คำศัพท์ภาษาไทย ขึ้นต้นด้วย ก


พยัญชนะตัวต้น เป็นพวกอักษรกลาง ใช้เป็นตัวสะกดในแม่กก.

ก กา
น. เรียกแม่บทแจกลูกพยัญชนะต้นกับสระโดยไม่มีตัวสะกดว่าแม่ ก กา หรือ มาตรา ก กา.

ก ข
[โบ อ่านว่า กอข้อ] น. พยัญชนะแต่ ก ถึง ฮ.

ก ข ไม่กระดิกหู
[โบ อ่านว่า กอข้อ-] (สํา) น. ผู้ที่เรียนหนังสือแล้วไม่รู้ อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้.

ก หัน
น. อักษร ก คู่ ในหนังสือโบราณใช้แทนไม้หันอากาศตัวหนึ่ง เป็นตัวสะกดตัวหนึ่ง เช่น จกก = จัก หลกก = หลัก.

ก็ ๑
สัน. แล้ว, จึง, ย่อม, เช่น พอหันหน้ามาก็พบเขา ทำดีก็ได้ดี.

ก็ ๒
นิ. ไขความ เช่น ถึงแก่กรรมก็ตายนั่นเอง ประสาทพิการก็บ้านั่นเอง,เน้นความให้เด่นหรือให้ชัดแจ้ง เช่น ทั้งฟืนเจ้าก็หัก ทั้งผักเจ้าก็หา.

ก็ดี
นิ. แสดงความหมายเป็นส่วน ๆ หรือเน้นความให้มีน้ำหนักเท่ากัน เช่นบิดาก็ดี มารดาก็ดี ย่อมรักบุตร ยานี้กินก็ได้ ทาก็ได้.

ก็ได้ ๑
นิ. แสดงความหมายเป็นส่วน ๆ หรือเน้นความให้มีน้ำหนักเท่ากัน เช่นบิดาก็ดี มารดาก็ดี ย่อมรักบุตร ยานี้กินก็ได้ ทาก็ได้.

ก็ได้ ๒
นิ. แสดงความหมายว่ายอมอย่างไม่เต็มใจนัก เช่น ท่านจะไปก็ได้.

ก็ตาม
นิ. ใช้อย่าง ก็ดี, แต่บางแห่งมีแววความหมายเท่ากับ ก็ตามใจ ก็ตามทีก็ตามเรื่อง แล้วแต่กรณีที่ใช้ โดยอาศัยพฤติการณ์ของเรื่องเป็นเครื่องแวดล้อม.

ก็แหละ
นิ. คําขึ้นต้นใหม่ต่อข้อความเดิม เช่น ก็แหละการที่บุคคลจะมีความเจริญได้นั้น จะต้องมีคุณธรรม.

กก ๑
น. เรียกคำหรือพยางค์ที่มีตัว ก ข ค ฆ สะกดว่า แม่กก หรือมาตรากก.

กก ๒
น. โคน เช่น กกไม้, ต้น เช่น กกขา, ลําต้น เช่น กกเสา.

กกหู
น. บริเวณหลังใบหู.

กก ๓
น. ชื่อไม้ล้มลุกในวงศ์ Cyperaceae เกิดในที่ชุ่มแฉะ ชนิดลําต้นกลมใช้ทอหรือสานเสื่อ เรียกว่า กกกลม หรือ กกเสื่อ (Cyperus corymbosusRottb., C. tegetiformis Roxb.) ที่ลําต้นเป็นสามเหลี่ยม เช่น กกลังกา(C. alternifolius L.) กกสามเหลี่ยม [Schoenoplectus grossus (L.f.)Palla] กกขนาก หรือ กกกระหนาก (C. difformis L.).

กก ๔
ก. แนบไว้กับอก โดยปรกติเป็นอิริยาบถนอน เช่น กกกอด กกไข่ กกลูก,โดยปริยายหมายความว่า เก็บนิ่งไว้นานเกินควร เช่น เอาเรื่องไปกกไว้.

กก ๕
(ถิ่น-พายัพ) ก. ตัด, บั่น, เช่น กกกิ่ง กกยอด.

กก ๖
น. ซอกด้านในหรือซอกด้านหลังของบานประตูหรือหน้าต่าง, ถ้าเป็นด้านหลังของแผ่นบานประตู เรียกว่า กกประตู, ถ้าเป็นด้านหลังของแผ่นบานหน้าต่าง เรียกว่า กกหน้าต่าง.

กก ๗
ดู กะวะ ๒.

