแต่งตัวสะสวย เธอเป็นคนหน้าตาสะสวย.
สะสาง
ก. ทําเรื่องที่มีปัญหาหรือสิ่งที่สะสมหมักหมมอยู่ให้เสร็จสิ้นไป เช่นสะสางงานที่คั่งค้าง สะสางคดี.
สะเหล่อ
ว. ทั้งเซ่อและเล่อ, ทั้งเซ่อซ่าและเล่อล่า.
สะอาง
ว. งามสะอาดหมดจด เช่น สาวสะอาง สวยสะอาง สะอางองค์.
สะอาด
ว. ไม่สกปรก เช่น เสื้อผ้าสะอาด บ้านเรือนสะอาด น้ำสะอาด, หมดจด,ผ่องใส, เช่น จิตใจสะอาด, ไม่มีตําหนิ, บริสุทธิ์, ไม่ทุจริต, เช่น เขาเป็นคนใจซื่อมือสะอาด.
สะอาดสะอ้าน
ว. สะอาดหมดจด เช่น เด็กคนนี้หน้าตาสะอาดสะอ้าน.
สะอ้าน
ว. หมดจด, สะอาด, มักใช้เข้าคู่กับคํา สะอาด เป็น สะอาดสะอ้าน.
สะอิ้ง
ว. อาการที่เดินเอวอ่อนไปอ่อนมา เช่น เดินสะอิ้ง. น. สายรัดเอว เป็นเครื่องประดับสําหรับผู้หญิง, สะเอ้ง ก็ว่า. (ไทยใหญ่ แอ้ง ว่า เอว).
สะอิดสะเอียน
ก. ชวนให้คลื่นไส้อย่างรุนแรง ทั้งโดยตรงและโดยปริยายต่อสิ่งที่เร้าเร่งให้เกิดอารมณ์เช่นนั้น เช่น เห็นหมาเน่าแล้วสะอิดสะเอียนเห็นคนฉ้อราษฎร์บังหลวงแล้วสะอิดสะเอียนไม่อยากเข้าใกล้.
สะอึก
ก. อาการที่หายใจชะงักเนื่องจากกะบังลมหดตัว และช่องสายเสียงก็ปิดตามมาทันทีทันใดในเวลาเดียวกัน; โดยปริยายหมายความว่าชะงักงัน เช่น พอถูกถามปัญหาแทงใจดำเข้าก็สะอึกทันที.
สะอึกเข้าใส่
ก. กรากเข้าใส่, พรวดเข้าใส่, เช่น เมื่อมีคนจะทำร้ายนายลูกน้องก็สะอึกเข้าใส่ทันที พอถูกฝ่ายหนึ่งชกก็สะอึกเข้าใส่.
สะอึกสะอื้น
ก. ร้องไห้ร่ำไรมีเสียงสะอื้นเป็นห้วง ๆ เช่น เด็กถูกตี หลังจากหยุดร้องไห้แล้วก็ยังสะอึกสะอื้นอยู่. ว. อาการที่ร้องไห้รํ่าไรมีเสียงสะอื้นเป็นห้วง ๆ เช่น แม่ตีทีเดียว ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปตั้งชั่วโมง.
สะอื้น
ก. ถอนใจสะท้อนเป็นระยะ ๆ เพราะร้องไห้มากเนื่องจากเสียใจระทมใจเป็นต้น, ถอนใจสะท้อนเป็นระยะ ๆ.
สะเอ้ง ๑
น. สายรัดเอว เป็นเครื่องประดับสําหรับผู้หญิง, สะอิ้ง ก็ว่า. (ไทยใหญ่แอ้ง ว่า เอว).
สะเอ้ง ๒
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Pternandra caerulescens Jack ในวงศ์Melastomataceae ใบมีเส้นตามยาว ๓ เส้น ดอกสีม่วงแกมน้ำเงิน.
สะเอว
น. ส่วนกลางของร่างกายระหว่างชายโครงกับกระดูกตะโพกทั้ง๒ ข้าง, กะเอว บั้นเอว หรือ เอว ก็ว่า.
สะเออะ ๑
ก. เสนอหน้าเข้าไปในสถานที่ที่ไม่สมควรเช่นในที่รโหฐานเมื่อไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง, เจ๋อ, เช่น สะเออะไปนั่งเก้าอี้ประธาน, เสนอหน้าพูดเป็นต้นโดยไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เช่น นายยังไม่ทันถาม ก็สะเออะรายงาน.
สะเออะ ๒
น. เรียกนํ้าที่ได้จากเนื้อสัตว์สดเช่นกุ้ง เนื้อที่คั้นกับนํ้ามะนาวตั้งไฟให้สุก ใช้ปรุงรส ว่า นํ้าสะเออะ.
สะโอดสะอง
ว. งามอย่างมีรูปร่างระหง เช่น นางแบบคนนี้รูปร่างสะโอดสะอง.
สะไอ
น. กลิ่น (ใช้เฉพาะกลิ่นของสิ่งที่จวนจะบูด) เช่น แกงมีสะไอจวนจะบูดแล้ว, กระไอ ก็ว่า. ว. มีกลิ่นเหม็นแสดงว่าจวนจะบูด เช่น ข้าวเหม็นสะไอ, กระไอ ก็ว่า.
สัก ๑
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Tectona grandis L.f. ในวงศ์ Labiatae เนื้อไม้แข็งและคงทน ปลวกไม่กิน เหมาะแก่การสร้างบ้านและทําเครื่องเรือนใบและเนื้อไม้ใช้ทํายาได้.
สักขี้ไก่
(ถิ่นพายัพ) น. ต้นกะเปียด. (ดู กะเปียด).
สัก ๒
ก. ทําให้ตึง, ทําให้แน่น, เช่น สักว่าว สักที่นอน.
สักที่นอน
ก. เย็บกรึงที่นอนเป็นระยะ ๆ เพื่อให้นุ่นเป็นต้นอยู่คงที่ไม่เลื่อนไปเลื่อนมา.
สักว่าว
ก. เอาลูกปลาปิดทับเชือกที่ผูกโครงว่าวจุฬาตรงที่ไขว้กันเป็นตาตารางเพื่อยึดกระดาษและเชือกให้แน่น.
สัก ๓
ก. เอาของแหลมแทงลงด้วยวิธีการหรือเพื่อประโยชน์ต่าง ๆ กัน เช่นสักปลาไหล สักหาของในนํ้า สักรอยชํ้าเพื่อรีดเอาเลือดที่คั่งออก, ใช้เหล็กแหลมจุ้มหมึกหรือนํ้ามันแทงที่ผิวหนังให้เป็นอักขระเครื่องหมายหรือลวดลาย, ถ้าใช้หมึก เรียกว่า สักหมึก, ถ้าใช้นํ้ามัน เรียกว่า สักนํ้ามัน, (โบ) ทําเครื่องหมายโดยใช้เหล็กแหลมจุ้มหมึกแทงที่ผิวหนังเพื่อแสดงเป็นหลักฐาน เช่น สักข้อมือ แสดงว่าได้ขึ้นทะเบียนเป็นชายฉกรรจ์หรือเป็นเลกมีสังกัดกรมกองแล้ว สักหน้า แสดงว่าเป็นผู้ที่ต้องโทษปาราชิก เป็นต้น.
สักกระหม่อม
ก. ใช้เหล็กแหลมจุ้มหมึกหรือน้ำมันแทงลงกลางศีรษะให้เป็นอักขระหรือเครื่องหมาย.
สักหมาย
(โบ) น. เครื่องหมายที่สักเป็นรูปต่าง ๆ เพื่อให้รู้ว่าสังกัดอยู่ในหมู่ใดกรมใด เช่น ไพร่หลวงทั้งปวงซึ่งมีสักหมายหมู่กรมนั้นแล้ว.(ตราสามดวง).
สัก ๔
ว. อย่างน้อย, เพียง, ราว, เช่น ขอเวลาสัก ๒ วัน.
สักแต่ว่า, สักว่า
ว. เพียงแต่ว่า...เท่านั้น เช่น สักแต่ว่ากวาดบ้าน ยังมีขี้ผงอยู่เลยสักว่าทำพอให้พ้นตัว.
สักแต่ว่า, สักว่า
ว. เพียงแต่ว่า...เท่านั้น เช่น สักแต่ว่ากวาดบ้าน ยังมีขี้ผงอยู่เลยสักว่าทำพอให้พ้นตัว.
สักกะ ๑
(แบบ) น. พระอินทร์. (ป.; ส. ศกฺร).
สักกะ ๒, สักยะ
น. ชื่อวงศ์กษัตริย์วงศ์หนึ่งในเมืองกบิลพัสดุ์, ศากยะ ก็ว่า.(ป.; ส. ศากฺย). (ดู ศากย, ศากยะ).
สักกะ ๒, สักยะ
น. ชื่อวงศ์กษัตริย์วงศ์หนึ่งในเมืองกบิลพัสดุ์, ศากยะ ก็ว่า.(ป.; ส. ศากฺย). (ดู ศากย, ศากยะ).
สักกัจจะ
ว. ด้วยความเคารพ. (ป.).
สักกาย
[กายะ] น. กายของตน. (ป.; ส. สฺวกาย).
สักกายทิฐิ
น. ความยึดถือว่ากายหรือตัวเป็นของตน. (ป. สกฺกายทิฏฺ??).
สักการ, สักการะ
[การะ] ก. บูชาด้วยสิ่งหรือเครื่องอันพึงบูชา เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน,บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ บูชา เป็น สักการบูชา. (ป.; ส. สตฺการ).
สักการ, สักการะ
[การะ] ก. บูชาด้วยสิ่งหรือเครื่องอันพึงบูชา เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน,บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ บูชา เป็น สักการบูชา. (ป.; ส. สตฺการ).
สักขรา
[ขะรา] น. นํ้าตาล, นํ้าตาลกรวด. (ป.; ส. ศฺรกรา).
สักขี ๑
น. พยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ด้วยตาตนเอง, มักใช้เข้าคู่กับคํา พยานเป็นสักขีพยาน. (ป.; ส. สากฺษี).
สักขีพยาน
น. พยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ด้วยตาตนเอง.
สักขี ๒
น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Dalbergia candenatensis Prainในวงศ์ Leguminosae แก่นแดง มีเสี้ยนดํา ใช้ทํายาได้, กรักขีหรือ ขรี ก็เรียก.
สักฏะ, สักตะ
[สักกะตะ] (แบบ) น. ภาษาสันสกฤต. (ป. สกฺกฏ, สกฺกต).
สักฏะ, สักตะ
[สักกะตะ] (แบบ) น. ภาษาสันสกฤต. (ป. สกฺกฏ, สกฺกต).
สักวา
[สักกะวา] น. ชื่อกลอนแบบหนึ่ง บทหนึ่งมี ๔ คํากลอน ขึ้นต้นด้วยคํา'สักวา' และลงท้ายด้วยคํา 'เอย', ชื่อลํานําเพลงอย่างหนึ่ง ร้องเป็นทํานองโต้ตอบกัน. (โบราณ เขียนเป็น สักระวา ก็มี).
สักหลาด
[สักกะหฺลาด] น. ผ้าทําด้วยขนสัตว์. (ฮินดูสตานี sakalet).
สัขยะ
[สักขะยะ] (แบบ) น. มิตรภาพ, ความสนิทสนมกัน, ความรักใคร่กัน. (ส.).
สัค, สัคคะ
น. สวรรค์. (ป.; ส. สฺวรฺค).
สัค, สัคคะ
น. สวรรค์. (ป.; ส. สฺวรฺค).
สัง
(ถิ่นอีสาน) น. ต้นมะสัง. (ดู มะสัง).
สั่ง ๑
ก. บอกไว้เพื่อให้ทําหรือให้ปฏิบัติเป็นต้น เช่น ครูสั่งให้นักเรียนทำการบ้าน แม่สั่งให้ถูบ้าน; บอกไว้อาลัยในการที่จะจากไป เช่น ฝนสั่งฟ้า ทศกัณฐ์สั่งเมือง อิเหนาสั่งถ้ำ สิ้นเสียงก็สิ้นสั่ง ตายไม่ทันสั่ง.
สั่งลา
ก. บอกไว้อาลัยในการที่จะจากไป เช่น เขาสั่งลาลูกเมียก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เขาตายโดยไม่ได้สั่งลา.
สั่งสม
ก. สะสม, รวบรวมให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ, เช่น พระโพธิสัตว์สั่งสมบารมี.
สั่งสอน
ก. ชี้แจงให้เข้าใจและบอกให้ทํา เช่น แม่สั่งสอนลูกให้เป็นคนดี,สอนสั่ง ก็ว่า.
สั่งเสีย
ก. เตือน, กําชับ, บอกให้เข้าใจ, เช่น พอแม่จะออกจากบ้านก็สั่งเสียลูกให้ปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย; บอกไว้อาลัยในการที่จะจากไป,บอกเป็นการอำลา, เช่น เขาตายโดยไม่ได้สั่งเสียลูกเมีย.
สั่ง ๒
ก. ทําให้ลมดันนํ้ามูกออกจากจมูกโดยแรง ในคำว่า สั่งน้ำมูก.
สังกมทรัพย์
[สังกะมะ] (กฎ; เลิก) น. สังหาริมทรัพย์ซึ่งโดยปรกติอาจใช้ของอื่นอันเป็นประเภทและชนิดเดียวกันมีปริมาณเท่ากันแทนได้, คู่กับอสังกมทรัพย์.
สังกร
[กอน] น. ความปะปน, ความคาบเกี่ยว. (ป.; ส. สํกร).
สังกรณี
[กะระนี, กอระนี] น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Barleria strigosa Willd.ในวงศ์ Acanthaceae ดอกสีฟ้า รากใช้ทํายาได้.
สังกรประโยค
[สังกะระปฺระโหฺยก, สังกอระปฺระโหฺยก] น. ประโยคใหญ่ที่มีประโยคเล็กตั้งแต่ ๒ ประโยคขึ้นไปมารวมกัน โดยมีประโยคหลักที่มีใจความสำคัญเพียงประโยคเดียว ส่วนประโยคเล็กทำหน้าที่แต่งหรือประกอบประโยคหลัก.
สังกะตัง
ว. ลักษณะที่ติดแน่นเป็นปมเหนียวที่ผมหรือขนสัตว์สางไม่ออก เช่นผมเป็นสังกะตัง.
สังกะวัง
น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Pangasius polyuranodon ในวงศ์Schilbeidae ลักษณะรูปร่างคล้ายปลาสวาย หนวดยาวถึงหรือเลยครีบอก ขนาดโตได้ถึง ๕๒ เซนติเมตร.
สังกะวาด
น. ชื่อปลานํ้าจืดหลายชนิดในสกุล Pangasius วงศ์ Schilbeidaeลักษณะทั่วไปคล้ายปลาสวาย แต่เมื่อโตเต็มที่มีขนาดเล็กกว่า เช่นสังกะวาดท้องโต (P. micronemus) สังกะวาดเหลือง (P. siamensis).
สังกะสี
น. ธาตุลําดับที่ ๓๐ สัญลักษณ์ Zn เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็งสีขาวแกมนํ้าเงินหลอมละลายที่ ๔๑๙ ? ซ. ใช้ประโยชน์ได้มาก เช่นนําไปผสมกับโลหะอื่นให้เป็นโลหะเจือ ใช้ฉาบผิวเหล็กเพื่อกันสนิม.(อ. zinc); เหล็กชุบสังกะสีบาง ๆ เป็นแผ่นเรียบหรือเป็นลอนอย่างลูกฟูก ใช้มุงหลังคาเป็นต้น เช่น หลังคาสังกะสี รั้วสังกะสี.
สังกัด
ก. ขึ้นอยู่, รวมอยู่, เช่น กรมวิชาการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ. น. ส่วนราชการที่มีหน่วยงานย่อย ๆ ขึ้นอยู่ เช่น กรมสามัญศึกษาอยู่ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ, โดยปริยายหมายถึงที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เช่น เขาเป็นคนไม่มีสังกัด คือ เป็นคนที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หมายถึงคนที่เร่ร่อนพเนจร. (ข. สงฺกาต่).
สังกัปปะ
น. ความดําริ. (ป.).
สังกา
น. สงกา. (ป.).
สังการ
(แบบ) น. หยากเยื่อ, ขยะกุมฝอย. (ป.).
สังกาศ
ว. คล้าย, เหมือน, เปรียบ. (ส.).
สังกิเลส
น. เครื่องทําให้ใจเศร้าหมอง. (ป.).
สังเกต
ก. กําหนดไว้, หมายไว้, เช่น ทำเครื่องหมายไว้เป็นที่สังเกต; ตั้งใจดู,จับตาดู, เช่น ไม่ได้สังเกตว่าวันนี้เขาแต่งตัวสีอะไร สังเกตกิริยาท่าทางเขาไว้ว่าเป็นคนดีหรือคนร้าย. (ป., ส.).
สังเกตการณ์
ก. เฝ้าดูหรือศึกษาเหตุการณ์หรือเรื่องราวพอรู้เรื่อง. น. เรียกผู้เข้าร่วมประชุมที่ไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงว่า ผู้สังเกตการณ์.
สังข, สังข์
น. ชื่อหอยทะเลกาบเดี่ยวหลายชนิดในหลายวงศ์ เช่น สังข์รดน้ำ(Turbinella pyrum) เปลือกสีขาว รูปทรงงดงาม ใช้สำหรับหลั่งน้ำพระพุทธมนต์หรือน้ำเทพมนตร์, สังข์แตร (Chalonia tritonis)เปลือกมีลาย ใช้เป่าในงานพิธีของชาวเกาะแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้, ลักษณนามว่า ขอน เช่น สังข์ ๒ ขอน. (ป.; ส. ศงฺข).
สังข, สังข์
น. ชื่อหอยทะเลกาบเดี่ยวหลายชนิดในหลายวงศ์ เช่น สังข์รดน้ำ(Turbinella pyrum) เปลือกสีขาว รูปทรงงดงาม ใช้สำหรับหลั่งน้ำพระพุทธมนต์หรือน้ำเทพมนตร์, สังข์แตร (Chalonia tritonis)เปลือกมีลาย ใช้เป่าในงานพิธีของชาวเกาะแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้, ลักษณนามว่า ขอน เช่น สังข์ ๒ ขอน. (ป.; ส. ศงฺข).
สังขกร
[สังขะกอน] น. ผู้มีสังข์อยู่ในมือคือ พระนารายณ์. (ป.).
สังขต, สังขตะ
[ขะตะ] ว. ที่ปรุงแต่งขึ้น (ใช้ในทางศาสนา). (ป.).
สังขต, สังขตะ
[ขะตะ] ว. ที่ปรุงแต่งขึ้น (ใช้ในทางศาสนา). (ป.).
สังขตธรรม
น. สิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่งขึ้น. (ป. สงฺขต + ส. ธรฺม).
สังขยา ๑
[ขะหฺยา] น. การนับ, การคํานวณ. (ป. สงฺขฺยา; ส. สํขฺยา).
สังขยา ๒
[ขะหฺยา] น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง โดยมากทําด้วยไข่ขาว นํ้าตาล และกะทิ, ถ้าทำเป็นหน้าข้าวเหนียวไม่ใส่กะทิ; ขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยไข่น้ำตาลทราย กะทิหรือนมข้น บางทีมีน้ำใบเตยเล็กน้อย กวนในกระทะกินกับขนมปัง.
สังขลิก, สังขลิกา
[ขะลิก, ขะลิกา] น. เครื่องจองจํา, โซ่ตรวน. (ป.).
สังขลิก, สังขลิกา
[ขะลิก, ขะลิกา] น. เครื่องจองจํา, โซ่ตรวน. (ป.).
สังขาร, สังขาร
[ขาน, ขาระ, ขานระ] น. ร่างกาย, ตัวตน, สิ่งที่ประกอบและปรุงแต่งขึ้นเป็นร่างกายและจิตใจรวมกัน, เช่น สังขารร่วงโรย สังขารไม่เที่ยง;ความคิด เป็นขันธ์ ๑ ในขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ.(ป.; ส. สํสฺการ). ก. ตาย เช่น ถึงซึ่งสังขาร, ในบทกลอนใช้ว่า สังขาร์ ก็มี.
สังขาร, สังขาร
[ขาน, ขาระ, ขานระ] น. ร่างกาย, ตัวตน, สิ่งที่ประกอบและปรุงแต่งขึ้นเป็นร่างกายและจิตใจรวมกัน, เช่น สังขารร่วงโรย สังขารไม่เที่ยง;ความคิด เป็นขันธ์ ๑ ในขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ.(ป.; ส. สํสฺการ). ก. ตาย เช่น ถึงซึ่งสังขาร, ในบทกลอนใช้ว่า สังขาร์ ก็มี.
สังขารธรรม
[สังขาระ] น. สิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่ง.
สังขารโลก
[สังขานระ] น. ชุมนุมแห่งสังขารทั้งปวง. (ป.).
สังขารา
น. ชื่อทำนองเพลงไทย ใช้ขับร้องในการเล่นหุ่นกระบอก.
สังเขป
น. ใจความย่อ, เค้าความย่อ, เช่น เขียนมาพอเป็นสังเขป. (ป.; ส. สํเกฺษป).
สังโขภ
[โขบ] (แบบ) น. ความปั่นป่วน เช่น ธาตุสังโขภ ว่า ความปั่นป่วนแห่งธาตุ. (ป.; ส. สํโกฺษภ).
สังค, สังค์
[สังคะ, สัง] น. ความข้องอยู่, การติดอยู่. (ป.; ส. สํค).
สังค, สังค์
[สังคะ, สัง] น. ความข้องอยู่, การติดอยู่. (ป.; ส. สํค).
สังคญาติ
(ปาก) น. บรรดาญาติ, ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นญาติกัน, เช่น คนทั้งหมู่บ้านล้วนเป็นสังคญาติกันทั้งนั้น.
สังคม, สังคม
[คมมะ] น. คนจํานวนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันตามระเบียบกฎเกณฑ์ โดยมีวัตถุประสงค์สําคัญร่วมกัน เช่น สังคมชนบท; วงการหรือสมาคมของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เช่น สังคมชาวบ้าน. ว. ที่เกี่ยวกับการพบปะสังสรรค์หรือชุมนุมชน เช่น วงสังคม งานสังคม. (ป.).
สังคม, สังคม
[คมมะ] น. คนจํานวนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันตามระเบียบกฎเกณฑ์ โดยมีวัตถุประสงค์สําคัญร่วมกัน เช่น สังคมชนบท; วงการหรือสมาคมของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เช่น สังคมชาวบ้าน. ว. ที่เกี่ยวกับการพบปะสังสรรค์หรือชุมนุมชน เช่น วงสังคม งานสังคม. (ป.).
สังคมนิยม
[สังคมมะ, สังคม] น. ทฤษฎีเศรษฐกิจและการเมือง ที่มีหลักการให้รัฐหรือส่วนรวมเป็นเจ้าของปัจจัยในการผลิต ตลอดจนการจําแนกแจกจ่าย และวางระเบียบการบริโภคผลผลิต.
สังคมวิทยา
[สังคมมะ, สังคม] น. วิชาว่าด้วยเรื่องสังคม.
สังคมศาสตร์
[สังคมมะ, สังคม] น. ศาสตร์ว่าด้วยความรู้เกี่ยวกับสังคม มีหมวดใหญ่ ๆ เช่น ประวัติศาสตร์ (เกี่ยวกับสังคม) มานุษยวิทยา สังคมวิทยา เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ จิตวิทยาสังคม.
สังคมศึกษา
[สังคมมะ, สังคม] น. หมวดวิชาที่ประกอบด้วยวิชาภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และศีลธรรม.
สังคมสงเคราะห์
[สังคมสงเคฺราะ] น. การดําเนินงานเพื่อช่วยเหลือบุคคลให้สามารถช่วยตนเองได้.
สังคหะ
(แบบ) น. การรวบรวม; การย่อ; ความเกื้อกูล, ความเอื้อเฟื้อ;การสงเคราะห์. (ป.; ส. สํคฺรห).
สังคัง
(ปาก) น. โรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อรา (Epidermophytonfloccosum) บางรายเกิดจากเชื้อราในสกุล Trichophyton เกิดที่ถุงอัณฑะลักษณะเป็นผื่นแดง มีสะเก็ด มีอาการคันมาก.
สังคาตา
น. พ่อ. (ช.).
สังคายนา, สังคายนาย
[คายะ, คายยะ] น. การซักซ้อม, การสวดพร้อมกันและเป็นแบบเดียวกัน, การประชุมชําระพระไตรปิฎกให้เป็นแบบเดียวกัน. (ปาก) ก. สะสาง เช่น เรื่องนี้ต้องสังคายนากันเสียที. (ป. สงฺคายน).
สังคายนา, สังคายนาย
[คายะ, คายยะ] น. การซักซ้อม, การสวดพร้อมกันและเป็นแบบเดียวกัน, การประชุมชําระพระไตรปิฎกให้เป็นแบบเดียวกัน. (ปาก) ก. สะสาง เช่น เรื่องนี้ต้องสังคายนากันเสียที. (ป. สงฺคายน).
สังคีต
[คีด] น. การร้องรําทําเพลง เช่น สังคีตศิลป์. (ป.; ส. สํคีต).
สังคีติ
น. สังคายนา, การสวดพร้อมกันและเป็นแบบเดียวกัน, การประชุมชําระพระไตรปิฎกให้เป็นแบบเดียวกัน. (ป.).
สังเค็ด
น. ทานวัตถุมีตู้พระธรรมโต๊ะหมู่เป็นต้น ที่เจ้าภาพจัดถวายแก่สงฆ์หรือภิกษุผู้เทศน์หรือชักบังสุกุลในเวลาปลงศพ เรียกว่า เครื่องสังเค็ด.
สังเคราะห์
(เคมี) ก. ทําให้ธาตุมีปฏิกิริยาเคมีกันเป็นสารประกอบ, ทําให้สารประกอบมีปฏิกิริยาเคมีกันเป็นสารประกอบอื่น. ว. ที่สร้างขึ้นโดยกรรมวิธีทางเคมี เช่น ใยสังเคราะห์. (อ. synthesise).
สังฆ
[สังคะ] น. สงฆ์, มักใช้เป็นส่วนหน้าสมาส.
สังฆกรรม
[สังคะกำ] น. กิจที่พระสงฆ์ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปรวมกันทําภายในสีมา เช่น การทำอุโบสถ การสวดพระปาติโมกข์. (ส. สํฆ + กรฺมนฺ;ป. สงฺฆกมฺม).
สังฆการี
น. เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับสงฆ์ในงานหลวง.
สังฆเถระ
น. ภิกษุผู้เป็นใหญ่ในพระสงฆ์หมู่หนึ่ง ๆ, ภิกษุผู้เป็นประธานในที่ประชุมสงฆ์. (ป.).
สังฆทาน
น. ทานที่ทายกถวายแก่สงฆ์หรือภิกษุโดยไม่เจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง,คู่กับ บุคลิกทาน. (ป.).
สังฆนายก
(กฎ; เลิก) น. ตําแหน่งหัวหน้าคณะสังฆมนตรีตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔.
สังฆปาโมกข์
น. หัวหน้าสงฆ์. (ป.).
สังฆภัต
น. ข้าวที่ทายกถวายแก่สงฆ์ มักเรียกว่า ข้าวสงฆ์ โดยปรกติทายกนําอาหารไปถวายแก่สงฆ์ที่วัด และพระทําอปโลกนกรรมแบ่งกัน. (ป.).
สังฆเภท
[เพด] น. การที่ภิกษุทําให้สงฆ์แตกหมู่แตกคณะออกไป, นับเป็นอนันตริยกรรมอย่าง ๑ ในอนันตริยกรรม ๕. (ป.).
สังฆมณฑล
[มนทน] น. วงการคณะสงฆ์.
สังฆมนตรี
(กฎ; เลิก) น. ตําแหน่งพระเถระผู้รับผิดชอบในองค์การของคณะสงฆ์ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔เช่น สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง.
สังฆราช
[ราด] น. ตําแหน่งพระมหาเถระผู้เป็นใหญ่สูงสุดในสังฆมณฑล. (ป.).
สังฆสภา
(กฎ; เลิก) น. สภาของคณะสงฆ์ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔.
สังฆาณัติ
(กฎ; เลิก) น. กฎข้อบังคับของคณะสงฆ์ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงบัญญัติขึ้นโดยคําแนะนําของสังฆสภา ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔, ปัจจุบันเรียกว่า พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช. (ป.).
สังฆาทิเสส
[เสด] น. ชื่ออาบัติหนักหมวดหนึ่งรองจากปาราชิก. (ป.).
สังฆาธิการ
น. พระภิกษุผู้ดํารงตําแหน่งปกครองคณะสงฆ์นับตั้งแต่ตําแหน่งเจ้าคณะภาคลงมาจนถึงตําแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสเรียกว่า พระสังฆาธิการ.
สังฆานุสติ
น. การระลึกถึงคุณพระสงฆ์ เป็นกรรมฐานอย่างหนึ่ง. (ป.).
สังฆาวาส
น. บริเวณที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์ ประกอบด้วยกุฏิ หอฉันศาลาการเปรียญ เป็นต้น.
สังฆาฏิ
น. ผ้าคลุมกันหนาวที่ภิกษุใช้ทาบบนจีวร ตามปรกติใช้พับพาดบ่าซ้ายในพิธีสงฆ์. (ป.; ส. สํฆาฏิ).
สังฆาณัติ
ดู สังฆ.
สังฆาทิเสส
ดู สังฆ.
สังฆาธิการ
ดู สังฆ.
สังฆานุสติ
ดู สังฆ.
สังฆาวาส
ดู สังฆ.
สังปะติแหงะ, สังปะลิเหงะ
[แหฺงะ, เหฺงะ] น. ฤษี. (ช.).
สังปะติแหงะ, สังปะลิเหงะ
[แหฺงะ, เหฺงะ] น. ฤษี. (ช.).
สังยุตนิกาย
[สังยุดตะ] น. ชื่อคัมภีร์นิกายที่ ๓ แห่งพระสุตตันตปิฎก แปลว่าหมวดประมวล คือ ประมวลเรื่องประเภทเดียวกันไว้ด้วยกันทั้งหมด.
สังโยค
น. การประกอบกัน, การอยู่ร่วมกัน, การผูกรัด; (ไว) ตัวพยัญชนะ๒ ตัวที่เรียงกัน ตัวหน้าเป็นตัวสะกด ตัวหลังเป็นตัวตาม พยัญชนะที่เป็นตัวสะกด เรียกว่า พยัญชนะสังโยค เช่น มนุสฺส สตฺต พุทฺธ รฏฺ?.(ป. สํโยค, สญฺโ?ค; ส. สํโยค).
สังโยชน์
น. เครื่องพัวพัน, เครื่องผูกรัด, หมายเอากิเลสที่ผูกคนไว้กับวัฏสงสารมี ๑๐ อย่าง มีสักกายทิฐิเป็นต้น พระอริยบุคคลเมื่อละสังโยชน์เป็นลําดับจนหมดก็เป็นพระอรหันต์. (ป. สํโยชน, สญฺโ?ชน; ส. สํโยชน).
สังวร
[วอน] น. ความระวัง, ความเหนี่ยวรั้ง, ความป้องกัน. ก. สํารวม,เหนี่ยวรั้ง, เช่น สังวรศีล สังวรธรรม, ถ้าใช้เป็นส่วนท้ายของสมาสหมายความว่า ความสำรวม, ความระวัง, เช่น อินทรียสังวร จักษุสังวรญาณสังวร ศีลสังวร, (ปาก) ให้ระวังจงดี (ผู้ใหญ่สั่งสอนเตือนสติผู้น้อย) เช่น เรื่องนี้พึงสังวร ไว้อย่าให้ผิดอีกเป็นครั้งที่ ๒. (ป., ส. สํวร).
สังวัจฉระ
[วัดฉะระ] น. ปี. (ป. สํวจฺฉร; ส. สํวตฺสร).
สังวัธยาย
[วัดทะ] ก. ท่องบ่น, อ่านดัง ๆ เพื่อให้จําได้, สวดท่องให้จําได้.(ส. สฺวาธฺยาย; ป. สชฺฌาย).
สังวาล
น. สร้อยเครื่องประดับชนิดหนึ่งใช้คล้องเฉวียงบ่า. (ป. เสวาล;ส. เศวาล, ไศวาล ว่าสาหร่าย).
สังวาลพราหมณ์
น. สายธุรําของพราหมณ์.
สังวาส
น. การอยู่ด้วยกัน, การอยู่ร่วมกัน; การร่วมประเวณี. ก. ร่วมประเวณี, มักใช้ว่า ร่วมสังวาส หรือ เสพสังวาส. (ป., ส. สํวาส).
สังเวคะ
น. ความสลด. (ป., ส. สํเวค).
สังเวช, สังเวช
[สังเวด, สังเวชะ] ก. รู้สึกเศร้าสลดหดหู่ต่อผู้ที่ได้รับทุกขเวทนาหรือต้องตายไป หรือต่อผู้ที่ตนเคารพนับถือซึ่งประพฤติตนไม่เหมาะสมเป็นต้น เช่น เห็นผู้คนประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกแล้วสังเวช พอรู้ข่าวว่าญาติผู้ใหญ่ของตนพัวพันคดีฉ้อราษฎร์บังหลวงก็สังเวช. (ป., ส. สํเวชน).
สังเวช, สังเวช
[สังเวด, สังเวชะ] ก. รู้สึกเศร้าสลดหดหู่ต่อผู้ที่ได้รับทุกขเวทนาหรือต้องตายไป หรือต่อผู้ที่ตนเคารพนับถือซึ่งประพฤติตนไม่เหมาะสมเป็นต้น เช่น เห็นผู้คนประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกแล้วสังเวช พอรู้ข่าวว่าญาติผู้ใหญ่ของตนพัวพันคดีฉ้อราษฎร์บังหลวงก็สังเวช. (ป., ส. สํเวชน).
สังเวชนียสถาน
[สังเวชะนียะสะถาน] น. สถานที่ทางพระพุทธศาสนาอันเป็นที่ตั้งแห่งความสลดสังเวช มี ๔ แห่ง คือ ๑. สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประสูติได้แก่ สวนลุมพินีปัจจุบันได้แก่ รุมมินเด ในประเทศเนปาล ๒. สถานที่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือ ที่ควงพระศรีมหาโพธิ ปัจจุบันได้แก่ พุทธคยาประเทศอินเดีย ๓. สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา คือ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ปัจจุบันได้แก่ สารนาถประเทศอินเดีย ๔. สถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน คือป่าสาลวัน เมืองกุสินารา ปัจจุบันได้แก่ เมืองกาเซีย ประเทศอินเดีย.
สังเวย
ก. บวงสรวง, เซ่นสรวง, เช่น สังเวยเทวดา.
สังเวียน ๑
น. คอกหรือวงล้อมสําหรับชนไก่เป็นต้น; ที่ต่อสู้ เช่น สังเวียนมวย.
สังเวียน ๒
น. ชื่อลายชนิดหนึ่ง.
สังสกฤต
[สะกฺริด] น. สันสกฤต.
สังสการ
[สะกาน] (โบ) น. พิธีกรรมเกี่ยวกับการปลงศพ, ส่งสการ ก็ว่า เช่นรุดเร่งส่งสการ. (ม. คําหลวง ชูชก). (ส. สํสการ).
สังสดมภ์
น. ความแข็งทื่อ, การต้านทาน; เครื่องคํ้าจุน. (ส. สํสฺตมฺภ).
สังสนทนา, สั่งสนทนา
ก. พูดกันฐานกันเอง, พูดจาหารือกัน, มักใช้ สั่งสนทนา. (ป. สํสนฺทนาว่า การเทียบเคียงกัน).
สังสนทนา, สั่งสนทนา
ก. พูดกันฐานกันเอง, พูดจาหารือกัน, มักใช้ สั่งสนทนา. (ป. สํสนฺทนาว่า การเทียบเคียงกัน).
สังสรรค์
ก. พบปะวิสาสะกันเป็นครั้งคราวด้วยความสนิทสนม เช่น จัดงานสังสรรค์กันในหมู่พนักงาน เพื่อน ๆ ได้พบปะสังสรรค์กันในงานชุมนุมศิษย์เก่า. ว. ที่พบปะวิสาสะกันเป็นครั้งคราวด้วยความสนิทสนม เช่น งานสังสรรค์. (ส. สํสรฺค).
สังสารวัฏ
[สาระ] น. การเวียนว่ายตายเกิด, สงสารวัฏ หรือ วัฏสงสาร ก็ว่า.(ป. สํสารวฏฺฏ).
สังสิทธิ
[สิดทิ] น. ความสําเร็จ, ความเรียบร้อย, ความดีเลิศ; ผลสุดท้าย.(ส. สํสิทฺธิ).
สังสุทธ์, สังสุทธิ
[สุด, สุดทิ] น. ความบริสุทธิ์, ความสะอาด; การชําระ, การล้าง.(ส. สํศุทฺธ, สํศุทฺธิ).
สังสุทธ์, สังสุทธิ
[สุด, สุดทิ] น. ความบริสุทธิ์, ความสะอาด; การชําระ, การล้าง.(ส. สํศุทฺธ, สํศุทฺธิ).
สังหร, สังหรณ์
[หอน] ก. รู้สึกคล้ายมีอะไรมาดลใจ ทําให้รู้ว่าจะมีเหตุเกิดขึ้น (มักใช้แก่เหตุร้าย) เช่น สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นที่บ้าน. (เทียบ ส. สํหรณว่า ยึดไว้).
สังหร, สังหรณ์
[หอน] ก. รู้สึกคล้ายมีอะไรมาดลใจ ทําให้รู้ว่าจะมีเหตุเกิดขึ้น (มักใช้แก่เหตุร้าย) เช่น สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นที่บ้าน. (เทียบ ส. สํหรณว่า ยึดไว้).
สังหรรษ
[หัด] น. ความเต็มตื้นด้วยความยินดี, ความปีติยินดี; ความเสียวซ่าน.(ส. สํหรฺษ).
สังหาร
[หาน] ก. ฆ่า, ผลาญชีวิต. (ส.).
สังหาริมทรัพย์, สังหาริมะ
[หาริมะ, หาริมมะ] น. ทรัพย์ที่นําไปได้ เช่น แหวน สร้อย โต๊ะ เก้าอี้,คู่กับอสังหาริมทรัพย์; (กฎ) ทรัพย์สินอื่นนอกจากอสังหาริมทรัพย์และรวมถึงสิทธิอันเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นด้วย.
สังหาริมทรัพย์, สังหาริมะ
[หาริมะ, หาริมมะ] น. ทรัพย์ที่นําไปได้ เช่น แหวน สร้อย โต๊ะ เก้าอี้,คู่กับอสังหาริมทรัพย์; (กฎ) ทรัพย์สินอื่นนอกจากอสังหาริมทรัพย์และรวมถึงสิทธิอันเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นด้วย.
สังหิต
ก. รวมไว้, ผูกหรือติดเข้าด้วยกัน. (ส. สํหิต).
สัจ, สัจ, สัจจะ
[สัด, สัดจะ] น. ความจริง, ความจริงใจ, เช่น ทำงานร่วมกันต้องมีสัจจะต่อกัน. (ป. สจฺจ; ส. สตฺย).
สัจ, สัจ, สัจจะ
[สัด, สัดจะ] น. ความจริง, ความจริงใจ, เช่น ทำงานร่วมกันต้องมีสัจจะต่อกัน. (ป. สจฺจ; ส. สตฺย).
สัจ, สัจ, สัจจะ
[สัด, สัดจะ] น. ความจริง, ความจริงใจ, เช่น ทำงานร่วมกันต้องมีสัจจะต่อกัน. (ป. สจฺจ; ส. สตฺย).
สัจกิริยา
[สัดจะ] น. การตั้งความสัตย์.
สัจญาณ
[สัดจะ] น. ความรู้เรื่องแห่งความจริง, ในพระพุทธศาสนาประสงค์เอาปรีชาหยั่งรู้อริยสัจ. (ป. สจฺจ?าณ).
สัจธรรม
[สัดจะทำ] น. ความจริงแท้ เช่น บรรลุสัจธรรม เข้าถึงสัจธรรม.
สัจนิยม
[สัดจะ] (ศิลปะและวรรณคดี) น. คตินิยมในการสร้างสรรค์วรรณกรรมหรือศิลปะซึ่งแสดงให้เห็นชีวิตและโลกอย่างสมจริง;(ปรัชญา) ทฤษฎีที่ถือว่าโลกและวัตถุเป็นสิ่งมีอยู่จริงเช่นเดียวกับจิตและมีอยู่อย่างอิสระจากจิต. (อ. realism).
สัจพจน์
[สัดจะ] น. ข้อความที่ยอมรับในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ว่าจริงโดยไม่ต้องพิสูจน์. (อ. postulate, axiom).
สัชฌ, สัชฌะ, สัชฌุ
น. เงิน. (ป.).
สัชฌ, สัชฌะ, สัชฌุ
น. เงิน. (ป.).
สัชฌ, สัชฌะ, สัชฌุ
น. เงิน. (ป.).
สัชฌกร, สัชฌการ, สัชฌุกร, สัชฌุการ
น. ช่างเงิน. (ป.).
สัชฌกร, สัชฌการ, สัชฌุกร, สัชฌุการ
น. ช่างเงิน. (ป.).
สัชฌกร, สัชฌการ, สัชฌุกร, สัชฌุการ
น. ช่างเงิน. (ป.).
สัชฌกร, สัชฌการ, สัชฌุกร, สัชฌุการ
น. ช่างเงิน. (ป.).
สัชฌายะ
ก. สังวัธยาย. (ป.; ส. สฺวาธฺยาย).
สัญจร
[จอน] ก. ผ่านไปมา เช่น ทางสัญจร. น. ช่องทาง, ถนน; การผ่านไปมา. (ป., ส.).
สัญจรโรค
น. กามโรค. ว. เรียกหญิงโสเภณีว่า หญิงสัญจรโรค.
สัญจาระ
[ระ] น. การเดินไป, การเที่ยวไป. (ป., ส.).
สัญเจตนา
[เจดตะนา] น. ความตั้งใจ, ความจงใจ.
สัญชาต
[ชาตะ, ชาดตะ] ว. เกิดเอง เช่น สัญชาตสระ ว่า สระที่เกิดเอง. (ป.).
สัญชาตญาณ
[ชาดตะ] น. ความรู้ที่มีมาแต่กําเนิดของคนและสัตว์ทําให้มีความรู้สึกและกระทําได้เองโดยไม่ต้องมีใครสั่งสอน เช่นสัญชาตญาณในการป้องกันตัว สัญชาตญาณในการรวมหมู่,สัญชาตเวค ก็ว่า. (อ. instinct).
สัญชาติ
[ชาด] น. ความเกิด, การเป็นขึ้น, ความอยู่ในบังคับ คืออยู่ในความปกครองของประเทศชาติเดียวกัน เช่น ฝรั่งถือสัญชาติไทย, โดยปริยายหมายความว่า สันดาน เช่น สัญชาติพาล สัญชาติคางคก ยางหัวไม่ตกก็ไม่รู้สึก. (ป. สญฺชาติ ว่า ความเกิด, การเป็นขึ้น); (กฎ) สถานะตามกฎหมายของบุคคลที่แสดงว่าเป็นพลเมืองหรือคนในบังคับของประเทศใดประเทศหนึ่ง. (อ. nationality).
สัญฌา
น. เวลาเย็น. (ป.; ส. สนฺธฺยา).
สัญญา
น. (กฎ) ข้อตกลงระหว่างบุคคล ๒ ฝ่ายหรือหลายฝ่ายว่าจะกระทําการหรืองดเว้นกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่ง; ข้อตกลงกัน, คำมั่น, เช่นเขาให้สัญญาว่าจะมาหาพรุ่งนี้; ความจํา เป็นขันธ์ ๑ ในขันธ์ ๕ คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ. ก. ให้คํามั่น, รับปาก, ทําความตกลง, กัน เช่น แม่สัญญากับลูกว่าถ้าสอบได้ที่ ๑ จะให้รางวัล. (ป.).
สัญญาบัตร
น. ใบตั้งยศ บรรดาศักดิ์ หรือสมณศักดิ์ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินทรงตั้งเช่น นายทหารสัญญาบัตร พระราชาคณะสัญญาบัตรพระครูสัญญาบัตร, ถ้าเป็นใบที่เจ้ากระทรวงตั้ง เรียกว่า ใบประทวน.