ก๊ก
น. พวก, หมู่, เหล่า, โดยปรกติมักใช้เข้าคู่กันว่า เป็นก๊กเป็นพวก เป็นก๊กเป็นหมู่ เป็นก๊กเป็นเหล่า. (จ. ว่า ประเทศ).

กกขนาก
ดู กก ๓.

กกช้าง
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Typha angustifolia L. ในวงศ์ Typhaceae ขึ้นในน้ำ ช่อดอกคล้ายธูปขนาดใหญ่, กกธูป ธูปฤๅษี ปรือ หรือ เฟื้อ ก็เรียก.

กกธูป
ดู กกช้าง.

กกุธภัณฑ์
[กะกุดทะ-] น. เครื่องหมายความเป็นพระราชาธิบดี ตามที่แสดงไว้ในบรมราชาภิเษก ร. ๗ คือ ๑. พระมหาพิชัยมงกุฎ ๒. พระแสงขรรค์ชัยศรี๓. ธารพระกร ๔. วาลวีชนี (พัดกับแส้จามรี) ๕. ฉลองพระบาท รวมเรียกว่า เบญจราชกกุธภัณฑ์. (ป. กกุธ ว่า เครื่องหมายความเป็นพระราชา + ภณฺฑ ว่า ของใช้; ระบุไว้ในอภิธานัปปทีปิกา คาถาที่ ๓๕๘ว่า พระขรรค์ ฉัตร อุณหิส ฉลองพระบาทวาลวีชนี คือ มีฉัตรแทนธารพระกร; ในจดหมายเหตุบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๒ มีทั้งฉัตรและธารพระกร พระแสงขรรค์ พระแสงดาบ วาลวีชนี พระมหาพิชัยมงกุฎและฉลองพระบาท รวมเป็น ๗ สิ่ง.(รูปภาพ เบญจราชกกุธภัณฑ์)วาลวีชนี ที่ปรากฏวัตถุเป็นพัดกับแส้จามรีนั้น แต่ก่อนเป็นพัดใบตาลอย่างที่เรียกว่า พัชนีฝักมะขาม ต่อมาท่านเห็นควรเป็นแส้จามรีจะถูกกว่า เพราะศัพท์ว่า วาลวีชนี หมายความเป็นแส้ขนโคชนิดหนึ่ง จึงสร้าง'แส้จามรีขึ้น แต่ก็ไม่อาจเลิกพัดใบตาลของเก่า เป็นอันรวมไว้ทั้ง๒ อย่างในเครื่องที่เรียกว่า วาลวีชนี).

กง ๑
น. เรียกคำหรือพยางค์ที่มีตัว ง สะกด ว่า แม่กง หรือ มาตรากง.

กง ๒
น. วง, ส่วนรอบของล้อเกวียนหรือล้อรถม้าเป็นต้น, เรียกสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ขนมกง, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคํา วง ว่า เป็นวงเป็นกง; ไร่ล้มลุกที่ถางป่าเป็นหย่อม ๆ ตามเนื้อที่และกั้นเป็นขอบเขตไว้. (กลอน) ก. แวดล้อม เช่น ม้ากันม้ากง. (ไทยสิบสองปันนาและสิบสองจุไทย กง ว่า ขอบเขตที่ล้อม เช่น ดินกง คือ ดินที่ล้อมเป็นขอบเขตไว้,ร่ายกง คือไร่ที่ล้อมเป็นขอบเขตไว้).

กงเกวียน
น. ล้อเกวียน.

กงเกวียนกำเกวียน
(สํา) ใช้เป็นคําอุปมาหมายความว่า เวรสนองเวร, กรรมสนองกรรม, เช่นทําแก่เขาอย่างไร ตนหรือลูกหลานเป็นต้นของตนก็อาจจะถูกทำในทำนองเดียวกันอย่างนั้นบ้าง เป็นกงเกวียนกําเกวียน.

กงจักร
น. สิ่งที่มีรูปเป็นวงกลม มีริมเป็นแฉก ๆ โดยรอบ.

กงพัด ๑
น. กงสําหรับพัด เป็นรูปใบพัดที่หมุนได้ เช่น กงพัดสีลม กงพัดเครื่องสีฝัดกงพัดเครื่องระหัด; ประตูหมุน; เครื่องมือชนิดหนึ่งเป็นไม้ยาวประมาณ๕๐ เซนติเมตร เจาะรูหัวท้าย ใส่ไม้ขวาง สําหรับพัดด้าย.