สัญญาประกันชีวิต
(กฎ) ดู ประกันชีวิต.
สัญญาประกันภัย
(กฎ) ดู ประกันภัย.
สัญญาวิปลาส
ว. มีสติฟั่นเฟือนคล้ายคนบ้า, สติวิปลาส ก็ว่า. (ป. สญฺ?าวิปลฺลาส).
สัญญาณ
น. เครื่องหมายหรือเครื่องแสดงไว้ให้เห็นหรือให้ได้ยินเป็นต้นแม้อยู่ในระยะไกล เพื่อให้รู้ล่วงหน้าจะได้ระวังอันตรายหรือกระทําตามที่บอกหรือแนะไว้ เช่น สัญญาณไฟจราจร สัญญาณธง ตีระฆังเป็นสัญญาณให้พระลงโบสถ์.
สัญญาณจราจร
(กฎ) น. สัญญาณใด ๆ ไม่ว่าจะแสดงด้วยธง ไฟ ไฟฟ้า มือแขน เสียงนกหวีด หรือด้วยวิธีอื่นใดสำหรับให้ผู้ขับขี่ คนเดินเท้าหรือคนที่จูง ขี่ หรือไล่ต้อนสัตว์ปฏิบัติตามสัญญาณนั้น.
สัญญี
ว. มีความหมายรู้ได้, มีความรู้สึก, มีความระลึก, มีความจําได้. (ป.).
สัญโญชน์
น. สังโยชน์. (ป.).
สัญนิยม
[สันยะนิยม] น. การปฏิบัติหรือธรรมเนียมทั่วไปที่ใช้กันอยู่ในกลุ่มสังคมในขณะนั้น เช่น การไหว้เป็นสัญนิยมอย่างหนึ่งของคนไทยการใช้ตะเกียบคีบอาหารเป็นสัญนิยมในการกินอาหารของคนจีน.(อ. convention).
สัญประกาศ
[สันยะปฺระกาด] น. เครื่องหมายวรรคตอนรูปดังนี้ ใช้ขีดไว้ใต้คําหรือข้อความที่สําคัญ เพื่อเน้นให้ผู้อ่านสังเกตเป็นพิเศษ, ขีดเส้นใต้ก็เรียก.
สัญโยค
น. สังโยค. (ป.).
สัญลักษณ์
[สันยะ] น. สิ่งที่กําหนดนิยมกันขึ้นเพื่อให้ใช้หมายความแทนอีกสิ่งหนึ่งเช่น ตัวหนังสือเป็นสัญลักษณ์แทนเสียงพูด H เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไฮโดรเจน + - x ? เป็นสัญลักษณ์เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์.(อ. symbol).
สัฐิ
[สัดถิ] ว. หกสิบ. (ป. สฏฺ??; ส. ษษฺฏิ).
สัณฐาน
น. รูปทรง, ลักษณะ, เช่น ป้อมปราการมีสัณฐานแปดเหลี่ยม โลกมีสัณฐานกลมอย่างผลส้ม. (ป.; ส. สํสฺถาน).
สัณฐิติ
น. ความตั้งมั่น. (ป.; ส. สํสฺถิติ).
สัณฑ์
น. สณฑ์. (ป.; ส. ษณฺฑ).
สัณห์
ว. เกลี้ยงเกลา; อ่อน, นุ่ม; นุ่มนวล, สุภาพ; งาม, ละมุนละม่อม,ละเอียด. (ป.; ส. ศฺลกฺษฺณ).
สัด ๑
น. ภาชนะรูปทรงกระบอก ทําด้วยไม้หรือสานด้วยไม้ไผ่ ใช้ตวงข้าว;เครื่องตวงบางชนิดในสมัยโบราณ ใช้ตวงดินปืนบรรจุปากกระบอกปืน; ชื่อมาตราตวงโบราณ ๒๕ ทะนาน เป็น ๑ สัด มีอัตราเท่ากับ๑ ถัง หรือ ๒๐ ลิตร.
สัดส่วน
น. ส่วนผสมของสิ่งต่าง ๆ ตามอัตราที่กําหนด เช่น ในการผสมปูนโบกฝาผนังจะใช้ซีเมนต์ ทราย และปูนขาว ตามสัดส่วน๓ : ๒ : ๑; (คณิต) การเท่ากันของ ๒ อัตราส่วน หมายความว่าอัตราส่วนของปริมาณที่ ๑ ต่อปริมาณที่ ๒ เท่ากับอัตราส่วนของปริมาณที่ ๓ ต่อปริมาณที่ ๔ เช่น ๑ กิโลกรัม, ๒ กิโลกรัม; ๑๐๐บาท, ๒๐๐ บาท ได้ชื่อว่าเป็นสัดส่วนกันก็เพราะ ๑ กิโลกรัม ๒กิโลกรัม = ๑๒ = ๑๐๐ บาท๒๐๐ บาท = ๑๒ ? ๑ กิโลกรัม :๒ กิโลกรัม = ๑๐๐ บาท : ๒๐๐ บาท.). (อ. proportion)
สัด ๒
ก. ร่วมเพศเพื่อสืบพันธุ์ (ใช้แก่สัตว์).
สัดจอง
น. ทุ่น, แพ, เรือน้อย, จัดจอง ก็ว่า. (ข.).
สัต ๑, สัต ๑
[สัด, สัดตะ] ว. ดี, งาม; น่านับถือ. (ส.).
สัต ๑, สัต ๑
[สัด, สัดตะ] ว. ดี, งาม; น่านับถือ. (ส.).
สัตการ
น. การยกย่อง, การนับถือ; การรับรอง. (ส.).
สัตบถ
น. ทางที่ถูก, คติที่ชอบ. (ส.).
สัตบุรุษ
[สัดบุหฺรุด] น. คนที่เป็นสัมมาทิฐิ, คนดีน่านับถือ มีคุณธรรมประพฤติอยู่ในศีลในธรรม. (ส. สตฺปุรุษ; ป. สปฺปุริส).
สัต ๒, สัต ๒, สัตตะ ๑
[สัด, สัดตะ] ว. เจ็ด. (ป. สตฺต; ส. สปฺต).
สัต ๒, สัต ๒, สัตตะ ๑
[สัด, สัดตะ] ว. เจ็ด. (ป. สตฺต; ส. สปฺต).
สัต ๒, สัต ๒, สัตตะ ๑
[สัด, สัดตะ] ว. เจ็ด. (ป. สตฺต; ส. สปฺต).
สัตตาห
น. เจ็ดวัน.
สัตตาหกรณียะ
[สัดตาหะกะระนียะ, สัดตาหะกอระนียะ] น. กิจที่พึงทำเป็นเหตุให้ภิกษุออกจากวัดไปพักแรมในที่อื่นในระหว่างพรรษาได้ไม่เกิน๗ วัน เช่นเพื่อไปพยาบาลภิกษุสามเณรหรือบิดามารดาที่ป่วยไข้หรือเพื่อบำรุงศรัทธาของทายก.
สัตตาหกาลิก
น. ของที่เก็บไว้ฉันได้ชั่วคราวเพียง ๗ วัน ได้แก่ เภสัชทั้ง ๕ คือเนยใส เนยข้น นํ้ามัน นํ้าผึ้ง นํ้าอ้อย. (ป.).
สัตบริภัณฑ์, สัตภัณฑ์ ๑
[สัดตะบอริพัน, สัดตะพัน] น. ภูเขาที่ล้อมเป็นวงกลมรอบเขาพระสุเมรุเป็นชั้น ๆ รวม ๗ ชั้น สูงลดหลั่นกันลงมาตามลำดับชื่อภูเขาชั้นในที่สุดจากเขาพระสุเมรุออกมา คือ ยุคนธร อิสินธรกรวิก สุทัสนะ เนมินธร วินตกะ อัสกัณ ระหว่างภูเขาแต่ละชั้นมีทะเลสีทันดรคั่น. (ป. สตฺตปริภณฺฑ, สตฺตภณฺฑ).
สัตบริภัณฑ์, สัตภัณฑ์ ๑
[สัดตะบอริพัน, สัดตะพัน] น. ภูเขาที่ล้อมเป็นวงกลมรอบเขาพระสุเมรุเป็นชั้น ๆ รวม ๗ ชั้น สูงลดหลั่นกันลงมาตามลำดับชื่อภูเขาชั้นในที่สุดจากเขาพระสุเมรุออกมา คือ ยุคนธร อิสินธรกรวิก สุทัสนะ เนมินธร วินตกะ อัสกัณ ระหว่างภูเขาแต่ละชั้นมีทะเลสีทันดรคั่น. (ป. สตฺตปริภณฺฑ, สตฺตภณฺฑ).
สัตภัณฑ์ ๒
[พัน] น. ชื่อเชิงเทียน ทำเป็นแผงรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วติดไม้กลึงเป็นเชิงเทียน ๗ เชิง กรอบมักทำเป็นรูปพญานาคเลื้อยลงมาคล้ายกรอบหน้าบัน.
สัตม
ว. ที่ ๗. (ป. สตฺตม).
สัตมวาร
[สัดตะมะวาน] น. วันที่ครบ ๗, วันทำบุญครบ ๗ วันของผู้ตาย.
สัตมหาสถาน
[สัดตะมะหาสะถาน] น. สถานที่ ๗ แห่งที่พระพุทธเจ้าเสวยวิมุติสุขภายหลังตรัสรู้.
สัตโลหะ
[สัดตะ] น. โลหะ ๗ ชนิด คือ เหล็ก ๑ ปรอท ๑ ทองแดง ๑ เงิน ๑และทองคำ ๑, เพียงนี้เรียกว่า เบญจโลหะ, ถ้าเติมอีก ๒ ชนิด คือเจ้า ๑ (เป็นคำตัดมาจาก 'เจ้าน้ำเงิน' ว่า เป็นแร่ชนิดหนึ่ง สีเขียวเป็นสีน้ำเงิน) และสังกะสี ๑ เรียกว่า สัตโลหะ, ถ้าเติมอีก ๒ ชนิดคือ ชิน ๑ และบริสุทธิ์ ๑ (คือทองแดงบริสุทธิ์) เรียกว่า นวโลหะ.(ตำราสร้างพระพุทธรูป).
สัตวาร
น. สัปดาห์หนึ่ง, ๗ วัน. (ป. สตฺตวาร).
สัตสดก
[สะดก] น. หมวดละ ๗๐๐ เช่น แล้วประจงจัดสัตสดกมหาทานเป็นต้นว่าคชสารเจ็ดร้อย. (ม. ร่ายยาว ทานกัณฑ์). (ป. สตฺตสตก).
สัตตบงกช
[สัดตะบงกด] น. ชื่อบัวหลวงพันธุ์หนึ่ง. (ดู บัว).
สัตตบรรณ
[สัดตะบัน] น. ชื่อบัวสายพันธุ์หนึ่ง. (ดู บัว).
สัตตบุษย์
[สัดตะบุด] น. (๑) ชื่อบัวหลวงพันธุ์หนึ่ง. (ดู บัว). (๒) เทียนสัตตบุษย์.(ดู เทียนสัตตบุษย์ ที่ เทียน ๓).
สัตตะ ๒
ก. ข้องอยู่, ติดอยู่, พัวพัน. น. สัตว์. (ป.).
สัตตาห
ดู สัต ๒, สัต ๒, สัตตะ ๑.
สัตตาหกาลิก
ดู สัต ๒, สัต ๒, สัตตะ ๑.
สัตตู
น. ข้าวตู. (ป. สตฺตุ; ส. สกฺตุ).
สัตถ ๑
[สัดถะ] (แบบ) น. คัมภีร์, ตํารา. (ป.; ส. ศาสฺตฺร).
สัตถ ๒
(แบบ) น. เกวียน. (ป.; ส. สารฺถ).
สัตถ ๓
(แบบ) น. อาวุธ, มีด, หอก. (ป.; ส. ศสฺตฺร).
สัตถันดร, สัตถันดรกัป
[สัดถันดอน, สัดถันดะระกับ] น. ชื่อกัปหรือกัลป์หนึ่ง ซึ่งถือว่าคนเสื่อมจากศีลธรรมอย่างที่สุด มีการรบราฆ่าฟันกัน ไม่รู้จักญาติพี่น้องเช่น ห้าขวบมีฆราวาส ใจร้ายกาจโกลี กัลปนั้นมีนามกร ชื่อสัตถันดรพึงมี. (มาลัยคําหลวง). (ป. สตฺถ + อนฺตร).
สัตถันดร, สัตถันดรกัป
[สัดถันดอน, สัดถันดะระกับ] น. ชื่อกัปหรือกัลป์หนึ่ง ซึ่งถือว่าคนเสื่อมจากศีลธรรมอย่างที่สุด มีการรบราฆ่าฟันกัน ไม่รู้จักญาติพี่น้องเช่น ห้าขวบมีฆราวาส ใจร้ายกาจโกลี กัลปนั้นมีนามกร ชื่อสัตถันดรพึงมี. (มาลัยคําหลวง). (ป. สตฺถ + อนฺตร).
สัตถา
(แบบ) น. ครู, ผู้สอน. (ป.; ส. ศาสฺตฺฤ).
สัตถิ
(แบบ) น. ขา. (ป.; ส. สกฺถิ).
สัตถุ
น. ครู, ผู้สอน, มักใช้เป็นส่วนหน้าสมาส. (ป.).
สัตถุศาสนา
น. คําสั่งสอนของพระศาสดา คือพระพุทธศาสนา. (ป.; ส. ศาสฺตฺฤ).
สัตบรรณ
[สัดตะ] ดู ตีนเป็ด. (ป. สตฺตปณฺณ; ส. สปฺตปรฺณ).
สัตย, สัตย์
[สัดตะยะ, สัด] น. ความจริง เช่น รักษาสัตย์, คำมั่นสัญญา, เช่นเสียชีพอย่าเสียสัตย์ ลูกเสือให้สัตย์ปฏิญาณ. ว. จริง เช่น วาจาสัตย์,มักใช้เข้าคู่กับคำอื่น เช่น สัตย์ซื่อ ซื่อสัตย์ สัตย์จริง. (ส.; ป. สจฺจ).
สัตย, สัตย์
[สัดตะยะ, สัด] น. ความจริง เช่น รักษาสัตย์, คำมั่นสัญญา, เช่นเสียชีพอย่าเสียสัตย์ ลูกเสือให้สัตย์ปฏิญาณ. ว. จริง เช่น วาจาสัตย์,มักใช้เข้าคู่กับคำอื่น เช่น สัตย์ซื่อ ซื่อสัตย์ สัตย์จริง. (ส.; ป. สจฺจ).
สัตยพรต
น. การถือคํามั่นสัญญา. (ส. สตฺย + วฺรต).
สัตยวาที
น. ผู้พูดแต่ความจริง เช่น อันว่าพระมหาบุรุษรัตน ผู้อยู่ในสัตยวาที. (ม. คําหลวงกุมาร). (ส. สตฺยวาทินฺ).
สัตยาเคราะห์
น. การยึดความจริงเป็นหลักการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคมโดยใช้วิธีดื้อแพ่งไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือคําสั่งที่ไม่ยุติธรรม แต่ไม่ใช้วิธีรุนแรง. (ส. สตฺยาคฺรห).
สัตยาธิษฐาน
น. การตั้งความจริงใจเป็นหลักอ้าง เช่น ขอตั้งสัตยาธิษฐานอ้างอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก. (ส. สตฺย + อธิษฺ?าน; ป. สจฺจ + อธิฏฺ?าน).
สัตยาบัน
น. (กฎ) การยืนยันรับรองความตกลงระหว่างประเทศที่ได้กระทําขึ้นไว้; การรับรองนิติกรรมที่เป็นโมฆียะอันเป็นผลให้นิติกรรมนั้นสมบูรณ์มาแต่เริ่มแรก; (กลอน) การอ้างความสัตย์. (ส. สตฺย +อาปนฺน).
สัตยาเคราะห์
ดู สัตย, สัตย์.
สัตยาธิษฐาน
ดู สัตย, สัตย์.
สัตยาบัน
ดู สัตย, สัตย์.
สัตว, สัตว์
[สัดตะวะ, สัด] น. สิ่งมีชีวิตซึ่งแตกต่างไปจากพรรณไม้ ส่วนมากมีความรู้สึกและเคลื่อนไหวย้ายที่ไปได้เอง, ความหมายที่ใช้กันเป็นสามัญหมายถึง สัตว์ที่ไม่ใช่คน, เดรัจฉาน. (ส. สตฺตฺว; ป. สตฺต).
สัตว, สัตว์
[สัดตะวะ, สัด] น. สิ่งมีชีวิตซึ่งแตกต่างไปจากพรรณไม้ ส่วนมากมีความรู้สึกและเคลื่อนไหวย้ายที่ไปได้เอง, ความหมายที่ใช้กันเป็นสามัญหมายถึง สัตว์ที่ไม่ใช่คน, เดรัจฉาน. (ส. สตฺตฺว; ป. สตฺต).
สัตวชาติ
น. สัตว์, หมู่สัตว์.
สัตวบาล
น. การเลี้ยงและดูแลสัตว์; ผู้เลี้ยงและดูแลสัตว์.
สัตวแพทย์
น. หมอรักษาสัตว์.
สัตวโลก
น. หมู่สัตว์.
สัตววิทยา
น. วิทยาศาสตร์ชีวภาพสาขาหนึ่ง ว่าด้วยเรื่องของสัตว์.(อ. zoology).
สัตว์หิมพานต์
[หิมมะ] น. สัตว์ในวรรณคดีที่เชื่อกันว่าอยู่ในป่าหิมพานต์ เช่นคชสีห์ กินนร นรสิงห์, รูปหุ่นที่ผูกเป็นรูปสัตว์ในวรรณคดี ใช้บรรทุกผ้าไตรแห่เข้าขบวนพระบรมศพในสมัยโบราณ.
สัตวา
[สัดตะวา] น. ชื่อนกชนิดหนึ่งในจําพวกนกแก้ว ตัวโต สีเขียวเกือบเป็นสีคราม. (พจน. ๒๔๙๓).
สัทธรรม
[สัดทํา] น. คําสอนของพระพุทธเจ้า เรียกว่า พระสัทธรรม, ธรรมของสัตบุรุษหรือคนดี. (ส. สทฺธรฺม; ป. สทฺธมฺม).
สัทธา
น. ความเชื่อ, ความเลื่อมใส. (ป.; ส. ศฺรทฺธา).
สัทธาจริต
ว. มีความเชื่อเป็นเจ้าเรือน, มีนิสัยเชื่อง่าย, เช่น เขาเป็นคนสัทธาจริตเชื่ออะไรง่าย. (ป.).
สัทธาธิกะ
น. ผู้ยิ่งด้วยศรัทธา. (ป.).
สัทธินทรีย์
น. ความมีใจเชื่อ, ความเลื่อมใส. (ป.).
สัทธิงวิหาริก, สัทธิวิหาริก
น. คําเรียกผู้ได้รับการอุปสมบทแล้ว, ถ้าอุปสมบทต่อพระอุปัชฌาย์องค์ใดก็เป็นสัทธิงวิหาริกของพระอุปัชฌาย์องค์นั้น, (ใช้เข้าคู่กับอุปัชฌาย์). (ป.).
สัทธิงวิหาริก, สัทธิวิหาริก
น. คําเรียกผู้ได้รับการอุปสมบทแล้ว, ถ้าอุปสมบทต่อพระอุปัชฌาย์องค์ใดก็เป็นสัทธิงวิหาริกของพระอุปัชฌาย์องค์นั้น, (ใช้เข้าคู่กับอุปัชฌาย์). (ป.).
สัทธินทรีย์
ดู สัทธา.
สัทวิทยา
[สัดทะวิดทะยา] น. วิชาว่าด้วยการศึกษาระบบเสียงของแต่ละภาษาโดยพิจารณาหน้าที่ของเสียงและการประกอบเสียงในภาษานั้น.(อ. phonology).
สัทศาสตร์
[สัดทะ] น. วิชาว่าด้วยการศึกษาธรรมชาติของการออกเสียงและการเปล่งเสียงพูด. (อ. phonetics).
สัทอักษร
[สัดทะอักสอน] น. อักษรและเครื่องหมายที่กำหนดใช้แทนเสียงประเภทต่าง ๆ เช่น สัญลักษณ์แทนเสียงสระ พยัญชนะ วรรณยุกต์และเครื่องหมายพิเศษแทนการออกเสียงอื่น ๆ. (อ. phonetic alphabet).
สัน ๑
น. สิ่งที่มีลักษณะนูนสูงขึ้นเป็นแนวยาว เช่น สันหลังคา สันหน้าแข้งดั้งจมูกเป็นสัน; ส่วนหนาของมีดหรือขวานซึ่งอยู่ตรงข้ามกับคม.
สันเขา
น. ส่วนสูงของภูเขาที่ยาวเป็นทิวพืดไป.
สันดอน
น. ดินหรือกรวดทรายเป็นต้นซึ่งนํ้าพัดเอามารวมกัน ปรากฏนูนยาวอยู่ใต้นํ้า ทําให้สูงเป็นสันขึ้น, หลังเต่า ก็เรียก.
สันปันน้ำ
น. แนวสันเขาหรือสันเนินซึ่งเป็นแนวเขตแบ่งระหว่างลุ่มน้ำ, สันเขาหรือบริเวณที่สูงซึ่งแบ่งนํ้าให้ไหลไปลงแม่นํ้าลําธารที่อยู่แต่ละด้านของสันเขาหรือบริเวณที่สูงนั้น มักปรากฏเป็นแนวตอนบนสุดของทิวเขาซึ่งแบ่งเขตระหว่างลุ่มนํ้าที่มีทิศทางการไหลตรงข้ามกัน.
สันมือ
น. ส่วนข้างฝ่ามือด้านนิ้วก้อย เช่น สับด้วยสันมือ.
สันหลัง
น. ส่วนของร่างกายด้านหลัง ซึ่งมีกระดูกเป็นแนวนูนลงมาตลอดหลัง; โดยปริยายหมายความว่า ส่วนที่ตั้งมั่นของสิ่งใด ๆ.
สันหลังยาว
(สํา) ว. เรียกคนเกียจคร้านเอาแต่นอนว่า ขี้เกียจสันหลังยาวหรือใช้สั้น ๆ ว่า สันหลังยาว ก็มี, ขี้เกียจหลังยาว ก็ว่า.
สัน ๒
(ถิ่นพายัพ) น. ปีวอก.
สั่น
ก. ไหวถี่ ๆ เช่น กลัวจนตัวสั่น หนาวจนคางสั่น, ทําให้ไหวถี่ ๆ เช่นสั่นกระดิ่ง สั่นหัว.
สั่นงั่ก
ก. สั่นสะท้าน.
สั่นเทา
ก. สั่นรัว ๆ อย่างคนเป็นไข้.
สั่นเทิ้ม
ก. สั่นไปทั้งตัว.
สั้น
ว. ลักษณะส่วนหนึ่งของสิ่งใด ๆ มีกําหนดระยะยืดหรือยืนเป็นเส้นตรงจากจุดหนึ่งถึงอีกจุดหนึ่งน้อยกว่าอีกสิ่งหนึ่งเมื่อมีการเปรียบเทียบกัน เช่น เสื้อแขนสั้น กระโปรงสั้น ถนนสายนี้สั้นกว่าถนนสายอื่น ๆ,มีระยะเวลานานน้อยกว่าอีกช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อมีการเปรียบเทียบกันเช่น หน้าหนาวกลางวันสั้นกว่ากลางคืน.
สันดาน ๑
น. อุปนิสัยที่มีมาแต่กําเนิด เช่น มีสันดานดี มีสันดานเลว, (ปาก)มักใช้ไปในทางไม่สู้จะดี เช่น สันดานของเขาเป็นเช่นนั้น อย่าไปถือเลย. (ป., ส. สนฺตาน ว่า สืบต่อ).
สันดาน ๒
น. ชื่อโรคลมอย่างหนึ่งมีอาการให้จุกเสียดเรื้อรังอยู่เสมอ เรียกว่าลมสันดาน.
สันดาป
[ดาบ] น. ความเร่าร้อน, ความแผดเผา; การเผาไหม้; ชื่อนรกขุมหนึ่ง.(ป., ส.).
สันเดก
(โบ) น. สันติกะ, สํานัก. (ป. สนฺติก).
สันโดษ
[โดด] น. ความยินดีหรือพอใจเท่าที่ตนมีอยู่หรือเป็นอยู่ เช่น เขาถือสันโดษ. (ปาก) ก. มักน้อย เช่น เขาเป็นคนสันโดษ. (ส. สํโตษ;ป. สนฺโตส).
สันต์
ว. เงียบ, สงบ, สงัด. (ป.; ส. ศานฺต).
สันตติ
[ตะติ] น. ความสืบต่อ เช่น สืบสันตติวงศ์. (ป.; ส. สํตติ ว่า ลูกหลาน).
สันตะปาปา
น. ผู้เป็นประมุขคริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาทอลิก, โป๊ป ก็เรียก.
สันตะวา
น. ชื่อไม้นํ้าชนิด Ottelia alismoides (L.) Pers. ในวงศ์Hydrocharitaceae ใบบาง สีเขียวอมนํ้าตาล กินได้.
สันติ
น. ความสงบ เช่น อยู่ร่วมกันโดยสันติ. (ป.; ส. ศานฺติ).
สันติบาล
น. ผู้รักษาความสงบ.
สันติภาพ
น. ความสงบ เช่น โลกต้องการสันติภาพ จงร่วมมือกันรักษาสันติภาพของโลก. (ป. สนฺติ + ภาว).
สันติวิธี
น. วิธีที่จะก่อให้เกิดความสงบ เช่น เจรจาสงบศึกโดยสันติวิธี.
สันติสุข
น. ความสุขที่เกิดจากความสงบ เช่น รัฐบาลบริหารประเทศเพื่อสันติสุขของประชาชน.
สันติกะ
น. สํานัก, ที่ใกล้. (ป.).
สันตุฏฐี
น. สันโดษ. (ป.; ส. สํตุษฺฏิ).
สันถระ
น. ที่นอน, เสื่อ. (ป.).
สันถว, สันถวะ
[สันถะวะ] น. การนิยมชมชอบกัน, การสรรเสริญซึ่งกันและกัน;ความคุ้นเคย, ความสนิทสนมกัน. (ป.; ส. สํสฺตว).
สันถว, สันถวะ
[สันถะวะ] น. การนิยมชมชอบกัน, การสรรเสริญซึ่งกันและกัน;ความคุ้นเคย, ความสนิทสนมกัน. (ป.; ส. สํสฺตว).
สันถวไมตรี
น. ความเป็นมิตรสนิทสนมกัน เช่น ต้อนรับด้วยสันถวไมตรีทูตสันถวไมตรี.
สันถัต
น. ผ้าที่พระภิกษุรองนั่ง. (ป. สนฺถต ว่า ปูแล้ว, ลาดแล้ว).
สันถาร
น. การปูลาด; ที่ปูลาด, พื้น. (ป.; ส. สํสฺตาร).
สันทนะ
น. รถ, รถศึก. (ป.; ส. สฺยนฺทน).
สันทะ
ว. หนาทึบ. (ป.; ส. สานฺทฺร).
สันทัด
ก. ถนัด, จัดเจน, เช่น เรื่องนี้เขาไม่สันทัด เขาสันทัดในด้านคำนวณ. ว. ปานกลาง, ไม่ใหญ่ไม่เล็ก, ไม่สูงไม่ตํ่า, (ใช้แก่รูปร่าง), เช่น รูปร่างสันทัด.
สันทัดกรณี
[สันทัดกะระนี, สันทัดกอระนี] ว. ที่รู้เรื่องนั้น ๆ ดี เช่น เขาเป็นผู้สันทัดกรณีในด้านการต่างประเทศ.
สันทัสนะ
[สันทัดสะนะ] น. การแสดง, การชี้แจง. (ป. สนฺทสฺสน).
สันทาน
น. สายป่าน, เชือก, เครื่องผูกพัน. (ป., ส.).
สันทิฐิก
[สันทิดถิกะ] (แบบ) ว. ควรเห็นเอง, เป็นคุณของพระธรรมอย่างหนึ่ง.(ป. สนฺทิฏฺ??ก; ส. สานฺทฺฤษฺฏิก).
สันทิส
[ทิด] ก. สนทิศ. (ส. สํ + ทิศ).
สันเทส
[เทด] น. สนเทศ. (ป.).
สันเทหะ
น. สนเท่ห์. (ป., ส.).
สันธาน
น. การเกี่ยวข้อง, การเป็นเพื่อน; เครื่องพัวพัน; (ไว) คําพวกที่เชื่อมประโยคให้เกี่ยวเนื่องกัน เช่น เขาชอบสีเหลือง แต่ฉันชอบสีแดงน้ำท่วมเพราะฝนตกหนัก. (ป., ส.).
สันนิธิ
น. การสะสม, การรวบรวม; ที่ใกล้, ที่ต่อหน้า. (ป., ส.).
สันนิบาต ๑
น. การประชุม, ที่ประชุม, เช่น สังฆสันนิบาต สันนิบาตชาติ,งานชุมนุม เช่น รัฐบาลจัดงานสโมสรสันนิบาตที่ทำเนียบรัฐบาล.
สันนิบาตเทศบาล
น. องค์กรของเทศบาลทั่วประเทศรวมทั้งเทศบาลเมืองพัทยาและกรุงเทพมหานคร ซึ่งรวมตัวกันโดยมีจุดมุ่งหมายช่วยเหลือสนับสนุน และติดต่อประสานงานเทศบาลทั่วประเทศ โดยไม่มีจุดประสงค์ทางการเมือง เรียกว่า สันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย.
สันนิบาต ๒
น. เรียกไข้ชนิดหนึ่งมีอาการสั่นเทิ้ม ชักกระตุก และเพ้อ ว่า ไข้สันนิบาตเช่น ไข้สันนิบาตลูกนก ไข้สันนิบาตหน้าเพลิง. (ป., ส.).
สันนิวาส
น. ที่อยู่, ที่พัก; การอยู่ด้วยกัน, การอยู่ร่วมกัน. (ป., ส.).
สันนิเวส
น. การตระเตรียม, การตั้งลง. (ป.; ส. สนฺนิเวศ).
สันนิษฐาน
[นิด] ก. ลงความเห็นเป็นการคาดคะเนไว้ก่อน. (ป. สนฺนิฏ?านว่า ลงความเห็นในที่สุด).
สันพร้านางแอ
ดู เฉียงพร้านางแอ.
สันพร้ามอญ
ดู กระดูกไก่ดํา.
สันพร้าหอม
น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Eupatorium stoechadosmum Hance ในวงศ์Compositae ใช้ทํายาได้.
สันรวง
(กลอน) น. สรวง.
สันลึก
น. ใบตาล. (ข. สฺลึก ว่า ใบไม้).
สันสกฤต
[สะกฺริด] น. ชื่อภาษาในตระกูลอินเดียยุโรป ซึ่งมีใช้ในวรรณคดีอินเดียโบราณ เช่น คัมภีร์ฤคเวท ยชุรเวท สามเวท ต่อมาใช้ในวรรณคดีของพราหมณ์โดยทั่วไป และในคัมภีร์พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน, ใช้ว่าสังสกฤต ก็มี. ว. ที่ทำให้ดีพร้อมแล้ว, ที่ทำให้ประณีตแล้ว, ที่ขัดเกลาแล้ว. (ส. สํสฺกฤต; ป. สกฺกฏ).
สับ ๑
ก. เอาของมีคมเช่นมีดหรือขวานฟันลงไปโดยแรงหรือซอยถี่ ๆ เช่นสับกระดูกหมู สับมะละกอ, กิริยาที่เอาสิ่งมีปลายงอนหรือปลายแหลมเจาะลงไป เช่น เอาขอสับช้าง, เอาสิ่งที่เป็นขอเกี่ยวเข้าไว้ เช่น สับขอหน้าต่าง, โดยปริยายหมายถึงอาการที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่นสับด้วยสันมือ ถูกโขกถูกสับ; ทําเชือกให้เข้าเกลียวตั้งแต่ ๓ เกลียวขึ้นไปให้เขม็งแน่น เรียกว่า สับเชือก; เปลี่ยนแทนที่กัน เช่น วางของสับที่ใส่รองเท้าสับข้าง เต้นรำสับคู่ สับตัวจำเลย.
สับเกลียว, สับเชือก
ก. เอาเชือก ๒ เส้นฟั่นควบเป็นเส้นเดียวกัน แล้วเอาเชือกเส้นที่ ๓ซึ่งเขม็งแล้วควบเข้าไประหว่างเชือก ๒ เส้นนั้นโดยคลายเกลียวที่ปลายเชือก ๒ เส้นแรกเล็กน้อย เพื่อให้เชือกเส้นที่ ๓ สอดควบเข้าด้วยกันได้จนตลอด.
สับเกลียว, สับเชือก
ก. เอาเชือก ๒ เส้นฟั่นควบเป็นเส้นเดียวกัน แล้วเอาเชือกเส้นที่ ๓ซึ่งเขม็งแล้วควบเข้าไประหว่างเชือก ๒ เส้นนั้นโดยคลายเกลียวที่ปลายเชือก ๒ เส้นแรกเล็กน้อย เพื่อให้เชือกเส้นที่ ๓ สอดควบเข้าด้วยกันได้จนตลอด.
สับโขก
ก. ดุด่าว่าให้เจ็บใจอยู่เสมอ ๆ, โขกสับ ก็ว่า.
สับเงา
ว. สัปหงก, อาการที่หน้าหงุบลงเพราะง่วงนอน.
สับนก
ว. เรียกแกงเผ็ดชนิดหนึ่ง ใช้ปลาตัวเล็ก ๆ สับละเอียดทั้งเนื้อและก้างว่า แกงสับนก.
สับเปลี่ยน
ก. เปลี่ยนแทนที่กัน เช่น สับเปลี่ยนตําแหน่ง.
สับไพ่
ก. นำไพ่ทั้งสำรับมาตัดเป็นกอง ๆ แล้วรวมโดยสับกองกัน.
สับสน
ก. ปะปนกันยุ่งไม่เป็นระเบียบ เช่น ข่าวสับสนทำให้ได้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ผู้คนมากมายเดินไปมาสับสน.
สับหลีก
(ปาก) ก. เปลี่ยนทางหลีกของรถไฟ, โดยปริยายหมายความว่าเปลี่ยนหรือกำหนดนัดไม่ให้ผู้มาหาตนพบกับอีกคนหนึ่ง (มักใช้ในทางชู้สาว).
สับหว่าง
ว. เยื้องระหว่างแถว จะเป็น ๒ แถวหรือหลายแถวก็ได้ เช่นนั่งสับหว่าง ยืนสับหว่าง.
สับ ๒
(โบ) ว. สรรพ.
สับ ๓
ว. ถ้วน, พอดี, เช่น ห้าสองหนเป็นสิบสับ. (มูลบทบรรพกิจ).
สับปลับ
ว. กลับกลอกเชื่อไม่ได้ (มักใช้แก่กริยาพูด) เช่น พูดสับปลับ เขาเป็นคนสับปลับ, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ สับปลี้ เป็น สับปลี้สับปลับ.
สับปลี้
ก. พูดกลับกลอกเชื่อไม่ได้ มักใช้ประกอบกับคํา สับปลับ เป็น สับปลี้สับปลับ หรือสับปลับสับปลี้.
สับปะขาว
ดู ชีปะขาว ๒ (๑).
สับปะรด
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Ananas comosus Merr. ในวงศ์ Bromeliaceaeไม่มีลําต้นปรากฏบนพื้นดิน ใบเป็นกาบยาวให้ใยใช้ทําสิ่งทอ ขอบใบมีหนาม ผลมีตาโดยรอบ กินได้รสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ; เรียกใยของพรรณไม้บางชนิดที่มีลักษณะอย่างใยสับปะรด ใช้ทำหมวกเป็นต้นว่าไหมสับปะรด.
สัปคับ
[สับปะคับ] น. ที่สำหรับนั่งผูกติดบนหลังช้าง, แหย่งช้าง.
สัปคับช้าง
น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์บุรพอาษาฒ มี ๓ ดวง, ดาวราชสีห์ตัวผู้ดาวปุรพษาฒ หรือ ดาวบุพพาสาฬหะ ก็เรียก.
สัปด
[สับดะ] ว. เจ็ด. (ส. สปฺต; ป. สตฺต).
สัปดปกรณ์, สัปดประกรณ์
น. พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์. (ส. สปฺตปฺรกรณ).
สัปดปกรณ์, สัปดประกรณ์
น. พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์. (ส. สปฺตปฺรกรณ).
สัปดสดก
[สะดก] น. หมวดละ ๑๐๐ ๗ หมวด. (ส. สปฺตสตก).
สัปดาห์, สัปดาหะ
[สับดา, สับปะดา, สับดาหะ] น. รอบ ๗ วัน เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ถึงวันเสาร์, ระยะ ๗ วัน เช่น สัปดาห์แห่งการส่งเสริมพระพุทธศาสนาสัปดาห์แห่งการเขียนจดหมาย. (ส. สปฺตาห).
สัปดาห์, สัปดาหะ
[สับดา, สับปะดา, สับดาหะ] น. รอบ ๗ วัน เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ถึงวันเสาร์, ระยะ ๗ วัน เช่น สัปดาห์แห่งการส่งเสริมพระพุทธศาสนาสัปดาห์แห่งการเขียนจดหมาย. (ส. สปฺตาห).
สัปดน
[สับปะดน] ว. หยาบโลน เช่น พูดสัปดนสองแง่สองง่าม, อุตรินอกแบบนอกแผน เช่น เด็กคนนี้ชอบเล่นสัปดน เอาประทัดผูกหางหมาแล้วจุด, (ปาก) ใช้ว่า สัปโดกสัปดน.
สัปดาห์, สัปดาหะ
ดู สัปด.
สัปดาห์, สัปดาหะ
ดู สัปด.
สัปต
[สับตะ] ว. เจ็ด. (ส.).
สัปตศก
น. เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๗ เช่น ปีฉลูสัปตศกจุลศักราช ๑๓๔๗. (ส.).
สัปทน
[สับปะทน] น. (โบ) ร่มทำด้วยผ้ามีระบายรอบ คันยาว เป็นเครื่องแสดงยศขุนนางโบราณชั้นสูงกว่าพระยา; ร่มขนาดใหญ่ทำด้วยผ้าหรือแพรสีต่าง ๆ มีระบายรอบ มีด้ามยาว ใช้กั้นนาค ผ้าไตร หรือพระพุทธรูป เป็นต้น.
สัปปะ
[สับ] น. งู. (ป.; ส. สรฺป).
สัปปิ
[สับ] น. เนยใส. (ป.; ส. สรฺปิสฺ).
สัปปุริส, สัปปุรุษ
[สับปุริสะ, สับปุหฺรุด] น. คนที่เป็นสัมมาทิฐิ, คฤหัสถ์ผู้มีศรัทธาในพระศาสนา, คนที่มีความเห็นชอบตามทํานองคลองธรรม.(ป. สปฺปุริส; ส. สตฺปุรุษ).
สัปปุริส, สัปปุรุษ
[สับปุริสะ, สับปุหฺรุด] น. คนที่เป็นสัมมาทิฐิ, คฤหัสถ์ผู้มีศรัทธาในพระศาสนา, คนที่มีความเห็นชอบตามทํานองคลองธรรม.(ป. สปฺปุริส; ส. สตฺปุรุษ).
สัประยุทธ์
[สับปฺระยุด] ก. รบพุ่งชิงชัยกัน.
สัปหงก
[สับปะหฺงก] ว. อาการที่หน้าหงุบลงเพราะง่วงนอน.
สัปเหร่อ
[สับปะเหฺร่อ] น. ผู้ที่ทําหน้าที่เกี่ยวกับการศพตั้งแต่ทำพิธีมัดตราสังจนกระทั่งนำศพไปฝังหรือเผา.
สัพ, สัพพะ
ว. สรรพ, ทุกสิ่ง, ทั้งปวง, ทั้งหมด. (ป. สพฺพ; ส. สรฺว).
สัพ, สัพพะ
ว. สรรพ, ทุกสิ่ง, ทั้งปวง, ทั้งหมด. (ป. สพฺพ; ส. สรฺว).
สัพพัญญู
[สับ] น. ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง, ผู้รู้ทั่ว; พระนามพระพุทธเจ้า. (ป.).
สัพเพเหระ
(ปาก) ว. ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน, ไม่ใช่สิ่งสําคัญ, เช่น ของสัพเพเหระเรื่องสัพเพเหระไม่มีประโยชน์.
สัพยอก
[สับพะยอก] ก. หยอกเย้า เช่น ผู้ใหญ่สัพยอกเด็กว่าเป็นแม่สายบัวแต่งตัวเก้อ. ว. ที่พูดหยอกเย้า เช่น อย่าโกรธเลย เขาพูดจาสัพยอกเท่านั้น, มักใช้เข้าคู่กันเป็น สัพยอกหยอกเย้า เช่น พูดจาสัพยอกหยอกเย้า.
สัมบูรณ์
ว. สมบูรณ์ยิ่ง เช่น ความชื้นสัมบูรณ์. (อ. absolute).
สัมปชัญญะ
[สําปะชันยะ] น. ความรู้ตัวอยู่เสมอ, ความไม่เผลอตัว, มักใช้เข้าคู่กับคำ สติ เป็น สติสัมปชัญญะ. (ป.).
สัมปทา
[สําปะทา] น. ความถึงพร้อมด้วยคุณความดี เช่น อุฏฐานสัมปทา =ความถึงพร้อมด้วยความเพียร. (ป., ส.).
สัมปทาน
[สําปะทาน] (กฎ) น. การที่รัฐอนุญาตให้เอกชนจัดทําบริการสาธารณะหรือจัดทําประโยชน์เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ภายในระยะเวลาและตามเงื่อนไขที่รัฐกําหนด เช่น สัมปทานการเดินรถประจําทาง สัมปทานทําไม้ในป่าสัมปทาน. (ป.).
สัมปยุต
[สําปะยุด] ก. ประกอบด้วย. (ป. สมฺปยุตฺต; ส. สมฺปฺรยุกฺต).
สัมปโยค
[สําปะโยก] น. การประกอบกัน. (ป.; ส. สมฺปฺรโยค).
สัมประสิทธิ์
(คณิต) น. จํานวนจริงที่มีค่าคงตัวซึ่งคูณอยู่กับตัวแปร. (อ. coefficient).
สัมประหาร
น. การสู้รบกัน, การต่อสู้กัน. (ส. สมฺปฺรหาร; ป. สมฺปหาร).
สัมบูรณ์
ว. สมบูรณ์ยิ่ง เช่น ความชื้นสัมบูรณ์. (อ. absolute).
สัมปชัญญะ
[สําปะชันยะ] น. ความรู้ตัวอยู่เสมอ, ความไม่เผลอตัว, มักใช้เข้าคู่กับคำ สติ เป็น สติสัมปชัญญะ. (ป.).
สัมปทา
[สําปะทา] น. ความถึงพร้อมด้วยคุณความดี เช่น อุฏฐานสัมปทา =ความถึงพร้อมด้วยความเพียร. (ป., ส.).
สัมปทาน
[สําปะทาน] (กฎ) น. การที่รัฐอนุญาตให้เอกชนจัดทําบริการสาธารณะหรือจัดทําประโยชน์เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ภายในระยะเวลาและตามเงื่อนไขที่รัฐกําหนด เช่น สัมปทานการเดินรถประจําทาง สัมปทานทําไม้ในป่าสัมปทาน. (ป.).
สัมปยุต
[สําปะยุด] ก. ประกอบด้วย. (ป. สมฺปยุตฺต; ส. สมฺปฺรยุกฺต).
สัมปโยค
[สําปะโยก] น. การประกอบกัน. (ป.; ส. สมฺปฺรโยค).
สัมประสิทธิ์
(คณิต) น. จํานวนจริงที่มีค่าคงตัวซึ่งคูณอยู่กับตัวแปร. (อ. coefficient).
สัมประหาร
น. การสู้รบกัน, การต่อสู้กัน. (ส. สมฺปฺรหาร; ป. สมฺปหาร).
ดูคำศัพท์เพิ่มเติม
สัมบูรณ์
ว. สมบูรณ์ยิ่ง เช่น ความชื้นสัมบูรณ์. (อ. absolute).