กงพัด ๒
น. ไม้เหลี่ยมสอดในรูซึ่งเจาะที่โคนเสาเรือน ปลายทั้ง ๒ ยื่นออกมาวางอยู่บนหมอน (ซึ่งเรียกว่า งัว) ข้างละต้น, หรือถ้าไม่เจาะรู ก็ใช้เป็น ๒ อัน ตีขวางขนาบโคนเสาข้างละอันวางอยู่บนหมอนเหมือนกัน เพื่อกันทรุด.

กงเวียน
(โบ) น. เครื่องมือสำหรับเขียนวงกลม ส่วนโค้งของวงกลม หรือกะระยะทำด้วยโลหะ มี ๒ ขา ปลายข้างหนึ่งแหลม ปลายอีกข้างหนึ่งมีดินสอเป็นต้น อีกแบบหนึ่งมีปลายแหลมทั้ง ๒ ข้าง แบบหลังนี้ใช้สำหรับเขียนบนโลหะก็ได้, กางเวียน หรือ วงเวียน ก็ว่า.

กง ๓
น. ไม้รูปโค้งที่ตั้งเป็นโครงเรือ (เทียบมลายู กง, ตะเลง กง, ในความเดียวกัน); ไม้สําหรับดีดฝ้ายมีรูปเหมือนคันธนู เรียกว่าไม้กง หรือไม้กงดีดฝ้าย (เทียบอะหม ไม้กงดีดฝ้าย และ คันกระสุน ว่า กง;พายัพ ว่า โก๋ง ได้แก่ คันกระสุน), เสลี่ยงที่มีพนักโค้งเหมือนกงเรือเรียกว่า เสลี่ยงกง.

กงข้าง
น. กงที่ตรึงข้างไม่ถึงท้องเรือสลับกับกงวาน. (ตํานานภาษีอากร).

กงค้าง
น. กงที่ตรึงข้างไม่ถึงท้องเรือสลับกับกงวาน. (ตํานานภาษีอากร).

กงวาน
น. กงที่มีรูสําหรับน้ำเดินที่ท้องเรือ. (ม. ร่ายยาว กุมาร).

กง ๔
น. ปลามังกง. (ประถม ก กา ในจินดามณี).

กง ๕
ดู จงโคร่ง, โจงโคร่ง.

ก่ง
ก. ทำให้งอเป็นรูปโค้ง, ทำให้โค้ง, เช่น ก่งศร ก่งคอ, โก่ง ก็ว่า. ว. โค้งเช่น คิ้วก่ง, โก่ง ก็ว่า.

ก้ง
(ถิ่น-พายัพ) ว. ลาย, ด่าง, เช่น แมวก้ง ผ้าตาก้ง (คือ ผ้าตาโต ๆ ที่มีสีต่าง ๆ กัน).

ก๊ง
(ปาก) ก. ดื่ม (ใช้แก่เหล้า) เช่น ก๊งเหล้า. น. หน่วยตวงเหล้าโรงเป็นต้นตามวิธีประเพณี ๑ ก๊ง เท่ากับ ๕๐ ลูกบาศก์เซนติเมตร. (จ.).

กงกอน
ดู โกงกาง.

กงการ
(ปาก) น. กิจการ, หน้าที่, ธุระ, เช่น กงการอะไรของคุณ ไม่ใช่กงการของฉัน.

กงโก้
(ปาก) ว. โก่ง ๆ โค้ง ๆ เช่น ยืนกงโก้, หลังโกงไม่น่าดู เช่น ผอมกงโก้;เกะกะไม่เรียบร้อย เช่น กงโก้ กงกก, โกงโก้ ก็ว่า.

ก้งโค้ง
ก. โก่งก้นให้โด่ง, โน้มตัวลงยกก้นให้สูงขึ้น, โก้งโค้ง ก็ว่า.

กงฉาก
น. เครื่องยึดมุมฉาก.

กงไฉ่
น. ผักกาดเค็มชนิดหนึ่งของจีน. (จ. ก้งไฉ่ ว่า ผักดองเค็ม).

กงเต๊ก
น. การทําบุญให้แก่ผู้ตายตามพิธีของนักบวชนิกายจีนและญวน มีการสวดและเผากระดาษที่ทําเป็นรูปต่าง ๆ มีบ้านเรือน คนใช้ เป็นต้น. (จ.).

กงสี
น. ของกองกลางที่ใช้รวมกันสําหรับคนหมู่หนึ่ง ๆ, หุ้นส่วน, บริษัท.(จ. กงซี ว่า บริษัททําการค้า, กิจการที่จัดเป็นสาธารณะ).