สัมปชัญญะ
[สําปะชันยะ] น. ความรู้ตัวอยู่เสมอ, ความไม่เผลอตัว, มักใช้เข้าคู่กับคำ สติ เป็น สติสัมปชัญญะ. (ป.).
สัมปทา
[สําปะทา] น. ความถึงพร้อมด้วยคุณความดี เช่น อุฏฐานสัมปทา =ความถึงพร้อมด้วยความเพียร. (ป., ส.).
สัมปทาน
[สําปะทาน] (กฎ) น. การที่รัฐอนุญาตให้เอกชนจัดทําบริการสาธารณะหรือจัดทําประโยชน์เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ภายในระยะเวลาและตามเงื่อนไขที่รัฐกําหนด เช่น สัมปทานการเดินรถประจําทาง สัมปทานทําไม้ในป่าสัมปทาน. (ป.).
สัมปยุต
[สําปะยุด] ก. ประกอบด้วย. (ป. สมฺปยุตฺต; ส. สมฺปฺรยุกฺต).
สัมปโยค
[สําปะโยก] น. การประกอบกัน. (ป.; ส. สมฺปฺรโยค).
สัมประสิทธิ์
(คณิต) น. จํานวนจริงที่มีค่าคงตัวซึ่งคูณอยู่กับตัวแปร. (อ. coefficient).
สัมประหาร
น. การสู้รบกัน, การต่อสู้กัน. (ส. สมฺปฺรหาร; ป. สมฺปหาร).
ดูคำศัพท์เพิ่มเติม
สัมปรายภพ, สัมปรายิกภพ
[ปะรายะ, ปะราย, ปะรายิกะ] น. ภพหน้า. (ป., ส.).
สัมปรายภพ, สัมปรายิกภพ
[ปะรายะ, ปะราย, ปะรายิกะ] น. ภพหน้า. (ป., ส.).
สัมปัตติ
น. สมบัติ. (ป., ส.).
สัมผัปลาป, สัมผัปลาปะ
[สําผับปะลาบ, ปะลาปะ] น. คําพูดเพ้อเจ้อ. (ป. สมฺผปฺปลาป;ส. สมฺปฺรลาป).
สัมผัปลาป, สัมผัปลาปะ
[สําผับปะลาบ, ปะลาปะ] น. คําพูดเพ้อเจ้อ. (ป. สมฺผปฺปลาป;ส. สมฺปฺรลาป).
สัมผัส
ก. ถูกต้อง, แตะต้อง, กระทบกัน, เช่น มีใครมาสัมผัสไหล่ พยายามให้เท้าสัมผัสหญ้าเสียบ้าง จะได้มีสุขภาพดี สัมผัสมือกัน; คล้องจองกันเช่น คําในกลอนบทนี้สัมผัสกันดี. น. การถูกต้องที่ให้เกิดความรู้สึกเช่น ประสาทสัมผัส, การแตะต้อง, การกระทบกัน, เช่น พอออกไปข้างนอกก็สัมผัสอากาศเย็นเฉียบ; ความคล้องจองของถ้อยคํา เช่นในนํ้ามีปลาในนามีข้าว; (วรรณ) ข้อบังคับที่ใช้ในฉันทลักษณ์เพื่อให้เสียงรับกัน. (ป. สมฺผสฺส; ส. สํสฺปรฺศ).
สัมผัสนอก
น. สัมผัสนอกวรรคหรือระหว่างวรรคตามข้อบังคับแห่งฉันทลักษณ์ซึ่งเป็นสัมผัสสระและไม่ซ้ำเป็นคำเดียวกัน เช่น (รูปภาพกลอน) (อภัย),(ตะเลงพ่าย).
สัมผัสใน
น. สัมผัสที่อยู่ภายในวรรคเพื่อเพิ่มเสียงไพเราะ มีได้ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร เช่น (รูปภาพ ถึงโคกฆ้องหนองสะพานบ้านกะเหรี่ยงเห็นโรงเรียงไร่ฝ้ายทั้งซ้ายขวา). (ขุนช้างขุนแผน), ในโคลงหมายรวมถึงสัมผัสสระและสัมผัสอักษรที่อยู่ระหว่างวรรคในบาทเดียวกันด้วยคือ คำสุดท้ายของวรรคแรกสัมผัสกับคำแรกของวรรคหลัง เช่น อ้าศรีเสาวภาคย์เพี้ยง เพ็ญแข. (ตะเลงพ่าย).
สัมผัสสระ
น. สัมผัสที่มีเสียงสระหรือเสียงสระกับตัวสะกดในมาตราเดียวกันเช่น (รูปภาพ อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ. (เพลงยาวถวายโอวาท), คนใจจืดชืดชื้อเหมือนชื่อบาง ควรตีห่างเหินกันจนวันตาย).(นิ. วัดสิงห์).
สัมผัสอักษร
น. สัมผัสพยัญชนะที่มีพยัญชนะต้นตัวเดียวกันหรือเสียงพ้องกัน เช่นจําใจจําจากเจ้า จําจร. (ตะเลงพ่าย), คูนแคขิงข่าขึ้น เคียงคาง. (หลักภาษาไทยของกำชัย ทองหล่อ).
สัมพล, สมพล
[สําพน, สมพน] น. อาหาร, เสบียง. (ป.; ส. ศมฺพล).
สัมพล, สมพล
[สําพน, สมพน] น. อาหาร, เสบียง. (ป.; ส. ศมฺพล).
สัมพหุลา
(ปาก) ว. รวมปะปนกันหลาย ๆ อย่าง เช่น งานสัมพหุลาเต็มไปหมดทำไม่ไหวหรอก, สรรพหุลา ก็ว่า. (ป.).
สัมพัจฉร
[สําพัดฉะระ] น. ปี. (ป. สํวจฺฉร; ส. สํวตฺสร).
สัมพัจฉรฉินท์
น. พิธีสิ้นปี, ตรุษ. (ป.).
สัมพัตสร
น. สมพัตสร. (ส.; ป. สํวจฺฉร).
สัมพัทธ์
ว. ที่เปรียบเทียบกัน เช่น ความเร็วสัมพัทธ์ ความชื้นสัมพัทธ์. (ป., ส.).
สัมพันธ, สัมพันธ์, สัมพันธน์
[สําพันทะ, สําพัน] ก. ผูกพัน, เกี่ยวข้อง, เช่น เขากับฉันสัมพันธ์กันฉันญาติ ข้อความข้างหลังไม่สัมพันธ์กับข้อความข้างหน้า. (ไว) น.การแยกความออกเป็นประโยค ๆ หรือส่วนต่าง ๆ ของประโยค แล้วบอกการเกี่ยวข้องของประโยคและคำต่าง ๆ ในประโยคนั้น ๆ. (ป., ส.).
สัมพันธ, สัมพันธ์, สัมพันธน์
[สําพันทะ, สําพัน] ก. ผูกพัน, เกี่ยวข้อง, เช่น เขากับฉันสัมพันธ์กันฉันญาติ ข้อความข้างหลังไม่สัมพันธ์กับข้อความข้างหน้า. (ไว) น.การแยกความออกเป็นประโยค ๆ หรือส่วนต่าง ๆ ของประโยค แล้วบอกการเกี่ยวข้องของประโยคและคำต่าง ๆ ในประโยคนั้น ๆ. (ป., ส.).
สัมพันธ, สัมพันธ์, สัมพันธน์
[สําพันทะ, สําพัน] ก. ผูกพัน, เกี่ยวข้อง, เช่น เขากับฉันสัมพันธ์กันฉันญาติ ข้อความข้างหลังไม่สัมพันธ์กับข้อความข้างหน้า. (ไว) น.การแยกความออกเป็นประโยค ๆ หรือส่วนต่าง ๆ ของประโยค แล้วบอกการเกี่ยวข้องของประโยคและคำต่าง ๆ ในประโยคนั้น ๆ. (ป., ส.).
สัมพันธภาพ
น. ความผูกพัน, ความเกี่ยวข้อง, เช่น สัมพันธภาพระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตดีขึ้นตามลำดับ.
สัมพันธมิตร
น. เรียกกลุ่มประเทศอันประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียตอังกฤษ ฝรั่งเศส และจีน ที่รวมเป็นแกนร่วมรบกับกลุ่มประเทศฝ่ายอักษะในสงครามโลกครั้งที่ ๒ ว่า ฝ่ายสัมพันธมิตร.
สัมพันธไมตรี
น. ความเกี่ยวข้องผูกพันกันฉันมิตร เช่น ประเทศไทยมีสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้าน.
สัมพาธะ
น. ความคับแคบ, การเบียดเสียด, การยัดเยียด, การอัดแอ. (ป., ส.).
สัมพาหน์, สัมพาหะ
น. การนวดฟั้น. (ป.; ส. สํวาหน).
สัมพาหน์, สัมพาหะ
น. การนวดฟั้น. (ป.; ส. สํวาหน).
สัมพุทธ, สัมพุทธะ
น. ผู้รู้พร้อม, ผู้ตื่นแล้ว, ผู้สว่างแล้ว; พระนามพระพุทธเจ้า. (ป., ส.).
สัมพุทธ, สัมพุทธะ
น. ผู้รู้พร้อม, ผู้ตื่นแล้ว, ผู้สว่างแล้ว; พระนามพระพุทธเจ้า. (ป., ส.).
สัมโพธิ
[โพทิ] น. สมโพธิ. (ป., ส.).
สัมภวะ
[สำพะ] น. สมภพ. (ป., ส.).
สัมภเวสี
[สำพะ] น. ผู้แสวงหาที่เกิด ในคติของศาสนาพราหมณ์หมายถึงคนที่ตายแล้ววิญญาณกำลังแสวงหาที่เกิด แต่ยังไม่ได้เกิดในกำเนิดใดกำเนิดหนึ่ง, ผู้ต้องเกิด, สัตว์โลก. (ป.; ส. สมฺภเวษินฺ).
สัมภัต, สัมภัตตะ
น. ผู้ร่วมคบหากัน, เพื่อนร่วมกินร่วมนอน. (ป. สมฺภตฺต; ส. สมฺภกฺต).
สัมภัต, สัมภัตตะ
น. ผู้ร่วมคบหากัน, เพื่อนร่วมกินร่วมนอน. (ป. สมฺภตฺต; ส. สมฺภกฺต).
สัมภาระ
[สำพาระ] น. สิ่งของต่าง ๆ เช่น เครื่องมือเครื่องใช้และเสบียงซึ่งสะสมรวบรวมหรือจัดเตรียมไว้เพื่อภาระต่าง ๆ เช่น เตรียมสัมภาระสำหรับไปต่างจังหวัด; การเกื้อหนุน, การเลี้ยงดู. (ป., ส.).
สัมภาษณ์
ก. สนทนาหรือสอบถามเพื่อนำเรื่องราวไปเผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์หรือวิทยุกระจายเสียงเป็นต้น เช่น เจ้าหน้าที่กรมประชาสัมพันธ์สัมภาษณ์นายกราชบัณฑิตยสถานเกี่ยวกับความเป็นมาของราชบัณฑิตยสถาน. น. การพบปะสนทนากันในลักษณะที่ฝ่ายหนึ่งต้องการทราบเรื่องจากอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อนำไปเผยแพร่ เรียกว่า ผู้สัมภาษณ์ และอีกฝ่ายหนึ่งที่ต้องการจะแถลงข่าวแก่อีกฝ่ายหนึ่ง เรียกว่า ผู้ให้สัมภาษณ์; การสอบท่วงทีวาจาและไหวพริบ พิจารณาดูชั้นเชิงและความสามารถของผู้เข้าสอบ ว่าจะเป็นผู้เหมาะสมตามที่ต้องการหรือไม่ เรียกว่า สอบสัมภาษณ์.(ส. สมฺภาษณ ว่า การสนทนากัน, การพูดจาซักถามกัน; คําพูดให้ตรงกัน).
สัมเภทะ
น. การปะปน, การรวมกัน; การแยก, การแตกออก, การแบ่ง. (ป., ส.).
สัมมนา
น. การประชุมแบบหนึ่ง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น และหาข้อสรุปหรือข้อเสนอแนะในเรื่องใดเรื่องหนึ่งผลสรุปที่ได้ถือว่าเป็นเพียงข้อเสนอแนะ ผู้เกี่ยวข้องจะนําไปปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้ เช่น สัมมนาการศึกษาประชาบาล. (อ. seminar).
สัมมัปธาน
[สํามับปะทาน] น. ความเพียรที่ตั้งไว้ชอบ. (ป. สมฺมปฺปธาน;ส. สมฺยกฺปฺรธาน).
สัมมา
ว. ชอบ, ดี, (มักใช้เป็นส่วนหน้าของสมาส) เช่น สัมมาทิฐิ สัมมาชีพ.(ป.; ส. สมฺยกฺ).
สัมมากัมมันตะ
น. 'การงานชอบ' คือ ประพฤติกายสุจริต.(ป.).
สัมมาคารวะ
น. ความเคารพนบนอบ เช่น พูดกับผู้ใหญ่ต้องมีสัมมาคารวะ.
สัมมาจริยา
น. การประพฤติชอบ. (ป.).
สัมมาชีพ
น. อาชีพที่สุจริต, อาชีพที่ชอบธรรม, เช่น การทำไร่ทำนานับว่าเป็นสัมมาชีพอย่างหนึ่ง. (ป. สัมมา + อาชีว).
สัมมาทิฐิ
น. ความเห็นชอบตามทํานองคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว. (ป. สมฺมาทิฏฺ??).
สัมมาวาจา
น. 'การเจรจาชอบ' คือ ประพฤติวจีสุจริต. (ป.).
สัมมาวายามะ
น. ความพยายามชอบ. (ป.).
สัมมาสติ
น. ความระลึกชอบ. (ป.).
สัมมาสมาธิ
น. สมาธิชอบ, ความตั้งใจชอบ. (ป.).
สัมมาสังกัปปะ
น. ความดําริในทางที่ชอบ. (ป.).
สัมมาอาชีวะ
น. การเลี้ยงชีวิตในทางที่ชอบ. (ป.).
สัมโมทนียกถา
[สำโมทะนียะกะถา] น. ถ้อยคําที่แสดงความชื่นชมยินดี เป็นที่ชุ่มชื่นใจแก่ผู้ฟังหรือผู้อ่าน. (ป., ส.).
สัมฤทธิ, สัมฤทธิ์
[สําริดทิ, สําริด] น. ความสําเร็จ ในคําว่า สัมฤทธิผล; โลหะเจือชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่ประกอบด้วยทองแดงกับดีบุก, ทองสัมฤทธิ์หรือ ทองบรอนซ์ ก็เรียก, โบราณเขียนว่าสําริด. (ส. สมฺฤทฺธิ; ป. สมิทฺธิ).
สัมฤทธิ, สัมฤทธิ์
[สําริดทิ, สําริด] น. ความสําเร็จ ในคําว่า สัมฤทธิผล; โลหะเจือชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่ประกอบด้วยทองแดงกับดีบุก, ทองสัมฤทธิ์หรือ ทองบรอนซ์ ก็เรียก, โบราณเขียนว่าสําริด. (ส. สมฺฤทฺธิ; ป. สมิทฺธิ).
สัมฤทธิศก
[สำริดทิสก] น. เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๐ เช่น ปีมะโรงสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๓๕๐, ปีสําเร็จ (ครบรอบ คือ ปีที่ ๑๐ ของรอบ ๑๐ ปีของจุลศักราช) ซึ่งตั้งต้นด้วยเอกศก โทศก เป็นลําดับไปจนนพศก แล้วสัมฤทธิศก เป็นครบรอบแล้วตั้งต้นใหม่.
สัยน์
[ไส] น. สยนะ. (ป.; ส. ศยน).
สัลลาป
[สันลาปะ] น. การพูดจากัน. (ป.; ส. สํลาป).
สัลเลข
[สันเลขะ] น. การขัดเกลากิเลส. (ป.; ส. สํเลข).
สัสดี
[สัดสะดี] น. ผู้รวบรวมบัญชีคน, เจ้าหน้าที่บัญชีทหาร; การรวมบัญชีคน.
สัสต
[สัดสะตะ] ว. เที่ยง, แน่นอน, คงที่, ถาวร. (ป. สสฺสต; ส. ศาศฺวต).
สัสตทิฐิ
น. ลัทธิที่ถือว่าโลกและวิญญาณเป็นของเที่ยงไม่เสื่อมสูญ.(ป. สสฺสตทิฏฺ??).
สัสสะ
[สัดสะ] น. ข้าวกล้า. (ป.; ส. ศสฺย).
สัสสุ, สัสสู
[สัด] น. แม่ยาย, แม่ผัว. (ป.; ส. ศฺวศฺรู).
สัสสุ, สัสสู
[สัด] น. แม่ยาย, แม่ผัว. (ป.; ส. ศฺวศฺรู).
สา ๑
น. หมา. (ป.; ส. ศฺวนฺ).
สา ๒
(ถิ่นพายัพ) น. ต้นกระสา. (ดู กระสา ๓), ชื่อกระดาษที่ทำจากเปลือกต้นกระสา ใช้ทำร่มเป็นต้น เรียกว่า กระดาษสา.
สา ๓
(ถิ่นอีสาน) น. ชื่องูหลายชนิดในหลายวงศ์ เช่น สาเหลือง หมายถึงงูลายสอบ้าน (Xenochrophis piscator) สาขาว หมายถึง งูทับสมิงคลา(Bungarus candidus) สาคอแดง หมายถึง งูลายสาบคอแดง(Rhabdophis subminiatus).
สา ๔
สัน. แม้ว่า, หาก, เช่น สาอวรอรวนิดา โดยพี่มานี. (หริภุญชัย).
ส่า
น. สิ่งที่เป็นเชื้อทําให้ปรากฏเป็นฟอง รา หรือเม็ดผื่นเป็นต้นแก่สิ่งอื่นบางลักษณะ.
ส่าขนุน
น. ดอกขนุนที่เกิดขึ้นก่อนแล้วร่วงไป ซึ่งเป็นเครื่องหมายว่าขนุนนั้นจะมีลูก.
ส่าไข้
น. เม็ดผื่นขึ้นตามตัวก่อนจะเป็นไข้, เรียกไข้ที่มีเม็ดผื่นเช่นนั้นว่า ไข้ส่า.
ส่าเลือด
น. เม็ดผื่นที่ขึ้นตามตัวเนื่องจากความผิดปรกติของเลือดประจําเดือน.
ส่าเห็ด
น. ราที่ขึ้นตามพื้นดินก่อนที่เห็ดจะขึ้น.
ส่าเหล้า ๑
น. ส่าที่เติมลงไปเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมี ทำให้มีเอทิลแอลกอฮอล์เกิดขึ้น.
สาก ๑
น. เครื่องมือสําหรับตําอย่างหนึ่ง, คู่กับ ครก.
สากกะเบือ
น. สากไม้สําหรับตําข้าวเบือหรือนํ้าพริกเป็นต้น, ใช้คู่กับครกกะเบือ.
สาก ๒
ดู นํ้าดอกไม้ ๓.
สาก ๓
ว. อาการที่ระคายเพราะมีลักษณะไม่ละเอียดอ่อนหรือไม่นุ่มนวลเช่น ใบข่อยจับแล้วสากมือ ผู้หญิงคนนี้มือสากเพราะทำงานหนักตั้งแต่เด็ก, ขรุขระเพราะมีพื้นไม่ราบเรียบ เช่น กระดานแผ่นนี้ผิวสากเพราะยังไม่ได้ไสกบ.
สากหยาก
[สากกะหฺยาก] ว. ขรุขระ, น่าสะอิดสะเอียนอย่างหนังคางคก.
สากรรจ์
คําเลือนมาจาก ฉกรรจ์.
สากะ
น. ผัก. (ป.; ส. ศาก).
สากล
ว. ทั่วไป, ทั้งหมด, ทั้งสิ้น, เช่น สากลโลก สากลจักรวาล; เป็นที่นิยมทั่วไป เช่น เครื่องแต่งกายชุดสากล, สามัญหมายถึงแบบซึ่งเดิมเรียกว่าฝรั่ง เช่น มวยฝรั่ง เรียก มวยสากล, ใช้แทนคํา 'ระหว่างประเทศ' ก็มีเช่น สภากาชาดสากล น่านน้ำสากล. (ป., ส. สกล).
สากษิน, สากษี
[สากสิน, สี] น. สักขี. (ส.; ป. สกฺขี).
สากษิน, สากษี
[สากสิน, สี] น. สักขี. (ส.; ป. สกฺขี).
สากัจฉา
น. การพูดจา, การปรึกษา. (ป.).
สากัลย์
(แบบ) น. ความรวมกันของสิ่งทั้งหมด. (ป., ส.).
สากิย, สากิยะ
น. ชื่อวงศ์กษัตริย์วงศ์หนึ่งในเมืองกบิลพัสดุ์ เรียกว่า ศากยวงศ์หรือ สากิยวงศ์, เรียกกษัตริย์ในวงศ์นี้ว่า ศากยะ หรือ สากิยะ,ถ้าเพศหญิงใช้ว่า สากิยา หรือ สากิยานี. (ป.; ส. ศากฺย).
สากิย, สากิยะ
น. ชื่อวงศ์กษัตริย์วงศ์หนึ่งในเมืองกบิลพัสดุ์ เรียกว่า ศากยวงศ์หรือ สากิยวงศ์, เรียกกษัตริย์ในวงศ์นี้ว่า ศากยะ หรือ สากิยะ,ถ้าเพศหญิงใช้ว่า สากิยา หรือ สากิยานี. (ป.; ส. ศากฺย).
สากิยบุตร
น. สาวกของพระพุทธเจ้า.
สากิยมุนี
น. ศากยมุนี, พระนามของพระศากยพุทธเจ้า. (ป.).
สาเก
น. ชื่อเรียกขนุนสําปะลอพันธุ์ที่ผลไม่มีเมล็ด. (ดู ขนุนสําปะลอ ที่ ขนุน ๑).(เทียบทมิฬ sakki ว่า ขนุน).
สาแก่ใจ
ว. หนำใจ, สะใจ, (มักใช้ในความประชดหรือแดกดัน) เช่น บอกแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับเขาโดนเขาด่ามา สาแก่ใจไหมล่ะ วันนี้เงินเดือนออกต้องจ่ายให้สาแก่ใจ.
สาขา
น. กิ่งไม้, กิ่งก้าน, เช่น ต้นจามจุรีมีสาขามาก; แขนง, ส่วนย่อย,ส่วนรอง, เช่น วิทยาศาสตร์กายภาพเป็นสาขาหนึ่งของวิชาวิทยาศาสตร์ ธนาคารออมสินสาขาหน้าพระลาน. (ป.; ส. ศาขา).
สาคร ๑
[คอน] น. แม่นํ้า, ทะเล. (ป., ส.).
สาคเรศ
[คะเรด] (กลอน) น. แม่นํ้า, ทะเล.
สาคร ๒
[คอน] น. ชื่อขันขนาดใหญ่ทำด้วยโลหะผสม ได้แก่ สัมฤทธิ์ ทองเหลืองตัวขันเป็นทรงลูกมะนาวตัด ก้นขันมีเชิง ข้างขันทำเป็นรูปหน้าสิงโตปากคาบห่วงซึ่งใช้เป็นหูหิ้วข้างละหู ใช้บรรจุน้ำสำหรับทำน้ำมนต์ หรือสำหรับผู้มีบรรดาศักดิ์ใช้อาบ เรียกว่า ขันสาคร.
สาคเรศ
ดู สาคร ๑.
สาคู ๑
น. (๑) ชื่อปาล์ม ๒ ชนิดในสกุล Metroxylon วงศ์ Palmae คือชนิด M. sagus Rottb. กาบใบไม่มีหนาม และชนิด M. rumphiiMart. กาบใบมีหนาม, ทั้ง ๒ ชนิด ใบใช้มุงหลังคา ไส้ในลําต้นแก่ใช้ทําแป้ง เรียกว่า แป้งสาคู. (เทียบ ม. sagu). (๒) ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Maranta arundinacea L. ในวงศ์ Marantaceae ต้นขนาดต้นขมิ้น เหง้าใช้ทําแป้งและต้มกิน.
สาคูน้ำเชื่อม
น. ชื่อขนมชนิดหนึ่งทำด้วยสาคูเม็ดใหญ่ใส่น้ำเชื่อม.
สาคูเปียก
น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ต้มสาคูเม็ดเล็กจนบานใส แล้วใส่น้ำตาลจะใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนหรือแห้วเป็นต้นก็ได้ เมื่อจะกินจึงหยอดหน้าด้วยกะทิ.
สาคูลาน
น. แป้งสาคูที่เอาเยื่อในลําต้นแก่ของสาคูชนิดคล้ายต้นลานมาทําเป็นแป้งเม็ดโต ๆ ทำอาหารได้ทั้งคาวและหวาน เช่น ซุปสาคู สาคูน้ำเชื่อม, สาคูเม็ดใหญ่ ก็ว่า.
สาคูวิลาด
น. สาคูที่มาจากต่างประเทศ หมายถึงแป้งสาคูเม็ดเล็ก ๆ.
สาคูไส้หมู
น. ชื่ออาหารว่างชนิดหนึ่ง ทำด้วยสาคูเม็ดเล็กนวดน้ำร้อนให้ดิบ ๆสุก ๆ ปั้นเป็นก้อน มีเนื้อหมูเป็นต้นสับผัดกับเครื่องปรุงทำเป็นไส้แล้วนึ่ง.
สาคู ๒
น. ชื่อตัวอ่อนของพยาธิตัวตืดหมูชนิด Taenia solium ในวงศ์ Taeniidaeฝังตัวอยู่ในอวัยวะต่าง ๆ ของหมู ลักษณะเป็นถุงรูปคล้ายเม็ดสาคูภายในมีหัวของตัวตืด.
สาง ๑
น. ผี, บางทีใช้เข้าคู่กันเป็น ผีสาง; กลิ่นเหม็นของซากศพ ซากสัตว์เช่น เหม็นสาบเหม็นสาง, โดยปริยายหมายความว่า มีกลิ่นเหม็นคล้ายคลึงเช่นนั้น.
สาง ๒
น. สัตว์ในนิยาย เข้าใจกันว่ามีรูปร่างอย่างเสือ.
สาง ๓
(วรรณ) น. ช้าง เช่น เสือสางสรรโสงสรรพและไกร สรร้องสำเทินสาร.(สมุทรโฆษ).
สาง ๔
น. ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าในเวลาเช้ามืด เริ่มแต่มีความมืดน้อยลง ๆตามลําดับ จนกว่าจะสว่างแจ้งเป็นที่สุด เรียกว่า ท้องฟ้าสาง. ก. ทําให้แจ้งให้กระจ่าง เช่น สางคดี, ทําให้หายยุ่ง เช่น สางผม.
สาง ๕
น. หวี, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสาง.
ส้าง
น. โรงขนาดเล็กมียกพื้นข้างในสําหรับพระสงฆ์นั่งสวดพระอภิธรรมอยู่ ๔ มุมเมรุ, คดซ่าง คดสร้าง ซ่าง สร้าง หรือ สําซ่าง ก็เรียก.
สางคลื่น
น. คลื่นที่ยอดไม่แตก, คลื่นใต้นํ้า.
สางห่า
(ถิ่นอีสาน) น. ชื่อจิ้งเหลนหางยาวชนิด Takydromus sexlineatusในวงศ์ Lacertidae ตัวเล็ก หางยาวประมาณ ๕ เท่าของความยาวลําตัวพบทุกภาคของประเทศไทย ที่เรียกสางห่าเพราะเข้าใจผิดว่ามีพิษร้ายแรง.
สาชล
(กลอน) น. สายชล, สายน้ำ, เช่น โอ้เรือพ้นวนมาในสาชล ใจยังวนหวังสวาทไม่คลาดคลา. (นิ. ภูเขาทอง).
สาฎก
[สาดก] น. ผ้า. (ป. สาฏก; ส. ศาฏก).
สาฏิก
[สาติกะ] น. เสื้อ, เสื้อคลุม; ผ้า. (ป.; ส. ศาฏิกา).
สาณ
[สานะ] น. ผ้าหยาบ, ผ้าป่าน. (ป.; ส. ศาณ).
สาณี
น. ม่าน, ฉาก, มู่ลี่; ผ้าป่าน. (ป.; ส. ศาณี).
สาด ๑
น. เสื่อ, มักใช้ประกอบหลังคํา เสื่อ เป็น เสื่อสาด.
สาด ๒
ก. ซัดไป เช่น สาดน้ำ สาดโคลน สาดทราย, วักน้ำหรือตักน้ำซัดออกไปโดยแรง เช่นสาดน้ำรดแปลงผัก, ซัดหรือกระเซ็นเข้ามา เช่น ฝนสาด,ซัดหรือยิงอาวุธหรือกระสุนปืนทีละมาก ๆ เช่น สาดอาวุธเข้าหากันสาดกระสุนเข้าใส่กัน; ส่องแสงเข้ามา เช่น ดวงจันทร์สาดแสง ห้องนี้แดดสาดทั้งวัน, กระจาย เช่น ถูกตีหัวเลือดสาด.
สาดโคลน
โคฺลน] (สํา) ก. ใส่ร้ายป้ายสี.
สาดน้ำรดกัน
(สํา) ก. กล่าวให้ร้ายซึ่งกันและกัน, ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กันและกัน.
สาดเสียเทเสีย
ก. ใช้สิ่งของสิ้นเปลืองไปเปล่า ๆ. ว. อย่างเจ็บแสบทําให้เสียหายอย่างรุนแรง เช่น ด่าว่าอย่างสาดเสียเทเสีย.
สาต
ว. สําราญ, ยินดี, เป็นที่พอใจ. (ป.; ส. ศาต).
สาตรา
[สาดตฺรา] (โบ) น. ของมีคม. (ส. ศสฺตฺร; ป. สตฺถ).
สาไถย
น. การแสร้งทําให้เขาหลงผิดเข้าใจผิด, มักใช้เข้าคู่กับคำ มารยาเป็น มารยาสาไถย. (ป. สาเ?ยฺย; ส. ศา?ฺย).
สาทร
[–ทอน] ก. เอื้อเฟื้อ, เอาใจใส่. (ป., ส.).
สาทิส, สาทิส–
[สาทิด, สาทิดสะ–] ว. เหมือนกัน, คล้ายกัน, เช่นกัน. (ป. สาทิสฺส;ส. สาทฺฤศฺย).
สาทิส, สาทิส–
[สาทิด, สาทิดสะ–] ว. เหมือนกัน, คล้ายกัน, เช่นกัน. (ป. สาทิสฺส;ส. สาทฺฤศฺย).
สาทิสลักษณ์
(ราชา) น. ภาพเขียนเหมือนบุคคลจริง, ใช้ว่า พระบรมสาทิสลักษณ์ หรือ พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์.
สาทุ
ว. หวาน, อร่อย; น่าปรารถนา. (ป.; ส. สฺวาทุ).
สาโท
น. น้ำเมาที่ได้จากการหมัก เช่น น้ำขาว อุ กะแช่. (ป. สาโท ว่า ยินดี).
สาธก
[–ทก] ก. ยกตัวอย่างมาอ้างให้เห็น. (ป.; ส. ว่า ช่วยทํา, ทําให้สําเร็จ).
สาธย–, สาธยะ
[–ทะยะ–] ว. ควรทําให้สําเร็จ. (ปรัชญา) น. สิ่งหรือเรื่องที่อนุมาน.(ส. สาธฺย).
สาธย–, สาธยะ
[–ทะยะ–] ว. ควรทําให้สําเร็จ. (ปรัชญา) น. สิ่งหรือเรื่องที่อนุมาน.(ส. สาธฺย).
สาธยาย
[สาทะยาย, สาดทะยาย] น. การท่อง, การสวด, การทบทวน, เช่นสาธยายมนต์, (ปาก) การชี้แจงแสดงเรื่อง เช่น สาธยายอยู่นั่นแหละไม่รู้จักจบเสียที. (ส. สฺวาธฺยาย; ป. สชฺฌาย).
สาธารณ–, สาธารณะ
[สาทาระนะ] ว. เพื่อประชาชนทั่วไป เช่น สวนสาธารณะ โทรศัพท์สาธารณะ บ่อน้ำสาธารณะ, ทั่วไป เช่น ถนนนี้ไม่ใช่ถนนสาธารณะอย่าแต่งตัวประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะ. (ป., ส.).
สาธารณ–, สาธารณะ
[สาทาระนะ] ว. เพื่อประชาชนทั่วไป เช่น สวนสาธารณะ โทรศัพท์สาธารณะ บ่อน้ำสาธารณะ, ทั่วไป เช่น ถนนนี้ไม่ใช่ถนนสาธารณะอย่าแต่งตัวประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะ. (ป., ส.).
สาธารณชน
น. ประชาชนทั่วไป.
สาธารณประโยชน์
น. ประโยชน์ทั่วไปแก่ประชาชน เช่น บริจาคเงินสร้างโรงพยาบาลเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์.
สาธารณภัย
น. ภัยที่เกิดแก่คนหมู่มากอย่างไฟไหม้ น้ำท่วม เช่น หน่วยบรรเทาสาธารณภัย; (กฎ) อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ตลอดจนภัยอื่น ๆ อันมีมาเป็นสาธารณะ ไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติ หรือมีผู้ทําให้เกิดขึ้นซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตร่างกายของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐ.
สาธารณรัฐ
น. ประเทศหรือการปกครองที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข เช่นสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี. (อ. republic).
สาธารณสถาน
(กฎ) น. สถานที่ใด ๆ ซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้.
สาธารณสมบัติ
น. ทรัพย์สินส่วนรวมของประชาชน เช่น ถนนสาธารณะ แม่นํ้าลําคลอง.
สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
(กฎ) น. ทรัพย์สินทุกชนิดของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือ สงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น ที่ดินรกร้างว่างเปล่า และที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดิน ทรัพย์สินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกันและทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ.
สาธารณสุข
น. ชื่อกระทรวงที่มีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับการแพทย์ การสาธารณสุขการควบคุมอาหารและยา รวมทั้งสิ่งที่อาจเป็นพิษหรือเป็นภัยแก่สุขภาพ และควบคุมกิจการกาชาด; กิจการเกี่ยวกับการป้องกันการบําบัดโรค การรักษา และส่งเสริมสุขภาพของประชาชน.(อ. public health).
สาธารณูปการ
น. กิจการเกี่ยวกับการสงเคราะห์บุคคลที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้เช่น คนชรา คนพิการ เด็กกําพร้า. (อ. public assistance); การก่อสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ทางศาสนา เช่น งานด้านสาธารณูปการ.
สาธารณูปโภค
น. บริการสาธารณะที่จัดทําเพื่ออํานวยประโยชน์แก่ประชาชนในสิ่งอุปโภคที่จําเป็นต่อการดําเนินชีวิต เช่น การไฟฟ้า การประปาการเดินรถประจําทาง โทรศัพท์. (อ. public utility).
สาธารณ์
[สาทาน] ว. ตํ่า, เลว; ชั่วช้า, เช่น ดังกากาจชาติช้าสาธารณ์ จะประมาณหมายหงส์พงศ์พระยา. (อิเหนา), บางทีใช้เข้าคู่กับคำชั่วช้า เป็น ชั่วช้าสาธารณ์; ทั่ว ๆ ไป เช่น ของสาธารณ์. (ป., ส. ว่าทั่วไป, สามัญ).
สาธารณูปการ
ดู สาธารณ–, สาธารณะ.
สาธารณูปโภค
ดู สาธารณ–, สาธารณะ.
สาธิต
ก. แสดงเป็นตัวอย่าง เช่น สาธิตการสอน สาธิตการทำขนม. ว.ที่แสดงเป็นตัวอย่าง เช่น แปลงสาธิต โรงเรียนสาธิต. (ส., ป. ว่าให้สําเร็จ).
สาธุ
ว. ดีแล้ว, ชอบแล้ว, (เป็นคําที่พระสงฆ์เปล่งวาจาเพื่อยืนยันหรือรับรองพิธีทางศาสนาที่กระทําไป). (ปาก) ก. เปล่งวาจาแสดงความเห็นว่าชอบแล้วหรืออนุโมทนาด้วย, มักใช้เข้าคู่กับคำ โมทนา เป็น โมทนาสาธุ; ไหว้ (เป็นคําบอกให้เด็กแสดงความเคารพตามธรรมเนียม กร่อนเสียง เป็น ธุ ก็มี). (ป., ส.).
สาธุการ
น. การเปล่งวาจาว่าชอบแล้วเมื่อเวลาเห็นควรหรือยกย่องสรรเสริญ เช่น แซ่ซ้องสาธุการ กล่าวสาธุการขึ้นพร้อม ๆ กัน;ชื่อเพลงหน้าพาทย์ที่สําคัญยิ่ง ใช้บรรเลงในพิธีกรรมเมื่อบูชาหรืออัญเชิญพระรัตนตรัย เทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และใช้เพื่อแสดงกิริยาน้อมไหว้ เป็นเพลงอันดับแรกของชุดโหมโรงเช้าโหมโรงเย็น. (ป., ส.).
สาธุชน
น. คนดี, คนที่มีคุณงามความดี, (ใช้ในการยกย่อง). (ป.).
สาน
ก. อาการที่ใช้เส้นตอกทําด้วยไม้ไผ่ หวาย กก ใบลาน เป็นต้นขัดกันให้เป็นผืนเช่นเสื่อ หรือทําขึ้นเป็นวัตถุมีรูปร่างต่าง ๆ เช่นกระบุง กระจาด.
ส่าน
น. ผ้าขนสัตว์โบราณ. (เปอร์เซีย).
สานตวะ
[–ตะวะ] น. การปลอบโยน, การเกลี้ยกล่อม; คําอ่อนโยนและไพเราะ. (ส.).
สานะ
น. หมา. (ป.; ส. ศฺวาน).
สานุ, สานู
น. ยอดเขา, เนินเขา, ไหล่เขา. (ป., ส.).
สานุ, สานู
น. ยอดเขา, เนินเขา, ไหล่เขา. (ป., ส.).
สานุศิษย์
น. ศิษย์น้อยใหญ่. (กร่อนมาจาก ส. ศิษฺยานุศิษฺย; ป. สิสฺสานุสิสฺส).
สาบ ๑
น. กลิ่นเหม็นชนิดหนึ่ง เช่นกลิ่นเสื้อผ้าที่ใช้แล้วแต่ยังไม่ได้ซัก,กลิ่นตัวที่มีประจําอยู่กับสัตว์บางชนิด เช่น สาบเสือ สาบแพะ,กลิ่นอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น.
สาบ ๒
น. ชื่อแมลงพวกเดียวกับแมลงแกลบแต่ตัวโตกว่า ลําตัวยาวประมาณ ๒ เซนติเมตรหรือมากกว่านี้ รูปร่างรูปไข่ค่อนข้างแบนราบ หัวซ่อนอยู่ใต้อก หนวดยาวคล้ายเส้นด้าย ขายาวมีหนามคลุม ตัวเต็มวัยมีทั้งพวกมีปีกและไม่มีปีก ที่พบบ่อยเป็นพวกอาศัยตามบ้านเรือน ได้แก่ ชนิดPeriplaneta americana และชนิด Blatta orientalis ในวงศ์ Blattidae.
สาบ ๓
น. เรียกผ้าทาบที่อกเสื้อสําหรับติดดุมและเจาะรังดุมว่า สาบเสื้อ, ปัจจุบันอนุโลมเรียกผ้าทาบที่คอ แขน กระเป๋า เป็นต้นเพื่อให้หนาขึ้น ว่า สาบคอ สาบแขน สาบกระเป๋า.
สาบ ๔
น. เรียกห้วงนํ้าใหญ่คล้ายบึง แต่โตกว่า ว่า ทะเลสาบ.(ข. สาบ ว่า จืด).
สาบขนุน
ดู ใบขนุน (๑).
สาบแร้ง
ดู กระต่ายจาม (๑).
สาบแร้งสาบกา
น. ชื่อไม้ล้มลุก ๒ ชนิดในวงศ์ Compositae ใบมีขน กลิ่นฉุนคือ ชนิด Ageratum conyzoides L. ดอกสีฟ้าอ่อน และชนิดBlumea aurita (L.) DC. ดอกสีขาว ต้นสูงกว่าชนิดแรก.
สาบสูญ
ก. สูญหายไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอย. (กฎ) น. เรียกบุคคลซึ่งได้ไปจากภูมิลําเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลา ๕ ปี และศาลมีคําสั่งให้เป็นคนสาบสูญ ว่า คนสาบสูญ ระยะเวลา ๕ ปี ดังกล่าว ลดลงเหลือ๒ ปี นับแต่วันที่การรบหรือสงครามสิ้นสุดลง ถ้าบุคคลนั้นอยู่ในการรบหรือสงคราม และหายไปในการรบหรือสงครามดังกล่าวหรือนับแต่วันที่ยานพาหนะที่บุคคลนั้นเดินทางไป ได้อับปาง ถูกทำลายหรือสูญหาย หรือนับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิต นอกจากที่ระบุไว้ใน ๒ กรณีดังกล่าวข้างต้นได้ผ่านพ้นไป ถ้าบุคคลนั้นตกอยู่ในอันตรายเช่นว่านั้น.
สาบเสือ
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Chromolaena odorata (L.) R.M. Kingในวงศ์ Compositae เป็นวัชพืชขึ้นทั่วไป ใบมีกลิ่นเหม็นใช้ทํายาได้, เสือหมอบ ก็เรียก.
สาบาน
ก. กล่าวคําปฏิญาณโดยอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน, ประเพณีเดิมจะต้องดื่มนํ้าพระพุทธมนต์ นํ้าเทพมนตร์ หรือ สุราผสมเลือดที่ผู้ร่วมกล่าวคำปฏิญาณกรีดให้หยดลงไปด้วย เช่น สาบานเป็นพี่น้องกัน เพื่อนร่วมสาบาน; (กฎ) กล่าวคําปฏิญาณตามลัทธิศาสนาหรือจารีตประเพณีแห่งชาติของตนว่า จะให้การตามสัตย์จริง. (ป. สปน; ส. ศปน).
สาบานธง
ก. กล่าวปฏิญาณตนต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล (ใช้แก่ทหาร).
สาป, สาปสรร
น. คําแช่งให้เป็นไปต่าง ๆ ของผู้มีฤทธิ์อำนาจ เช่นเทวดา ฤๅษีแม่มด. (ป.; ส. ศาป).
สาป, สาปสรร
น. คําแช่งให้เป็นไปต่าง ๆ ของผู้มีฤทธิ์อำนาจ เช่นเทวดา ฤๅษีแม่มด. (ป.; ส. ศาป).
สาปแช่ง
ก. กล่าวมุ่งร้ายให้ผู้อื่นเป็นอันตรายอย่างร้ายแรง เช่น สาปแช่งไม่ให้ผุดให้เกิด.
สาปส่ง
(ปาก) ก. ตัดขาดไม่เกี่ยวข้องด้วย เช่น คนคนนี้ฉันขอสาปส่งไม่คบอีก.
สาปไตย
[สาปะไต] น. ทรัพย์, สมบัติ. (ป. สาปเตยฺย; ส. สฺวาปเตย).
สาม ๑
น. จํานวนสองบวกหนึ่ง; ชื่อเดือนจันทรคติ เรียกว่า เดือน ๓ตกในราวเดือนกุมภาพันธ์.
สามกษัตริย์
น. รูปพรรณที่ในชิ้นเดียวกันมีทั้งทอง นาก และเงินสลับกันโบราณถือว่าเป็นมงคลแก่ผู้สวม เช่น สายสร้อยสามกษัตริย์กําไลสามกษัตริย์.
สามเกลอ
น. เครื่องมือสำหรับตอกกระทุ้งเสาเข็ม ลักษณะเป็นไม้ท่อนกลม มีที่จับสำหรับยก ๓ ที่; ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยแป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เล็ก ๆ มีไส้หน้ากระฉีก ร้อยด้วยตอกให้ติดกัน ๓ ก้อน แล้วนำไปทอด.
สามขา
น. เครื่องวางภาชนะต้มนํ้าเป็นต้น ทําด้วยโลหะ มี ๓ เส้า;ชื่อตะเกียงที่มีพวยใส่ไส้จุดไฟ ๓ พวย; เต้าเสียบไฟฟ้าชนิดที่มีขาเสียบ ๓ ขา.
สามขุม
น. เรียกท่าเดินเข้าหาคู่ต่อสู้หรือถอยจากคู่ต่อสู้ของนักมวยนักกระบี่กระบองเป็นต้น โดยเดินก้าวย่างเป็นสลับฟันปลามีตำแหน่งวางเท้าเป็น ๓ เส้า ว่า ย่างสามขุม.
สามคาน, สามลำคาน
น. เรียกพระยานมาศขนาดใหญ่มีคานสําหรับแบก ๓ คานว่าพระยานมาศสามลำคาน.
สามคาน, สามลำคาน
น. เรียกพระยานมาศขนาดใหญ่มีคานสําหรับแบก ๓ คานว่าพระยานมาศสามลำคาน.
สามง่าม
น. ไม้หรือเหล็กที่แยกออกเป็น ๓ แฉกเรียงอยู่ในแนวเดียวกัน,เรียกอาวุธที่มีปลายแหลมเป็น ๓ แฉกเรียงอยู่ในแนวเดียวกันด้ามยาว ว่า สามง่าม, เรียกสิ่งอื่น ๆ ที่มีลักษณะเช่นนั้น.
สามชั้น
น. เรียกเนื้อหมูส่วนท้องที่ชำแหละให้ติดทั้งหนัง มัน และเนื้อว่าหมูสามชั้น; จังหวะของดนตรีไทยที่มีระดับช้า คือช้ากว่าสองชั้นเท่าตัว หรือช้ากว่าชั้นเดียว ๔ เท่า เรียกเต็มว่า อัตราสามชั้น,เรียกหน้าทับและเพลงที่มีจังหวะเช่นนี้ว่า หน้าทับสามชั้น เพลงสามชั้น.
สามชาย
น. เรียกธงสามเหลี่ยมมุมฉาก ปลายธงมี ๓ แฉก เป็น ๓ ชายลดหลั่นกัน มักใช้นำริ้วกระบวน ถ้าใช้เข้ากระบวนแห่ในพระราชพิธี ผืนธงทำด้วยผ้าสักหลาดสอดสีปักดิ้นหักทองขวางเป็นลวดลาย ว่า ธงสามชาย.
สามแซ่
น. ชื่อของหวานประเภทน้ำเชื่อม ประกอบด้วยของ ๓ อย่างคือ วุ้น ลูกพลับแห้ง และชิ้นฟักแช่อิ่ม.
สามตา
น. ชื่อวิธีจับยามของหมอดู ใช้นับหลักทั้ง ๓ เวียนไป มักใช้ทายเกี่ยวกับของหาย เรียกว่า ยามสามตา; เต้ารับไฟฟ้าที่มีรู ๓ คู่สําหรับนําเต้าเสียบมาเสียบเพื่อนํากระแสไฟฟ้าออกไปใช้ได้๓ วงจร.
สามบาน
น. การแสดงกระบี่กระบองแบบหนึ่ง ใช้อาวุธหลายชนิดเข้าต่อสู้กันโดยไม่จับคู่กับอาวุธชนิดใดชนิดหนึ่ง เช่น กระบองคู่กับดาบสองมือ ง้าวคู่กับดาบดั้ง.
สามใบเถา
น. เรียกตลับหรือโถแป้งเป็นต้น ๓ ใบที่มีขนาดใหญ่ กลาง เล็กรวมเป็นชุดหนึ่ง เช่น ตลับหมากสามใบเถา โถแป้งสามใบเถา,(ปาก) เรียกพี่น้องผู้หญิง ๓ คนเรียงกันว่า สามใบเถา.
สามเพลงตกม้าตาย
(สํา) ว. แพ้เร็ว, ยุติเร็ว, ใช้สั้น ๆ ว่า ตกม้าตาย ก็มี.
สามแพร่ง
น. ทางที่แยกเป็น ๓ สาย เกิดจากทางสายหนึ่งมาบรรจบเป็นมุมฉากกับทางอีกสายหนึ่ง เรียกว่า ทางสามแพร่ง, โบราณถือว่าเป็นทางผีผ่าน ไม่เป็นมงคล เช่น ไปทำพิธีเซ่นวักเสียกบาลที่ทางสามแพร่ง.
สามเมา
(ปาก) ว. เรียกคนติดเหล้า กัญชา และยาฝิ่น ว่า คนสามเมา.
สามรส ๑
น. เรียกอาหารที่มีรสเปรี้ยว เค็ม หวาน เช่น ปลาเก๋าสามรส.
สามล้อ
น. ยานพาหนะถีบขนาดเล็กชนิดหนึ่งมีล้อ ๓ ล้อ เรียกเต็มคําว่า จักรยานสามล้อ, ถ้าติดเครื่องยนต์ เรียกว่า สามล้อเครื่อง หรือ จักรยานสามล้อเครื่อง.
สามโลก
น. โลกทั้ง ๓ คือ มนุษยโลก เทวโลก และพรหมโลก.
สามวันดีสี่วันไข้
ว. เจ็บออด ๆ แอด ๆ อยู่เสมอ.
สามเศียร
น. ไพ่ตองที่เข้าเศียร แล้ว ๓ ชุด.
สามสบ
น. บริเวณที่แม่น้ำ ๓ สายมาบรรจบกัน.
สามสลึงเฟื้อง
(ปาก) ว. บ้า ๆ บอ ๆ, มีสติไม่สมบูรณ์, มีจิตใจใกล้ไปทางบ้า ๆ บอ ๆ, สองสลึงเฟื้อง ไม่เต็มเต็ง หรือ ไม่เต็มบาท ก็ว่า.
สามสาย
น. ชื่อซอชนิดหนึ่ง มีกะโหลกทำด้วยกะลามะพร้าว ใช้หนังปิดด้านหนึ่ง มีสาย ๓ สาย คันชักอยู่ต่างหาก.
สามสี ๑
น. เรียกแมวที่มีสีดำ เหลืองและขาว ในตัวเดียวกันว่า แมวสามสี; พลอยชนิดหนึ่ง เมื่อโดนแสงอาทิตย์จะมีสีเขียวมรกตเมื่อโดนแสงอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แสงอาทิตย์เช่นแสงจากหลอดไฟจะมีสีแดงแล้วเปลี่ยนเป็นสีม่วง เรียกว่า พลอยสามสีหรือเจ้าสามสี.
สามเส้า
ก. อาการที่นกเขาขันคูเป็น ๓ จังหวะ, สามกุก ก็ว่า. (พจน.๒๔๙๓); ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สามหมุด
น. ชื่อมีดสําหรับปอกหรือฝานชนิดที่ตรึงกั่นติดกับด้ามด้วยหมุด ๓ ตัวว่า มีดสามหมุด.
สามหยิบ
น. เรียกหมวกลูกเสือที่มีรอยบุ๋ม ๓ รอยตรงด้านบนหมวกว่าหมวกสามหยิบ.
สามหาบ
น. เรียกอาหารคาว ๑ หาบ หวาน ๑ หาบ และเครื่องหุงต้ม๑ หาบที่เจ้าภาพหาบเดินรอบเมรุแล้วถวายพระสงฆ์ในเวลาเก็บอัฐิ ว่า สามหาบ, เรียกการเดินในพิธีเช่นนั้นว่าเดินสามหาบ.
สามเหลี่ยม ๑
น. รูปเหลี่ยมที่มีด้านโดยรอบเป็นเส้นตรง ๓ เส้น ปลายเส้นจดกัน.
สามเหลี่ยมด้านเท่า
น. รูปสามเหลี่ยมที่มีด้านทั้ง ๓ ยาวเท่ากัน.
สามเหลี่ยมมุมฉาก
น. รูปสามเหลี่ยมที่มีมุมหนึ่งเป็นมุมฉาก.
สามเหลี่ยมมุมป้าน
น. รูปสามเหลี่ยมที่มีมุมหนึ่งเป็นมุมป้าน.
สามเหลี่ยมมุมแหลม
น. รูปสามเหลี่ยมที่มีมุมทั้ง ๓ เป็นมุมแหลม.
สามเหลี่ยมหน้าจั่ว
น. รูปสามเหลี่ยมที่มีด้านคู่หนึ่งยาวเท่ากัน.
สามแหยม
น. เรียกปอยผมที่แบ่งออกเป็น ๓ ส่วนเพื่อเตรียมโกนจุก(ใช้แก่พระองค์เจ้าลงมาถึงสามัญชน).
สาม– ๒
[สามะ–, สามมะ–] น. บทสรรเสริญ; การสรรเสริญ. (ส.).
สามเวท
[สามะเวด, สามมะเวด] น. ชื่อคัมภีร์ที่ ๓ ของพระเวทประพันธ์เป็นฉันท์ ส่วนใหญ่คัดมาจากฤคเวท สำหรับขับในพิธีบูชาด้วยน้ำโสม. (ส.). (ดู เวท, เวท ประกอบ).
สามแก้ว
ดู ดุกทะเล.
สามเขี้ยว
ดู ขยุย ๒.
สามชุก
น. ภาชนะสานรูปฟักผ่าตามยาว ใช้สอดลงในเกวียน สําหรับใส่ข้าวเปลือกเป็นต้น, กระชุก ก็เรียก. (ดู กระชุก ๒).
สามเณร
[สามมะเนน] น. ผู้ดํารงเพศอย่างภิกษุ แต่สมาทานศีล ๑๐,เรียกสั้น ๆ ว่า เณร. (ป.).
สามเณรี
[สามมะ–] น. หญิงที่บวชเป็นสามเณร. (ป.).
สามนต–, สามนต์
[สามนตะ–] ว. รอบ ๆ, ใกล้เคียง. (ป.).
สามนต–, สามนต์
[สามนตะ–] ว. รอบ ๆ, ใกล้เคียง. (ป.).
สามนตราช
น. พระราชาแห่งแคว้นที่ใกล้เคียง, เจ้าประเทศราช.
สามยทรัพย์
[สามะยะ–] (กฎ) น. อสังหาริมทรัพย์ที่ผู้เป็นเจ้าของได้รับประโยชน์เหนืออสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นที่ตกอยู่ในภาระจํายอม, คู่กับ ภารยทรัพย์.
สามรส ๑
ดูใน สาม ๑.
สามรส ๒
ดู ปากแตร ๒.
สามล
[–มน] ว. สีคลํ้า, สีดํา. (ป.; ส. ศฺยามล).
สามสิบกลีบ
น. ชื่อเครื่องในวัว คือ กระเพาะอาหารหยาบ ข้างในเป็นกลีบ.
สามสี ๑
ดูใน สาม ๑.
สามสี ๒
ดู ราชินี ๒.
สามหาว ๑
ว. หยาบคาย, โอหังก้าวร้าวผู้หลักผู้ใหญ่, (ใช้แก่วาจา) เช่นเด็กพูดจาสามหาวกับผู้ใหญ่.
สามหาว ๒
(ราชา) น. เรียกผักตบชนิด Monochoria hastata (L.) Solms.ว่า ผักสามหาว เช่น นางสงกรานต์ทัดดอกสามหาว.
สามเหลี่ยม ๑
ดูใน สาม ๑.
สามเหลี่ยม ๒
น. ชื่องูพิษชนิด Bungarus fasciatus ในวงศ์ Elapidae โตเต็มวัยยาวประมาณ ๑.๓ เมตร สีสวย ลายปล้องดําสลับเหลืองหลังเป็นสันทําให้ลําตัวมีลักษณะคล้ายรูปสามเหลี่ยม ปลายหางทู่ออกหากินในเวลากลางคืน.
สามัคคี
น. ความพร้อมเพรียงกัน, ความปรองดองกัน. ว. ที่พร้อมเพรียงกันทำ, ที่ร่วมมือร่วมใจกันทำ, เช่น กฐินสามัคคี ผ้าป่าสามัคคี.(ป.; ส. สามคฺรี).
สามัญ– ๑
[สามันยะ–] น. ความเป็นสมณะ เช่น สามัญผล. (ป. สาม?ฺ?;ส. ศฺรามณฺย).
สามัญ ๒
[สามัน] ว. ปรกติ, ธรรมดา, เช่น ชนชั้นสามัญ คนสามัญ.(ป. สาม?ฺ?; ส. สามานฺย).
สามัญชน
น. คนธรรมดาที่มิใช่เจ้า.
สามัญสำนึก
น. ความสำนึกหรือความเฉลียวใจที่คนปรกติธรรมดาทั่วไปควรจะต้องรู้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำสั่งสอน เช่นทำอะไรให้มีสามัญสำนึกเสียบ้างว่าอะไรควรอะไรไม่ควร.
สามัตถิยะ
น. ความสามารถ, อํานาจ, ความแข็งแรง. (ป. สมตฺถิย;ส. สามารฺถฺย).
สามะ
น. สีดํา, สีนิล. (ป.; ส. ศฺยาม).
สามานย–
[สามานนะยะ–, สามานยะ–] ว. ปรกติ, ธรรมดา, เช่น สามานยนาม.(ส. สามานฺย; ป. สาม?ฺ?).
สามานยนาม
[สามานยะ–] (ไว) น. คํานามที่เป็นชื่อทั่วไปของคน สัตว์ และสิ่งของ เช่น เด็ก นก หนังสือ ลม ใจ.
สามานย์
ว. เลวทรามตํ่าช้า เช่น ลูกสามานย์ทำร้ายพ่อแม่, มักใช้เข้าคู่กับคำ ชั่วช้า เป็น ชั่วช้าสามานย์. (ส. สามานฺย).
สามารถ
[สามาด] เป็นคำช่วยกริยาบอกว่ามีคุณสมบัติที่จะทำได้ เช่นเขาสามารถเดินได้ชั่วโมงละ ๕ กิโลเมตร เพื่อนฉันสามารถขี่จักรยานไต่ลวดได้. ว. มีคุณสมบัติที่จะทำได้ โดยเฉพาะทางความรู้หรือความชำนาญเป็นต้น เช่น ลูกเขาเป็นคนสามารถเรียนอะไรก็เรียนได้. (ส. สมรฺถ; ป. สมตฺถ).
สามิกะ
น. เจ้าของ; ผัว. (ป.).
สามิต
น. ความเป็นเจ้าของ. (ป. สามิตฺต).
สามินี
น. หญิงผู้เป็นเจ้าของ. (ป.; ส. สฺวามินี).
สามิภักดิ์
น. ความจงรักภักดีต่อเจ้านาย, การยอมตนหรือมอบตนอยู่ใต้อํานาจ. ก. จงรักภักดีเจ้านาย, ยอมตนหรือมอบตนอยู่ใต้อำนาจ, สวามิภักดิ์. (ป. สามิ + ส. ภกฺติ; ส. สฺวามินฺ + ภกฺติ).
สามี
น. ผัว, ชายที่เป็นคู่ครองของหญิง, คู่กับ ภรรยา หรือ ภริยา;นาย, เจ้าของ. (ป.; ส. สฺวามินฺ).
สามีจิกรรม
น. การแสดงความเคารพตามธรรมเนียมของพระเณรในระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย เช่น ระหว่างพระอุปัชฌาย์กับสัทธิวิหาริก ระหว่างอาจารย์กับอันเตวาสิก หรือระหว่างผู้แก่พรรษากับผู้อ่อนพรรษากว่า. (ส.; ป. สามีจิกมฺม).
สาย ๑
น. เวลาระหว่างเช้ากับเที่ยงประมาณ ๙.๐๐ น. ถึง ๑๐.๐๐ น.เช่น พอสายก็ออกเดินทาง. ว. ช้ากว่าเวลาที่กําหนด, ล่าช้า,เช่น มาทำงานสาย, โดยปริยายหมายความว่า พ้นเวลาที่จะแก้ไข, สุดที่จะแก้ไขได้ เช่น เรื่องนี้ทำอะไรไม่ได้ สายเกินไปเสียแล้ว.
สาย ๒
น. สิ่งที่มีลักษณะเป็นเส้นเป็นแนวยาว เช่น สายสร้อย สายไฟฟ้า สายรุ้ง สายนาฬิกา สายเข็มขัด, ทาง, เส้นทาง, เช่นรถไฟสายเหนือ รถไฟสายใต้, โดยปริยายหมายถึงสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น สายการบิน สายการเดินเรือสายงาน; ญาติที่สืบมาจากต้นวงศ์หรือต้นสกุลเดียวกัน แล้วแยกเป็นสกุลย่อยออกไป; ผู้เข้าไปสืบความลับหรือความเคลื่อนไหวเป็นต้นของอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น ระวังคนใช้เป็นสายให้โจร; ลักษณนามเรียกสิ่งที่เป็นแนวหรือเส้นยาวว่า สาย เช่นสายสะพาย ๒ สาย ทาง ๓ สาย.
สายกระได
น. เชือกถักที่ผูกเหนือจอมแห ใช้สาวดึงแหกลับ.
สายง่อง
น. สายโยงใต้คางม้าไม่ให้เงย.
สายใจ
น. กระแสแห่งความรักและความผูกพัน, เรียกผู้ที่เป็นที่รักดังดวงใจ.
สายชนวน
น. กระดาษห่อดินปืนม้วนเป็นเส้น ใช้จุดให้ไฟลุกแล่นเข้าไปติดดินระเบิด.
สายซุง
น. เชือกที่ใช้ปลายทั้ง ๒ ผูกกับอกว่าว ห่างกันพอสมควรสําหรับต่อกับสายป่านเพื่อให้ว่าวต้านลมได้ตรงตัว, ซุง ก็เรียก.
สายดำ
น. แถบผ้าสีดำที่แสดงว่าผู้ที่ได้รับมีความสามารถระดับสูงสุดในการเล่นยูโด ใช้คาดเอว.
สายดิ่ง
น. เชือกที่ปลายด้านหนึ่งผูกติดกับลูกดิ่งสำหรับวัดความลึกของน้ำหรือตรวจสอบเสาหรือกำแพงเป็นต้นว่าอยู่ในแนวดิ่งหรือไม่, เชือกที่ผูกตะกั่วหรือเหล็กเป็นต้นเป็นคู่สกัดหัวท้ายดอกจำปาของว่าวจุฬา.
สายดิน
น. สายตัวนําไฟฟ้าที่ต่อกับจุดใด ๆ ในวงจรไฟฟ้าให้เชื่อมกับพื้นโลก โดยประสงค์ให้จุดนั้น ๆ มีศักย์ไฟฟ้าเท่ากับศักย์ไฟฟ้าของโลก.
สายตรวจ
น. เรียกผู้ตรวจผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยหรือความถูกระเบียบเป็นย่าน ๆ ไป เช่น สายตรวจสรรพสามิต ตำรวจสายตรวจ.
สายตะพาย
น. เชือกที่ร้อยจมูกวัวควาย.
สายตัว
น. เนื้อตัว เช่น ทํางานสายตัวแทบขาด.
สายตัวแทบขาด
(สำ) ว. เหน็ดเหนื่อยเพราะทำงานหนักแทบไม่ได้พักผ่อน เช่นเพราะสามีตาย ภรรยาจึงต้องทำงานสายตัวแทบขาดเพื่อเลี้ยงลูก ๕ คน.
สายทิ้ง
น. สายที่ห้อยโยงกับนาฬิกาพกหรือกำไลเป็นต้น.
สายน้ำ
น. กระแสนํ้าที่ไหลเห็นเป็นสายยาวไป เช่น เรือล่องลอยไปตามสายน้ำ.
สายบังเหียน
น. สายที่ผูกปลายบังเหียนทั้ง ๒ ข้างสำหรับโยงไปให้ผู้ขี่ม้าถือเพื่อบังคับม้า.
สายบัว
น. ก้านดอกบัวสายที่เป็นเส้นยาว ๆ มีลักษณะอ่อน ไม่มีหนามใช้กินเป็นผัก.
สายพาน
น. เส้นด้ายที่คล้องโยงในเครื่องไนหูก, สายหนังหรือสายยางเป็นต้นสําหรับคล้องโยงเครื่องยนต์ต่าง ๆ เพื่อพาให้หมุนไปด้วยกัน เช่น สายพานจักรเย็บผ้า สายพานพัดลมเป่าหม้อน้ำรถยนต์.
สายฟ้า
น. แสงที่เป็นสายแวบวาบเมื่อเวลาฟ้าแลบฟ้าผ่า; ใยแมงมุมที่ลอยอยู่ในอากาศ.
สายไฟฟ้า
น. เส้นโลหะตัวนำไฟฟ้า ใช้เพื่อให้กระแสไฟฟ้าผ่านอาจมีฉนวนหุ้มหรือไม่มีก็ได้, ถ้าไม่มีฉนวนหุ้มเรียก สายเปลือย.
สายมงคล
น. สายธุรําของพราหมณ์, ยัชโญปวีต ก็เรียก.
สายยงยศ
น. สายที่ข้าราชการทหารหรือตำรวจใช้เพื่อแสดงสถานะ มี๓ ชนิด ได้แก่ สายยงยศราชองครักษ์สายยงยศเสนาธิการ และสายยงยศนายทหารคนสนิท.
สายยาง
น. ยางหรือวัสดุอื่นที่ทำเป็นเส้นยาว กลวง ใช้เป็นอุปกรณ์ฉีดน้ำรดน้ำต้นไม้เป็นต้น.
สายยู ๑
น. เหล็กยาวประมาณ ๑ คืบ ๒ ท่อนเกี่ยวกันเป็นสายด้านหนึ่งใช้ติดกับบานประตูขนาดใหญ่ เพื่อล่ามบานประตูให้ติดกับห่วงเหล็กที่ธรณีประตู สําหรับลั่นกุญแจ เช่น สายยูโบสถ์วิหาร,อุปกรณ์สําหรับติดโต๊ะตู้เป็นต้นสําหรับลั่นกุญแจ มี ๒ ชิ้น ชิ้นหนึ่งมีลักษณะเป็นช่องหรือห่วงเพื่อพับลงมาคล้องบนอีกชิ้นหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายรูปเกือกม้าควํ่า.
สายโยก
น. สายถลกบาตรสําหรับคล้องที่ไหล่.
สายใย
น. โลหะเส้นเล็ก ๆ ขดเป็นวงในเครื่องนาฬิกาชนิดที่ไม่มีลูกตุ้มทําให้เกิดแรงเหวี่ยง บังคับให้นาฬิกาเดินเที่ยงตรง, โดยปริยายหมายถึงความผูกพัน เช่น สายใยแห่งความรักระหว่างแม่กับลูก.
สายรก
น. ส่วนที่ต่อระหว่างผนังมดลูกกับสายสะดือเด็ก.
สายระเดียง
น. หวายหรือสายลวดเป็นต้นที่ขึงสําหรับตากผ้า (ใช้แก่ภิกษุสามเณร).
สายระยาง, สายระโยง
น. สายเชือกหรือลวดที่รั้งเสากระโดงเรือเป็นต้น.
สายระยาง, สายระโยง
น. สายเชือกหรือลวดที่รั้งเสากระโดงเรือเป็นต้น.
สายรัดคาง
น. สายหนังหรือเชือกที่โยงจากขอบหมวกหรือชฎาเป็นต้นสำหรับรัดคางกันหลุด.
สายรัดทึบ
น. สายรัดท้องม้าเพื่อยึดอานให้แน่น.
สายรุ้ง
น. กระดาษม้วนสีต่าง ๆ ทำเป็นแถบเล็กยาว ใช้ตกแต่งสถานที่หรือใช้ขว้างให้คลี่ออกแสดงความรื่นเริง.
สายล่อฟ้า
น. แท่งโลหะปลายแหลมใช้ติดบนหลังคาอาคารสูง ๆ โดยโยงต่อกับพื้นดินด้วยลวดโลหะ เพื่อทําหน้าที่เป็นตัวนําไฟฟ้าให้อิเล็กตรอนจํานวนมากเคลื่อนที่ได้ระหว่างเมฆกับพื้นโลก เป็นการป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า.
สายลับ
น. ผู้เข้าไปสืบความลับ เช่น ภาพยนตร์เกี่ยวกับการจารกรรมของสายลับ, สาย ก็ว่า.
สายเลือด
น. ญาติพี่น้องที่มีบรรพบุรุษร่วมกัน, ลูก, เช่น เด็กคนนี้เป็นสายเลือดของเขาแท้ ๆ เขายังไม่เอาใจใส่เลย; โดยปริยายหมายถึงนิสัย, สันดาน, เช่น เขาชอบเล่นการพนันอยู่ในสายเลือด.
สายโลหิต
น. ญาติพี่น้องที่มีบรรพบุรุษร่วมกัน.
สายวัด
น. เครื่องวัดระยะชนิดหนึ่งเป็นแถบเล็กยาว มีหน่วยวัดระยะใช้วัดสิ่งต่าง ๆ เช่น สายวัดตัวของช่างเย็บเสื้อ สายวัดของช่างไม้.
สายส่ง
น. ผู้ดำเนินกิจการเป็นตัวแทนในการส่งหนังสือหรือสินค้าอื่นให้แก่ผู้รับ.
สายสนกลใน
น. เลศนัยสลับซับซ้อน (มักใช้ในทางไม่บริสุทธิ์) เช่น เรื่องนี้มีสายสนกลในมาก ต้องใช้นักสืบมืออาชีพสืบดู.
สายสมร
[–สะหฺมอน] น. หญิงที่รัก, นาง.
สายสร้อย
น. เครื่องประดับที่ทำเป็นเส้น เช่น สายสร้อยคอ สายสร้อยข้อมือ, สร้อย ก็ว่า.
สายสวน
น. สายยางหรือท่อโลหะที่ใช้สวนปัสสาวะ.
สายสวาท
น. ผู้เป็นที่รัก.
สายสะดือ
น. ส่วนที่ต่อระหว่างรกกับสะดือเด็ก.
สายสะพาย
น. แพรแถบสีเดียวหรือหลายสี เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูง ใช้สะพายบ่า.
สายสัมพันธ์
น. ความผูกพันกันมาช้านาน, ความเกี่ยวข้องเป็นมิตรไมตรีกันมานาน, เช่น ไทยกับจีนมีสายสัมพันธ์อันดีมาหลายร้อยปีแล้ว.
สายสำอาง
น. เชือกหรือลวดหนังตีเป็นเกลียวหุ้มผ้าแดง ผูกติดกับรัดประคนทั้ง ๒ ข้าง ปรกติทอดขนานลำตัวช้างไปผูกติดกับกระวินคล้องกับระวิงหรือซองหาง เมื่อตั้งสัปคับหรือกูบ ใช้สายสำอางนี้สอดผูกเพื่อช่วยรั้งมิให้เลื่อนไปทางหัวช้างขณะเดินลงที่ลาด.
สายสิญจน์
น. ด้ายดิบสีขาวที่นำมาจับทบเป็น ๓ เส้น หรือ ๙ เส้น ใช้ในพิธีทางศาสนา เช่นสำหรับพระถือในเวลาสวดมนต์ หรือพราหมณ์ใช้ในพระราชพิธีบางอย่าง.
สายสืบ
น. ผู้เข้าไปสืบความลับหรือความเคลื่อนไหวเป็นต้นของอีกฝ่ายหนึ่ง, สาย ก็ว่า.
สายสูตร
น. เชือกหนังที่ผูกช้างให้เดินตามกัน; เส้นด้ายที่เจ้านายหรือสมเด็จพระสังฆราชจับโยงไปเพื่อกระทำกิจกรรมทางศาสนาเช่น ยกช่อฟ้าหรือเททองหล่อพระพุทธรูปเป็นต้น.
สายสูบ
น. สายส่งน้ำทำด้วยวัสดุทนไฟ ปลายสายทั้ง ๒ ข้างมีข้อต่อสำหรับต่อกับถังน้ำบนรถหรือต่อกับหัวประตูน้ำดับเพลิง อีกข้างหนึ่งสวมเข้ากับหัวฉีดน้ำ, ถ้าใช้ในการชลประทาน หรือส่งน้ำให้ประชาชนใช้ เรียกว่า สายสูบส่งน้ำ, ถ้าใช้ในการดับเพลิง เรียกว่า สายสูบส่งน้ำดับเพลิง; สายที่ทำด้วยสารสังเคราะห์ ปลายสายทั้ง ๒ ข้างมีข้อต่อสำหรับต่อกับถังบนรถ อีกข้างหนึ่งจุ่มลงในของเหลวหรือสิ่งปฏิกูลแล้วสูบขึ้นมา.
สายหยก
น. เชือกผูกรั้งตรวนเพื่อให้นักโทษเดินสะดวกขึ้น เช่น มือถือสายหยกยกสะเทิน พลั้งเท้าก้าวเกินก็ล้มลง. (ขุนช้างขุนแผน).
สายเหา
น. สายเชือกหรือหนังที่รั้งอานหรือเบาะม้า แล้วมาโยงกับโคนหางม้า.
สายไหม
น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยน้ำตาลซึ่งใช้เครื่องปั่นจนเป็นเส้นฝอย ๆ คล้ายเส้นไหม ห่อด้วยแผ่นโรตีหรือแผ่นเปาะเปี๊ยะ,ถ้าห่อด้วยแผ่นโรตี เรียกว่า โรตีสายไหม.
สายอากาศ
น. สายลวดที่ขึงไว้เพื่อส่งหรือรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า.
สายเอก
น. สายสมอเรือสําเภา ทําด้วยเชือกเหนียวกว่าเชือกอื่นสําหรับลงสมอเมื่อพายุแรง; เรียกสายเครื่องดนตรีที่เป็นเสียงสูงว่า สายเอก, ส่วนสายที่มีเสียงรองลงมาเรียกว่าสายทุ้ม.
ส่าย ๑
ก. แกว่งไปมา เช่น ส่ายผ้าอ้อมในน้ำ, ย้ายไปมา เช่น ส่ายหัวส่ายสะโพก ว่าวส่าย. น. กระโปรงยาวที่ผู้หญิงนุ่ง.
ส่ายตา
ก. กวาดตามองทั่ว ๆ เช่น เขาส่ายตามองหาคนรู้จัก.
ส่ายศึก, ส่ายเศิก
ก. กวาดล้างให้หมดสิ้นข้าศึกศัตรู เช่น ส่ายเศิกเหลี้ยนล่งหล้าราญราบหน้าเภริน. (นิ. นรินทร์).
ส่ายศึก, ส่ายเศิก
ก. กวาดล้างให้หมดสิ้นข้าศึกศัตรู เช่น ส่ายเศิกเหลี้ยนล่งหล้าราญราบหน้าเภริน. (นิ. นรินทร์).
ส่ายหน้า
ก. อาการที่ทำหน้าหันไปมาช้า ๆ แสดงถึงความหมดหวัง หมดศรัทธา หมดปัญญาเป็นต้น เช่น หมอเห็นผลการตรวจคนไข้แล้วส่ายหน้า.
ส่าย ๒
ว. เสียงอย่างเสียงที่เกิดจากผ้าแพรเนื้อหนาแข็งเสียดสีกันเช่น ได้ยินเสียงแพรส่าย.
ส้าย
ก. กําจัด, สู้.
สายชู
น. ของเหลวซึ่งมีกรดแอซีติกละลายอยู่ไม่เกินร้อยละ ๖มีรสเปรี้ยว ใช้ปรุงอาหาร เรียกว่า นํ้าส้มสายชู, นํ้าส้มก็เรียก.
สายตา
น. ระยะที่ตาจะมองเห็นได้ เช่น สุดสายตา อยู่ในสายตา,โดยปริยายหมายความว่า ความเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิดเช่น ความประพฤติของนักเรียนอยู่ในสายตาของครูอาจารย์,ความสอดส่องจับตาดูอยู่เสมอ เช่น พวกนักเลงอยู่ในสายตาของตำรวจ, ความสนใจ เช่น คนจนไม่อยู่ในสายตาของพวกเศรษฐี.
สายตาไกล
ว. สามารถคิดและคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าได้ค่อนข้างจะถูกต้อง เช่น ผู้ใหญ่มักจะเป็นผู้มีสายตาไกล, สายตากว้างไกล ก็ว่า.
สายตาพิการ
น. ความพิการในการเห็น, สายตาที่บกพร่องมองเห็นไม่เหมือนคนปรกติ เช่นตาบอดสี, การเห็นไม่ดีจนเป็นอุปสรรคต่อการงานซึ่งต้องใช้การมองเห็นเป็นหลัก.
สายตายาว
น. ความสามารถของนัยน์ตาที่มองเห็นชัดเฉพาะสิ่งที่อยู่ไกลเท่านั้น ส่วนสิ่งที่อยู่ใกล้มองเห็นพร่าไม่ชัดเจน ช่วยได้โดยสวมแว่นที่เป็นเลนส์นูน.
สายตาสั้น
น. ความสามารถของนัยน์ตาที่มองเห็นชัดเฉพาะสิ่งที่อยู่ใกล้เท่านั้น ส่วนสิ่งที่อยู่ไกลมองเห็นพร่าไม่ชัดเจน ช่วยได้โดยสวมแว่นที่เป็นเลนส์เว้า.
สายตาเอียง
น. ความบกพร่องของนัยน์ตาที่มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในแนวระดับหรือในแนวดิ่งไม่ได้ชัดสม่ำเสมอกัน ช่วยได้โดยสวมแว่นที่เป็นเลนส์รูปกาบกล้วย.
สายติ่ง
น. ชื่อไม้นํ้าชนิด Nymphoides parvifolium Kuntze ในวงศ์Menyanthaceae กินได้, บัวสายติ่ง หรือ บัวสายทิ้ง ก็เรียก.
สายน้ำผึ้ง
น. ชื่อไม้เถาชนิด Lonicera japonica Thunb. ในวงศ์Caprifoliaceae ดอกสีนวลแล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลือง กลิ่นหอมใช้ทํายาได้.
สายม่าน
น. ชื่องูขนาดเล็กในวงศ์ Colubridae ตัวเล็กเรียวยาว ส่วนมากสีนํ้าตาล เกล็ดสันหลังมักวาวคล้ายทองเหลือง ว่องไวปราดเปรียว ออกหากินเวลากลางวันตามป่าหญ้าและบนต้นไม้ มีหลายชนิดและชุกชุมทุกภาคของประเทศไทย เช่นสายม่านลิ้นแดง (Dendrelaphis pictus) สายม่านหลังทอง(D. formosus) ไม่มีพิษ.
สายยู ๒
น. ชื่อปลาน้ำจืดในวงศ์ Schilbeidae ตัวเรียวยาว มีหนวดยาว๔ คู่ และมีครีบหลัง ๒ ตอน เฉพาะตอนหลังเป็นแผ่นเนื้อขนาดเล็กมาก ได้แก่ ชนิด Platytropius siamensis, เกด ก็เรียก.
สายหยุด
น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Desmos chinensis Lour. ในวงศ์Annonaceae ดอกสีเหลือง กลิ่นหอม พอสายก็หมดกลิ่น.
สายัณห์, สายาห์
น. เวลาเย็น. (ป. สายณฺห; ส. สายาหฺน).
สายัณห์, สายาห์
น. เวลาเย็น. (ป. สายณฺห; ส. สายาหฺน).
สายา
(กลอน) น. ผู้หญิง, นางผู้มีโฉมงาม, เช่น สายาอยู่ในถนนถามข่าว รยมฤๅ. (กำสรวล).
สาร ๑, สาร– ๑
[สาน, สาระ–] น. แก่น, เนื้อแท้, มักใช้เข้าคู่กับคำ แก่น เป็นแก่นสาร; ข้อความ, ถ้อยคำ, เรื่องราว, เช่น กล่าวสารสื่อสาร, หนังสือ เช่น นิตยสาร วารสาร, จดหมาย เช่น เขียนสาร สารของนายกรัฐมนตรีถึงเยาวชน. (ป., ส.).
สาร ๑, สาร– ๑
[สาน, สาระ–] น. แก่น, เนื้อแท้, มักใช้เข้าคู่กับคำ แก่น เป็นแก่นสาร; ข้อความ, ถ้อยคำ, เรื่องราว, เช่น กล่าวสารสื่อสาร, หนังสือ เช่น นิตยสาร วารสาร, จดหมาย เช่น เขียนสาร สารของนายกรัฐมนตรีถึงเยาวชน. (ป., ส.).
สารกรมธรรม์
[สานกฺรมมะ–] ดู กรมธรรม์.
สารคดี
[สาระ–] น. เรื่องที่เรียบเรียงขึ้นจากความจริง ไม่ใช่จากจินตนาการ เช่น สารคดีท่องเที่ยว สารคดีชีวประวัติ.
สารตรา
[สาน–] (กฎ; โบ) น. หนังสือราชการที่เชิญพระบรมราชโองการซึ่งประทับตราใหญ่; หนังสือราชการที่เสนาบดีเจ้ากระทรวงลงชื่อและประทับตรากระทรวงส่งไปยังหัวเมือง ซึ่งในสมัยต่อมาเรียกว่า ท้องตรา.
สารธรรม
[สาระ–] น. ธรรมเป็นหลักฐาน, ธรรมที่มั่นคง.
สารนิเทศ
[สาระนิเทด] น. การชี้แจงแนะนําเกี่ยวกับข่าวสารหรือข้อมูลต่าง ๆ. (ส. สาร + นิรฺเทศ; ป. สาร + นิทฺเทส).
สารบบ, สารบับ
[สาระ–] น. คําบอกเรื่อง, บัญชีเรื่อง, เช่น เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในสารบบ.
สารบบ, สารบับ
[สาระ–] น. คําบอกเรื่อง, บัญชีเรื่อง, เช่น เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในสารบบ.
สารบบความ
น. บัญชีคดีความต่าง ๆ ของศาล.
สารบรรณ
[สาระ–] น. หนังสือที่เป็นหลักฐาน, เรียกงานที่เกี่ยวกับการบริหารงานเอกสาร เริ่มตั้งแต่การจัดทำ การรับ การส่งการเก็บรักษา การยืม จนถึงการทำลายเอกสาร ว่า งานสารบรรณ.
สารบัญ, สารบาญ
[สาระ–] น. บัญชีเรื่อง, รายชื่อเรื่อง. (ตัดจาก สารบัญชี และสารบาญชี).
สารบัญ, สารบาญ
[สาระ–] น. บัญชีเรื่อง, รายชื่อเรื่อง. (ตัดจาก สารบัญชี และสารบาญชี).
สารบาญชี
[สาระ–] น. การจัดวิธีเกณฑ์คนเข้ารับราชการฝ่ายทหารและพลเรือนในสมัยโบราณตั้งเป็นกรม เรียกว่า กรมพระสุรัสวดี คือ สัสดี เดี๋ยวนี้.
สารประโยชน์
[สาระ–] น. ประโยชน์ที่เป็นแก่นสาร เช่น สารประโยชน์ของกฎหมายฉบับนี้ เกี่ยวกับสิทธิพื้นฐานของประชาชน, สารัตถ-ประโยชน์ ก็ว่า.
สารสนเทศ
[สาระสนเทด, สานสนเทด] น. ข่าวสาร; การแสดงหรือชี้แจงข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ. (ส. สาร + สนฺเทศ; ป. สาร+ สนฺเทส).
สาร ๒
[สาน] น. สิ่งที่มีองค์ประกอบเป็นอย่างเดียวกัน มีสมบัติเฉพาะของตนเอง และไม่สามารถใช้วิธีกลใด ๆ มาแบ่งแยกให้เป็นส่วนอื่นที่มีองค์ประกอบและสมบัติแตกต่างออกไปได้; (โบ) เรียกธาตุจําพวกหนึ่งและธาตุที่เข้าแทรกในต้นไม้ว่า สาร.
สารประกอบ
(เคมี) น. สารที่เกิดจากธาตุตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไปมารวมตัวกันโดยอาศัยปฏิกิริยาเคมี และมีอัตราส่วนผสมคงที่เสมอ.(อ. compound).
สารละลาย
(เคมี) น. ของผสมเนื้อเดียวล้วน ซึ่งประกอบด้วยสารต่างชนิดกันตั้งแต่ ๒ สารขึ้นไป แผ่กระจายผสมรวมกันอยู่อย่างสมํ่าเสมอโดยไม่มีปฏิกิริยาเคมีต่อกัน เช่น ของแข็งละลายในของเหลว ของเหลวละลายในของเหลว ของแข็งละลายในของแข็ง แก๊สละลายในแก๊ส. (อ. solution).
สารส้ม
น. เกลือเคมีประเภทหนึ่ง ทั่วไปรู้จักกันเฉพาะชนิดที่ใช้ประโยชน์ทําให้นํ้าใสสะอาด ชนิดนี้มีสูตร K2SO4Al2(SO4)3?24H2O ลักษณะเป็นก้อนแข็ง สีขาว มีรสเปรี้ยวฝาด.
สารหนู
น. ธาตุลําดับที่ ๓๓ สัญลักษณ์ As ลักษณะเป็นของแข็งมี ๓ อัญรูป คือ สารหนูสีเทา สารหนูสีดํา และสารหนูสีเหลือง เป็นธาตุที่มีพิษอย่างร้ายแรง. (อ. arsenic).
สารหนูขาว
น. สารประกอบชนิดหนึ่ง ซึ่งมีธาตุสารหนูและออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ มีสูตร As2O3 ลักษณะเป็นผงสีขาว มีพิษอย่างร้ายแรง ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมทําสีบางประเภทและยาฆ่าแมลง, ชาวบ้าน เรียกว่า สารหนู.
สาร ๓
น. ช้างใหญ่ ใช้ว่า ช้างสาร.
สาร ๔
น. ข้าวที่สีหรือตําเอาเปลือกออกแล้ว เรียกว่า ข้าวสาร.
สาร– ๒
[สาระ–] คําประกอบหน้าคํา แปลว่า ทั้งหมด, ทั้งสิ้น, ทุก,เช่น สารทิศ ว่า ทุกทิศ, สารทุกข์ ว่า ทุกข์ทั้งหมด, สารเลวว่า เลวทั้งสิ้น. (เลือนมาจาก สรฺว ในสันสกฤต เช่น สรฺวงฺคเป็น สารพางค์ หรือ สรรพางค์).
สารทุกข์สุกดิบ
(ปาก) น. ข่าวคราวความเป็นไปหรือความเป็นอยู่ เช่นไม่พบกันมานาน เพื่อน ๆ ต่างก็ถามสารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกัน.
สารถี
[สาระถี] น. คนขับรถ, คนบังคับม้า, โดยปริยายหมายความว่าผู้บังคับหรือฝึกหัด ในความว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก. (ป., ส. สารถิ).
สารถีชักรถ
น. ชื่อเพลงไทย ๒ ชั้นทำนองหนึ่ง ต่อมามีผู้แต่งขยายเป็น ๓ชั้น แล้วตัดลงเป็นชั้นเดียว เพื่อให้ครบเป็นเพลงเถา เรียกว่าเพลงสารถีเถา; วิธีรำละครท่าหนึ่งอยู่ในอันดับว่า สารถีชักรถกลดพระสุเมรุ ตระเวนเวหา; ชื่อเพลงยาวกลบทแบบหนึ่งตัวอย่างว่า สงสารกายหมายมิตร์คิดสงสาร ประมาณจิตร์ผิดเพราะเชื่อเหลือประมาณ เสียดายการที่คิดเปล่าเศร้าเสียดาย. (จารึกวัดโพธิ์).
สารท ๑
[สาด] น. เทศกาลทำบุญในวันสิ้นเดือน ๑๐ โดยนำพืชพรรณธัญญาหารแรกเก็บเกี่ยวมาปรุงเป็นข้าวทิพย์และข้าวมธุปายาสถวายพระสงฆ์. (ป. สรท, สารท; ส. ศารท).
สารท ๒, สารทฤดู
[สาด, สาระทะรึดู] น. ฤดูใบไม้ร่วง, ในประเทศเขตอบอุ่นทางซีกโลกเหนือ ซึ่งแบ่งฤดูกาลออกเป็น ๔ ฤดู คือ ฤดูหนาว(เหมันตฤดู) ฤดูใบไม้ผลิ (วสันตฤดู) ฤดูร้อน (คิมหันตฤดู)และฤดูใบไม้ร่วง (สารทฤดู) นั้น ฤดูใบไม้ร่วงเริ่มต้นในเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน. (อ. autumn).
สารท ๒, สารทฤดู
[สาด, สาระทะรึดู] น. ฤดูใบไม้ร่วง, ในประเทศเขตอบอุ่นทางซีกโลกเหนือ ซึ่งแบ่งฤดูกาลออกเป็น ๔ ฤดู คือ ฤดูหนาว(เหมันตฤดู) ฤดูใบไม้ผลิ (วสันตฤดู) ฤดูร้อน (คิมหันตฤดู)และฤดูใบไม้ร่วง (สารทฤดู) นั้น ฤดูใบไม้ร่วงเริ่มต้นในเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน. (อ. autumn).