กงสุล
(กฎ) น. ชื่อตําแหน่งของบุคคลซึ่งรัฐบาลของประเทศหนึ่งแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนประจําอยู่ในเมืองต่าง ๆ ของอีกประเทศหนึ่ง เพื่อทําหน้าที่ช่วยเหลือคนชาติของประเทศผู้แต่งตั้งกงสุลที่ไปอยู่ในเมืองต่างประเทศนั้น ๆ และเพื่อดูแลผลประโยชน์ทั่วไปของประเทศผู้แต่งตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพาณิชย์ กงสุลมี ๒ ประเภท คือ (๑) กงสุลโดยอาชีพ ได้แก่ ผู้ที่เป็นข้าราชการของประเทศผู้แต่งตั้ง และ (๒) กงสุลกิตติมศักดิ์ได้แก่ ผู้ได้รับแต่งตั้งซึ่งมิใช่ข้าราชการและไม่ได้รับเงินเดือน ซึ่งอาจเป็นคนชาติของประเทศผู้แต่งตั้ง หรือคนชาติอื่นก็ได้ กงสุลที่มีตําแหน่งเป็นหัวหน้าสถานกงสุลมี ๔ ระดับ คือ กงสุลใหญ่ กงสุลรองกงสุล และตัวแทนฝ่ายกงสุล. ว. เกี่ยวกับกงสุล เช่นสถานกงสุล เขตกงสุล พนักงานฝ่ายกงสุล. (ฝ. consul).

กช, กช-
[กด, กดชะ-] (กลอน; ตัดมาจาก บงกช) น. ดอกบัว เช่น ดุจบัวอันบานชู กชกรรณิกามาศ. (สมุทรโฆษ), โดยมากใช้เข้าคู่กับคํา กร เป็น กรกช เช่น กรกชชุลีคัล. (อิเหนาคําฉันท์). (ป. ปงฺกช).

กชกร
[กดชะกอน] (กลอน) น. 'ดอกบัวคือมือ' คือ กระพุ่มมือ เช่น กชกรต่างแต่งตั้ง ศิรสา. (หริภุญชัย).

กฎ
[กด] (โบ) ก. จดไว้เป็นหลักฐาน เช่น ให้นายยกกระบัตรกฎปากหลากคําไว้. (กฎหมายอายัดทาส), ตรา เช่น ตรัสแก่ขุนศรีภูริปรีชาให้กฎเป็นตําราไว้. (อัยการเบ็ดเสร็จ), 'พระมหาธรรมราชาก็ตรัสให้'กฎลงมาให้เอาพระยารามเป็นพระยาพิชัย. (พงศ. ๑๑๓๖).(เทียบ ข. กต่ ว่า จด). น. คําบังคับ เช่น จึ่งสมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินก็ตรัสให้ทําตามกฎให้ลงมานั้นทุกประการ. (พ.ศ. ๑๑๓๖);(กฎ) ข้อกําหนดหรือข้อบัญญัติที่บังคับให้ต้องมีการปฏิบัติตาม เช่นกฎกระทรวง กฎหมาย; (วิทยา) ข้อกําหนดในเรื่องธรรมชาติตามที่ค้นคว้าได้. (อ. law).

กฎกระทรวง
(กฎ) น. บทบัญญัติที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงออกโดยอาศัยอํานาจตามพระราชบัญญัติ หรือบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่มีฐานะเท่าพระราชบัญญัติ เป็นต้นว่า ประมวลกฎหมาย พระราชกําหนด, เดิมเรียกว่า กฎเสนาบดี.

กฎเกณฑ์
น. ข้อกําหนดที่วางไว้เป็นหลัก, หลักเกณฑ์.

กฎข้อบังคับ
(กฎ) น. บทบัญญัติที่เป็นชั้นข้อบังคับซึ่งกําหนดขึ้นไว้เป็นระเบียบในการปฏิบัติหรือดําเนินการตามกฎหมาย, ปัจจุบันนิยมใช้ว่า ข้อบังคับ.

กฎทบวง
(กฎ) น. ข้อบัญญัติที่รัฐมนตรีว่าการทบวงออกโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเช่นเดียวกับกฎกระทรวง.

กฎธรรมชาติ
น. กฎในเรื่องธรรมชาติ.

กฎธรรมดา
น. ข้อกําหนดระเบียบการปฏิบัติเนื่องจากธรรมดาวิสัยของมนุษย์และสังคม.