สารทา
[สาระทา] น. ชื่อหนึ่งของพระสุรัสวดี.
ส้ารบับ
[ส้าระบับ] น. ผ้าเยียรบับ.
สารพัด
[สาระพัด] ว. ทั้งปวง, ทั้งหมด, ทุก, ทุกอย่าง, เช่น ร้านชำมีของขายสารพัด, เขียนเป็น สารพัตร ก็มี.
สารพัน
[สาระพัน] ว. สารพัด เช่น สารพันปัญหา, มักใช้เข้าคู่กัน เป็นสารพัดสารพัน ก็มี.
สารพางค์
[สาระพาง] น. ทั้งตัว, ทั่วตัว, มักใช้เข้าคู่กับคำ กาย เป็นสารพางค์กาย เช่น เจ็บปวดทั่วสารพางค์กาย, สรรพางค์ก็ว่า. (ดู สรรพ, สรรพ–).
สารภาพ
[สาระพาบ] ก. รับว่ากระทำผิด เช่น จำเลยสารภาพว่าขโมยของไปจริง; บอกความในใจ เช่น สารภาพรัก.
สารภี
[สาระพี] น. ชื่อไม้ต้น ๒ ชนิดในสกุล Mammea วงศ์ Guttiferaeดอกสีขาว กลิ่นหอม ใช้ทํายาได้ คือ ชนิด M. harmandii Kosterm. ดอกใหญ่ และชนิด M. siamensis (Miq.) T. Andersonดอกเล็ก. (ป., ส. สุรภิ).
สารภีทะเล
ดู กระทิง ๒.
สารภีป่า
ดู พะวา.
สารไมย
[สาระไม] น. หมา. (ป. สารเมยฺย; ส. สารเมย).
สารวัตร
[สาระวัด] น. ผู้ตรวจงานทั่วไป เช่น สารวัตรจราจร สารวัตรปราบปราม.
สารวัตรทหาร
น. ทหารที่ได้รับคำสั่งจากผู้มีอำนาจสั่งใช้ให้ปฏิบัติหน้าที่ เช่นสอดส่อง ตรวจตรา ตักเตือน จับกุมทหาร ข้าราชการพลเรือนและคนงานสังกัดกระทรวงกลาโหมที่กระทำความผิดหรือไม่อยู่ในระเบียบวินัยซึ่งอยู่ภายนอกที่ตั้งหน่วยทหาร.
สารวัตรนักเรียน
น. เจ้าหน้าที่ตรวจตราดูแลและควบคุมความประพฤติของนักเรียน.
สาระ
น. ส่วนสำคัญ, ข้อใหญ่ใจความ, เช่น เขียนมายืดยาวแต่มีสาระน้อย ทำดีย่อมได้ดีเป็นสาระสำคัญของเรื่องนี้; ประโยชน์ เช่นเรื่องไม่เป็นสาระ ไร้สาระ.
สาระโกก
ว. โกงเกะกะเกเร, เป็นพาล.
สาระแน
ว. ชอบเข้าไปยุ่งในเรื่องของคนอื่น, ชอบเข้าไปยุ่งในเรื่องที่มิใช่หน้าที่ของตน, เช่น เขากำลังทำงานกันอยู่ดี ๆ ก็สาระแนเข้าไปทำงานเขาเสีย; ยุแหย่ให้เขาผิดใจกัน, ยุยงให้เขาแตกกัน,เช่น พูดอะไรให้ฟัง ก็สาระแนไปบอกเขาหมด.
สาระพา, สาระพาเฮโล
ว. เสียงร้องพร้อม ๆ กันเพื่อบอกจังหวะให้ออกแรงพร้อมกันเมื่อเวลาลากหรือยกของหนักเป็นต้น, เฮโลสาระพา ก็ว่า.
สาระพา, สาระพาเฮโล
ว. เสียงร้องพร้อม ๆ กันเพื่อบอกจังหวะให้ออกแรงพร้อมกันเมื่อเวลาลากหรือยกของหนักเป็นต้น, เฮโลสาระพา ก็ว่า.
สาระยำ
ก. ชั่วมาก เช่น ผู้เฒ่าเหล่าเมธา ว่าใบ้บ้าสาระยำ.(พระไชยสุริยา).
สาระวอน
ก. พูดออดอ้อน เช่น สาระวอนอยู่นั่นแล้ว ไม่รู้จักเลิก.
สาระวารี
น. ดอกการะเกด. (ช.).
สาระสะมา
น. ดอกชมพู่. (ช.).
สารัตถ–, สารัตถะ
[สารัดถะ–] น. เนื้อหาหลัก, ใจความสําคัญ, ความคิดสําคัญของเรื่อง.
สารัตถ–, สารัตถะ
[สารัดถะ–] น. เนื้อหาหลัก, ใจความสําคัญ, ความคิดสําคัญของเรื่อง.
สารัตถประโยชน์
น. ประโยชน์ที่เป็นแก่นสาร, สารประโยชน์ ก็ว่า.
สารัตถศึกษา
น. การศึกษาวิชาที่เป็นพื้นฐาน เช่น วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษประวัติศาสตร์.
สารัทธ์
ว. ปั่นป่วน, ฉุนเฉียว, รุนแรง. (ป.).
สารัมภ์
ก. เริ่ม. (ป.).
สาราณีย–, สาราณียะ
[–นียะ–] ว. เป็นที่ตั้งแห่งความระลึก. (ป.; ส. สฺมรณีย).
สาราณีย–, สาราณียะ
[–นียะ–] ว. เป็นที่ตั้งแห่งความระลึก. (ป.; ส. สฺมรณีย).
สาราณียธรรม
น. ธรรมอันเป็นไปเพื่อความระลึกถึงกันและกัน. (ป. สาราณีย +ส. ธรฺม).
สาราณียกร
[–นียะกอน] น. ตําแหน่งเจ้าหน้าที่ของสมาคมหรือสถาบันการศึกษาเป็นต้น ทําหน้าที่อย่างบรรณาธิการ.
สารานุกรม
น. หนังสือที่รวบรวมความรู้ทุกแขนงหรือเฉพาะแขนงใดแขนงหนึ่ง มักเรียงตามลําดับอักษร. (อ. encyclopaedia).
สารีริกธาตุ
[–ริกกะทาด] น. พระอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้า, ใช้ว่า พระบรมสารีริกธาตุ. (ป. สารีริก + ธาตุ).
สารูป
ว. เหมาะ, สมควร, เช่น สมณสารูป ว่า สมควรแก่สมณะ.(ป. สารุปฺป; ส. สารูปฺย).
สาโรช
[–โรด] น. บัว. (ป., ส. สโรช).
สาละ
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Shorea robusta Roxb. ในวงศ์Dipterocarpaceae. (ป., ส.).
สาละวน
ก. วุ่นอยู่กับการงาน เช่น มัวสาละวนอยู่กับการเย็บเสื้อจนลืมทำกับข้าว.
สาลิ, สาลี ๑
น. ข้าว; ข้าวสาลี. (ป.).
สาลิ, สาลี ๑
น. ข้าว; ข้าวสาลี. (ป.).
สาลิกา ๑
น. ชื่อนกชนิด Acridotheres tristis ในวงศ์ Sturnidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับนกกิ้งโครง ลําตัวสีนํ้าตาลเข้ม หัวสีดํา ขอบตาและปากสีเหลือง มีแต้มขาวที่ปีก ปลายหางสีขาว กินแมลงและผลไม้ พบทั่วทุกภาคของประเทศไทย, เอี้ยง หรือ เอี้ยงสาริกา ก็เรียก. (ป.; ส. ศาริกา).
สาลิกา ๒
น. ชื่อตะกรุดดอกเล็ก ๆ ชนิดหนึ่ง ใช้ในทางเมตตามหานิยม.
สาลิกาแก้ว
น. ชื่อเพลงไทยทำนองหนึ่ง.
สาลิกาเขมร
น. ชื่อเพลงไทยทำนองหนึ่ง.
สาลิกาชมเดือน
น. ชื่อเพลงไทยทำนองหนึ่ง.
สาลินี
น. ชื่อฉันท์อย่างหนึ่ง บาทหนึ่งมี ๑๑ คํา วรรคหน้ามี ๕ คําเป็นครุล้วน วรรคหลังมี ๖ คํา คําที่ ๑ และคําที่ ๔ เป็นลหุนอกนั้นเป็นครุ เช่น(รูปภาพ) พราหมณ์ครูรู้สังเกต ตระหนักเหตุถนัดครัน ราชาวัชชีสรร– พจักสู้พินาศสม. (สามัคคีเภท). (ป.).
สาลี ๒
น. ข้าวสาลี. (ดู ข้าวสาลี ที่ ข้าว).
สาลี่ ๑
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Pyrus pyriflora L. ในวงศ์ Rosaceaeผลเนื้อกรอบ รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย กลิ่นหอม. (จ.).
สาลี่ ๒
น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยแป้งสาลีตีกับไข่และน้ำตาลจนฟู แล้วนึ่งจนสุก.
สาลี่กรอบ
น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยแป้งสาลีนวดกับไข่ มะพร้าวผสมน้ำตาล และกะทิ ผิงหรืออบจนหน้าเกรียม.
สาลี่ ๓
น. เครื่องบรรทุกของหนักมี ๒ ล้อ ใช้ลากหรือผลักไป.
สาลี่ ๔
น. คันเหล็กติดอยู่บนหลังคารถราง ปลายมีลูกรอกยันอยู่กับสายไฟฟ้า เพื่อเป็นทางให้กระแสไฟฟ้าเข้าเครื่องรถ.(อ. trolley).
สาลู
น. ผ้าขาวเนื้อบางละเอียด, ในปัจจุบันอนุโลม เรียกผ้าขาวบางเนื้อนุ่ม มักใช้ทําเป็นผ้าอ้อม ว่า ผ้าสาลู ด้วย.
สาโลหิต
(แบบ) น. สายโลหิต, มักใช้เข้าคู่กับคํา ญาติ เป็น ญาติสาโลหิต.(ป.).
สาว ๑
น. หญิงที่มีอายุพ้นวัยเด็ก นับตามความนิยมตั้งแต่ ๑๕–๓๐ปีขึ้นไป เช่น ย่างเข้าสู่วัยสาว โตเป็นสาวแล้วยังซุกซนเหมือนเด็ก ๆ, ถ้ายังไม่ได้แต่งงาน ใช้คําว่า นางสาว นําหน้าชื่อ. ว.เรียกคนและสัตว์ที่มีท้องครั้งแรกว่า ท้องสาว, เรียกต้นไม้ที่เริ่มผลิดอกออกผลครั้งแรก เช่น หมากสาว มะพร้าวสาว,เรียกหญิงที่ยังไม่แก่ตามวัย เช่น แม้จะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังดูสาวอยู่, เรียกหญิงที่ยังไม่แต่งงาน เช่น จะพูดอะไรให้เกรงใจเขาบ้าง ถึงเขาจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังเป็นสาวอยู่.
สาวแก่
น. หญิงที่มีอายุเลยวัยสาว แต่ยังไม่ได้แต่งงาน.
สาวใช้
น. หญิงลูกจ้างช่วยแม่บ้านทำงาน.
สาวน้อย
น. หญิงที่อยู่ในวัยรุ่น.
สาวน้อยร้อยชั่ง
น. หญิงที่มีค่าตัวสูง มีคุณสมบัติและรูปสมบัติเป็นที่ยกย่อง.
สาวทึนทึก, สาวทึมทึก
น. สาวใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงาน, สาวเทื้อ ก็ว่า.
สาวทึนทึก, สาวทึมทึก
น. สาวใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงาน, สาวเทื้อ ก็ว่า.
สาวเทื้อ
น. สาวแก่, สาวทึนทึก, สาวทึมทึก.
สาวพรหมจารี
น. สาวที่ยังไม่มีสามี, หญิงที่ยังไม่มีระดู, เช่น ตามที่ถือกันว่าผู้ซึ่งสำหรับกวนข้าวทิพย์นั้นต้องเป็นสาวพรหมจารี คือที่ยังไม่มีสามีนั้นประการหนึ่ง อีกนัยหนึ่งคือหญิงซึ่งยังไม่มีระดูกล่าวว่าเป็นพรหมจารีแท้… (สิบสองเดือน); สาวบริสุทธิ์,หญิงที่ยังบริสุทธิ์, หญิงที่ยังไม่เคยร่วมประเวณี.
สาวรุ่น
น. หญิงที่เพิ่งแตกเนื้อสาว.
สาวศรี
(กลอน) น. สาววัยรุ่น.
สาวศรีสาวใช้
(สำ) น. สาวใช้.
สาวสะ
น. หญิงสาววัยรุ่นแต่งตัวใส่เกี้ยว นุ่งผ้าลายพื้นเขียวห่มผ้าแพรพื้นแดง เดินประนมมือตามกระบวนแห่เต็มยศขนาบพระราชยานในพระราชพิธีโสกันต์, นางแต่งตัวสะ หรือ นางสะ ก็เรียก, โดยปริยายหมายถึงสาวรุ่น.
สาวสะเทิน
น. หญิงที่อยู่ในวัยระหว่างสาวกับเด็กก้ำกึ่งกัน.
สาวแส้
น. หญิงสาว.
สาวใหญ่
น. หญิงที่อยู่ในวัยกลางคน.
สาว ๒
ก. ชักหรือดึงสิ่งที่เป็นเส้นยาว ๆ ออกจากที่เข้าหาตัว เช่นสาวไหม สาวเชือก; โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น สาวความ.
สาวก้าว
ก. ก้าวยาวอย่างเร็ว, เดินเร็ว.
สาวเท้า
ก. ก้าวยาว ๆ เร่งฝีเท้าให้เร็ว.
สาวไส้
ก. นําความลับที่ไม่ควรเปิดเผยไปให้คนอื่นรู้, มักใช้ในทางไม่ดี.
สาวไส้ให้กากิน
(สํา) ก. นำความลับของฝ่ายตนไปเปิดเผยให้คนอื่นรู้เป็นการประจานตนหรือพรรคพวกของตน.
สาว– ๓
[สาวะ–] ว. สีดําแดง, สีนํ้าตาลแก่. (ป.; ส. ศฺยาว).
สาวก
น. ศิษย์ของศาสดา. (ป.; ส. ศฺราวก).
สาวกระทืบหอ
น. ชื่อมะม่วงพันธุ์หนึ่งของชนิด Mangifera indica L..
สาวน้อยเล่นน้ำ
น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สาวนะ ๑, ศรวณะ, ศระวณะ
[สาวะนะ, สะระวะนะ] น. ดาวฤกษ์ที่ ๒๒ มี ๓ ดวง เห็นเป็นรูปหามผีหรือโลง, ดาวหลักชัย หรือ ดาวพระฤๅษี ก็เรียก.
สาวนะ ๒
[สาวะนะ] น. เดือน ๙. (ป.; ส. ศฺราวณ).
สาวิกา
น. ศิษย์ผู้หญิงของศาสดา. (ป.; ส. ศฺราวิกา).
สาวิตร
[–วิด] ว. เกี่ยวเนื่องกับพระอาทิตย์. (ส.).
สาวิตรี
[–วิดตฺรี] น. คําสดุดีพระอาทิตย์บทหนึ่งในฤคเวท. (ส.).
สาสน, สาสน–, สาสน์, สาส์น
[สาน, สาสะนะ–, สาดสะนะ–, สาด, สาน] น. คําสั่ง, คําสั่งสอน,เช่น สาสนธรรม; จดหมายของประมุขของประเทศหรือประมุขสงฆ์ที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ, ถ้าเป็นจดหมายของพระมหากษัตริย์ เรียกว่า พระราชสาส์น, เขียนเป็น พระราชสาสน หรือ พระราชสาสน์ ก็ได้, ถ้าเป็นจดหมายของประธานาธิบดี เรียกว่า อักษรสาส์น, เขียนเป็น อักษรสาสนหรือ อักษรสาสน์ ก็ได้, ถ้าเป็นจดหมายของสมเด็จพระสังฆราชเรียกว่า สมณสาสน์, ถ้าเป็นจดหมายของสมเด็จพระสังฆราชเจ้าเรียกว่า พระสมณสาสน์. (ป.).
สาสน, สาสน–, สาสน์, สาส์น
[สาน, สาสะนะ–, สาดสะนะ–, สาด, สาน] น. คําสั่ง, คําสั่งสอน,เช่น สาสนธรรม; จดหมายของประมุขของประเทศหรือประมุขสงฆ์ที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ, ถ้าเป็นจดหมายของพระมหากษัตริย์ เรียกว่า พระราชสาส์น, เขียนเป็น พระราชสาสน หรือ พระราชสาสน์ ก็ได้, ถ้าเป็นจดหมายของประธานาธิบดี เรียกว่า อักษรสาส์น, เขียนเป็น อักษรสาสนหรือ อักษรสาสน์ ก็ได้, ถ้าเป็นจดหมายของสมเด็จพระสังฆราชเรียกว่า สมณสาสน์, ถ้าเป็นจดหมายของสมเด็จพระสังฆราชเจ้าเรียกว่า พระสมณสาสน์. (ป.).
สาสน, สาสน–, สาสน์, สาส์น
[สาน, สาสะนะ–, สาดสะนะ–, สาด, สาน] น. คําสั่ง, คําสั่งสอน,เช่น สาสนธรรม; จดหมายของประมุขของประเทศหรือประมุขสงฆ์ที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ, ถ้าเป็นจดหมายของพระมหากษัตริย์ เรียกว่า พระราชสาส์น, เขียนเป็น พระราชสาสน หรือ พระราชสาสน์ ก็ได้, ถ้าเป็นจดหมายของประธานาธิบดี เรียกว่า อักษรสาส์น, เขียนเป็น อักษรสาสนหรือ อักษรสาสน์ ก็ได้, ถ้าเป็นจดหมายของสมเด็จพระสังฆราชเรียกว่า สมณสาสน์, ถ้าเป็นจดหมายของสมเด็จพระสังฆราชเจ้าเรียกว่า พระสมณสาสน์. (ป.).
สาสน, สาสน–, สาสน์, สาส์น
[สาน, สาสะนะ–, สาดสะนะ–, สาด, สาน] น. คําสั่ง, คําสั่งสอน,เช่น สาสนธรรม; จดหมายของประมุขของประเทศหรือประมุขสงฆ์ที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ, ถ้าเป็นจดหมายของพระมหากษัตริย์ เรียกว่า พระราชสาส์น, เขียนเป็น พระราชสาสน หรือ พระราชสาสน์ ก็ได้, ถ้าเป็นจดหมายของประธานาธิบดี เรียกว่า อักษรสาส์น, เขียนเป็น อักษรสาสนหรือ อักษรสาสน์ ก็ได้, ถ้าเป็นจดหมายของสมเด็จพระสังฆราชเรียกว่า สมณสาสน์, ถ้าเป็นจดหมายของสมเด็จพระสังฆราชเจ้าเรียกว่า พระสมณสาสน์. (ป.).
สาสนธรรม
น. คําสั่งสอนทางศาสนา.
สาสนา
[สาดสะหฺนา] น. ศาสนา, คําสั่งสอนของศาสดา. (ป. สาสน;ส. ศาสน).
สาสม
[สา–สม] ว. เหมาะ, สมควร, เช่น ต้องลงโทษให้สาสมแก่ความผิด.
สาหร่าย ๑
น. ชื่อพืชชั้นตํ่าที่ไม่มีลําต้น ใบ และรากที่แท้จริง แต่มีคลอโรฟิลล์ บ้างเป็นเซลล์เดียว บ้างเป็นกลุ่มเซลล์เป็นสาย หรือเป็นต้นคล้ายพืชชั้นสูง ขึ้นทั่วไปในนํ้าหรือที่ชื้นแฉะ เช่น สาหร่ายไส้ไก่ [Enteromorpha intestinalis (L.) Link] ในวงศ์ Ulvaceae; ชื่อพืชชั้นสูงที่มีดอกบางชนิดซึ่งขึ้นอยู่ในนํ้า เช่น สาหร่ายพุงชะโด(Ceratophyllum demersum L.) ในวงศ์ Cerato-phyllaceae สาหร่ายเส้นด้าย (Najas graminea Del.) ในวงศ์ Najadaceae.
สาหร่าย ๒
น. ชื่อลายประเภทเครื่องห้อยแบบหนึ่งนิยมประดับริมเสามุขเด็จพระมหาปราสาทหรือพระอุโบสถเป็นต้น.
สาหรี
[–หฺรี] ว. งาม, น่ารัก, ดี. (ช.).
ส่าหรี
[–หฺรี] น. เครื่องแต่งกายสตรีอินเดียแบบหนึ่ง เป็นผ้าชิ้นยาวประมาณ ๕–๖ เมตร ใช้เป็นทั้งผ้านุ่งและผ้าห่มส่วนที่นุ่ง ยาวกรอมส้น พันรอบตัวและจีบข้างหน้าเหน็บไว้ที่เอว ส่วนผ้าห่มใช้ชายผ้าที่เหลือพาดอกและสะพายบ่าโดยมากเป็นบ่าซ้ายห้อยชายไปข้างหลัง ชายที่ห้อยดึงมาคลุมหัวก็ได้.
สาหัตถ–, สาหัตถิก–
[–ถะ–, –ถิกะ–] ว. ที่ทําด้วยมือของตนเอง. (ป.).
สาหัตถ–, สาหัตถิก–
[–ถะ–, –ถิกะ–] ว. ที่ทําด้วยมือของตนเอง. (ป.).
สาหัส
[–หัด] ว. ร้ายแรง เช่น บาดเจ็บสาหัส, รุนแรงเกินควร เช่นถูกลงโทษอย่างสาหัส. (ป., ส.).
สาหัสสากรรจ์
ว. แสนสาหัส, ร้ายแรงมาก, คอขาดบาดตาย, เช่น ได้รับทุกข์ทรมานอย่างสาหัสสากรรจ์, โดยปริยายหมายความว่า ลำบากยิ่ง เช่น ทางนี้ทุรกันดารสาหัสสากรรจ์ บุกป่าฝ่าดงอย่างสาหัสสากรรจ์.
สาเหตุ
[สาเหด] น. ต้นเหตุ เช่น ความประมาทเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุ บุหรี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นโรคมะเร็ง.
ส่าเหล้า ๑
ดูใน ส่า.
ส่าเหล้า ๒
น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Desmos cochinchinensis Lour. ในวงศ์ Annonaceae ใบด้านล่างเป็นคราบขาวดอกสีเหลือง กลิ่นหอม.
สาแหรก ๑
[–แหฺรก] น. เครื่องใส่ของสําหรับหิ้วหรือหาบเป็นต้น ปรกติทําด้วยหวาย มี ๔ สาย ตอนบนทําเป็นหูสําหรับหิ้วหรือสอดไม้คาน ตอนล่างขัดกันเป็นสี่เหลี่ยมสําหรับวางกระจาดเป็นต้น. (เทียบ ข. สงฺแรก).
สาแหรก ๒
น. ชื่อชมพู่ชนิด Syzygium malaccensis (L.) Merr. et L.M.Perry ในวงศ์ Myrtaceae ผลใหญ่ สีชมพู เนื้อหนา มีลายสีแดงเข้มเป็นเส้น ๆ ตามยาว.
สาแหรก ๓
น. ร่องที่อยู่บนข้าวเปลือก ถ้าร่องนั้นลึกก็จะปรากฏบนเมล็ดข้าวด้วย.
สาฬุระ
น. หมา. (ป.); กบ, เขียด. (ส. สาลูร ว่า กบ, ศาลูร ว่า กบ,เขียด).
สำ
ก. ซับซ้อนกัน, ปะปนกัน, ไม่เป็นลําดับ, ไม่เป็นระเบียบ.
สำส่อน
ก. ปะปนโดยไม่เลือกเช่นในการคบค้าสมาคมหรือในการซ่องเสพเป็นต้น เช่น สำส่อนทางเพศ จะเป็นเอดส์ไม่รู้ตัวอย่าสำส่อนในการกินอาหาร. ว. ที่ปะปนในลักษณะเช่นนั้น เช่น เที่ยวสำส่อน กินสำส่อน.
ส่ำ
น. หมู่, เหล่า, พวก, ชนิด, เช่น สํ่าสัตว์.
สำคัญ
ว. เป็นพิเศษกว่าธรรมดา เช่น เรื่องสําคัญ, มีคุณค่า เช่น ของสําคัญ, มีชื่อเสียง เช่น คนสําคัญ; ควรกําหนดจดจํา เช่นหัวข้อสำคัญ. ก. เข้าใจ เช่น สำคัญตนผิด สำคัญว่าเชือกเป็นงู, คะเน, คาดว่า, เช่น ลงทุนไปแล้วก็สำคัญว่าจะได้กำไรมาก.น. เครื่องหมาย, เครื่องจดจํา, เช่น ถือหลักเขตเป็นสําคัญ ให้ไว้เป็นสำคัญ ประทับตราบัวแก้วไว้เป็นสำคัญ.
สำซ่าง
น. โรงขนาดเล็กมียกพื้นข้างใน สําหรับพระสงฆ์นั่งสวดพระอภิธรรม อยู่ ๔ มุมเมรุ, คดซ่าง คดสร้าง ซ่าง สร้างหรือ ส้าง ก็เรียก.
สำแดง ๑
ก. แสดง, ทําให้เห็นปรากฏ, เช่น สําแดงฤทธิ์ สําแดงเดชปีศาจสำแดงตน. (แผลงมาจาก แสดง).
สำแดง ๒
น. ของแสลงที่ทำให้โรคกำเริบ, สำแลง ก็ว่า, ใช้ในคำว่าผิดสำแดง หรือ ผิดสำแลง.
สำแดง ๓
คํากล่าวประกอบชื่อผู้อื่นซึ่งปรากฏอยู่เฉพาะหน้า, เป็นสํานวนแปลบาลีเก่า ใช้ในที่ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสกับพระสาวก เช่น สําแดงอานนท์.
สำทับ
ก. ยํ้า, กำชับ, เช่น เขาสั่งให้ทำงานแล้วสำทับว่าต้องเสร็จใน ๓ วัน, ซ้ำเติม เช่น ลูกถูกแม่ตีแล้วพ่อยังสำทับว่าถ้าทำอีกก็จะถูกตีอีก, ขู่ เช่น ผู้ร้ายสำทับว่า อย่าไปบอกตำรวจมิฉะนั้นจะฆ่าปิดปาก.
สำนวด
[สําหฺนวด] (กลอน) ก. สวด. (แผลงมาจาก สวด).
สำนวน
น. ถ้อยคําที่เรียบเรียง, โวหาร, บางทีก็ใช้ว่า สํานวนโวหารเช่น สารคดีเรื่องนี้สํานวนโวหารดี ความเรียงเรื่องนี้สํานวนโวหารลุ่ม ๆ ดอน ๆ; คดี เช่น ปิดสำนวน; ถ้อยคําหรือข้อความที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้ว มีความหมายไม่ตรงตามตัวหรือมีความหมายอื่น แฝงอยู่ เช่น สอนจระเข้ให้ว่ายนํ้ารําไม่ดีโทษปี่โทษกลอง, ถ้อยคําที่แสดงออกมาเป็นข้อความพิเศษ เฉพาะภาษาหนึ่ง ๆ เช่น สํานวนฝรั่ง สํานวนบาลี,ชั้นเชิงหรือท่วงทํานองในการแต่งหนังสือหรือพูด เช่น สํานวนเจ้าพระยาพระคลัง (หน) สํานวนยาขอบ สํานวนไม้ เมืองเดิม;ลักษณนามใช้เรียกข้อความหรือบทประพันธ์รายหนึ่ง ๆ เช่นอิเหนามีหลายสํานวน บทความ ๒ สํานวน.
สำนวนความ
(กฎ) น. บรรดาคําคู่ความและเอกสารหรือแผ่นกระดาษไม่ว่าอย่างใด ๆ ที่คู่ความหรือศาลหรือเจ้าพนักงานศาลได้ทําขึ้น ซึ่งประกอบเป็นสํานวนของคดี.
สำนอง
ก. รับผิดชอบ, ต้องรับใช้แทน. (แผลงมาจาก สนอง).
สำนัก
น. ที่อยู่อาศัย เช่น อยู่สำนักวัดมหาธาตุ, ที่ทําการ เช่นสํานักนายกรัฐมนตรี; แหล่งศึกษาอบรม เช่น สํานักวิปัสสนาวัดปากน้ำ สำนักทิศาปาโมกข์. ก. อยู่ เช่นเวลานี้สํานักที่ไหน. (โบ เขียนเป็น สํานักนิ).
สำนักงาน
น. สถานที่ทำการของรัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทห้างร้านเป็นต้นเช่น สำนักงานสลากกินแบ่ง สำนักงานใหญ่ธนาคารออมสินสำนักงานทนายความ.
สำนักพิมพ์
น. สถานที่ดำเนินธุรกิจจัดพิมพ์และจำหน่ายตำราหรือหนังสือสารคดี นวนิยาย เป็นต้น.
สำนักสงฆ์
น. วัดที่ยังไม่ได้รับพระราชทานที่วิสุงคามสีมา.
สำนาน
น. เสียง, เสียงพูด.
สำนึก
ก. รู้สึกซาบซึ้ง เช่น สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สำนึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ครูบาอาจารย์.
สำนึกผิด
ก. รู้สึกตระหนักในความผิดที่ได้ทำไป เช่น ผู้ร้ายสำนึกผิดจึงได้สารภาพ, บางทีก็ใช้ว่า สำนึก เช่น ทำผิดถูกลงโทษแล้วยังไม่สำนึกอีก.
สำนึง
ก. อยู่. (แผลงมาจาก สึง).
สำเนา
น. ข้อความหรือภาพเป็นต้นที่ผลิตซํ้าจากต้นแบบหรือต้นฉบับ; ลักษณนามเรียกจํานวนแผ่นหรือชุดที่ผลิตซํ้าจากต้นแบบหรือต้นฉบับ. ก. คัดหรือถ่ายข้อความหรือภาพเป็นต้นจากต้นแบบหรือต้นฉบับ เช่น ก่อนส่งใบเสร็จรับเงินไปให้ลูกค้า ควรสําเนาไว้ก่อน.
สำเนียง
น. เสียง, นํ้าเสียง, หางเสียง, วิธีออกเสียง, เช่น สําเนียงส่อภาษา สําเนียงไม่ชัด พูดภาษาไทยแต่สำเนียงเป็นฝรั่ง.
สำบอก
น. เปลือก. (ข. สํบก).
สำบัดสำนวน
ก. พูดจาหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าใจตรง ๆ, ใช้คารมพลิกแพลง,เล่นลิ้น, เช่น อย่าสำบัดสำนวนให้มากนัก. น. สํานวน,คารมพลิกแพลง, เช่น เขาพูดมีสำบัดสำนวนมาก บทความของเขาเต็มไปด้วยสำบัดสำนวน.
สำปะลอ
น. ขนุนสําปะลอ. (ดู ขนุนสําปะลอ ที่ ขนุน ๑).
สำปะหลัง
น. ชื่อมันชนิด Manihot esculenta Crantz ในวงศ์Euphorbiaceae หัวดิบเป็นพิษ, สําโรง ก็เรียก.
สำปั้น ๑
น. ชื่อเรือต่อเสริมกราบชนิดหนึ่ง เดิมทําด้วยไม้กระดาน๓ แผ่น ท้ายสูงกว่าหัวเรือ ใช้แจวหรือพาย.
สำปั้น ๒
น. ชื่อมะม่วงพันธุ์หนึ่งของชนิด Mangifera indica L..
สำปันนี ๑
น. ชื่อเรือขุดชนิดหนึ่ง รูปร่างอย่างเรือมาด แต่เพรียวกว่าหัวและท้ายแบนโตเรี่ยนํ้า.
สำปันนี ๒
น. ชื่อขนมชนิดหนึ่งทําด้วยแป้งมัน ตั้งไฟกวนกับกะทิและน้ำตาลทรายให้เข้ากันพอปั้นได้ ตักใส่พิมพ์อัดให้เป็นรูปแล้วเคาะออก อบด้วยควันเทียนอบ.
สำเภา ๑
น. ชื่อเรือเดินทะเลชนิดหนึ่งแบบจีน แล่นด้วยใบ.
สำเภา ๒
น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Chaetocarpus castanocarpus(Roxb.) Thwaites ในวงศ์ Euphorbiaceae ขึ้นตามป่าดิบทั่วไป ผลมีหนามละเอียดโดยรอบ, ขี้หนอน ก็เรียก.
สำเภาทอง
น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์ปุนัพสุ มี ๓ ดวง, ดาวสะเภา ดาวยามเกา ดาวตาเรือชัย ดาวหัวสําเภา หรือ ดาวปุนัพพสูก็เรียก.
สำมะงา
น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Clerodendrum inerme Gaertn.ในวงศ์ Labiatae ขึ้นตามป่าชายเลน ใช้ทํายาได้.
สำมะโน
(กฎ) น. การเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประชากร เคหะการเกษตร อุตสาหกรรม ธุรกิจ และการอื่น เพื่อใช้ประโยชน์ในทางสถิติ โดยการแจงนับจากทุกหน่วยเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ.
สำมะโนครัว
น. การเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจํานวนราษฎรในแต่ละครัวเรือน.
สำมะโนประชากร
น. การเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจํานวนและลักษณะต่าง ๆ ของราษฎรทุกคนในทุกครัวเรือน ในระยะเวลาใดเวลาหนึ่งเพื่อใช้ประโยชน์ในทางสถิติ.
สำมะลอ
น. สําปะลอ.
สำมะเลเทเมา
ก. คบหากันอย่างเลอะเทอะ เช่น พอตกเย็นก็พากันไปสำมะเลเทเมา, ประพฤติเหลวไหลเช่นกินเหล้าเมายาเป็นต้น เช่น เขาชอบสำมะเลเทเมา กลางวันเล่นม้ากลางคืนกินเหล้า.
สำมะหาอะไร
ว. นับประสาอะไร, จะพูดไปทำไมมี, จะกล่าวไปทำไม,เช่น งานเล็ก ๆ เช่นนี้ยังทำไม่สำเร็จ สำมะหาอะไรจะไปทำงานใหญ่, สำหาอะไร ก็ว่า.
สำรด
น. ผ้าคาดเอวปักด้วยดิ้น เงินแล่ง ทองแล่ง เป็นลวดลายต่าง ๆ โบราณใช้เป็นเครื่องประกอบอย่างหนึ่งที่แสดงศักดิ์,สมรด หรือ ผ้าแฝง ก็เรียก.
สำรวจ
[สำหฺรวด] ก. ตรวจสอบ เช่น สํารวจสํามะโนครัว สำรวจพฤติกรรม, ตรวจหา เช่น สํารวจแหล่งแร่.
สำรวม ๑
ก. ระมัดระวัง เช่น สํารวมกิริยามารยาท สำรวมตาสำรวมปาก, เหนี่ยวรั้ง, ครอง, เช่น สํารวมสติ.
สำรวมใจ
ก. ทําใจให้แน่วแน่, ทำใจให้สงบ, เช่น เวลานั่งสมาธิต้องสำรวมใจ.
สำรวมอินทรีย์
ก. ระมัดระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ.
สำรวม ๒
ว. รวม, ประสม, ปนกัน, เช่น อาหารสำรวม.
สำรวย
ว. ทํากิริยากรีดกรายหยิบหย่ง, เอาแต่แต่งตัว, เช่น ท่าทางสำรวยอย่างนี้ คงจะทำงานหนักไม่ไหว. (แผลงมาจากสวย).
สำรวล
ก. หัวเราะ, รื่นเริง. (แผลงมาจาก สรวล).
สำรอก
ก. ขย้อนเอาสิ่งที่กลืนลงไปในกระเพาะแล้วออกมาทางปาก เช่น สำรอกอาหาร; ทำให้สิ่งที่ติดอยู่กับผิวหลุดออกมา เช่น สำรอกทอง สำรอกสี.
สำรอง ๑
น. ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด Scaphium scaphigerum (G. Don) Guib. et Planch. ในวงศ์ Sterculiaceae ผลแช่นํ้าแล้วพองเป็นวุ้น ใช้กินกับนํ้าตาลและใช้ทํายาได้เรียก พุงทะลาย.
สำรอง ๒
ว. ที่เตรียมเผื่อไว้ เช่น อาหารสำรอง ตัวสำรอง.
สำรับ
น. ของหรือคนที่รวมกันเข้าได้ไม่ผิดหมู่ผิดพวกเป็นชุดเป็นวงเป็นต้น เช่น ไพ่ ๒ สำรับ พระพิธีธรรม ๑ สำรับ มี ๔ รูปนักสวดคฤหัสถ์ ๑ สำรับ มี ๔ คน, ภาชนะเช่นถาดเป็นต้นใส่ถ้วยชามพร้อมบรรจุอาหารคาวหรือหวานเป็นชุด เช่นสำรับคาว สำรับหวาน.
สำราก
ก. พูดกระโชกโฮกฮาก เช่น อย่ามาสำรากกับฉันนะ.
สำราญ
ก. สุขสบาย เช่น วันอาทิตย์จะนอนให้สำราญเลย. ว. ที่ทำให้มีความสุขสบาย เช่น เรือสำราญ. (ข. สํราล).
สำราญกาย
ก. สบายกาย.
สำราญใจ
ก. สบายใจ.
สำริด
(โบ) น. สัมฤทธิ์.
สำเร็จ
ก. เสร็จ เช่น สำเร็จการศึกษา; ถึง, บรรลุ, เช่น สําเร็จโสดา. ว. ที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เช่น เครื่องแกงสำเร็จ, ได้ผลสมประสงค์ เช่น วางแผนการขายสินค้าได้สำเร็จ.
สำเร็จโทษ
(โบ; ราชา) ก. ประหารชีวิต.
สำเร็จรูป
ว. ที่ทำไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เช่น เสื้อผ้าสําเร็จรูป อาหารสําเร็จรูป กาแฟสำเร็จรูป.
สำเรา
ก. ทุเลา, อาการไข้ที่สร่างจากตัวร้อน, ยังมีอาการตัวร้อนน้อย ๆ.
สำเริง
ก. รื่นเริง, ร่าเริง, เช่น นวนิยายให้ความสำเริงอารมณ์,มักใช้เข้าคู่กับคำ สำราญ เป็น สำเริงสำราญ หรือสำราญสำเริง.
สำโรง
น. (๑) ชื่อไม้ต้นชนิด Sterculia foetida L. ในวงศ์Sterculiaceae ดอกมีกลิ่นเหม็น เมล็ดให้นํ้ามันเรียกว่า นํ้ามันลูกไม้. (ข.). (๒) ดู สําปะหลัง.
สำลัก
ก. อาการที่เกิดเมื่ออาหารหรือนํ้าเข้าไปในหลอดลม; แช่จมอยู่ในนํ้านาน ๆ เช่น ผักบุ้งสําลักนํ้า ต้นข้าวสําลักนํ้า. น.เรียกป้านสีขาว เนื้อไม่แน่นละเอียด นํ้าซึมออกมาได้ ว่าป้านสําลัก.
สำลาน
ว. สีเหลืองปนแดง.
สำลี ๑
น. (๑) ชื่อไม้ต้นขนาดเล็กชนิด Gossypium barbadense L. var. acuminatum (Roxb.) Mast. ในวงศ์ Malvaceaeเมล็ดมีปุยขาวใช้ทอผ้าได้; ชื่อเรียกปุยของเมล็ดฝ้ายหรือเมล็ดสําลี. (๒) อ้อยสําลี. [ดู ตะเภา ๔ (๑)].
สำลี ๒
น. ชื่อเรียกปุยฝ้ายที่นํามาฟอกให้ขาวปราศจากไขมันและสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ เพื่อใช้ในทางการแพทย์เป็นต้น;เรียกผ้าชนิดหนึ่ง มีขนเนื้อนุ่ม มักใช้ห่มหรือตัดเสื้อกันหนาว ว่า ผ้าสําลี.
สำลี ๓
น. ชื่อปลาทะเลชนิด Seriolina nigrofasciata ในวงศ์Carangidae ลําตัวค่อนข้างกลม สีเทาคลํ้า เกล็ดเล็กคอดหางกิ่ว, ช่อลำดวน ก็เรียก.
สำแลง
น. ของแสลงที่ทําให้โรคกําเริบ, สำแดง ก็ว่า, ใช้ในคําว่าผิดสําแลง หรือ ผิดสำแดง.
สำสร้าง
ดู สําซ่าง.
สำสา
(ถิ่น–พายัพ) น. ต้นก้ามปู. (ดู ก้ามปู).
สำเส็ด
น. ต้นไม้ขนาดเล็ก ลูกเหมือนลูกชมพู่. (พจน. ๒๔๙๓).
ส่ำเสีย
ก. เสียหายอย่างป่นปี้.
สำหรวด
น. ฝาเรือนเครื่องสับแบบหนึ่ง มีโครงไม้คร่าวยืนเป็นหลักซึ่งวางห่างกัน ๑ ฝ่ามือ ระหว่างไม้คร่าวแต่ละช่อง ขัดไม้แผ่นเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ไม้เซ็น หรือ ลูกเซ็น วางตามขวางด้านหลังไม้เซ็นกรุใบจากอ่อนเป็นต้นแล้วขัดด้วยเข็มไม้ไผ่อีกชั้นหนึ่ง เรียกว่า ฝาสําหรวด.
สำหรับ
ว. คู่กับ, ควรกับ, เช่น ช้อนกับส้อมเป็นของสำหรับกันหมากพลูกับเชี่ยนเป็นของสำหรับกัน. บ. เพื่อ เช่นของสำหรับถวายพระ วันนี้ฉันทำกับข้าวเป็นพิเศษสำหรับเธอ.
สำหาอะไร
ว. นับประสาอะไร, จะพูดไปทำไมมี, จะกล่าวไปทำไม,เช่น เรียนชั้นมัธยมยังสอบตก สำหาอะไรจะไปเรียนมหาวิทยาลัย, สำมะหาอะไร ก็ว่า.
สำเหนียก
[สำเหฺนียก] ก. ฟัง, คอยเอาใจใส่, กําหนดจดจํา, เช่น ผู้ใหญ่สอนอะไรก็ให้สำเหนียกไว้ให้ดี.
สำเหร่
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Melastoma malabathricum L.ในวงศ์ Melastomataceae ดอกสีชมพู.
สำออย
ก. พูดพรํ่ารําพันให้เอ็นดูสงสาร, ร้องออดอ้อนจะเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น เจ็บนิดเดียว สำออยอยู่นั่นแหละ ลูกสำออยพ่อแม่ขอซื้อตุ๊กตา.
สำอาง
น. เครื่องแป้งเครื่องหอม เรียกว่า เครื่องสําอาง, ปัจจุบันหมายถึง สิ่งเสริมแต่งหรือบำรุงใบหน้า ผิวพรรณ ผมเป็นต้นให้ดูงาม เช่น แป้ง ลิปสติก ดินสอเขียนคิ้ว, ราชาศัพท์ใช้ว่า เครื่องพระสําอาง. ว. ที่ทําให้งามสะอาดหมดจด, งามสะอาดหมดจด, งามกรีดกรายหยิบหย่ง เช่นเขาเป็นหนุ่มสำอางท่าทางกรีดกราย.
สิ
คําประกอบท้ายคําอื่นเพื่อเสริมข้อความให้เด่น ให้ชัด หรือให้สละสลวย เป็นต้น, โดยมากใช้กับกริยาเป็นเชิงบังคับเชิงชวน หรือรับคำ เป็นต้น เช่น ไปสิ มาสิ, ซิ หรือ ซี ก็ว่า.
สิกข์, สิข
น. ชื่อศาสนาหนึ่งในอินเดีย มีศาสดาชื่อ คุรุนานัก; ชื่อชาวอินเดียพวกหนึ่งที่นับถือศาสนาสิกข์ ส่วนมากอยู่ในแคว้นปัญจาป ประเทศอินเดีย; ซิก หรือ ซิกข์ ก็ว่า.
สิกข์, สิข
น. ชื่อศาสนาหนึ่งในอินเดีย มีศาสดาชื่อ คุรุนานัก; ชื่อชาวอินเดียพวกหนึ่งที่นับถือศาสนาสิกข์ ส่วนมากอยู่ในแคว้นปัญจาป ประเทศอินเดีย; ซิก หรือ ซิกข์ ก็ว่า.