กฎบัตร
(กฎ) น. ตราสารที่จัดตั้ง จัดระเบียบ และกําหนดอํานาจหน้าที่ขององค์การ.

กฎบัตรกฎหมาย
(ปาก) น. กระบวนกฎหมาย, เชิงกฎหมาย.

กฎบัตรสหประชาชาติ
น. ตราสารที่สถาปนาและจัดระเบียบองค์การระหว่างประเทศที่เรียกว่า องค์การสหประชาชาติ.

กฎมณเฑียรบาล, กฎมณเทียรบาล
(โบ) น. กฎมนเทียรบาล.

กฎมนเทียรบาล
(กฎ) น. ข้อบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับพระราชฐาน พระราชวงศ์ และระเบียบการปกครองในราชสํานัก, โบราณใช้ว่า กฎมณเฑียรบาลหรือ กฎมณเทียรบาล ก็มี.

กฎยุทธวินัย
(กฎ; เลิก) น. ชื่อย่อของกฎว่าด้วยยุทธวินัยและการลงอาญาทหารบกฐานละเมิดยุทธวินัย.

กฎศีลธรรม
น. กฎว่าด้วยการกระทำที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องทางศีลธรรม.

กฎเสนาบดี
(เลิก) ดู กฎกระทรวง.

กฎหมู่
น. อํานาจกดดันที่บุคคลจํานวนมากนํามาใช้บีบบังคับให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทําหรือเว้นกระทําสิ่งที่บุคคลจำนวนนั้นต้องการ (มักไม่เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย).

กฎแห่งกรรม
น. กฎว่าด้วยกรรมและผลแห่งกรรมที่ผู้กระทําจักต้องได้รับ.

กฎอัยการศึก
(กฎ) น. กฎหมายซึ่งได้ตราขึ้นไว้สําหรับประกาศใช้เมื่อมีเหตุจําเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เช่น ในกรณีเกิดสงครามการจลาจล ในเขตที่ประกาศใช้กฎอัยการศึกเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอํานาจหน้าที่เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนในส่วนที่เกี่ยวกับการยุทธ์การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และศาลทหารมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาบางอย่างที่ประกาศระบุไว้แทนศาลพลเรือน.

กฎหมาย
(กฎ) น. กฎที่สถาบันหรือผู้มีอํานาจสูงสุดในรัฐตราขึ้น หรือที่เกิดขึ้นจากจารีตประเพณีอันเป็นที่ยอมรับนับถือ เพื่อใช้ในการบริหารประเทศ เพื่อใช้บังคับบุคคลให้ปฏิบัติตาม หรือเพื่อกําหนดระเบียบแห่งความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือระหว่างบุคคลกับรัฐ. (โบ)ก. จดบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เช่น สั่งให้นายอินกฎหมายผู้มีชื่อทั้งนี้ไว้. (พงศ. อยุธยา), ทําหนังสือเป็นหลักฐาน เช่น อนึ่ง มีผู้ทําหนังสือร้องเรียนกฎหมายว่า.... (พระราชกําหนดเก่า); ออกหมายกําหนดเช่น ให้มหาดไทยกลาโหมกฎหมายบอกแก่ตระลาการ ถ้ากฎหมายมิทั่วจะเอาตัวผู้กฎหมายลงโทษ. (พระราชกําหนดเก่า); กฎหมายงานพระบรมศพครั้งกรุงเก่า; ตราสั่ง เช่น จึ่งกฎหมายให้สามไปเดือนหนึ่งจอมไตร ดํารัสให้เร่งคืนมา. (พากย์); กําหนดขีดขั้น เช่นให้ปลูกโรงรจนาใน นอกหน้าศาลชัย ให้ตั้งพิกัดกฎหมาย. (พากย์).

กฎหมายนานาประเทศ
(กฎ; โบ) น. ชื่อเดิมของกฎหมายระหว่างประเทศ. (ดู กฎหมายระหว่างประเทศ).

กฎหมายปกครอง
(กฎ) น. กฎหมายสาขาหนึ่งของกฎหมายมหาชนที่วางหลักเกี่ยวกับการจัดระเบียบในทางปกครองของรัฐ และการดำเนินกิจกรรมของฝ่ายปกครองในการจัดทำบริการสาธารณะรวมทั้งวางหลักความเกี่ยวพันในทางปกครองระหว่างฝ่ายปกครองกับเอกชน. (อ. administrativelaw).