สิกขมานา
(โบ) น. สามเณรีที่มีอายุครบ ๑๘ ปี ก่อนอุปสมบทเป็นภิกษุณีจะต้องรักษาสิกขาบท ๖ ประการ เป็นเวลา ๒ ปี.(ป.).
สิกขา
น. ข้อที่จะต้องศึกษา, ข้อที่จะต้องปฏิบัติ ได้แก่ ศีล เรียกว่าศีลสิกขา สมาธิ เรียกว่า จิตสิกขา และปัญญา เรียกว่าปัญญาสิกขา รวมเรียกว่า ไตรสิกขา; การศึกษา, การเล่าเรียน, เช่น ปริยัติสิกขา ปฏิบัติสิกขา. (ป.; ส. ศิกฺษา).
สิกขากาม–
[–กามะ–] ว. ผู้ใคร่ต่อการศึกษา, ผู้นับถือข้อบัญญัติโดยเคร่งครัด, สิกขกาม ก็ว่า เช่น สิกขกามบุคคล หมายถึงบุคคลที่ใคร่ต่อการศึกษา. (ป.).
สิกขาบท
น. ข้อศีล, ข้อวินัย, บทบัญญัติในพระวินัยที่พึงศึกษาปฏิบัติ. (ป.).
สิขร
[–ขอน] น. จอม, ยอด, หงอน; ยอดเขา. (ป.; ส. ศิขร).
สิขรี
[–ขะรี] น. ภูเขา. (ป.; ส. ศิขรินฺ).
สิขเรศ
(กลอน) น. ภูเขา.
สิขา
น. เปลวไฟ; ยอด, ปลาย. (ป.; ส. ศิขา).
สิขานล
น. เปลวไฟ. (ป.).
สิขี
น. เปลวไฟ; นกยูง; พระนามของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง.(ป.; ส. ศิขินฺ).
สิคาล
[–คาน] น. หมาจิ้งจอก, หมาป่า, สิงคาล ก็ว่า.(ป.; ส. ศฺฤคาล).
สิง ๑
ก. อยู่, เข้าแทรกอยู่ เช่น ผีสิง, สึง ก็ว่า, (ปาก) อยู่, มาอาศัยอยู่, เช่น เพื่อน ๆ ของลูกมาสิงอยู่ที่บ้านหลายคน, สิงสู่ ก็ว่า.(ข.).
สิงสถิต
ก. อยู่, มาอาศัยอยู่, (มักใช้แก่เทวดา), เช่น ต้นไม้ต้นนี้มีรุกขเทวดาสิงสถิต.
สิงสู่
(ปาก) ก. อยู่, มาอาศัยอยู่, เช่น โรงเรียนปิดเทอมแล้วไม่ยอมกลับบ้าน มัวสิงสู่อยู่ที่หอพัก, สิง ก็ว่า.
สิง ๒
ดู ตะลาน ๑.
สิง ๓
ดู กระฉง.
สิ่ง
น. ของต่าง ๆ โดยไม่จำกัดว่ามีชีวิตหรือไม่มีชีวิต เช่น คนสัตว์ และพืช เป็นสิ่งมีชีวิต ก้อนหินเป็นสิ่งไม่มีชีวิต ทองคำเป็นสิ่งมีค่า; ภาวะ, ความมีความเป็น, เช่น สิ่งที่มีคุณค่าในสังคมอย่างหนึ่งคือ ความยุติธรรม, อย่าง, อัน, เช่น ในกระเป๋ามีของกี่สิ่ง.
สิ่งก่อสร้าง
น. อาคารบ้านเรือนเป็นต้นที่สร้างโดยใช้อิฐและปูนเป็นส่วนใหญ่.
สิ่งของ
น. วัตถุต่าง ๆ เช่น ก่อนลงจากรถควรตรวจสิ่งของให้ครบถ้วน, ของ หรือ ข้าวของ ก็ว่า.
สิ่งตีพิมพ์
(ไปร) น. ไปรษณียภัณฑ์ประเภทข้อความ รูป หรือรอยประดิษฐ์บนกระดาษ กระดาษแข็ง หรือวัสดุที่ใช้กันทั่วไปในกิจการพิมพ์ ซึ่งทำขึ้นเป็นหลายสำเนาเหมือนกันทุกประการ ด้วยกระบวนการทางเครื่องกลไก หรือการถ่ายภาพอันเกี่ยวข้องกับการใช้แม่พิมพ์ต้นแบบกระดาษไข เนกาทีฟ หรือสิ่งอื่น ๆ ที่ใช้กันโดยทั่วไปในกิจการพิมพ์.
สิ่งปฏิกูล
น. สิ่งสกปรกน่ารังเกียจ เช่น ขยะเป็นสิ่งปฏิกูล.
สิ่งปลูกสร้าง
น. อาคารบ้านเรือนที่ทำโดยวิธีฝังเสาลงในดิน.
สิ่งพิมพ์
(กฎ) น. สมุด แผ่นกระดาษ หรือวัตถุใด ๆ ที่พิมพ์ขึ้น รวมตลอดทั้งบทเพลง แผนที่ แผนผัง แผนภาพ ภาพวาด ภาพระบายสีใบประกาศ แผ่นเสียง หรือสิ่งอื่นใดอันมีลักษณะเช่นเดียวกัน.
สิ่งละอันพันละน้อย
น. อย่างนี้บ้างอย่างนั้นบ้าง, อย่างละเล็กอย่างละน้อย, เช่นของขายมีสิ่งละอันพันละน้อย. ว. มีอย่างนี้บ้างอย่างนั้นบ้าง,มีอย่างละเล็กอย่างละน้อย, เช่น แม่ค้าเก็บของสิ่งละอันพันละน้อยมาขาย.
สิ่งแวดล้อม
น. สิ่งต่าง ๆ ทั้งทางธรรมชาติและทางสังคมที่อยู่รอบ ๆมนุษย์มีทั้งที่ดีและไม่ดี เช่น โรงเรียนสร้างสวนดอกไม้ให้เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีแก่นักเรียน ชุมชนที่มีการทะเลาะวิวาทกันหรือเล่นการพนันเป็นสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีแก่เด็ก.
สิ่งศักดิ์สิทธิ์
น. สิ่งหรือภาวะที่เชื่อว่ามีอำนาจเหนือธรรมชาติ สามารถบันดาลให้เป็นไปหรือให้สำเร็จได้ดังปรารถนา เช่น ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้เขาหายจากโรคร้าย.
สิงขร
[–ขอน] น. สิขร.
สิงค์
น. เขาสัตว์ต่าง ๆ; เขา, ยอดเขา, ที่ที่สูงสุด. (ป.).
สิงคลิ้ง
(กลอน) ว. งามอย่างสง่า เช่น บพิตรพ่องามสิงคลิ้ง. (ลอ).
สิงคลี
[–คฺลี] ว. วุ่นวาย, พัลวัน.
สิงคาร
[–คาน] น. ศฤงคาร, สิ่งให้เกิดความรัก, บริวารหญิงผู้บําเรอความรัก. (ป.; ส. ศฺฤงฺคาร).
สิงคาล
[–คาน] น. หมาป่า, หมาจิ้งจอก, สิคาล ก็ว่า. (ป. สิคาล;ส. ศฺฤคาล).
สิงคี
น. สัตว์มีเขา, วัว, ควาย; ชื่อปลาชนิดหนึ่ง; ทองคํา; ชื่อผักชนิดหนึ่ง. (ป.; ส. ศฺฤงฺคี).
สิงโต ๑
น. ชื่อสัตว์ในจินตนาการของจีน ถือว่ามีกําลังมากและมีหน้าตาดุร้าย.
สิงโต ๒
น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ชนิด Panthera leoในวงศ์ Felidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับแมว ขนาดไล่เลี่ยกับเสือโคร่ง ตัวสีนํ้าตาล ไม่มีลาย ตัวผู้เมื่อโตเต็มที่จะมีขนสร้อยคอยาว ขนปลายหางเป็นพู่ อาศัยอยู่เป็นฝูงตามทุ่งโล่ง ตัวเมียมักทําหน้าที่ล่าเหยื่อ มีถิ่นกําเนิดในทวีปแอฟริกาและประเทศอินเดีย.
สิงโต ๓
น. ชื่อปลาทะเลในสกุล Pterois วงศ์ Scorpaenidae ครีบต่าง ๆ แผ่กว้างโดยเฉพาะครีบอก สีฉูดฉาดสวยงามเป็นริ้วลาย หนามและก้านครีบแข็งเป็นพิษ ขนาดยาวได้ถึง ๓๕ เซนติเมตร มีหลายชนิด เช่น ชนิด P. russelli, P. volitans.
สิงโตทะเล
น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Otariidae ซึ่งอาศัยอยู่ตามริมทะเล มีใบหูเห็นได้ชัด ลําคอยาว ขาไม่มีขนปกคลุมนิ้วไม่มีเล็บ ขาคู่หน้ายาวและอ่อนไปมาช่วยในการยันตัวและว่ายนํ้า ขาคู่หลังแยกออกจากหางช่วยในการเคลื่อนไหว มีหลายชนิด เช่น ชนิด Zalophus californianus, Otaria byronia.
สิงสาราสัตว์
น. สัตว์ต่าง ๆ มักหมายถึงสัตว์ป่า เช่น ในป่าใหญ่มีสิงสาราสัตว์นานาชนิด.
สิงห–, สิงห์ ๑
[สิงหะ–] น. สัตว์ในนิยาย ถือว่ามีความดุร้ายและมีกําลังมาก, ราชสีห์ ก็เรียก; ชื่อกลุ่มดาวรูปสิงห์ เรียกว่า ราศีสิงห์เป็นราศีที่ ๔ ในจักรราศี. (ส. สึห; ป. สีห).
สิงห–, สิงห์ ๑
[สิงหะ–] น. สัตว์ในนิยาย ถือว่ามีความดุร้ายและมีกําลังมาก, ราชสีห์ ก็เรียก; ชื่อกลุ่มดาวรูปสิงห์ เรียกว่า ราศีสิงห์เป็นราศีที่ ๔ ในจักรราศี. (ส. สึห; ป. สีห).
สิงหนาท
น. พระราชดํารัสอันเป็นที่น่าเกรงขามของคนทั้งปวง เหมือนเสียงของราชสีห์เป็นที่น่าเกรงขามของสัตว์ทั้งปวง, เสียงตวาดของนักรบเพื่อให้เป็นที่เกรงขามของข้าศึก, สีหนาทก็ว่า. (ส. สึห + นาท; ป. สีห + นาท).
สิงหบัญชร
น. หน้าต่างที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จออกรับแขกเมืองเป็นต้น,สีหบัญชร ก็ว่า.
สิงหรา
[สิงหะ–] (กลอน) น. สิงห์, สิงห์ตัวเมีย.
สิงหราช
น. พญาราชสีห์, สีหราช ก็ว่า.
สิงหาคม
น. ชื่อเดือนที่ ๘ ของปีสุริยคติ ซึ่งเริ่มด้วยเดือนมกราคม มี๓๑ วัน; (เลิก) ชื่อเดือนที่ ๕ ตามสุริยคติ ซึ่งเริ่มด้วยเดือนเมษายน. (ส. สึห + อาคม).
สิงหาสน์
น. ราชอาสน์หรือที่ประทับ ทําเป็นแท่นหรือเตียงจมูกสิงห์.
สิงห์ ๒
ดู กระฉง.
สิงหรา
ดู สิงห–, สิงห์ ๑.
สิงหล
[–หน] น. ชื่อเรียกประเทศศรีลังกาในสมัยโบราณ, สิงหลทวีปก็เรียก, เรียกชาวพื้นเมืองดั้งเดิมของศรีลังกาว่า ชาวสิงหล,เรียกภาษาของชาวสิงหลว่า ภาษาสิงหล. (ส. สึหล; ป. สีหล).
สิงหลก–
[–หะละกะ–] น. ชาวสิงหล. ว. เกี่ยวกับเกาะสิงหล. (ส. สึหลก;ป. สีหลก).
สิงหาคม
ดู สิงห–, สิงห์ ๑.
สิงหาสน์
ดู สิงห–, สิงห์ ๑.
สิญจ–, สิญจน์
[สินจะ–, สิน] ก. รดนํ้า; รดนํ้ามนต์, สรงมุรธาภิเษก. (ป., ส.).
สิญจ–, สิญจน์
[สินจะ–, สิน] ก. รดนํ้า; รดนํ้ามนต์, สรงมุรธาภิเษก. (ป., ส.).
สิต–
[–ตะ–] ว. ขาว. (ป., ส.).
สิตางศุ์
น. พระจันทร์. (ส.).
สิตะ
ว. ยิ้ม, ยิ้มแย้ม. (ป.; ส. สฺมิต).
สิตางศุ์
ดู สิต–.
สิถิล
ว. เบา, เสียงพยัญชนะบางประเภทที่เปล่งเสียงโดยไม่มีกลุ่มลมออกมาด้วย ในภาษาไทยได้แก่เสียง ป ต ก จ,(ไว) เรียกพยัญชนะในภาษาบาลีและสันสกฤตที่มีเสียงเบาว่า พยัญชนะสิถิล ได้แก่ พยัญชนะตัวที่ ๑ และ ๓ของวรรค. (ป.; ส. ศิถิล).
สิทธ–, สิทธ์
[สิดทะ–, สิด] น. ผู้สําเร็จ, ฤษีผู้สําเร็จ, เช่นที่พูดว่า นักสิทธ์.(ป., ส.).
สิทธ–, สิทธ์
[สิดทะ–, สิด] น. ผู้สําเร็จ, ฤษีผู้สําเร็จ, เช่นที่พูดว่า นักสิทธ์.(ป., ส.).
สิทธัตถะ
น. ผู้ที่สำเร็จความมุ่งหมายแล้ว; พระนามพระพุทธเจ้า.(ป. สิทฺธตฺถ).
สิทธา
(กลอน) น. ฤษี.
สิทธาจารย์
น. อาจารย์ผู้สําเร็จ, ฤษี.
สิทธานต์
น. ลัทธิหรือความเห็นที่ตกลงกันแล้ว; หลัก. (ส.).
สิทธารถ
[สิดทาด] น. ผู้ที่สําเร็จความมุ่งหมายแล้ว; พระนามพระพุทธเจ้า.(ส. สิทฺธารฺถ).
สิทธา
ดู สิทธ–, สิทธ์.
สิทธาจารย์
ดู สิทธ–, สิทธ์.
สิทธานต์
ดู สิทธ–, สิทธ์.
สิทธารถ
ดู สิทธ–, สิทธ์.
สิทธิ, สิทธิ์
[สิดทิ, สิด] น. อำนาจอันชอบธรรม เช่น บุคคลมีสิทธิและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เขามีสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้. (ป., ส.);(กฎ) อํานาจที่จะกระทําการใด ๆ ได้อย่างอิสระ โดยได้รับการรับรองจากกฎหมาย. (อ. right).
สิทธิ, สิทธิ์
[สิดทิ, สิด] น. อำนาจอันชอบธรรม เช่น บุคคลมีสิทธิและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เขามีสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้. (ป., ส.);(กฎ) อํานาจที่จะกระทําการใด ๆ ได้อย่างอิสระ โดยได้รับการรับรองจากกฎหมาย. (อ. right).
สิทธิกร
ว. ให้ผล, ให้ความสําเร็จ.
สิทธิการิยะ
คำขึ้นต้นในตำราโบราณ เช่น ตำรายา ตำราหมอดู หรือคาถาเมตตามหานิยม เป็นการอธิษฐานขอให้การกระทำนั้น ๆ ประสบความสำเร็จ.
สิทธิ์ขาด
ว. เด็ดขาด เช่น ในสมัยโบราณแม่ทัพมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการบัญชาการรบ.
สิทธิชัย
น. ผู้มีความรู้ขลังในเวทมนตร์; ใช้เรียกหัวหน้าพราหมณ์พฤฒิบาศ.
สิทธิโชค
น. ฤกษ์ยามที่จะนําความสําเร็จมาให้.
สิทธิบัตร
(กฎ) น. หนังสือสําคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ตามที่กําหนดโดยกฎหมายว่าด้วยสิทธิบัตร. (อ. patent).
สิทธิสภาพนอกอาณาเขต
(กฎ) น. สิทธิพิเศษที่จะใช้กฎหมายของประเทศหนึ่งบังคับแก่บุคคลที่เป็นพลเมืองของตนที่ไปอยู่ในดินแดนของอีกประเทศหนึ่ง.
สิธยะ
[สิดทะยะ] น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์บุษยะ มี ๕ ดวง, ดาวปุยฝ้าย ดาวพวงดอกไม้ ดาวดอกบัว ดาวโลง ดาวบุษย์ดาวปุษยะ หรือ ดาวปุสสะ ก็เรียก.
สิน ๑
น. เงิน, ทรัพย์, เช่น ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ, มักใช้เข้าคู่กับคำทรัพย์ เป็น ทรัพย์สิน หรือ สินทรัพย์.
สินค้า
น. สิ่งของที่ซื้อขายกัน เช่น ร้านนี้มีสินค้านานาชนิด.
สินค้าเข้า
น. สินค้าที่นําเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องจักร เป็นสินค้าเข้าที่สำคัญ.
สินค้าออก
น. สินค้าที่ส่งออกต่างประเทศ เช่น ข้าว เสื้อผ้าสำเร็จรูปอัญมณี เป็นสินค้าออกที่สำคัญ.
สินจ้าง
น. เงินค่าบําเหน็จตอบแทน; (กฎ) ค่าตอบแทนที่นายจ้างหรือผู้ว่าจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างหรือผู้รับจ้าง.
สินเชื่อ
น. เงินที่ให้เป็นหนี้ไว้ด้วยความเชื่อ.
สินใช้
น. เงินที่ต้องรับผิดชอบจ่ายตามมูลค่าของหุ้น.
สินเดิม
(กฎ; เลิก) น. ทรัพย์สินที่ฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงมีอยู่แล้วก่อนสมรส หรือทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างเป็นสามีภรรยาโดยทางพินัยกรรม หรือมีผู้ยกให้โดยเสน่หาเมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้นั้นแสดงไว้ว่าให้เป็นสินเดิม.
สินไถ่
น. (กฎ) จํานวนเงินที่ชําระเป็นค่าไถ่ทรัพย์ ที่ทําสัญญาขายฝากไว้คืน; เรียกทาสที่เอาเงินไปซื้อมาว่า ทาสสินไถ่.
สินทรัพย์
น. บรรดาทรัพย์สินซึ่งบุคคลเป็นเจ้าของ. (อ. asset).
สินน้ำใจ
น. เงินหรือทรัพย์ที่ให้เป็นรางวัล.
สินบน
(โบ) น. ทรัพย์หรือสิ่งของที่จะให้เป็นเครื่องบูชาคุณหรือตอบแทนผู้ที่จะช่วยให้สําเร็จตามประสงค์; (กฎ) ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่ให้แก่บุคคลเพื่อจูงใจให้ผู้นั้นกระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใดในตําแหน่ง ไม่ว่าการนั้นชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่; เงินตราที่จ่ายให้แก่ผู้นําจับ.
สินบริคณห์
(กฎ; เลิก) น. สินเดิมและสินสมรส.
สินระบาด
น. ทรัพย์ของผู้ตายที่กระจัดกระจายอยู่.
สินแร่
น. แร่จากเหมืองที่ยังไม่ได้ถลุง.
สินสมรส
(กฎ) น. ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส หรือที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือโดยการให้เป็นหนังสือ เมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ระบุว่าเป็นสินสมรส รวมทั้งทรัพย์สินที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว.
สินส่วนตัว
(กฎ) น. ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส หรือที่เป็นเครื่องใช้สอยส่วนตัว เครื่องแต่งกาย หรือเครื่องประดับกายตามควรแก่ฐานะ หรือเครื่องมือเครื่องใช้ที่จําเป็นในการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยการรับมรดกหรือโดยการให้โดยเสน่หา หรือทรัพย์สินที่เป็นของหมั้น.
สินสอด
น. เงินที่ฝ่ายชายให้แก่บิดามารดาหญิงที่จะแต่งงานเป็นค่านํ้านม ข้าวป้อน; (กฎ) ทรัพย์สินซึ่งฝ่ายชายให้แก่บิดามารดา ผู้รับบุตรบุญธรรมหรือผู้ปกครองฝ่ายหญิง แล้วแต่กรณี เพื่อตอบแทนการที่หญิงยอมสมรส; (โบ) สินบน.
สินหัวบัวนาง
(กฎ; โบ) น. สินสอดที่ตกเป็นของหญิงในกรณีที่หญิงได้เสียตัวแก่ชายและชายนั้นได้ตายไปโดยยังมิได้แต่งการมงคล ตามข้อความที่ว่า ถ้าหญิงได้เสียเพราะว่าสีนนั้นตัวแก่ชาย ๆ ตายสีนสอดนั้นให้ตกอยู่แก่หญิงจงสิ้น เปนสีนหัวบัวนาง. (สามดวง).
สินไหม
(โบ) น. เงินค่าปรับ.
สินไหมทดแทน
(กฎ) ดู ค่าสินไหมทดแทน.
สิน ๒
ก. ตัด, ฟันให้ขาด, เช่น สินมือสินเท้า, ใช้ของมีคมตัดและแต่งให้เรียบร้อย เช่น สินหัวไม้.
สิ้น
ก. หมด, จบ, เช่น กินอาหารมื้อนี้สิ้นเงินไป ๕๐๐ บาทสิ้นปีนี้เขาจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่; ตาย เช่น พ่อแม่เขาสิ้นไปหมดแล้ว.
สิ้นกรรม, สิ้นกรรมสิ้นเวร, สิ้นเวร, สิ้นเวรสิ้นกรรม
ก. สิ้นสุดในการที่ต้องรับทุกข์อีกต่อไป เช่น เมื่อเขามีชีวิตอยู่ มีภาระมากหรือเจ็บป่วยทรมาน ตายไปก็ถือว่าสิ้นเวรสิ้นกรรม, หมดกรรม หมดกรรมหมดเวร หมดเวร หรือหมดเวรหมดกรรม ก็ว่า; (ปาก) ตาย.
สิ้นกรรม, สิ้นกรรมสิ้นเวร, สิ้นเวร, สิ้นเวรสิ้นกรรม
ก. สิ้นสุดในการที่ต้องรับทุกข์อีกต่อไป เช่น เมื่อเขามีชีวิตอยู่ มีภาระมากหรือเจ็บป่วยทรมาน ตายไปก็ถือว่าสิ้นเวรสิ้นกรรม, หมดกรรม หมดกรรมหมดเวร หมดเวร หรือหมดเวรหมดกรรม ก็ว่า; (ปาก) ตาย.
สิ้นกรรม, สิ้นกรรมสิ้นเวร, สิ้นเวร, สิ้นเวรสิ้นกรรม
ก. สิ้นสุดในการที่ต้องรับทุกข์อีกต่อไป เช่น เมื่อเขามีชีวิตอยู่ มีภาระมากหรือเจ็บป่วยทรมาน ตายไปก็ถือว่าสิ้นเวรสิ้นกรรม, หมดกรรม หมดกรรมหมดเวร หมดเวร หรือหมดเวรหมดกรรม ก็ว่า; (ปาก) ตาย.
สิ้นกรรม, สิ้นกรรมสิ้นเวร, สิ้นเวร, สิ้นเวรสิ้นกรรม
ก. สิ้นสุดในการที่ต้องรับทุกข์อีกต่อไป เช่น เมื่อเขามีชีวิตอยู่ มีภาระมากหรือเจ็บป่วยทรมาน ตายไปก็ถือว่าสิ้นเวรสิ้นกรรม, หมดกรรม หมดกรรมหมดเวร หมดเวร หรือหมดเวรหมดกรรม ก็ว่า; (ปาก) ตาย.
สิ้นเขี้ยวสิ้นเล็บ
(สำ) ก. หมดอำนาจวาสนา, สิ้นฤทธิ์, หมดเขี้ยวหมดงาหรือ หมดเขี้ยวหมดเล็บ ก็ว่า.
สิ้นคิด
ก. หมดปัญญาจะแก้ปัญหา, หมดหนทางคิดอ่าน, เช่นบางคนพอสิ้นคิดเข้าจริง ๆ ก็ฆ่าตัวตาย. ว. ที่หมดปัญญาจะแก้ปัญหา, ที่หมดหนทางคิดอ่าน, เช่น เขาทำตัวเหมือนคนสิ้นคิด เที่ยวลักขโมยเขากิน.
สิ้นใจ
ก. ขาดใจ, ตาย, เช่น เขาพึ่งสิ้นใจเมื่อเที่ยงนี้เอง, สิ้นลมหมดลม หรือ หมดอายุ ก็ว่า.
สิ้นชาติ
ก. เสียเอกราช เช่น ถ้าโกงกินกันมาก ๆ วันหนึ่งจะต้องสิ้นชาติอย่างแน่นอน; โดยปริยายหมายความว่า ตัดความสัมพันธ์, ตัดไมตรี, เช่น สิ้นชาติขาดกันจนวันตาย.
สิ้นชีพ
ก. ตาย เช่น เขาสิ้นชีพในสงคราม.
สิ้นชีพตักษัย, สิ้นชีพิตักษัย
(ราชา) ก. ตาย (ใช้เฉพาะหม่อมเจ้า), ถึงชีพิตักษัย ก็ใช้.
สิ้นชีพตักษัย, สิ้นชีพิตักษัย
(ราชา) ก. ตาย (ใช้เฉพาะหม่อมเจ้า), ถึงชีพิตักษัย ก็ใช้.
สิ้นชีวิต
ก. ตาย เช่น บิดามารดาเขาสิ้นชีวิตไปนานแล้ว.
สิ้นชื่อ
ก. หมดชื่อเสียง เช่น เขาชกแพ้หลายครั้งติด ๆ กัน เลยสิ้นชื่อ;ตาย เช่น เขาถูกแทงทะลุหัวใจ เลยสิ้นชื่อ.
สิ้นเชิง
ก. สิ้นท่า, หมดท่า, หมดชั้นเชิง, เช่น อันธพาลเมื่อเจอนักสู้เข้าก็สิ้นเชิงนักเลง, โดยปริยายมักใช้กับคำ โดย หรือ อย่างเป็น โดยสิ้นเชิง อย่างสิ้นเชิง หมายความว่า ทั้งหมด, ทั้งสิ้น,ทุกประการ, เช่น ข่าวลือนี้ไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิงโครงการนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง.
สิ้นซาก
ก. ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่ เช่น รื้อตลาดเก่าออกไปจนสิ้นซาก.
สิ้นตำรา
(สํา) ว. จนปัญญา, หมดทาง, หมดฝีมือ, เช่น หมอช่วยคนไข้จนสิ้นตำรา คนไข้ก็ไม่ฟื้น, หมดตํารา ก็ว่า.
สิ้นแต้ม
ก. หมดตาเดิน, ไม่มีตาเดิน, (มักใช้แก่การเล่นสกา), โดยปริยายหมายความว่า หมดหนทางคิดอ่าน เช่น พอมีปัญหาประดังกันเข้ามามาก ๆ เขาก็สิ้นแต้ม ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร.
สิ้นท่า
ก. หมดกระบวนท่าในการต่อสู้, ไม่มีทางต่อสู้, เช่น เขาเป็นคนเก่งแต่ปาก พอประสบปัญหาเข้าจริง ๆ ก็สิ้นท่า.
สิ้นเนื้อประดาตัว
ว. ไม่มีทรัพย์สมบัติเหลือติดตัว เช่น เขากลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะหมกมุ่นในการพนัน กิจการค้าของเขาล้มเหลวจนสิ้นเนื้อประดาตัว.
สิ้นบุญ
ก. หมดบุญ, ตาย, เช่น เขาเป็นลูกกำพร้า พ่อแม่สิ้นบุญไปหลายปีแล้ว.
สิ้นประตู
(สํา) ว. ไม่มีทาง.
สิ้นแผ่นดิน
ก. ไม่มีแผ่นดินอยู่ เช่น บ้านเมืองที่เสียเอกราช คนในชาติก็สิ้นแผ่นดิน; สิ้นรัชสมัย เช่น สิ้นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว.
สิ้นฝีมือ
ว. เต็มความสามารถที่มีอยู่; หมดความสามารถ; หมดฝีมือก็ว่า; ไม่มีใครเทียบความสามารถได้ เช่น ม่านนี้ฝีมือวันทองทำ จำได้ไม่ผิดนัยน์ตาพี่ เส้นไหมแม้นเขียนแนบเนียนดีสิ้นฝีมือแล้วแต่นางเดียว. (ขุนช้างขุนแผน).
สิ้นพระชนม์
(ราชา) ก. ตาย (ใช้แก่เจ้าฟ้า พระองค์เจ้า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า และสมเด็จพระสังฆราช).
สิ้นไร้ไม้ตอก
ว. ยากไร้, ขัดสนถึงที่สุด, เช่น เขาเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก บ้านไม่มีจะอยู่ เสื้อผ้าแทบไม่มีจะใส่.
สิ้นฤทธิ์
ก. หมดฤทธิ์ เช่น เสือโคร่งพอถูกยิงด้วยลูกดอกยาสลบก็สิ้นฤทธิ์, หมดพยศ เช่น เด็กทำฤทธิ์ไม่ยอมกินข้าว พอหิวก็สิ้นฤทธิ์ จึงยอมกินแต่โดยดี.
สิ้นลม
ก. ขาดใจ, ตาย, เช่น เขาสิ้นลมไปด้วยอาการสงบ, สิ้นใจหมดลม หรือ หมดอายุ ก็ว่า.
สิ้นลมปราณ
ก. ตาย เช่น เขาสิ้นลมปราณไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้.
สิ้นลาย
ก. หมดชั้นเชิง, ไม่มีชั้นเชิงเหลืออยู่, เช่น เสือปล้นธนาคารถูกตำรวจจับ เลยสิ้นลาย.
สิ้นสติ
ก. สลบ, หมดความรู้สึก, เช่น เขาตกใจแทบสิ้นสติ เขาถูกต่อยจนสิ้นสติ. ว. อาการที่ขาดความรู้สึกตัว เช่น เที่ยวดึก ๆ ทุกคืน พอกลับถึงบ้านก็นอนหลับเหมือนสิ้นสติ.
สิ้นสังขาร
(วรรณ) ก. ตาย เช่น ร้องประกาศแก่พหลพลยักษ์ อันรามลักษมณ์สุดสิ้นสังขาร. (รามเกียรติ์).
สิ้นสุด
ก. ถึงที่สุด, จบ, เช่น การแข่งขันบาสเกตบอลสิ้นสุดลงเมื่อเวลา ๑๘.๐๐ น. การเจรจายุติสงครามสิ้นสุดลงแล้ว, สุดสิ้น ก็ว่า.
สิ้นไส้สิ้นพุง
ว. อาการที่เปิดเผยโดยมิได้ปิดบังอำพราง เช่น ผู้ร้ายสารภาพจนสิ้นไส้สิ้นพุง; หมดความรู้; ที่ออกมาจนหมดท้อง เช่น เขาเมารถ อาเจียนเสียสิ้นไส้สิ้นพุง,หมดไส้หมดพุง ก็ว่า.
สิ้นหวัง
ก. ไม่มีความหวังเหลืออยู่เลย, หมดหวัง ก็ว่า.
สิ้นอายุขัย
ก. ตาย (มักใช้แก่ผู้สูงอายุ).
สินทูระ
น. ชาด, เสน, ตะกั่วแดง. (ส.).
สินเทา
น. พื้นที่ว่างซึ่งกันไว้เป็นพื้นหลังของรูปภาพเพื่อแบ่งภาพเป็นตอน ๆ โดยเขียนล้อมด้วยเส้นแผลงหรือด้วยเส้นฮ่อเป็นต้น มักเขียนในงานจิตรกรรมฝาผนัง.(รูปภาพ สินเทา)
สินธพ
น. ม้าพันธุ์ดี, เดิมหมายถึงม้าพันธุ์ดีที่เกิดในลุ่มแม่น้ำสินธุ. (ป. สินฺธว; ส. ไสนฺธว).
สินธุ
น. ลํานํ้า, แม่นํ้า, สายนํ้า, นํ้า, ทะเล, มหาสมุทร, ใช้ว่าสินธุ์ หรือ สินธู ก็มี เช่น สุวรรณหงส์เหินเห็จฟ้า ชมสินธุ์(พยุหยาตรา), สินสมุทรสุดรักพระธิดา เอาใส่บ่าแบกว่ายสายสินธู. (อภัย); ชื่อแม่นํ้าสําคัญสายหนึ่งในชมพูทวีป ปัจจุบันอยู่ในประเทศอินเดียและปากีสถาน. (ป., ส.).
สินธุ์
(กลอน) น. ลำน้ำ, แม่น้ำ, สายน้ำ, น้ำ, ทะเล, มหาสมุทร,เช่น เหาะข้ามสินธุ์ไปยังขุนยุคุนธร. (สมบัติอัมรินทร์), ใช้ว่า สินธุ หรือ สินธู ก็มี.
สินธุระ
น. ช้าง. (ป., ส.).
สินธู
(กลอน) น. ลำน้ำ, แม่น้ำ, สายน้ำ, น้ำ, ทะเล, มหาสมุทร,เช่น มังกรเกี่ยวเลี้ยวล่องท้องสินธู เป็นคู่คู่เคียงมาในวารี.(อภัย), ใช้ว่า สินธุ หรือ สินธุ์ ก็มี.
สินเธาว์
น. เกลือที่ได้จากดินเค็มที่ห่างไกลจากฝั่งทะเล เรียกว่าเกลือสินเธาว์. (ป. สินฺธว).
สินาด
น. หน้าไม้, ปืน.
สินิทธ์
ว. สนิท, เกลี้ยงเกลา, อ่อนโยน, รักใคร่. (ป.; ส. สฺนิคฺธ).
สินี
น. นางผู้มีผิวเนื้อขาวงาม. (ส.).
สิเนรุ
[–เน–รุ] น. ชื่อหนึ่งของเขาพระสุเมรุ. (ป.).
สิเนหก
น. เพื่อน. (ป.).
สิเนหนียะ
[–หะนียะ] ว. น่ารัก. (ป.).
สิเนหะ, สิเนหา, สิเน่หา
[สิเหฺน่หา] น. ความรัก, ความมีเยื่อใย, เช่น เขาให้สร้อยเส้นนี้แก่ฉันด้วยความสิเน่หา. (ป.; ส. เสฺนห).
สิบ ๑
น. จํานวนเก้าบวกหนึ่ง; เรียกเดือนที่ ๑๐ ทางจันทรคติว่า เดือน ๑๐ ตกในราวเดือนกันยายน.
สิบเบี้ยใกล้มือ
(สํา) น. ของเล็กน้อยที่จะได้แน่ ๆ ควรเอาไว้ก่อน.
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
(สำ) น. การได้ยินได้ฟังจากผู้อื่นหลาย ๆ คน ก็ไม่เท่ากับพบเห็นด้วยตนเอง.
สิบแปดมงกุฎ
น. เหล่าเสนาวานรของกองทัพพระรามในเรื่องรามเกียรติ์ มี๑๘ ตน; โดยปริยายหมายถึงพวกมิจฉาชีพที่ทำมาหากินโดยใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายหลอกลวงผู้อื่น.
สิบพ่อค้าไม่เท่าพระยาเลี้ยง
(สำ; โบ) น. พ่อค้าหลายคนเลี้ยงก็สู้ขุนนางผู้ใหญ่คนเดียวเลี้ยงไม่ได้.
สิบสองพระกำนัล
(โบ) น. กำนัลที่มีหน้าที่รับใช้พระมหากษัตริย์ มี ๑๒ ตำแหน่งได้แก่ กำนัลรับพระหัตถ์ กำนัลพระขันหมาก กำนัลน้ำเสวยกำนัลพัชนี กำนัลพระสำอาง กำนัลพระมาลา กำนัลพระบังคน กำนัลพระไสยาสน์ กำนัลทิพยรส กำนัลพระโภชน์กำนัลพระโอษฐ์ และกำนัลทาพระองค์. (กาพย์ขับไม้).
สิบห้าหยก ๆ สิบหกหย่อน ๆ
น. หญิงที่อยู่ในวัยแรกรุ่น.
สิบห้าหยก ๆ สิบหกหย่อน ๆ
น. หญิงที่อยู่ในวัยแรกรุ่น.
สิบ ๒
น. ยศทหารบกหรือตำรวจชั้นประทวน ต่ำกว่าจ่า เช่นสิบตรี สิบตำรวจโท.
สิปปะ
น. ศิลปะ. (ป.; ส. ศิลฺป).
สิพนะ
[สิบพะ–] น. การเย็บ. (ป. สิพฺพน).
สิมพลี
[–พะลี] น. ไม้งิ้ว. (ป.; ส. ศาลฺมลี).
สิร–, สิระ
[–ระ–] น. หัว, ยอด, ที่สุด. (ป.; ส. ศิรา).
สิร–, สิระ
[–ระ–] น. หัว, ยอด, ที่สุด. (ป.; ส. ศิรา).
สิโรดม, สิโรตม์
น. หัว, เบื้องสูงสุดของหัว. (ป. สิร + อุตฺตม).
สิโรดม, สิโรตม์
น. หัว, เบื้องสูงสุดของหัว. (ป. สิร + อุตฺตม).
สิริ ๑
ก. ผสม เช่น สามีภรรยาสิริอายุเข้าด้วยกัน ๑๕๐ ปี,รวม เช่น สิริอายุได้ ๗๒ ปี.
สิริ ๒, สิรี
น. ศรี, มิ่งขวัญ, มงคล, เช่น สิริราชสมบัติ, มักใช้เข้าคู่กับคำ มงคล เป็น สิริมงคล; สวย, งาม, เช่น ทรงมีพระสิริโฉม. (ป.; ส. ศฺรี).
สิริ ๒, สิรี
น. ศรี, มิ่งขวัญ, มงคล, เช่น สิริราชสมบัติ, มักใช้เข้าคู่กับคำ มงคล เป็น สิริมงคล; สวย, งาม, เช่น ทรงมีพระสิริโฉม. (ป.; ส. ศฺรี).
สิโรดม, สิโรตม์
ดู สิร–, สิระ.
สิโรดม, สิโรตม์
ดู สิร–, สิระ.
สิลา
น. หิน, หินก้อน. (ป.; ส. ศิลา).
สิโลก
น. โศลก, บทสรรเสริญยกย่อง; ชื่อเสียง, เกียรติยศ.(ป.; ส. โศฺลก).
สิว ๑
น. ตุ่มเม็ดเล็ก ๆ ที่มีหนองเป็นไตสีขาว ๆ อยู่ข้างใน มักขึ้นตามหน้า.
สิวเสี้ยน
น. สิวเม็ดเล็ก ๆ หัวสิวมักขาว เมื่อบีบหัวสิวจะเคลื่อนออกมาลักษณะเหมือนเสี้ยน มีมากบริเวณจมูก.
สิวหัวช้าง
น. สิวที่เป็นตุ่มใหญ่ มีสีแดง เพราะอักเสบค่อนข้างรุนแรงจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีหนองและปวด มักขึ้นบริเวณแก้มและจมูก.
สิว– ๒, สิวะ
[สิวะ–] น. ความดี, สิริมงคล; พระศิวะ, พระอิศวร. (ป.; ส. ศิว).
สิว– ๒, สิวะ
[สิวะ–] น. ความดี, สิริมงคล; พระศิวะ, พระอิศวร. (ป.; ส. ศิว).
สิวาลัย
น. ศิวาลัย, ที่ประทับของพระศิวะ; ที่อยู่อันเกษมสุข.
สิ่ว
น. ชื่อเครื่องมือของช่างไม้ช่างทองเป็นต้น มีทั้งชนิดมีคมและไม่มีคม สําหรับใช้ตอก เจาะ สลัก เซาะ ดุน แรเป็นต้น.
สิ่วน่อง
น. สิ่วชนิดหนึ่งตัวหนาเป็นสี่เหลี่ยม มีคม.
สิวาลัย
ดู สิว– ๒, สิวะ.
สิวิกา, สีวิกา
น. วอ, เสลี่ยง, คานหาม. (ป.).
สิวิกา, สีวิกา
น. วอ, เสลี่ยง, คานหาม. (ป.).
สี ๑
น. ชื่อเครื่องสําหรับหมุนบดข้าวเปลือกเพื่อทำให้เปลือกแตกเป็นข้าวกล้อง. ก. ถู เช่น ช้างเอาตัวสีกับต้นไม้ ลมพัดแรงทำให้ลำไม้ไผ่สีกัน, ครู่, ครูด, รู่, ชัก เช่น สีซอ; ทำให้เปลือกออกด้วยเครื่องอย่างสีข้าว.
สีซอให้ควายฟัง
(สํา) ก. สั่งสอนแนะนำคนโง่มักไม่ได้ผล เสียเวลาเปล่า.
สีผึ้ง
น. ขี้ผึ้งที่ปรุงแล้วใช้สําหรับสีปาก, บางทีเรียกว่า สีผึ้งสีปาก.
สีฝัด
น. ชื่อเครื่องฝัดข้าวโดยใช้หมุนกงพัดให้เกิดลมพัดแกลบและรําออกจากเมล็ดข้าว.
สีไฟ ๑
ก. เอาไม้ไผ่แห้ง ๒ อันถูกันให้เกิดเป็นไฟ.
สีไฟ ๒
น. เรียกไม้ที่สีให้เกิดไฟว่า ไม้สีไฟ.
สีไฟ ๓
น. เรียกโรงงานที่สีข้าวด้วยเครื่องจักรว่า โรงสีไฟ.
สีลม
น. ชื่อเครื่องสีข้าวซึ่งใช้กําลังลมหมุนใบพัดให้หมุนเครื่องจักร.
สี ๒
น. ลักษณะของแสงสว่าง ปรากฏแก่ตาให้เห็นเป็น ขาวดํา แดง เขียว เป็นต้น; สิ่งที่ทําให้ตาเห็นเป็น ขาว ดําแดง เขียว เป็นต้น เช่น สีทาบ้าน สีย้อมผ้า สีวาดภาพ.
สีจาง
(ศิลปะ) น. สีที่เจือสีขาวเพื่อลดประกายสดใสให้อ่อนลงอย่างสีแดงเจือสีขาว เป็นสีชมพู.
สีชอล์ก
น. สีสำหรับวาดเขียนชนิดหนึ่ง ทำขึ้นจากผงสีผสมกับยางสนหรือกาวบางชนิด อัดเป็นแท่งกลม ขนาดสั้น ๆ.
สีถ่าน
น. ถ่านสำหรับวาดเขียน ทำขึ้นจากไม้เนื้ออ่อนชิ้นเล็ก ๆที่เผาหรืออบด้วยความร้อนจนเป็นสีดำสนิท มีทั้งชนิดเป็นแท่งและเป็นผง.
สีเทียน
น. สีสำหรับวาดเขียนชนิดหนึ่ง ทำขึ้นจากผงสีผสมกับขี้ผึ้ง อัดเป็นแท่งกลมขนาดสั้น ๆ.
สีน้ำ
น. สีสำหรับระบายชนิดหนึ่ง ใช้น้ำเจือให้ละลายก่อนจะใช้ระบาย.
สีน้ำมัน
น. สีสำหรับระบายรูปหรือใช้ทาผนังชนิดหนึ่ง ทำขึ้นมาจากผงสีผสมกับน้ำมันลินสีดเป็นต้น มีลักษณะข้นและเหนียวไม่ละลายน้ำ.
สีโปสเตอร์
น. สีสำหรับระบายชนิดหนึ่ง ทำขึ้นจากผงสีชนิดที่เรียกว่าสีฝุ่น ผสมกับกาวหนังสัตว์ ยางไม้ หรือ ไข่แดง เนื้อสีค่อนข้างข้น.
สีฝุ่น
น. สีสำหรับระบายชนิดหนึ่ง ทำขึ้นจากผงสีซึ่งมีลักษณะละเอียด เนื้อสีค่อนข้างข้น.
สีสด
(ศิลปะ) น. สีแท้หรือสีที่เปล่งประกายสดใสอย่างสีแดงเหลือง ส้ม เขียว.
สีสวรรค์
น. สีสําหรับย้อมผ้าหรือกระดาษ ลักษณะเป็นผงละเอียดละลายนํ้าได้ มีสมบัติติดทน และสีสดใส.