กฎหมายปิดปาก
(กฎ) น. หลักกฎหมายที่ไม่ยอมให้อ้างหรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ผิดไปจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามพฤติการณ์ ไม่ว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม. (อ. estoppel).

กฎหมายพาณิชย์
(กฎ) น. กฎหมายที่วางระเบียบความเกี่ยวพันทางการค้าหรือธุรกิจระหว่างบุคคล เช่น กฎหมายว่าด้วยการซื้อขาย การเช่าทรัพย์การจํานอง การจํานํา ตั๋วเงิน หุ้นส่วนบริษัท. (อ. commercial law).

กฎหมายแพ่ง
(กฎ) น. กฎหมายที่วางระเบียบความเกี่ยวพันระหว่างบุคคลเกี่ยวกับสถานภาพ สิทธิ และหน้าที่ของบุคคลตามกฎหมาย เช่น กฎหมายว่าด้วยนิติกรรม ละเมิดทรัพย์สินครอบครัว มรดก. (อ. civil law).

กฎหมายมหาชน
(กฎ) น.กฎหมายที่วางระเบียบความเกี่ยวพันระหว่างรัฐกับเอกชนในฐานะที่รัฐมีอำนาจปกครองเอกชนที่อยู่ในดินแดนของรัฐนั้น เช่นกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายอาญา. (อ. public law).

กฎหมายระหว่างประเทศ
(กฎ) น. หลักกฎหมายหรือหลักปฏิบัติที่ยอมรับกันว่าด้วยรัฐและความเกี่ยวพันระหว่างรัฐ รวมทั้งความเกี่ยวพันระหว่างรัฐกับองค์การระหว่างประเทศและประชาคมระหว่างประเทศ, เดิมเรียกว่า กฎหมายนานาประเทศ. (อ. international law).

กฎหมายรัฐธรรมนูญ
(กฎ) น. กฎหมายสาขาหนึ่งของกฎหมายมหาชนที่มีวัตถุประสงค์ในการวางระเบียบการปกครองรัฐในทางการเมือง โดยกำหนดโครงสร้างของรัฐ ระบอบการปกครอง การใช้อำนาจอธิปไตยและการดำเนินงานของสถาบันสูงสุดของรัฐที่ใช้อำนาจอธิปไตย.(อ. constitutional law).

กฎหมายเหตุ
น. จดหมายเหตุ. (พงศ. ประเสริฐ); (กฎ;โบ) กฎเกณฑ์การปฏิบัติที่ตราขึ้นหรือเนื่องจากประเพณีซึ่งมีค่าบังคับ.

กฎหมายอาญา
(กฎ) น. กฎหมายที่กําหนดลักษณะของการกระทําที่ถือว่าเป็นความผิด และกําหนดบทลงโทษทางอาญาสําหรับความผิดนั้น.(อ. criminal law).

กฎหมายเอกชน
(กฎ) น. กฎหมายที่วางระเบียบความเกี่ยวพันระหว่างเอกชนหรือระหว่างเอกชนกับรัฐ ในฐานะที่รัฐดำเนินการอย่างเอกชนเกี่ยวกับสถานภาพของบุคคลตามกฎหมาย สิทธิและหน้าที่ของเอกชน รวมทั้งวางระเบียบเกี่ยวกับทรัพย์สินของเอกชน เช่น กฎหมายแพ่งกฎหมายพาณิชย์. (อ. private law).

กฏิ
(แบบ) น. สะเอว. (ป.).

กฏุก, กฏุก-
[กะตุก, กะตุกะ-] ว. เผ็ด, เผ็ดร้อน, เช่น ตรีกฏุก หมายถึงเครื่องยาที่เผ็ดร้อนรวม ๓ อย่าง คือ พริกไทย ดีปลี ขิงแห้ง. (ป.).

กฏุกผล
[กะตุกะผน] (แบบ) น. ผลอันเผ็ดร้อน. (ชุมนุมตํารากลอน ปาราชิตฉันท์).