สีหม่น
(ศิลปะ) น. สีที่เจือสีดำเพื่อลดประกายสดใสให้คล้ำลงอย่างสีแดงเจือสีดำ เป็นสีแดงเลือดหมู.
สี ๓
(ถิ่น–พายัพ) น. ปีมะโรง.
สี่
น. จํานวนสามบวกหนึ่ง; เรียกเดือนที่ ๔ ทางจันทรคติว่าเดือน ๔ ตกในราวเดือนมีนาคม.
สี่เหลี่ยม
น. รูปเหลี่ยมที่มีด้านโดยรอบเป็นเส้นตรง ๔ เส้นปลายเส้นจดกัน.
สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน
น. รูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่มีด้านทั้ง ๔ ยาวเท่ากัน แต่ไม่มีมุมภายในเป็นมุมฉาก, สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ก็เรียก.
สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด
น. สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน.
สี่เหลี่ยมคางหมู
น. รูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่มีด้านขนานกันเพียงคู่เดียว.
สี่เหลี่ยมจัตุรัส
น. รูปสี่เหลี่ยมด้านเท่าที่มีมุมภายในเป็นมุมฉาก.
สี่เหลี่ยมด้านขนาน
น. รูปสี่เหลี่ยมที่มีด้านคู่ตรงข้ามขนานกัน.
สี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า
น. รูปสี่เหลี่ยมที่ไม่มีด้านเท่ากันเลย.
สี่เหลี่ยมผืนผ้า
น. รูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่มีด้านขนานคู่หนึ่งยาวกว่าอีกคู่หนึ่ง และมีมุมภายในเป็นมุมฉาก.
สี้
น. ยาสีฟันโบราณ ใช้สีเพื่อให้ฟันดํา, ชี่ ก็เรียก.
สีกรุด
น. ชื่อปลาทะเลชนิด Pomadasys maculatum ในวงศ์Pomadasyidae ลักษณะคล้ายปลาจวด ใต้คางมีรู ๒รู ลําตัวสีเงิน แนวสันหลังสีเข้มเป็นแถบและจุดยาวส่งเสียงดังเมื่อถูกจับพ้นผิวนํ้า, มโหรี กระต่ายขูด กะทิขูด หรือ หัวขวาน ก็เรียก.
สีกา
(ปาก) น. คําที่บรรพชิตเรียกคฤหัสถ์ผู้หญิง, คู่กับ ประสก.(ตัดมาจาก อุบาสิกา).
สีกุน
น. ชื่อหนึ่งของปลาทะเลหลายชนิดหลายสกุลในวงศ์Carangidae อยู่ในกลุ่มปลาหางแข็ง หางกิ่ว หรือม่งลําตัวเพรียว แบนข้างเล็กน้อย มักมีจุดดําใหญ่ที่มุมแผ่นปิดเหงือก โดยเฉพาะชนิดที่มีแถบสีเหลืองพาดจากตาถึงคอดหาง หรือมีสีเหลือบเหลืองพาดข้างตัวโดยเฉพาะสีกุนข้างเหลือง (Selaroides leptolepis)สีกุนทอง อันได้แก่ ชนิด Selar boops, S. crumenop-thalmus, Alepis melanoptera และ A. djeddaba เป็นต้น.
สีขน
ดู หางกิ่ว (๑).
สีข้าง
น. ข้างทั้ง ๒ ของร่างกาย ถัดรักแร้ลงมาถึงสะเอว.
สีฆ–
[–คะ–] ว. เร็ว, ไว. (ป.).
สีจัก
น. ขวัญที่แสกหน้า ถือว่าเป็นลักษณะไม่ดีสําหรับหญิง๑ ใน ๓ อย่าง คือ สีจัก ยักหล่ม ถ่มร้าย, ฝีจัก ก็ว่า.
สีชมพูดง
ดู กระติ๊ด.
สีชมพูสวน
น. ชื่อนกชนิด Dicaeum cruentatum ในวงศ์ Dicaeidaeตัวเล็ก ปากเล็กแหลม ตัวผู้สีขาว มีสีแดงเป็นแถบตั้งแต่หัวถึงโคนหางด้านล่าง ตัวเมียสีนํ้าตาลอมเทาตะโพกแดง กินแมลง.
สีด
(โบ) ก. สูดเข้าไป เช่น สีดน้ำมูก.
สีดอ
น. ชื่อเรียกช้างตัวผู้ที่ไม่มีงาหรืองาสั้น.
สีดา
น. ชื่อตัวเอกในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นมเหสีของพระราม.
สีต–
[–ตะ–] ว. เย็น, หนาว. (ป.).
สีโตทก
น. นํ้าเย็น. (ป.).
สีต้น
น. ชีต้น, พระสงฆ์.
สีตล–
[–ตะละ–] ว. เย็น, หนาว. (ป.).
สีตลรัศมี
ว. มีรัศมีเย็น หมายถึง พระจันทร์ คู่กับ อุษณรัศมี มีรัศมีร้อน หมายถึง พระอาทิตย์.
สีตลหฤทัย
ว. มีใจเยือกเย็น.
สีตโลทก
น. นํ้าเย็น.
สีตโลทก
ดู สีตล–.
สีโตทก
ดู สีต–.
สีทันดร
[–ดอน] น. ชื่อทะเล ๗ แห่ง อยู่ระหว่างภูเขาพระสุเมรุกับภูเขายุคนธร ๑ ระหว่างภูเขายุคนธรกับภูเขาอิสินธร๑ ระหว่างภูเขาอิสินธรกับภูเขากรวิก ๑ ระหว่างภูเขากรวิกกับภูเขาสุทัสนะ ๑ ระหว่างภูเขาสุทัสนะกับภูเขาเนมินธร ๑ ระหว่างภูเขาเนมินธรกับภูเขาวินตกะ ๑ระหว่างภูเขาวินตกะกับภูเขาอัสกัณ ๑. (ดู บริภัณฑ์ ๑).
สี่บท
น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สีฟันคนทา
ดู คนทา.
สีฟันนางแอ
ดู เฉียงพร้านางแอ.
สีมันต์
น. เขต, แดน. (ป.).
สีมา
น. เขต, แดน; เครื่องหมายบอกเขตโบสถ์ มักทําด้วยแผ่นหินหรือหลักหินเป็นต้น เรียกว่า ใบพัทธสีมา, ใบสีมา หรือใบเสมา ก็ว่า. (ป., ส.).
สีละมัน
ดู ลิ้นจี่.
สีวิกา
น. สิวิกา, วอ, เสลี่ยง, คานหาม.
สีสอ
ดู คนทีสอ ที่ คนที ๒.
สีสะ ๑
น. ตะกั่ว. (ป., ส.).
สีสะ ๒
น. ศีรษะ. (ป.; ส. ศีรฺษ).
สีสา
(ปาก) ว. ประสีประสา (มักใช้ในประโยคปฏิเสธ) เช่นเด็กคนนี้พูดจาไม่รู้สีสา อย่าถือสาเลย.
สีสุก
น. ชื่อไผ่ ๒ ชนิดในสกุล Bambusa วงศ์ Gramineae แขนงมีหนาม คือ ชนิด B. blumeana Schult. ลําต้นใหญ่ตรง และชนิด B. flexuosa Munro ลําต้นเล็กไม่ค่อยตรง. (ข. ฤสฺสีสฺรุก).
สีเสียด ๑
น. (๑) ชื่อไม้ต้นชนิด Acacia catechu Willd. ในวงศ์Leguminosae กิ่งมีหนาม เนื้อไม้ให้สารที่เรียกว่า สีเสียด ใช้ผสมปูนกินกับหมาก ย้อมผ้า และฟอกหนัง,สีเสียดแก่น หรือ สีเสียดเหนือ ก็เรียก. (๒) ชื่อไม้ต้นชนิดPentace burmanica Kurz ในวงศ์ Tiliaceae เปลือกรสขมฝาดใช้กินกับหมาก, สีเสียดเปลือก ก็เรียก.
สีเสียด ๒
น. สารที่สกัดได้จากเนื้อไม้ของต้นสีเสียด (Acacia catechu Willd.) และใบกิ่งของต้นกะเมีย (Uncaria gambier Roxb.) ชนิดหลัง สีเสียดเทศ ก็เรียก.
สีเสียด ๓
น. ชื่อปลาทะเลชนิด Scomberoides tol ในวงศ์ Carangidaeตัวเรียวเล็กกว่าปลาสละ ตาโต ลําตัวด้านบนสีนํ้าเงิน ด้านข้างสีเงิน โคนหางสีเหลือง ปลายครีบหลังและครีบหางสีดําขนาดยาวได้ถึง ๕๐ เซนติเมตร, ขานกยาง ก็เรียก.
สีเสียดแก่น
ดู สีเสียด ๑ (๑).
สีเสียดเปลือก
ดู สีเสียด ๑ (๒).
สีเสียดเหนือ
ดู สีเสียด ๑ (๑).
สีเสื้อน้อย
(ถิ่น–พายัพ) น. ต้นคนทีสอ. (ดู คนทีสอ ที่ คนที ๒).
สีห–, สีห์, สีหะ
น. ราชสีห์ เช่น ราชสีห์อาจจะตั้งใจหมายความว่า สีหะตัวที่เป็นนายฝูง. (สาส์นสมเด็จ). (ดู สิงห–, สิงห์ ๑). (ป.).
สีห–, สีห์, สีหะ
น. ราชสีห์ เช่น ราชสีห์อาจจะตั้งใจหมายความว่า สีหะตัวที่เป็นนายฝูง. (สาส์นสมเด็จ). (ดู สิงห–, สิงห์ ๑). (ป.).
สีห–, สีห์, สีหะ
น. ราชสีห์ เช่น ราชสีห์อาจจะตั้งใจหมายความว่า สีหะตัวที่เป็นนายฝูง. (สาส์นสมเด็จ). (ดู สิงห–, สิงห์ ๑). (ป.).
สีหนาท
น. สิงหนาท.
สีหบัญชร
น. หน้าต่างที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จออกรับแขกเมืองเป็นต้น, สิงหบัญชร ก็ว่า.
สีหราช
น. พญาราชสีห์, สิงหราช ก็ว่า.
สีหไสยา, สีหไสยาสน์
น. ท่านอนอย่างราชสีห์ คือ นอนตะแคงขวา แขนซ้ายพาดไปตามลำตัว เท้าซ้ายซ้อนบนเท้าขวา มือขวารองรับศีรษะด้านข้าง.
สีหไสยา, สีหไสยาสน์
น. ท่านอนอย่างราชสีห์ คือ นอนตะแคงขวา แขนซ้ายพาดไปตามลำตัว เท้าซ้ายซ้อนบนเท้าขวา มือขวารองรับศีรษะด้านข้าง.
สีหน้า
น. อารมณ์ที่ปรากฏทางหน้า เช่น วันนี้สีหน้าเขาไม่ดีเลยคงจะโกรธใครมา พอถูกดุก็ทำสีหน้าไม่พอใจ.
สึก ๑
ก. กร่อนไป, ร่อยหรอไป, เช่น รองเท้าสึก บันไดสึก.
สึกหรอ
ก. กร่อนไป เช่น เครื่องจักรสึกหรอ, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น การด่าว่าไม่ทำให้สึกหรออะไร.
สึก ๒
(ปาก) ก. ลาสิกขา, ลาสึก ก็ว่า.
สึก ๓
น. การรู้ตัว, การระลึกได้, การจําได้, มักใช้ควบกับคํารู้ เป็น รู้สึก และแผลงว่า สํานึก ก็มี.
สึง
ก. สิง, อยู่, ประจํา, แทรก. (ดู สิง ๑).
สืบ ๑
ก. ต่อเนื่องเป็นลําดับ เช่น สืบราชสมบัติ สืบตระกูล.
สืบเชื้อสาย
ก. สืบสกุล, สืบสาย ก็ว่า.
สืบทอด
ก. รับช่วงปฏิบัติต่อ เช่น เขาสืบทอดความรู้มาจากบรรพบุรุษ.
สืบเท้า
ก. เหยียดขาเลื่อนเท้าไปข้างหน้าโดยไม่งอเข่า เช่น สืบเท้าก้าวเดินไป ตำรวจสืบเท้าเข้าไปประชิดตัวผู้ร้าย.
สืบไป
ว. ต่อไป, ต่อเนื่องไป, เช่น ขอให้ดำเนินงานสืบไป ขอให้อยู่เป็นสุขสืบไปชั่วกาลนาน.
สืบพันธุ์
ก. ทําให้เกิดลูกหลานสืบเนื่องต่อไป.
สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ
ก. สืบพันธุ์โดยไม่ต้องมีการรวมตัวของเซลล์สืบพันธุ์ เช่นการแบ่งตัวของแบคทีเรีย.
สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
ก. สืบพันธุ์โดยการผสมของเซลล์สืบพันธุ์ เช่น การผสมของเชื้ออสุจิกับไข่ของเพศหญิง.
สืบราชวงศ์
ก. สืบวงศ์พระมหากษัตริย์.
สืบราชสกุล
ก. สืบตระกูลฝ่ายพระราชา.
สืบราชสมบัติ
ก. เป็นพระมหากษัตริย์ต่อเนื่องแทน, สืบราชบัลลังก์ ก็ว่า.
สืบราชสันตติวงศ์
ก. ครองราชสมบัติสืบต่อจากพระมหากษัตริย์พระองค์ก่อนซึ่งอยู่ในราชวงศ์เดียวกัน เช่น กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์, สืบสันตติวงศ์ ก็ว่า.
สืบศาสนา
ก. ต่ออายุพระศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป.
สืบสกุล
ก. สืบวงศ์ตระกูล, สืบเชื้อสาย.
สืบสันดาน
ก. สืบเชื้อสายมาโดยตรง.
สืบสาย
ก. สืบสกุล, สืบเชื้อสาย ก็ว่า.
สืบหูก
ก. ต่อหูก คือ เอาด้ายยาวที่จะทอเป็นผืนผ้ามาต่อกับด้ายซัง.
สืบ ๒
ก. เสาะหา, แสวงหา, เช่น สืบความลับ สืบข้อเท็จจริง สืบข่าว.
สืบค้น
ก. ค้นหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะได้ผล เช่น สืบค้นหาสมบัติตามลายแทง.
สืบพยาน
(กฎ) ก. สอบปากคําพยาน เพื่อให้เบิกความเกี่ยวกับพยานหลักฐานในคดี.
สืบสวน
(กฎ) ก. แสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานซึ่งพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจได้ปฏิบัติไปตามอํานาจและหน้าที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเพื่อที่จะทราบรายละเอียดแห่งความผิด.
สืบสาว
ก. สืบให้ได้เรื่องถึงที่สุด เช่น เรื่องนี้จะต้องสืบสาวหาตัวคนผิดให้ได้.
สืบสาวราวเรื่อง
ก. ค้นคว้าให้ได้เรื่อง เช่น ไฟไหม้ครั้งนี้สืบสาวราวเรื่องได้ว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร.
สืบเสาะ
ก. ค้นหา, แสวงหา, เช่น ตำรวจสืบเสาะหาแหล่งผลิตเฮโรอีน.
สื่อ
ก. ติดต่อให้ถึงกัน เช่น สื่อความหมาย, ชักนําให้รู้จักกัน. น. ผู้หรือสิ่งที่ติดต่อให้ถึงกันหรือชักนําให้รู้จักกัน เช่นเขาใช้จดหมายเป็นสื่อติดต่อกัน กุหลาบแดงเป็นสื่อของความรัก, เรียกผู้ที่ทำหน้าที่ชักนำเพื่อให้ชายหญิงได้แต่งงานกันว่า พ่อสื่อ หรือ แม่สื่อ; (ศิลปะ) วัสดุต่าง ๆที่นำมาสร้างสรรค์งานศิลปกรรม ให้มีความหมายตามแนวคิด ซึ่งศิลปินประสงค์แสดงออกเช่นนั้น เช่น สื่อผสม.
สื่อการศึกษา
น. วิธีการ เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้เป็นสื่อในการศึกษา.
สื่อผสม
น. วัสดุที่ใช้สำหรับการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ร่วมกันตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไป เช่น สีน้ำที่มีคุณลักษณะบางสดใสกับสีโปสเตอร์ที่มีคุณสมบัติหนาทึบ ดินสอกับหมึก.
สื่อมวลชน
น. สื่อกลางที่นำข่าวสาร สาร และเนื้อหาสาระทุกประเภทไปสู่มวลชน เช่นหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และภาพยนตร์,(ปาก) นักข่าว นักหนังสือพิมพ์ เป็นต้น.
สื่อสาร
ก. นำถ้อยคำ ข้อความ หรือหนังสือ เป็นต้น ของฝ่ายหนึ่งส่งให้อีกฝ่ายหนึ่งโดยมีสื่อนำไป.
สื่อสารมวลชน
น. กระบวนการติดต่อสื่อสารสู่มวลชนโดยส่งสารผ่านสื่อมวลชน.
สุ ๑
ก. ซักสบงจีวรวิธีหนึ่งโดยใช้นํ้าร้อนหรือมะกรูดมะนาวเป็นต้น,มักใช้ว่า ซักสุ.
สุ ๒, สุ ๆ
ว. เสีย แต่ยังไม่เน่า (มักใช้แก่แตงโม) เช่น แตงโมใบนี้สุแล้วแตงโมสุ ๆ.
สุ ๒, สุ ๆ
ว. เสีย แต่ยังไม่เน่า (มักใช้แก่แตงโม) เช่น แตงโมใบนี้สุแล้วแตงโมสุ ๆ.
สุ ๓
คําอุปสรรคในภาษาบาลีและสันสกฤต แปลว่า ดี งามง่าย สําหรับเติมข้างหน้าคํา เช่น สุคนธ์. (ป., ส.).
สุก ๑
ก. พ้นจากห่าม เช่น ผลไม้สุก, เปลี่ยนสภาพจากดิบด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ อย่างต้ม ผัด ย่าง เป็นต้น เช่น ต้มไก่สุกแล้ว ย่างเนื้อให้สุก, ถึงระยะที่ได้ที่หรือแก่จัดแล้ว เช่นข้าวในนาสุกเกี่ยวได้แล้ว ฝีสุกจนแตก ต้อสุกผ่าได้แล้ว,โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ร้อนจนเนื้อตัวจะสุกแล้ว ถูกเขาต้มจนสุก, เรียกชายที่บวชเป็นพระภิกษุและสึกแล้วว่า คนสุก; ปลั่งเป็นมันแวววาวเช่น ทองเนื้อสุกดี.
สุกก่อนห่าม
(สํา) ว. ที่ทําสิ่งที่ยังไม่สมควรแก่วัยหรือยังไม่ถึงเวลา(มักหมายถึงการลักลอบได้เสียกันก่อนแต่งงาน) เช่นใครเขาจะเอาเยี่ยงอย่างอีซนซุก อีสุกก่อนห่าม มันมาอยู่สักกี่วันกี่เดือน นี่มันจะมาตั้งเตือนต่อก่อความให้ขุ่นไปทั้งบ้าน. (ม. ร่ายยาว ชูชก).
สุกงอม
ก. แก่จัดจนเกือบเน่าหรือเละ เช่น มะม่วงสุกงอมคาต้น,โดยปริยายหมายความว่า เต็มที่ เช่น ความรักของเขาสุกงอม แก่แล้วก็เหมือนผลไม้ที่สุกงอม.
สุกดิบ
ว. เรียกวันเตรียมงาน ซึ่งเป็นวันก่อนถึงกำหนดวันงานพิธี๑ วันว่า วันสุกดิบ.
สุก ๆ ดิบ ๆ
ว. ยังไม่สุกทั่วกัน เช่น หุงข้าวสุก ๆ ดิบ ๆ.
สุกแดด
ว. ที่ถูกแดดเผาให้สุกก่อนเวลาที่ควรจะสุก (ใช้แก่ผลไม้)เช่น มะม่วงสุกแดด.
สุกปลั่ง
ว. สุกใสเป็นมันแวววาว เช่น ทองสุกปลั่ง ขัดถาดทองเหลืองเสียสุกปลั่ง.
สุกใส
ว. แวววาว, แจ่มใส, เช่น ดวงตามีประกายสุกใส คืนนี้ท้องฟ้ามีดาวสุกใส.
สุกเอาเผากิน
(สํา) ว. อาการที่ทำลวก ๆ, อาการที่ทำพอเสร็จไปคราวหนึ่ง ๆ เช่น เขาทำงานสุกเอาเผากิน พอให้พ้นตัวไป.
สุก ๒
น. นกแก้ว, นกแขกเต้า. (ป.; ส. ศุก).
สุก– ๓
[สุกกะ–] ว. ขาว, สว่าง, สะอาด, ดี, เช่น สุกธรรม. (ป. สุกฺก).
สุก ๔
ก. เดินจบพ้นกระดานไปแล้ว (ใช้แก่การเล่นดวด).
สุกข์
ก. แห้ง, แล้ง. (ป.).
สุกร
[สุกอน] น. หมู (มักใช้เป็นทางการ) เช่น เนื้อสุกร สุกรชําแหละ.(ป.; ส. ศูกร, สูกร).
สุกรม
[สุกฺรม] น. ชื่อต้นไม้ขนาดใหญ่ ใบรี ผลเมื่อสุกสีแดง ใช้ทํายา.(พจน. ๒๔๙๓).
สุกำศพ
ก. อาการที่เจ้าพนักงานภูษามาลาหรือเจ้าพนักงานสนมพลเรือนเอาผ้าขาวห่อศพและใช้ด้ายดิบมัดตราสัง แล้วบรรจุศพลงโกศหรือหีบศพซึ่งมีกระดาษฟางปูรองรับ เช่นเจ้าหน้าที่จะสุกําศพ, ทําสุกําศพ ก็ว่า เช่น เมื่อทําสุกําศพเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ยกโกศหรือหีบศพขึ้นตั้ง.
สุกียากี้
น. ชื่ออาหารแบบญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ เต้าหู้และผักบางชนิด, ไทยนำมาดัดแปลงโดยใช้เนื้อสัตว์ ผักต่าง ๆวุ้นเส้น และไข่ เป็นต้น ลวกในน้ำซุป กินกับน้ำจิ้ม, บางทีเรียกสั้น ๆ ว่า สุกี้.
สุข, สุข–
[สุก, สุกขะ–] น. ความสบายกายสบายใจ เช่น ขอให้อยู่ดีมีสุข เกิดมาก็มีสุขบ้างทุกข์บ้าง, มักใช้เข้าคู่กับคำเป็น เช่น ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข ขอให้เป็นสุข ๆ นะ. ว. สบายกายสบายใจ เช่น เดี๋ยวนี้เขาอยู่สุขสบายดี. (ป., ส.).
สุข, สุข–
[สุก, สุกขะ–] น. ความสบายกายสบายใจ เช่น ขอให้อยู่ดีมีสุข เกิดมาก็มีสุขบ้างทุกข์บ้าง, มักใช้เข้าคู่กับคำเป็น เช่น ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข ขอให้เป็นสุข ๆ นะ. ว. สบายกายสบายใจ เช่น เดี๋ยวนี้เขาอยู่สุขสบายดี. (ป., ส.).
สุขนาฏกรรม
[สุกขะนาดตะกํา] น. วรรณกรรมโดยเฉพาะประเภทละครที่ลงท้ายด้วยความสุขหรือสมหวัง เช่นเรื่องอิเหนา ศกุนตลาชิงนาง ปริศนา, โดยปริยายหมายถึงเรื่องราวหรือเหตุการณ์ทั่ว ๆ ไปที่ลงท้ายด้วยความสุขหรือสมหวัง เช่น ชีวิตเธอเป็นเหมือนนวนิยายสุขนาฏกรรม แม้จะตกระกําลําบากในวัยเด็กแต่แล้วก็ได้พบกับความสุขสมหวังในบั้นปลายชีวิต.
สุขภัณฑ์
น. เครื่องอุปกรณ์ที่ใช้สําหรับห้องนํ้า เช่นอ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ โถส้วม.
สุขภาพ
น. ภาวะที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เช่น อาหารเพื่อสุขภาพการสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ.
สุขลักษณะ
น. ลักษณะที่ถูกต้องตามหลักปฏิบัติเพื่อความปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เช่น สร้างบ้านเรือนให้ถูกสุขลักษณะ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ส้วมที่ถูกสุขลักษณะย่อมไม่แพร่กระจายเชื้อโรค.
สุขวิทยา
น. วิชาวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับสุขศึกษา.
สุขศาลา
[สุกสาลา] น. สถานบริการสาธารณสุขที่ไม่มีแพทย์ประจําให้บริการสาธารณสุขทุกสาขา และส่งเสริมป้องกันด้านอนามัยแก่ประชาชนในระดับตําบลและหมู่บ้าน, ปัจจุบันเรียกว่า สถานีอนามัย.
สุขศึกษา
[สุกขะ–, สุก–] น. การศึกษาที่ว่าด้วยกระบวนการที่เกี่ยวกับสุขภาพ.
สุขา
[สุ–] (ปาก) น. ห้องนํ้าห้องส้วม, เป็นคำที่มักใช้เรียกตามสถานที่บางแห่ง เช่นโรงภาพยนตร์ สถานีรถไฟ, ห้องสุขาก็เรียก.
สุขาภิบาล
[สุ–] (เลิก) น. ราชการบริหารส่วนท้องถิ่นมีฐานะตํ่ากว่าเทศบาล มีคณะกรรมการบริหารประกอบด้วยนายอําเภอปลัดอําเภอ กํานัน เป็นต้น โดยมีนายอําเภอหรือปลัดอําเภอผู้เป็นหัวหน้าประจํากิ่งอําเภอเป็นประธาน มีหน้าที่จัดทํากิจการภายในเขตที่รับผิดชอบ เช่น จัดให้มีและบํารุงทางนํ้า ทางบก และระบายนํ้า รักษาความสะอาดถนนหนทางกําจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล. (ป. สุข + อภิบาล).
สุขารมณ์
[สุ–] น. อารมณ์ที่มีสุข เช่น เขาเดินผิวปากอย่างสุขารมณ์; เรียกลัทธิที่ถือว่าความสุขทางผัสสะหรือโลกียสุขในชีวิตปัจจุบันเป็นสิ่งสูงสุดหรือเป็นความดีสูงสุดของชีวิตว่า คติสุขารมณ์.(ป. สุข + อารมฺมณ).
สุขาวดี
[สุขาวะดี] น. แดนอันมีความสุขตามความเชื่อของลัทธิมหายาน.(ส. สุขาวดี ว่า สวรรค์ของพระอมิตาภพุทธเจ้าของฝ่ายมหายาน).
สุขา
ดู สุข, สุข–.
สุขาภิบาล
ดู สุข, สุข–.
สุขารมณ์
ดู สุข, สุข–.
สุขาวดี
ดู สุข, สุข–.
สุขิน, สุขี
(กลอน) น. ผู้มีความสุข. ว. สบาย. (ป. สุขี; ส. สุขินฺ).
สุขิน, สุขี
(กลอน) น. ผู้มีความสุข. ว. สบาย. (ป. สุขี; ส. สุขินฺ).
สุขี ๆ
(ปาก) ว. มีความสุข, มีความสบาย, เช่น ขอให้สุขี ๆ ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร.
สุขุม
ว. ประณีต, ลึกซึ้ง, รอบคอบ, ไม่วู่วาม, เช่น เขาจะไม่ด่วนตัดสินใจ ก่อนที่จะพิจารณาอย่างสุขุมทั้งทางได้และทางเสีย เขามีปัญญาสุขุม, บางครั้งใช้เข้าคู่กับคำอื่น เช่นสุขุมคัมภีรภาพ สุขุมรอบคอบ สุขุมลึกซึ้ง. (ป.; ส. สูกฺษม).
สุขุมาล
[สุขุมาน] ว. ละเอียดอ่อน, อ่อนโยน, นุ่มนวล; ผู้ดี, ตระกูลสูง.(ป.; ส. สุกุมาร).
สุขุมาลชาติ
[สุขุมานละชาด] ว. มีตระกูลผู้ดี, มีตระกูลสูง, โดยปริยายหมายความว่า มีลักษณะอย่างผู้ดี เช่น เขาเป็นคนสุขุมาล-ชาติ กิริยามารยาทเรียบร้อย.
สุโข
(ปาก) ว. เป็นสุข เช่น นอนหลับอย่างสุโข.
สุคต
[–คด] น. ผู้ไปดีแล้ว; พระนามพระพุทธเจ้า. (ป., ส.).
สุคติ
[สุคะติ, สุกคะติ] น. ภูมิที่ถือว่าไปเกิดแล้วมีความสุขความสบาย,สวรรค์, เช่น ขอให้วิญญาณไปสู่สุคติ. (ป., ส.).
สุคนธ–, สุคนธ์, สุคันธ์
[สุคนทะ–] น. กลิ่นหอม; เครื่องหอม, ราชาศัพท์ใช้ว่า เครื่องพระสุคนธ์. (ป., ส.).
สุคนธ–, สุคนธ์, สุคันธ์
[สุคนทะ–] น. กลิ่นหอม; เครื่องหอม, ราชาศัพท์ใช้ว่า เครื่องพระสุคนธ์. (ป., ส.).
สุคนธ–, สุคนธ์, สุคันธ์
[สุคนทะ–] น. กลิ่นหอม; เครื่องหอม, ราชาศัพท์ใช้ว่า เครื่องพระสุคนธ์. (ป., ส.).
สุคนธชาติ
น. ความหอม, กลิ่นหอม; กลิ่นหอมที่มีอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของต้นไม้ ได้แก่ ราก แก่น กระพี้ เปลือก สะเก็ด น้ำในต้น ใบดอก และผล.
สุคนธรส, สุคันธรส
น. กลิ่นหอม, ของหอม, เครื่องหอม.
สุคนธรส, สุคันธรส
น. กลิ่นหอม, ของหอม, เครื่องหอม.
สุงก–, สุงกะ
[สุงกะ–] น. ส่วย. ว. เนื่องด้วยการเก็บอากรจากสินค้าขาเข้าและขาออก. (ป.; ส. ศุลฺก).
สุงก–, สุงกะ
[สุงกะ–] น. ส่วย. ว. เนื่องด้วยการเก็บอากรจากสินค้าขาเข้าและขาออก. (ป.; ส. ศุลฺก).
สุงกากร
น. ศุลกากร, ค่าอากรที่เรียกเก็บจากสินค้าขาเข้าและขาออก.(ป.; ส. ศุลฺก + อากร).
สุงกากร
ดู สุงก–, สุงกะ.
สุงสิง
ก. เล่นหัวกันอย่างสนิทสนม, ติดต่ออย่างใกล้ชิดเป็นกันเอง,เช่น เด็ก ๒ บ้านนี้ชอบมาสุงสิงกัน เขาเป็นคนหัวสูงไม่ชอบสุงสิงกับใคร.
สุงสุมาร, สุงสุมารี
น. จระเข้. (ป.; ส. ศิศุมาร, ศึศุมาร).
สุงสุมาร, สุงสุมารี
น. จระเข้. (ป.; ส. ศิศุมาร, ศึศุมาร).
สุจริต
[สุดจะหฺริด] น. ความประพฤติชอบ. (ป., ส.).
สุจริตใจ
ว. บริสุทธิ์ใจ, จริงใจ, เช่น เขาช่วยเหลือเด็กคนนั้นด้วยความสุจริตใจ ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน.
สุจหนี่
[สุดจะหฺนี่] น. เครื่องปูลาดชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทําด้วยผ้าเยียรบับไหมทอง สําหรับทอดถวายพระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ชั้นสูง เป็นที่ประทับหรือทรงยืน เรียกว่า พระสุจหนี่. (ม. suji ว่า ผ้าเครื่องปัก).
สุจะ
น. ริ้น. (ข.).
สุจิ
ว. สะอาด, หมดจด, ผ่องใส. (ป.; ส. ศุจิ).
สุจิต
ว. สั่งสมด้วยดี. (ป., ส.).
สุจิตร
[–จิด] ว. หลายสี, หลายชั้นหลายเชิง; เด่น, ยิ่งใหญ่. (ส. สุ + จิตฺร).
สุชน
น. คนดี, คนประพฤติดี. (ป., ส.).
สุชัมบดี
น. ชื่อพระอินทร์. (ป. สุชมฺปติ ว่า ผัวของนางสุชาดา).
สุชา, สุชาดา
น. ผู้มีกําเนิดดี, ลูกผู้มีสกุลดี. (ป. สุ + ชา, สุ + ชาต).
สุชา, สุชาดา
น. ผู้มีกําเนิดดี, ลูกผู้มีสกุลดี. (ป. สุ + ชา, สุ + ชาต).
สุญ, สุญ–, สุญญ–
[สุน, สุนยะ–] ว. ว่างเปล่า. (ป. สุ?ฺ?; ส. ศูนฺย).
สุญ, สุญ–, สุญญ–
[สุน, สุนยะ–] ว. ว่างเปล่า. (ป. สุ?ฺ?; ส. ศูนฺย).
สุญ, สุญ–, สุญญ–
[สุน, สุนยะ–] ว. ว่างเปล่า. (ป. สุ?ฺ?; ส. ศูนฺย).
สุญญากาศ
[สุนยากาด] น. ที่ที่ไม่มีอากาศ เช่น อยู่ในสุญญากาศ. ว. ที่ไม่มีอากาศ เช่น ขวดสุญญากาศ หลอดสุญญากาศ.
สุญตา
[สุนยะตา] น. ความว่างเปล่า. (ป. สุญฺ?ตา; ส. ศูนฺยตา).
สุญนิยม
น. (ศาสน) ลัทธิที่ถือว่าคนและสัตว์เกิดหนเดียว ตายแล้วสูญ บุญบาป พระเป็นเจ้า นรก สวรรค์ ไม่มี; (อภิปรัชญา)ลัทธิที่ถือว่าไม่มีอะไรตั้งอยู่อย่างเที่ยงแท้ถาวร; (จริย) ลัทธิที่ถือว่าคุณค่าทางศีลธรรมจรรยาไม่มี; (สังคม) ลัทธิที่ถือว่าความเจริญก้าวหน้าจะเกิดขึ้นได้ก็โดยวิธีทําลายองค์การทางสังคมที่มีอยู่เดิมให้หมดไป. (อ. nihilism).
สุญญากาศ
ดู สุญ, สุญ–, สุญญ–.
สุณ
น. หมา. (ป.; ส. ศุนก).
สุณหา
[สุน–] น. ลูกสะใภ้. (ป.).
สุณิสา
น. ลูกสะใภ้, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสุณิสา. (ป.; ส. สฺนุษา).
สุด
ก. สิ้น เช่น สุดกระแสความ สุดความ, หมด เช่น รักสุดหัวใจ,จบ เช่น สุดสายรถประจำทาง. ว. ปลายหรือท้าย เช่น สุดแดน สุดแผ่นดิน ในที่สุด, ปลายทางใดทางหนึ่ง เช่น เหนือสุดขวาสุด บนสุด; อย่างมาก, อย่างยิ่งยวด, เช่น สุดรัก สุดเสียดาย สุดอาลัย, เต็มที่เต็มกำลัง, เช่น สู้จนสุดชีวิต งานนี้เขาทุ่มจนสุดตัว; เกินกว่าจะทำได้ เช่น สุดกลั้น สุดไขว่คว้าสุดทน.
สุดกั่น, สุดด้าม ๑, สุดลิ่ม ๑
ว. อาการที่ใช้มีดหรือของมีคมแทงเข้าไปจนจมถึงด้าม,มิดด้าม ก็ว่า.
สุดกั่น, สุดด้าม ๑, สุดลิ่ม ๑
ว. อาการที่ใช้มีดหรือของมีคมแทงเข้าไปจนจมถึงด้าม,มิดด้าม ก็ว่า.
สุดกั่น, สุดด้าม ๑, สุดลิ่ม ๑
ว. อาการที่ใช้มีดหรือของมีคมแทงเข้าไปจนจมถึงด้าม,มิดด้าม ก็ว่า.
สุดกำลัง
ว. เต็มที่, เต็มกำลังทั้งหมดที่มีอยู่, เช่น ออกแรงยกของจนสุดกำลัง ช่วยจนสุดกำลัง.
สุดกู่
ว. ไกลมากจนไม่ได้ยินเสียงกู่ เช่น เขาไปปลูกบ้านเสียจนสุดกู่, อยู่ท้าย ๆ เช่น สอบได้ที่สุดกู่ จอดรถไว้สุดกู่.
สุดขอบฟ้า
ว. ไกลมากที่สุด เช่น ต่อให้หนีไปอยู่สุดขอบฟ้า ก็จะตามให้พบ,สุดหล้าฟ้าเขียว ก็ว่า.
สุดขีด
ว. เต็มที่, มากที่สุด, เช่น กลัวสุดขีด โมโหสุดขีด.
สุดคน
ว. ยอดคน.
สุดความสามารถ
ว. เต็มที่, เต็มความสามารถที่มีอยู่, เช่น หมอช่วยจนสุดความสามารถแล้ว คนไข้ก็ยังไม่ดีขึ้น.
สุดคิด
ว. หมดปัญญาที่จะคิดอ่านต่อไป, ใช้ปัญญาจนหมดแล้วก็ยังคิดไม่ออก.
สุดจิต, สุดใจ
ว. ยอดรัก, อย่างยอด.
สุดจิต, สุดใจ
ว. ยอดรัก, อย่างยอด.
สุดด้าม ๒
ว. ที่สุดทางใดทางหนึ่ง.
สุดแต่
ว. แล้วแต่ เช่น สุดแต่จะพิจารณา สุดแต่จะโปรด, สุดแล้วแต่ก็ว่า.
สุดโต่ง
ว. ไกลมาก, ปลายไกลสุด, เช่น บ้านของเขาอยู่สุดโต่ง ไปมาลำบาก แถวลูกเสือยาวเหยียดลูกผมยืนอยู่เสียสุดโต่ง เลยมองไม่เห็น; มากเกินขอบเขตที่ควรเป็น, ตึงหรือหย่อนเกินไป,เช่น การปฏิบัติสุดโต่ง.
สุดท้อง
ว. ที่เกิดทีหลังเพื่อน เช่น ลูกคนสุดท้อง น้องสุดท้อง.
สุดท้าย
ว. ทีหลังเพื่อน, หลังสุด, เช่น เขาเป็นแขกคนสุดท้ายที่มาในงาน เด็กคนนั้นทำการบ้านเสร็จเป็นคนสุดท้าย, เหลือเพียงหนึ่งเดียว เช่น สมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่คือบ้าน โอกาสสุดท้ายแล้วที่จะแก้ตัวได้.
สุดท้ายปลายโต่ง
(ปาก) ว. หลังสุด, ท้ายสุด, (มักใช้ในเชิงตำหนิหรือเย้ยหยัน),เช่น ทำไมมาเสียสุดท้ายปลายโต่ง ไหนเคยคุยว่าเก่ง ทำไมถึงสอบได้ที่สุดท้ายปลายโต่ง.
สุดที่รัก
น. ผู้เป็นยอดรักหรือเป็นที่รักยิ่ง เช่น เธอเป็นสุดที่รักของผม. ว. ยอดรัก, ที่รักยิ่ง, เช่น ลูกสุดที่รัก.
สุดปัญญา
ว. ใช้ปัญญาเท่าที่มีอยู่ทั้งหมด เช่น เลขข้อนี้คิดจนเกือบสุดปัญญาจึงทำได้ ฉันช่วยเขาจนสุดปัญญาแล้วก็ยังไม่สำเร็จ.
สุดฝีมือ
ว. เต็มที่, เต็มกำลังความสามารถที่มีอยู่, เช่น อาหารมื้อนี้เขาทำสุดฝีมือ.
สุดแรงเกิด
(ปาก) ว. สุดกําลัง, เต็มแรงที่มีอยู่, เช่น เขาตกใจ วิ่งหนีสุดแรงเกิด.
สุดลิ่ม ๒
ว. ถึงที่สุด, เต็มกําลัง.
สุดลูกหูลูกตา
ว. กว้างไกลมาก เช่น เขามีที่ดินมากมายสุดลูกหูลูกตาทะเลเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา.
สุดวิสัย
ว. พ้นกําลังความสามารถ, พ้นความสามารถที่ใครจะอาจป้องกันได้, เช่น ภัยธรรมชาติเป็นเหตุสุดวิสัย.
สุดสวาทขาดใจ
ว. ยอดรัก, อย่างยอด.
สุดสายตา
ว. สุดระยะที่ตาจะมองเห็น เช่น มองจนสุดสายตา ก็ไม่เห็นต้นไม้สักต้น, สุดวิสัยที่จะมองเห็น เช่น ลูกอยู่สุดสายตาที่พ่อแม่จะตามไปดูแล.
สุดสายป่าน
ว. สุดกําลังความสามารถที่จะควบคุมดูแลหรือดึงกลับได้เช่น ตามใจลูกเสียจนสุดสายป่านจะไม่เสียเด็กได้อย่างไร.
สุดสิ้น
ก. ถึงที่สุด เช่น เธอกับฉันสุดสิ้นกันนับแต่วันนี้, จบ เช่นการสัมมนาได้สุดสิ้นลงแล้ว, สิ้นสุด ก็ว่า.
สุดเสียง
ว. อาการที่ตะโกนหรือเปล่งเสียงเต็มที่ เช่น ฉันตะโกนเรียกจนสุดเสียงแล้วเขาก็ยังไม่ได้ยิน เขาร้องให้คนช่วยจนสุดเสียง แต่ไม่มีใครมาช่วย.
สุดเสียงสังข์
(สำ) ว. ที่ผายออกมาก (ใช้แก่ตะโพกหญิง) ในความว่าตะโพกสุดเสียงสังข์.
สุดหนทาง
ว. สุดทางที่จะไป เช่น สุดหนทางบกแล้ว ต่อไปก็เป็นทางน้ำ, โดยปริยายหมายความว่า ไม่มีทางอื่นให้เลือกเช่น เมื่อสุดหนทางเข้าจริง ๆ ก็เลยต้องยอมแพ้เขา.
สุดหล้าฟ้าเขียว
ว. ไกลมากที่สุด เช่น เขาหนีไปอยู่สุดหล้าฟ้าเขียว ยากที่ใครจะตามไปถึง, สุดขอบฟ้า ก็ว่า.
สุดเหวี่ยง
ว. เต็มที่ เช่น สนุกจนสุดเหวี่ยง.
สุดเอื้อม
ว. เกินระยะที่มือจะเอื้อมถึง เช่น มะม่วงลูกนั้นอยู่สูงสุดเอื้อม สอยไม่ถึง, โดยปริยายหมายความว่า เกินฐานะและความสามารถเป็นต้นที่จะเอามาเป็นของตนได้ เช่นเธอเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ สุดเอื้อมที่จะได้เธอมาเป็นคู่ครอง.
สุดสงวน
น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สุดา
น. ลูกสาว. (ป., ส. สุตา); หญิงสาว.
สุต ๑
[สุด] น. ลูกชาย (มักใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส). (ป., ส.).
สุต– ๒
[สุตะ–, สุดตะ–] ก. ได้ยิน, ได้ฟังแล้ว.
สุตกวี
[สุตะกะวี, สุดตะกะวี] น. กวีผู้มีความสามารถในการแต่งร้อยกรองตามที่ได้ยินมา. (ป.; ส. ศฺรุต).
สุตตนิบาต
น. คัมภีร์ที่รวบรวมพระสูตรเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน.
สุตตะ
[–ตะ] ก. หลับแล้ว. (ป.; ส. สุปฺต). น. ชื่อคัมภีร์ในพระพุทธ-ศาสนาส่วน ๑ ใน ๙ ส่วน ที่เรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์. (ป.).
สุตตันตปิฎก, สุตตันตะ
[สุดตันตะปิดก] น. ชื่อปิฎก ๑ ในพระไตรปิฎก. (ป.).
สุตตันตปิฎก, สุตตันตะ
[สุดตันตะปิดก] น. ชื่อปิฎก ๑ ในพระไตรปิฎก. (ป.).
สุตะ
ก. ไหลไป. (ป.; ส. สฺรุต).
สุติ ๑
น. การไหลไป. (ป.; ส. สฺรุติ).
สุติ ๒
น. การได้ยินได้ฟัง; ขนบธรรมเนียม; เสียง. (ป.; ส. ศฺรูติ).