กฐิน, กฐิน-
[กะถิน, กะถินนะ-] น. ผ้าพิเศษที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตแก่ภิกษุสงฆ์เฉพาะกฐินกาล, ตามศัพท์แปลว่า ไม้สะดึง คือ กรอบไม้สำหรับขึงผ้าที่จะเย็บเป็นจีวร; คํา กฐิน นี้ ใช้ประกอบกับคําอื่นอันเนื่องด้วยพิธีกฐิน ผ้าที่ถวายแก่ภิกษุสงฆ์ในพิธีนี้เรียกว่า ผ้ากฐิน ในฤดูกาลเรียกว่ากฐินกาล [กะถินนะกาน] คือระยะเวลาตั้งแต่แรมค่าหนึ่ง เดือน ๑๑ถึงกลางเดือน ๑๒ ระยะเวลานี้เรียกเป็นสามัญว่า เทศกาลกฐิน[เทดสะกานกะถิน] ฤดูกฐิน หรือ หน้ากฐิน ก็มี ก่อนจะถึงกฐินกาลผู้ประสงค์จะถวายผ้ากฐินแก่ภิกษุสงฆ์วัดใดจะต้องไปแจ้งความจํานงว่าจะนำผ้ากฐินไปทอดที่วัดนั้นเป็นการล่วงหน้า การแสดงความจํานงล่วงหน้านี้ เรียกว่า จองกฐิน การทําพิธีถวายผ้ากฐิน เรียกว่า ทอดกฐินพระภิกษุผู้ได้รับมอบผ้ากฐินจากสงฆ์โดยวิธีที่กําหนดไว้ในพระวินัยเรียกว่า ผู้กรานกฐิน ผู้ครองกฐิน หรือ องค์ครองกฐิน เฉพาะผ้ากฐินบางทีก็เรียกว่า องค์กฐิน ถ้าพร้อมกับของอื่นอันเป็นบริวารสําหรับถวายภิกษุสงฆ์ เรียกว่า เครื่องกฐิน หรือ บริวารกฐิน [บอริวานกะถิน]เมื่อนําผ้ากฐินไปทอดโดยมีขบวนแห่ เรียกว่า แห่กฐิน ถ้ามีพิธีฉลอง เรียกว่า ฉลองกฐิน การที่ภิกษุสงฆ์ผู้ร่วมอยู่ในพิธีอนุโมทนาต่อองค์ครองกฐินตามพระวินัย หรือการที่บุคคลแสดงความยินดีในการที่เขาทอดกฐิน เรียกว่า อนุโมทนากฐิน [อะนุโมทะนากะถิน] ภิกษุสงฆ์ผู้ได้อนุโมทนากฐินแล้วนั้น ย่อมได้ชื่อว่าเป็น ผู้กรานกฐิน ด้วย ผลของการทอดกฐิน เรียกว่า อานิสงส์กฐิน, ในทางวินัยสิทธิพิเศษ ๕ ประการซึ่งมีแก่ภิกษุผู้ได้กรานกฐินแล้ว ก็เรียกว่า อานิสงส์กฐิน เช่นกัน. (ดู กรานกฐิน และ จุลกฐิน).

กฐินทาน
[กะถินนะทาน] น. การทอดกฐิน.

กฐินัตถารกรรม
[กะถินัดถาระกํา] น. การกรานกฐิน. (ป. ก??น + อตฺถาร + ส. กรฺม).

กฐินัตถารกรรม
ดู กฐิน, กฐิน-.

กณิกนันต์
[กะนิกนัน] (แบบ) ว. ละเอียดยิ่ง เช่น ลวดหลายลายกณิกนันต์.(ม. คําหลวง ทานกัณฑ์). (ป. กณิก ว่า น้อย + อนนฺต ว่า ไม่มีที่สุด).

กณิการ์
น. ไม้กรรณิการ์. (ม. ร่ายยาว ทานกัณฑ์).

กด ๑
น. เรียกคำหรือพยางค์ที่มีตัว จ ฉ ช ซ ฌ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ด ต ถ ท ธ ศ ษ สสะกด ว่า แม่กด หรือ มาตรากด.

กด ๒
น. (๑) ชื่อปลาไม่มีเกล็ด มีหนวด หลายชนิด หลายขนาด ครีบหลังตอนแรกและครีบอกมีก้านครีบเป็นเงี่ยง ครีบหลังตอนที่ ๒ เป็นครีบไขมัน ส่วนใหญ่เป็นสกุล Arius ในวงศ์ Ariidae พบมากในเขตน้ำกร่อย เช่น กดแดง หรือ กดหัวโม่ง (A. caelatus) บางชนิดพบในทะเล เช่น กดทะเล หรือ ริวกิว (A. thalassinus), ที่อยู่ในสกุลKetengus ได้แก่ กดหัวโต (K. typus), ในสกุล Hemipimelodusเช่น กดโป๊ะ (H. borneensis). (๒) ชื่อปลาน้ำจืดบางชนิดในสกุลMystus วงศ์ Bagriidae ลักษณะทั่วไปคล้ายกด (๑) เช่น กดเหลืองชงโลง หรือ กดขาว (M. nemurus) กดคัง (M. wyckii).