สุทธ–, สุทธ์
ว. หมดจด, สะอาด; ล้วน, แท้. (ป.).
สุทธ–, สุทธ์
ว. หมดจด, สะอาด; ล้วน, แท้. (ป.).
สุทธาวาส
น. ชื่อพรหมโลกซึ่งเป็นที่ที่พระอนาคามีไปเกิด. (ป.).
สุทธาวาส
ดู สุทธ–, สุทธ์.
สุทธิ
[สุดทิ] ว. แท้ ๆ, ล้วน ๆ, เช่น กาแฟขวดนี้น้ำหนักสุทธิ ๑๐๐ กรัม.(ป.; ส. ศุทฺธิ).
สุทรรศน์, สุทัศน์
[–ทัด] ว. สวย, งดงาม, น่าดู. (ส. สุทรฺศน; ป. สุทสฺสน).
สุทรรศน์, สุทัศน์
[–ทัด] ว. สวย, งดงาม, น่าดู. (ส. สุทรฺศน; ป. สุทสฺสน).
สุทัสนะ
[–ทัดสะนะ] น. ชื่อภูเขาชั้นที่ ๔ ในหมู่เขาสัตบริภัณฑ์ที่ล้อมเป็นวงกลมรอบเขาพระสุเมรุ. (ป. สุทสฺสน; ส. สุทรฺศน).(ดู สัตบริภัณฑ์, สัตภัณฑ์).
สุธา ๑
น. นํ้าอมฤต, อาหารทิพย์.
สุธาโภชน์
น. ของกินอันเป็นทิพย์. (ป.).
สุธารส
[สุทารด] (ราชา) น. นํ้ากิน, ใช้ว่า พระสุธารส.
สุธารสชา
[สุทารดชา] (ราชา) น. นํ้าชา, ใช้ว่า พระสุธารสชา.
สุธาสินี, สุธาสี
น. “ผู้กินอาหารทิพย์” คือ เทวดา. (ป.; ส. สุธาศินฺ).
สุธาสินี, สุธาสี
น. “ผู้กินอาหารทิพย์” คือ เทวดา. (ป.; ส. สุธาศินฺ).
สุธา ๒
น. ปูนขาว; เครื่องโบกและทา. (ป., ส.).
สุธาการ
น. ช่างอิฐช่างปูน. (ส.).
สุธี
น. คนมีปัญญา, นักปราชญ์. (ป., ส.).
สุนทร, สุนทร–
[–ทอน, –ทอนระ–, –ทอระ–] ว. งาม, ดี, ไพเราะ, เช่น วรรณคดีเป็นสิ่งสุนทร, มักใช้เข้าสมาสกับคำอื่น เช่น สุนทรพจน์ สุนทรโวหาร. (ป., ส.).
สุนทร, สุนทร–
[–ทอน, –ทอนระ–, –ทอระ–] ว. งาม, ดี, ไพเราะ, เช่น วรรณคดีเป็นสิ่งสุนทร, มักใช้เข้าสมาสกับคำอื่น เช่น สุนทรพจน์ สุนทรโวหาร. (ป., ส.).
สุนทรพจน์
[สุนทอนระ–, สุนทอระ–] น. คําพูดที่ประธานหรือบุคคลสําคัญเป็นต้นกล่าวในพิธีการหรือในโอกาสสําคัญต่าง ๆ เช่น นายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ.
สุนทรี
[–ทะรี] น. หญิงงาม, นางงาม, หญิงทั่วไป. (ส., ป.).
สุนทรีย–, สุนทรียะ
ว. เกี่ยวกับความนิยม ความงาม.
สุนทรีย–, สุนทรียะ
ว. เกี่ยวกับความนิยม ความงาม.
สุนทรียภาพ
น. ความงามในธรรมชาติหรืองานศิลปะ ที่แต่ละบุคคลสามารถเข้าใจและรู้สึกได้, ความเข้าใจและรู้สึกของแต่ละบุคคลที่มีต่อความงามในธรรมชาติหรืองานศิลปะ.
สุนทรียศาสตร์
น. ปรัชญาสาขาหนึ่งว่าด้วยความงาม และสิ่งที่งามในธรรมชาติหรืองานศิลปะ.
สุนทรี
ดู สุนทร, สุนทร–.
สุนทรีย–, สุนทรียะ
ดู สุนทร, สุนทร–.
สุนทรีย–, สุนทรียะ
ดู สุนทร, สุนทร–.
สุนทรียภาพ
ดู สุนทร, สุนทร–.
สุนทรียศาสตร์
ดู สุนทร, สุนทร–.
สุนัข
น. หมา (มักใช้เป็นทางการ) เช่น สุนัขตำรวจ. (ป. สุนข; ส. ศุนก).
สุนันท์
ว. เป็นที่ยินดี, น่าสบาย. (ป.).
สุโนก
น. นก.
สุบดี
[–บอดี] น. ผัวที่ดี, เจ้านายที่ดี. (ป., ส. สุ + ปติ).
สุบรรณ
[–บัน] น. ครุฑ. (ส. สุปรฺณ; ป. สุปณฺณ).
สุบิน
น. ความฝัน, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสุบิน. (ป. สุปิน).
สุปรีดิ์
น. ความยินดียิ่ง. (ส. สุ + ปฺรีติ; ป. สุ + ปีติ).
สุปรีย์
ว. เป็นที่รักยิ่ง. (ส. สุ + ปฺรีย; ป. สุ + ปิย).
สุปาณี
ว. ฝีมือเก่ง, คล่องแคล่ว. (ส.).
สุพพัต
[สุบพัด] น. ผู้ประพฤติดี. (ป. สุพฺพต; ส. สุวรฺต).
สุพรรณ, สุพรรณ–
[สุพัน, สุพันนะ–] น. ทองคํา. (ส. สุวรฺณ; ป. สุวณฺณ).
สุพรรณ, สุพรรณ–
[สุพัน, สุพันนะ–] น. ทองคํา. (ส. สุวรฺณ; ป. สุวณฺณ).
สุพรรณบัฏ
[สุพันนะบัด] (ราชา) น. แผ่นทองคํารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่จารึกพระนามพระมหากษัตริย์ พระบรมราชวงศ์ตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป เจ้าประเทศราช และสมเด็จพระสังฆราช เรียกว่าพระสุพรรณบัฏ; แผ่นทองคํารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่จารึกราชทินนามของสมเด็จพระราชาคณะ ขุนนางชั้นสมเด็จเจ้าพระยา และขุนนางชั้นเจ้าพระยาบางคน ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็นพิเศษ; (โบ) แผ่นทองคำที่จารึกพระราชสาส์น.
สุพรรณภาชน์
[สุพันนะพาด] (ราชา) น. ภาชนะสําหรับใส่พระกระยาหารทําด้วยทองคําทั้งชุด, ใช้ว่า พระสุพรรณภาชน์; โต๊ะเท้าช้าง.
สุพรรณราช
[สุพันนะราด] (ราชา) น. กระโถนใหญ่, ใช้ว่า พระสุพรรณราช.
สุพรรณศรี
[สุพันนะสี] (ราชา) น. กระโถนเล็ก, ใช้ว่า พระสุพรรณศรี.
สุพรรณถัน
[สุพันนะ–] น. กํามะถัน.
สุพรรณิการ์
น. ชื่อไม้ต้นขนาดเล็ก ๒ ชนิดในสกุล Cochlospermum วงศ์ Cochlospermaceae คือ ชนิด C. regium (Mart.et Schrank) Pilger ผลมีขน ก้านชูอับเรณูสีเหลืองครึ่งหนึ่งสีแดงครึ่งหนึ่ง และชนิด C. religiosum (L.) Alstonผลเกลี้ยงไม่มีขน ก้านชูอับเรณูสีเหลืองตลอด, ฝ้ายคําก็เรียก.
สุภ–
[สุบพะ–] น. ความงาม, ความดีงาม, ความเจริญ. (ป.; ส. ศุภ).
สุภร
[–พอน] ว. เลี้ยงง่าย. (ป.).
สุภัค
ว. งาม, มีโชค. (ส.).
สุภา
น. ตุลาการ.
สุภาพ
ว. เรียบร้อย เช่น เขาแต่งกายสุภาพตามกาลเทศะและความนิยม, อ่อนโยน, ละมุนละม่อม, เช่น เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพไม่กระโชกโฮกฮาก.
สุภาพชน
น. ผู้ที่แต่งกายเรียบร้อย, ผู้ที่มีกิริยามารยาทอ่อนโยน พูดจาเรียบร้อย รู้กาลเทศะ, เช่น สุภาพชนย่อมไม่ส่งเสียงดังในห้องสมุด.
สุภาพบุรุษ
น. ชายที่มีกิริยาวาจาเรียบร้อย รู้กาลเทศะและมีคุณธรรมเช่น เขาช่วยเหลือเธอตามหน้าที่สุภาพบุรุษ.
สุภาพสตรี
น. หญิงที่มีกิริยาวาจาเรียบร้อย รู้กาลเทศะและมีคุณธรรมเช่น ท่าทางเธอเรียบร้อยสมเป็นสุภาพสตรี.
สุภาษิต
น. ถ้อยคําหรือข้อความที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้ว มีความหมายเป็นคติสอนใจ เช่น รักยาวให้บั่นรักสั้นให้ ต่อนํ้าเชี่ยวอย่าขวางเรือ. (ส.; ป. สุภาสิต ว่า ถ้อยคําที่กล่าวดีแล้ว).
สุม
ก. วางทับซ้อน ๆ กันลงไปจนสูงเป็นกองอย่างไม่มีระเบียบ เช่นสุมหญ้า สุมฟาง สุมหนังสือไว้เต็มโต๊ะ, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ความทุกข์สุมอก. (โบ) น. ต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ เช่น สุมม่วง คือ ป่าม่วง. (จารึกสุโขทัย).
สุมกระหม่อม
ก. เอายาสมุนไพรพอกโปะไว้บนกระหม่อมเด็กเล็ก ๆ เพื่อแก้หวัดเป็นต้น, สุมหัว ก็ว่า.
สุมขอน
ก. สุมไฟที่ขอน, เรียกไฟที่ยังไหม้ขอนกรุ่นอยู่ว่า ไฟสุมขอน.
สุมควัน
ก. สุมไฟให้เป็นควันเพื่อไล่ยุง, สุมไฟไล่ยุง ก็ว่า.
สุมพล
ก. ประชุมพล, รวมพล, ชุมนุมพล.
สุมไฟ
ก. เอาฟืนหรือแกลบเป็นต้นทับลงบนกองไฟเพื่อให้ไฟติดกรุ่นอยู่เสมอ.
สุมยุง
ก. สุมไฟไล่ยุง.
สุมหัว
ก. เอายาสมุนไพรพอกโปะไว้บนกระหม่อมเด็กเล็ก ๆ เพื่อแก้หวัดเป็นต้น, สุมกระหม่อม ก็ว่า; มั่วสุม (มักใช้ในทางไม่ดี)เช่น สุมหัวนินทาเจ้านาย.
สุ่ม ๑
น. เครื่องมือจับปลาชนิดหนึ่ง มักสานด้วยไม้ไผ่เป็นตา ๆ ลักษณะคล้ายทรงกระบอก ด้านบนสอบเข้า มีช่องให้มือล้วงลงไปได้ เรียกว่า สุ่มปลา; เครื่องสานตาห่าง ๆ มีลักษณะครึ่งทรงกลมหรือโอควํ่าข้างบนมีช่องกลม ๆ ใช้สําหรับครอบขังไก่เป็นต้น เรียกว่า สุ่มไก่,โดยปริยายเรียกกระโปรงที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายสุ่มไก่ว่า กระโปรงทรงสุ่มไก่. ก. อาการที่เอาสุ่มครอบเพื่อจับปลาเป็นต้น, โดยปริยายเรียกอาการที่เดาโดยนึกเอาเองอย่างสุ่มปลาว่า เดาสุ่ม; พูนสูงขึ้นจนล้น เช่น ข้าวสุ่มจาน.(รูปภาพ สุ่มปลา)
สุ่ม ๒, สุ่ม ๆ
ว. อาการที่ทำไปโดยไม่แน่ใจว่าจะถูกหรือไม่, ไม่เฉพาะเจาะจง, เช่น ทำสุ่มไปไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ลองถามสุ่ม ๆไปเผื่อจะมีใครไปด้วย.
สุ่ม ๒, สุ่ม ๆ
ว. อาการที่ทำไปโดยไม่แน่ใจว่าจะถูกหรือไม่, ไม่เฉพาะเจาะจง, เช่น ทำสุ่มไปไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ลองถามสุ่ม ๆไปเผื่อจะมีใครไปด้วย.
สุ่มตัวอย่าง
ก. หาตัวอย่างเพื่อแทนกลุ่มโดยไม่เฉพาะเจาะจง เช่นสุ่มตัวอย่างสินค้าเพื่อตรวจคุณภาพ.
สุ่มสี่สุ่มห้า
ว. ซุ่มซ่าม, ไม่ระมัดระวังให้ดี, ไม่ดูให้ดี, เช่น เดินสุ่มสี่สุ่มห้าเลยตกบันได กินอาหารสุ่มสี่สุ่มห้าเลยท้องเสีย.
สุมทุม
น. ที่ซึ่งมีต้นไม้หรือเถาวัลย์ปกคลุมให้ร่มครึ้ม, มักใช้เข้าคู่กับคำ พุ่มไม้ เป็น สุมทุมพุ่มไม้.
สุมน
ว. ใจดี, พอใจ. (ส.).
สุมนะ, สุมนา
[สุมะ–] น. ดอกไม้, ดอกมะลิ. (ป., ส.).
สุมนะ, สุมนา
[สุมะ–] น. ดอกไม้, ดอกมะลิ. (ป., ส.).
สุมนัส
[สุมะนัด] ว. ใจดี; ดีใจ, พอใจ. (ส.).
สุ้มเสียง
น. กระแสเสียง, (โบ) เขียนเป็น ซุ่มเสียง ก็มี เช่น จึงตั้งนะโมซุ่มเสียงใหญ่โต. (ประถม ก กา).
สุมะ
(แบบ) น. พระจันทร์. (ป., ส. โสม).
สุมาลี
น. ดอกไม้, พวงดอกไม้.
สุเมธ
[–เมด] น. คนมีปัญญาดี, นักปราชญ์. (ป., ส.).
สุเมรุ
[–เมน] น. เขาสิเนรุ, ชื่อภูเขาซึ่งถือว่าเป็นที่ตั้งแห่งเมืองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์. (ไตรภูมิ). (ส.).
สุร– ๑
[–ระ–] น. ผู้กล้าหาญ, นักรบ; พระอาทิตย์. ว. กล้าหาญ, เข้มแข็ง.(ป. สูร; ส. ศูร).
สุร– ๒
[–ระ–] น. เทวดา. ว. ทิพย์. (ป., ส.).
สุรคต
ก. ตาย (ใช้แก่พระเจ้าแผ่นดินบางประเทศ).
สุรเชษฐ์
น. พระพรหม. (ส. สุรเชฺยษฺ?; ป. สุรเชฏ?).
สุรบดี
น. พระอินทร์. (ส. สุรปติ).
สุรบถ
น. ฟ้า, สวรรค์. (ส. สุรปถ).
สุรภาพ
น. อํานาจแห่งเทวดา.
สุรโลก
น. สวรรค์. (ส.).
สุรสีหนาท
น. พระดํารัสอันเป็นที่น่าเกรงขามของคนทั้งปวงเหมือนเสียงของราชสีห์เป็นที่น่าเกรงขามของสัตว์ทั้งปวง, เสียงตวาดของนักรบเพื่อให้เป็นที่เกรงขามของข้าศึก.
สุรเสียง
น. เสียงก้องกังวาน หมายความว่า เสียงของผู้มีอํานาจ.
สุรางคนา ๑
น. นางสวรรค์. (ส.).
สุรางคนา ๒, สุรางคนางค์
น. ชื่อกาพย์และฉันท์ มี ๒๘ คำ คือ มี ๗ วรรค วรรคละ ๔ คำเช่นตัวอย่างกาพย์ อย่าเยี่ยงหญิงชั่ว ไป่รู้คุณผัว ไม่กลัวความอาย ลิ้นลมข่มคำ ห่อนยำเยงชาย จงจิตรคิดหมาย มุ่งร้ายภรรดา. (กฤษณา), ตัวอย่างฉันท์ ชะอมชะบา มะกอกมะกา มะค่าและแค ตะขบตะค้อ สมอแสม มะกล่ำสะแก ก็แลไสว. (หลักภาษาไทย),ถ้าเป็นกาพย์ขับไม้มี ๓๖ คำ เช่น กรุงเทพเทียมทัด เทพไทเธอจัด สร้างสิ้นทั้งหลายแทบทางวางรุกข์ ร่มเย็นเป็นสุข แซ่ซร้องหญิงชายไปมาค้าขาย ออกร้านเรียงราย รื่นเริงสำราญ. (กาพย์ขับไม้ กล่อมพระเศวตรัตนกรีฯ).
สุรางคนา ๒, สุรางคนางค์
น. ชื่อกาพย์และฉันท์ มี ๒๘ คำ คือ มี ๗ วรรค วรรคละ ๔ คำเช่นตัวอย่างกาพย์ อย่าเยี่ยงหญิงชั่ว ไป่รู้คุณผัว ไม่กลัวความอาย ลิ้นลมข่มคำ ห่อนยำเยงชาย จงจิตรคิดหมาย มุ่งร้ายภรรดา. (กฤษณา), ตัวอย่างฉันท์ ชะอมชะบา มะกอกมะกา มะค่าและแค ตะขบตะค้อ สมอแสม มะกล่ำสะแก ก็แลไสว. (หลักภาษาไทย),ถ้าเป็นกาพย์ขับไม้มี ๓๖ คำ เช่น กรุงเทพเทียมทัด เทพไทเธอจัด สร้างสิ้นทั้งหลายแทบทางวางรุกข์ ร่มเย็นเป็นสุข แซ่ซร้องหญิงชายไปมาค้าขาย ออกร้านเรียงราย รื่นเริงสำราญ. (กาพย์ขับไม้ กล่อมพระเศวตรัตนกรีฯ).
สุรารักษ์
น. เทวดาผู้คุ้มครอง.
สุราลัย
น. ที่อยู่ของเทวดา, สวรรค์. (ส.).
สุรินทร์
น. พระอินทร์. (ส.; ป. สุรินฺท).
สุเรนทร์
น. พระอินทร์. (ส.).
สุรงค์, สุรังค์
ว. มีสีดี, มีสีงาม, งามฉูดฉาด, งามเรืองรอง, ใช้เพี้ยนไปเป็นสุหร่ง ก็มี. (ป., ส.).
สุรงค์, สุรังค์
ว. มีสีดี, มีสีงาม, งามฉูดฉาด, งามเรืองรอง, ใช้เพี้ยนไปเป็นสุหร่ง ก็มี. (ป., ส.).
สุรภี ๑
[สุระ–] น. ต้นสารภี.
สุรภี ๒
[สุระ–] น. เครื่องหอม. (ป.; ส. สุรภิ).
สุรัติ
[สุรัด] น. ความปลาบปลื้มหรือความยินดียิ่ง. (ส. สุ + รติ).
สุรัสวดี
[—รัดสะวะดี] น. สรัสวดี; ชื่อกรมในสมัยโบราณมีหน้าที่เกี่ยวกับการรวบรวมบัญชีเลกหรือชายฉกรรจ์, เรียกเต็มว่า กรมพระสุรัสวดี.
สุรา
น. เหล้า, น้ำเมาที่ได้จากการกลั่น, (มักใช้เป็นทางการ), เช่นร้านนี้ขายแต่สุราต่างประเทศ. (ป., ส.).
สุราบาน
น. การดื่มเหล้า; นํ้าเหล้า.
สุรางค์จำเรียง
น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สุรางคนา ๑
ดู สุร– ๒.
สุรางคนา ๒, สุรางคนางค์
ดู สุร– ๒.
สุรางคนา ๒, สุรางคนางค์
ดู สุร– ๒.
สุรารักษ์
ดู สุร– ๒.
สุราลัย
ดู สุร– ๒.
สุรินทร์
ดู สุร– ๒.
สุรินทราหู
[สุรินทะราหู] น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สุริย–, สุริยะ
[–ริยะ–] น. พระอาทิตย์, ดวงตะวัน. (ป. สุริย; ส. สูรฺย);(โหร) ชื่อยาม ๑ ใน ๘ ยามในเวลากลางวัน. (ดู ยาม).
สุริย–, สุริยะ
[–ริยะ–] น. พระอาทิตย์, ดวงตะวัน. (ป. สุริย; ส. สูรฺย);(โหร) ชื่อยาม ๑ ใน ๘ ยามในเวลากลางวัน. (ดู ยาม).
สุริยกันต์, สุริยกานต์
น. ชื่อแก้วชนิดหนึ่งถือกันว่าเมื่อถูกแสงพระอาทิตย์ทําให้เกิดไฟ, สูรยกานต์ ก็ว่า. (ป. สุริยกนฺต; ส. สูรฺยกานฺต).
สุริยกันต์, สุริยกานต์
น. ชื่อแก้วชนิดหนึ่งถือกันว่าเมื่อถูกแสงพระอาทิตย์ทําให้เกิดไฟ, สูรยกานต์ ก็ว่า. (ป. สุริยกนฺต; ส. สูรฺยกานฺต).
สุริยการ
น. แสงพระอาทิตย์.
สุริยกาล
น. เวลากลางวัน.
สุริยคติ
[สุริยะคะติ] น. วิธีนับวันและเดือนแบบสากล โดยถือกําหนดตําแหน่งดวงอาทิตย์เป็นหลัก เช่น วันที่ ๑ ถึงวันที่ ๓๑ เป็นการนับวันทางสุริยคติ เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม เป็นการนับเดือนทางสุริยคติ.
สุริยคราส, สูรยคราส
[สุริยะคฺราด, สูระยะคฺราด] (ปาก) น. 'การกลืนดวงอาทิตย์' ตามความเข้าใจของคนโบราณที่เชื่อว่าพระราหูอมดวง อาทิตย์, สุริยุปราคา ก็เรียก.
สุริยคราส, สูรยคราส
[สุริยะคฺราด, สูระยะคฺราด] (ปาก) น. 'การกลืนดวงอาทิตย์' ตามความเข้าใจของคนโบราณที่เชื่อว่าพระราหูอมดวง อาทิตย์, สุริยุปราคา ก็เรียก.
สุริยเคราะห์
น. สุริยคราส.
สุริยภิม
(โบ) น. เรียกทองที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ผู้ทำนายสุริยุปราคาได้ถูกต้องว่า ทองสุริยภิม ในข้อความว่า เมื่อสุริยุปราคาได้ทองสุริยภิมคนแลบาทด้วยกัน. (สามดวง).
สุริยมณฑล
น. ดวงหรือวงตะวัน, สูรยพิมพ์ หรือ สูรยมณฑล ก็ว่า.(ป.; ส. สูรยมณฺฑล).
สุริยวงศ์
น. วงศ์แห่งกษัตริย์เนื่องมาจากพระอาทิตย์, คู่กับ จันทรวงศ์. (ส.).
สุริยง, สุริยา, สุริเยนทร์, สุริเยศ, สุริโย
(กลอน) น. พระอาทิตย์.
สุริยง, สุริยา, สุริเยนทร์, สุริเยศ, สุริโย
(กลอน) น. พระอาทิตย์.
สุริยง, สุริยา, สุริเยนทร์, สุริเยศ, สุริโย
(กลอน) น. พระอาทิตย์.
สุริยง, สุริยา, สุริเยนทร์, สุริเยศ, สุริโย
(กลอน) น. พระอาทิตย์.
สุริยง, สุริยา, สุริเยนทร์, สุริเยศ, สุริโย
(กลอน) น. พระอาทิตย์.
สุริยน, สุริยัน
น. พระอาทิตย์. (ทมิฬ).
สุริยน, สุริยัน
น. พระอาทิตย์. (ทมิฬ).
สุริยุปราคา
[–ยุปะราคา, –ยุบปะราคา] น. ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลกโคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน ดวงจันทร์จึงบังแสงอาทิตย์ที่ส่องมายังโลก เป็นเหตุให้เห็นดวงอาทิตย์มืดเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด, (ปาก) สุริยคราส หรือสูรยคราส.
สุรีย์
น. พระอาทิตย์, ดวงตะวัน.
สุรุ่ยสุร่าย
ว. ชอบจับจ่ายใช้สอยสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น เช่น เขามีนิสัยสุรุ่ยสุร่าย เงินเดือนจึงไม่พอใช้.
สุเรนทร์
ดู สุร– ๒.
สุลต่าน
[สุนละ–] น. ประมุขของบางประเทศหรือเจ้าครองนครบางรัฐที่นับถือศาสนาอิสลาม. (อ. sultan).
สุว–
[–วะ–] คําอุปสรรคในภาษาบาลีและสันสกฤตแปลว่า ดี,งาม, ง่าย, สําหรับเติมหน้าคํา เช่น สุวคนธ์. (ป., ส. สุ).
สุวภาพ
ว. สุภาพ.
สุวรรณ, สุวรรณ–
[–วัน, –วันนะ–] น. ทอง. (ส. สุวรฺณ; ป. สุวณฺณ).
สุวรรณ, สุวรรณ–
[–วัน, –วันนะ–] น. ทอง. (ส. สุวรฺณ; ป. สุวณฺณ).
สุวรรณภูมิ
[สุวันนะพูม] น. ดินแดนแหลมทองซึ่งเชื่อกันว่ามีอาณาบริเวณครอบคลุมพม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม มาเลเซียและสิงคโปร์.
สุวะ
[–วะ] น. นกแขกเต้า. (ป.; ส. ศุก).
สุวาน
น. หมา. (ป.; ส. ศฺวาน).
สุวินัย
ว. สอนง่าย, ว่าง่าย, ดัดง่าย. (ป., ส.).
สุวิมล
ว. กระจ่างหรือบริสุทธิ์แท้. (ส.).
สุษิระ
น. เครื่องดนตรีที่ใช้เป่า มีขลุ่ย ปี่ เป็นต้น. (ส.).
สุสาน
น. สถานที่สำหรับฝังหรือเผาศพ. (ป.; ส. ศฺมศาน).
สุหนัต
น. พิธีขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายตามข้อกำหนดในศาสนาอิสลาม.
สุหร่ง
ว. มีสีดี, มีสีงาม, งามฉูดฉาด, งามเรืองรอง, เพี้ยนมาจาก สุรงค์.
สุหร่าย
[–หฺร่าย] น. เครื่องโปรยนํ้า รูปทรงคล้ายภาชนะกรวดน้ำคอสูง ปากมีจุกปิดและเจาะรูอย่างฝักบัว สำหรับสลัดน้ำให้เป็นฝอย. (เปอร์เซีย surahi).
สุหฤท, สุหัท
[–หะริด, –หัด] น. เพื่อน, ผู้มีใจดี, ใช้ว่า โสหัท หรือ เสาหฤทก็มี. (ส. สุหฺฤท; ป. สุหท).
สุหฤท, สุหัท
[–หะริด, –หัด] น. เพื่อน, ผู้มีใจดี, ใช้ว่า โสหัท หรือ เสาหฤทก็มี. (ส. สุหฺฤท; ป. สุหท).
สุเหร่า
[–เหฺร่า] น. ที่ประชุมทำศาสนกิจของมุสลิม, มัสยิด ก็เรียก.
สู ๑
(วรรณ) ว. อาย เช่น มาเดียวเปลี่ยวอกอ้า อายสู.(ตะเลงพ่าย).
สู ๒
(โบ) ส. ท่าน, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒.
สูเจ้า
(โบ) ส. ท่าน, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒.
สู่
ก. ไปเยี่ยม เช่น ไปมาหาสู่กัน; แบ่งให้ เช่น มีอะไรก็เอามาสู่กันกิน. บ. ถึง, ยัง, เช่น หันหน้าสู่ทิศเหนือ ขอจงไปสู่สุคติ.
สู่ขวัญ
ก. ประกอบพิธีทำขวัญ เช่น ทำพิธีสู่ขวัญ.
สู่ขอ
ก. เจรจาขอหญิงจากพ่อแม่หรือผู้ปกครองเพื่อการแต่งงานเช่น เขาขอให้พ่อแม่ไปสู่ขอลูกสาวกำนัน.
สู่รู้
ก. อวดรู้ เช่น ถ้าไม่รู้จริง อย่าสู่รู้.
สู่สม
(วรรณ) ก. อยู่ร่วมกันเสมือนผัวเมีย, อยู่ร่วมกันอย่างผัวเมีย,เขียนเป็น สู่สํ ก็มี เช่น ดินฤขัดเจ้าหล้า สู่สํสองสํฯ. (กำสรวล).
สู่สุขคติ
ก. ตาย.
สู่หา
ก. ไปมาหากัน.
สู้
ก. เอาชนะกันด้วยกำลังกาย อาวุธ หรือสติปัญญาความสามารถเป็นต้น เช่น ชกสู้เขาไม่ได้จึงยอมแพ้ทหารสู้กันในสนามรบ เล่นหมากรุกสู้กัน; มีสติปัญญาความสามารถเป็นต้นทัดเทียมกันหรือเหนือกว่า เช่น มีสติปัญญาสู้เขาได้; ยอมทน เช่น พูดไปก็ไม่ดี สู้นิ่งไม่ได้.
สู้คดี, สู้ความ
(ปาก) ก. เป็นความ, มีคดีพิพาทหรือฟ้องร้องกันในโรงศาล.
สู้คดี, สู้ความ
(ปาก) ก. เป็นความ, มีคดีพิพาทหรือฟ้องร้องกันในโรงศาล.
สู้คน
ก. มีใจกล้าไม่ยอมแพ้ใคร เช่น เขาเป็นคนสู้คน, บางทีก็ใช้เรียกคนที่ขี้ขลาดไม่ยอมสู้ใครว่า เป็นคนไม่สู้คน.
สู้ครู
ก. มีความรู้พอ ๆ กับครูหรือเหนือกว่า เช่น ความรู้ของเขาสู้ครูได้; (โหร) เรียกคนที่ดวงชะตามีพฤหัสอยู่ในราศีสิงห์มีอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนว่า พฤหัสสู้ครู ซึ่งหมายความว่ามีใจกล้า มีใจเข้มแข็งพอที่จะสู้กับผู้รู้หรือผู้ชำนาญชั้นครูได้.
สู้แดดสู้ฝน
ก. ทนแดดทนฝน.
สู้ตา, สู้สายตา
ก. กล้าสบตา เช่น ว่าแล้วยังสู้สายตาอีก.
สู้ตา, สู้สายตา
ก. กล้าสบตา เช่น ว่าแล้วยังสู้สายตาอีก.
สู้ตาย, สู้จนตัวตาย
ก. สู้อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน, สู้ถวายหัว ก็ว่า.
สู้ตาย, สู้จนตัวตาย
ก. สู้อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน, สู้ถวายหัว ก็ว่า.
สู้ถวายหัว
ก. สู้อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน, สู้ตาย หรือ สู้จนตัวตาย ก็ว่า.
สู้ปาก, สู้ฝีปาก
ก. เถียงกัน เช่น สู้ปากเขาไม่ได้, สู้สีปาก ก็ว่า.
สู้ปาก, สู้ฝีปาก
ก. เถียงกัน เช่น สู้ปากเขาไม่ได้, สู้สีปาก ก็ว่า.
สู้ยิบตา
(สำ) ก. สู้จนถึงที่สุด, สู้ไม่ถอย, เช่น เขาสู้ยิบตาแม้ว่าจะสะบักสะบอมเพียงใดก็ไม่ยอมแพ้. (กร่อนมาจากสำนวนเกี่ยวกับการตีไก่ซึ่งถูกตีจนต้องเย็บตาว่า สู้จนเย็บตา).
สู้รบตบมือ
ก. ต่อสู้, ทะเลาะวิวาท, เช่น เราจะเอากำลังที่ไหนไปสู้รบตบมือกับคนมีอำนาจอย่างเขา เขาไม่ยอมสู้รบตบมือด้วย.
สู้ราคา
ก. มีกำลังที่จะซื้อได้ เช่น ไม่ว่าของชิ้นนี้จะแพงสักเท่าใดฉันก็จะสู้ราคา.
สู้หน้า
ก. รอหน้า, เผชิญหน้า, เช่น เขาทำผิด เลยไม่กล้าสู้หน้าฉัน.
สู้เหมือนหมาจนตรอก
(สํา) ก. ฮึดสู้เพราะไม่มีทางหนี เช่น พอจนมุมเข้า เขาก็สู้เหมือนหมาจนตรอก.
สูกษมะ
[สูกสะมะ] ว. สุขุม, ละเอียด. (ส. สูกฺษม; ป. สุขุม).
สูง
ว. มีระยะที่วัดตรงขึ้นไปตามแนวตั้งฉากกับพื้น เช่น ต้นไม้สูง ภูเขาสูง; เหนือระดับปรกติ เช่น อุณหภูมิสูงไข้สูง ความสามารถสูง; แหลม เช่น เสียงสูง, ระดับเหนือเสียงกลางเช่น อักษรสูง; ตรงข้ามกับ ต่ำ เช่น จิตใจสูง.
สูงค่า
ว. มีค่ามาก เช่น แจกันลายครามใบนี้สูงค่ามากเพราะเป็นสมบัติตกทอดมาหลายชั่วอายุคนแล้ว, มีค่าสูง, มีราคาสูง,เช่น แหวนเพชรวงนี้สูงค่ามาก.
สูงชั่วนกเขาเหิน, สูงเท่านกเขาเหิน
(สํา) ว. สูงระดับที่นกเขาบิน.
สูงชั่วนกเขาเหิน, สูงเท่านกเขาเหิน
(สํา) ว. สูงระดับที่นกเขาบิน.
สูงเทียมเมฆ
(สํา) ว. สูงมาก.
สูงศักดิ์
ว. มียศศักดิ์หรือตระกูลสูง เช่น เจ้านายเป็นบุคคลที่สูงศักดิ์ เขาสืบเชื้อสายมาจากขุนนางผู้สูงศักดิ์.
สูงส่ง
ว. ที่ยกย่องกันว่าดีเด่น เช่น วรรณคดีเรื่องนี้ยกย่องกันว่ามีค่าทางวรรณศิลป์สูงส่ง.
สูงสุด
ว. มากที่สุด เช่น ตัวเลขสูงสุด เขาได้คะแนนคณิตศาสตร์สูงสุดในชั้น.
สูงสุดสอย, สูงสุดเอื้อม
(สํา) ว. สูงเกินกว่าที่จะสอยหรือเอื้อมได้, โดยปริยายใช้หมายถึงหญิงสูงศักดิ์ที่ยากเกินกว่าที่คนธรรมดาสามัญจะเอามาเป็นภรรยาได้.
สูงสุดสอย, สูงสุดเอื้อม
(สํา) ว. สูงเกินกว่าที่จะสอยหรือเอื้อมได้, โดยปริยายใช้หมายถึงหญิงสูงศักดิ์ที่ยากเกินกว่าที่คนธรรมดาสามัญจะเอามาเป็นภรรยาได้.
สูงเสียดฟ้า
(สำ) ว. สูงมากจนเสมือนว่าจดฟ้า.
สูงอายุ
ว. มีอายุมาก.
สูจกะ
[–จะกะ] น. ผู้ชี้แจง; ผู้นําจับ; ผู้ส่อเสียด. (ป., ส.).
สูจนะ
[–จะนะ] น. การชี้แจง; การนําจับ; การส่อเสียด. (ป., ส.).
สูจิ
น. เข็ม; เครื่องชี้; รายการ; สารบัญ. (ป., ส.).
สูจิบัตร
น. ใบแจ้งกำหนดการต่าง ๆ ในการประชุม การแสดงมหรสพเป็นต้น เช่น สูจิบัตรการแสดงวิพิธทัศนา.
สูญ
ก. ทําให้หายสิ้นไป เช่น คนโบราณใช้ปูนแดงสูญฝี, หายไปเช่น ทรัพย์สมบัติสูญไปในกองเพลิง. ว. ที่หมดไป ในคำว่าหนี้สูญ. (ป. สุ?ฺ?; ส. ศูนฺย).
สูญขี้ผึ้ง
น. กรรมวิธีหนึ่งในการหล่อโลหะ ใช้ขี้ผึ้งพอกหุ้มแกนทรายให้เป็นหุ่น แล้วทาไล้ด้วยดินเหนียวผสมขี้วัวและน้ำ จึงเข้าดินเป็นพิมพ์ นำไปเผาไฟสำรอกขี้ผึ้งให้ละลายออกจากพิมพ์จากนี้เทโลหะหลอมเหลวเข้าแทนที่ขี้ผึ้ง.
สูญเปล่า
ว. หมดสิ้นไปโดยไร้ประโยชน์ เช่น ลงทุนครั้งนี้สูญเปล่าจริง ๆนอกจากไม่ได้กำไรแล้วยังขาดทุนอีกด้วย.
สูญสิ้น
ก. หมดไปโดยไม่มีอะไรเหลือ เช่น เขาสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างเพราะเป็นทาสการพนัน.
สูญเสีย
ก. สูญไปทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน เช่น สูญเสียชีวิต สูญเสียทรัพย์สมบัติ สูญเสียอวัยวะ.
สูญหาย
ก. หายไป เช่น พี่น้องสูญหายไปในสงคราม.
สูด ๑
ก. หายใจเข้าไปโดยแรง เช่น สูดลมหายใจ สูดอากาศ; เดินหมากรุกข้ามตาตรงไปโดยไม่เป็นไปตามกําหนดที่วางไว้(ใช้เฉพาะเม็ดและขุน); ส่งให้สูง.
สูด ๒
ดู กระสูบ.
สูต
น. ผู้ขับรถหรือนายม้าต้น, สารถี. (ป., ส.).
สูตร ๑
[สูด] น. กฎสําหรับจดจํา เช่น สูตรคูณ สูตรคณิตศาสตร์;ส่วนประกอบที่กำหนดขึ้นในการปรุงยา อาหาร เครื่องดื่มเป็นต้น. (ส.; ป. สุตฺต).
สูตรเคมี
น. หมู่สัญลักษณ์ของธาตุซึ่งเขียนขึ้นแทนสารใดสารหนึ่งเพื่อแสดงให้ทราบว่า ๑ โมเลกุลของสารนั้น ๆ ประกอบด้วยธาตุใดบ้าง และมีอย่างละกี่อะตอม เช่น H2O เป็นสูตรเคมีที่เขียนขึ้นแทนนํ้า เพื่อแสดงว่านํ้า ๑ โมเลกุล ประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน ๒ อะตอม และธาตุออกซิเจน ๑ อะตอม.
สูตร ๒
[สูด] น. ชื่อหลักธรรมในพระสุตตันตปิฎก เรียกว่า พระสูตรเช่น มงคลสูตร กาลามสูตร; ข้อความทางปรัชญาที่เรียบเรียงร้อยกรอง หรือย่อขึ้นไว้สำหรับท่องจำ เช่น โยคสูตร นยายสูตรสูตรสนธิ.
สูตร ๓
น. มุ้ง, ม่าน, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสูตร หรือ พระวิสูตร.
สูติ, สูติ–
[สู–ติ–] น. การเกิด, กําเนิด, การคลอดบุตร. (ส.).
สูติ, สูติ–
[สู–ติ–] น. การเกิด, กําเนิด, การคลอดบุตร. (ส.).
สูติกรรม
น. การทำคลอด.
สูติบัตร
น. เอกสารที่แสดงถึงสัญชาติ วัน เดือน ปี เวลา สถานที่เกิด และชื่อบิดามารดาของบุคคลโดยนาย ทะเบียนเป็นผู้ออกให้.
สูตินรีเวช
[–นะรีเวด] น. วิชาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การคลอด และโรคเฉพาะสตรี.
สูติแพทย์
น. แพทย์ทำคลอดและรักษาโรคที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์.
สูติศาสตร์
น. วิชาว่าด้วยการปฏิบัติรักษาเรื่องการตั้งครรภ์ การทำคลอด และภาวะหลังคลอด.
สูท, สูท–
[สูด, สูทะ–] น. คนครัว. (ป., ส.).
สูท, สูท–
[สูด, สูทะ–] น. คนครัว. (ป., ส.).
สูทกรรม
[สูทะ–] น. การทํากับข้าวของกิน. (ส. สูทกรฺมนฺ).
สูทศาสตร์
[สูทะ–] น. วิชาทํากับข้าว.
สูนะ
(แบบ) ก. เกิด, เป็นขึ้น; บาน, ผลิ, (ใช้แก่ดอกไม้). (ส.).
สูนุ
(แบบ) น. ลูก, ลูกเล็ก ๆ, เด็ก. (ป., ส.).
สูบ ๑
น. เครื่องสําหรับดูดของเหลวเช่นนํ้าให้เคลื่อนจากระดับเดิมไปสู่ระดับใหม่, เครื่องสำหรับดูดหรืออัดลม. ก. ดูดเข้าไป เช่น สูบบุหรี่ สูบกัญชา, ดูดออกมา เช่น สูบส้วมสูบน้ำออกจากนา.
สูบเลือด, สูบเลือดสูบเนื้อ
ก. เรียกเอาเงินหรือทรัพย์สินของผู้อื่นด้วยอาการขูดรีดหรือเอารัดเอาเปรียบอย่างยิ่ง.
สูบเลือด, สูบเลือดสูบเนื้อ
ก. เรียกเอาเงินหรือทรัพย์สินของผู้อื่นด้วยอาการขูดรีดหรือเอารัดเอาเปรียบอย่างยิ่ง.
สูบ ๒
ดู กระสูบ.
สูป–, สูปะ
[สูปะ–] น. ของกินที่เป็นนํ้า, แกง, ของต้มที่เป็นนํ้า, มักใช้เข้าคู่กับคํา พยัญชนะ เป็น สูปพยัญชนะ หมายความว่า กับข้าว.(ป., ส.).
สูป–, สูปะ
[สูปะ–] น. ของกินที่เป็นนํ้า, แกง, ของต้มที่เป็นนํ้า, มักใช้เข้าคู่กับคํา พยัญชนะ เป็น สูปพยัญชนะ หมายความว่า กับข้าว.(ป., ส.).
สูปการ
น. คนครัว.
สูร
[สูน, สูระ] น. ผู้กล้าหาญ, นักรบ; พระอาทิตย์. (ป., ส.). ว. กล้าหาญ, เข้มแข็ง. (ป.; ส. ศูร).
สูรย–
[สูระยะ–] น. พระอาทิตย์, ตะวัน, มักใช้เป็นส่วนหน้าของสมาส. (ส.; ป. สุริย).
สูรยกานต์
น. ชื่อแก้วชนิดหนึ่งถือกันว่าเมื่อถูกแสงพระอาทิตย์ทําให้เกิดไฟ, สุริยกันต์ หรือ สุริยกานต์ ก็ว่า. (ส. สูรฺยกานฺต;ป. สุริยกนฺต).
สูรยคราส, สุริยคราส
น. 'การกลืนดวงอาทิตย' ตามความเข้าใจของคนโบราณที่เชื่อว่าพระราหูอมดวงอาทิตย์, สุริยุปราคา ก็เรียก.
สูรยคราส, สุริยคราส
น. 'การกลืนดวงอาทิตย' ตามความเข้าใจของคนโบราณที่เชื่อว่าพระราหูอมดวงอาทิตย์, สุริยุปราคา ก็เรียก.
สูรยพิมพ์
น. ดวงหรือวงตะวัน, สุริยมณฑล หรือ สูรยมณฑล ก็ว่า.
สูรยมณฑล
น. ดวงหรือวงตะวัน, สุริยมณฑล หรือ สูรยพิมพ์ ก็ว่า.(ส.; ป. สุริยมณฺฑล).
สูรยวาร
น. วันอาทิตย์, อาทิจจวาร หรือ อาทิตยวาร ก็ว่า.
สูรย์
[สูน] (ปาก) น. สุริยุปราคา ในคำว่า เกิดสูรย์.
สูริ
น. คนมีปัญญา. (ป., ส.); ผู้กล้าหาญ. (ป.; ส. ศูริ).
สูสี
ก. เกี่ยวพัน, ข้องแวะ, เช่น อย่าไปสูสีกับคนพาล; ไล่เลี่ย,พอ ๆ กัน, เช่น ฝีมือของ ๒ คนนี้สูสีกัน สอบได้คะแนนสูสีกัน.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น