กด ๓
น. ชื่อนกชนิดหนึ่ง เช่น นกกดอดทนสู้ พบงูเห่าเอาปีกบัง.(ประพาสธารทองแดง).

กด ๔
ก. บังคับลง, ข่ม, ใช้กําลังดันให้ลง, โดยปริยายหมายความว่า แกล้งกักไว้ เช่น กดคดี; ทำให้มีค่าน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น เช่น กดราคากดคะแนน; (กลอน) สะกด, ขืน, เช่น อย่ากดใจฟั้นย่า นานนัก. (ลอ).

กดขี่
ก. ข่มให้อยู่ในอํานาจตน, ใช้บังคับเอา, ทําอํานาจเอา, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ ข่มเหง เป็น กดขี่ข่มเหง.

กดคอ
(ปาก) ก. บังคับเอา.

กดดัน
ก. บีบคั้น.

กดน้ำ
(ปาก) ก. ใช้กําลังกดสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้มิดลงไปในน้ำ ในความว่า จับกดน้ำจับหัวกดน้ำ.

กดหัว
(ปาก) ก. ทําให้หือไม่ขึ้น.

กด ๕
น. คํากํากับชื่อปีในวิธีนับศักราชของไทยเหนือ ตรงกับเลข ๗.

กดขาว
ดู กดเหลือง.

กดเหลือง
น. ชื่อปลาน้ำจืดชนิด Mystus nemurus ในวงศ์ Bagriidae ไม่มีเกล็ดหัวแบน หนวดยาวถึงครีบก้น ข้างลำตัวสีเหลือง ด้านหลังสีน้ำตาลดำมีชุกชุมทั่วไปแม้ในเขตน้ำกร่อยใกล้ปากแม่น้ำ, กดขาว หรือ ชงโลงก็เรียก.

กตเวทิตา
[กะตะ-] น. ความเป็นผู้ประกาศคุณท่าน, ความเป็นผู้สนองคุณท่าน,เป็นคําคู่กันกับ กตัญญุตา. (ป.).

กตเวที
[กะตะ-] ว. (ผู้) ประกาศคุณท่าน, (ผู้) สนองคุณท่าน, เป็นคําคู่กันกับกตัญญู. [ป. กต ว่า (อุปการคุณ) ที่ท่านทําแล้ว + เวที ว่า ผู้ให้รู้,ผู้ประกาศ].

กตัญชลี
[กะตันชะลี] (แบบ) ก. ยกมือไหว้. (ป. กต ว่า อันเขาทําแล้ว + อญฺชลีว่า กระพุ่มมือ).

กตัญญุตา
[กะตัน-] น. ความกตัญญู, ความเป็นผู้รู้อุปการคุณที่ท่านทำให้, ความเป็นผู้รู้คุณท่าน. (ป.).

กตัญญู
[กะตัน-] น. (ผู้) รู้อุปการะที่ท่านทําให้, (ผู้) รู้คุณท่าน, เป็นคําคู่กันกับกตเวที. [ป. กต ว่า (อุปการคุณ) ที่ท่านทําแล้ว + ญู ว่า ผู้รู้].

กตาธิการ
[กะตาทิกาน] (แบบ) น. อธิการ (บารมีอันยิ่ง) ที่ทําไว้. ว. มีอธิการที่ทําไว้, มีบารมีที่สั่งสมไว้. (ป. กต ว่า อันเขาทําแล้ว + อธิการ).

กตาภินิหาร
[กะตาพินิหาน] (แบบ) น. อภินิหาร (บุญอันยิ่ง) ที่ทําไว้. ว. มีอภินิหารที่ทําไว้. (ป. กต ว่า อันเขาทําแล้ว + อภินิหาร).

กติกา
[กะ-] น. กฎเกณฑ์หรือข้อตกลงที่บุคคลตั้งแต่ ๒ ฝ่ายขึ้นไปกําหนดขึ้นเป็นหลักปฏิบัติ เช่น กติกาชกมวย กติกาฟุตบอล; (กฎ) หนังสือสัญญา;ข้อตกลง. (ป.; อ. covenant).

กติกาสัญญา
(กฎ) น. ความตกลงระหว่างประเทศ. (อ. pact).

กถา
[กะ-] น. ถ้อยคํา, เรื่อง, คําอธิบาย, คํากล่าว. (ป.).

กถามรรค
[-มัก] น. ลาดเลาแห่งกถา ได้แก่เรื่องที่แต่งตามอัตโนมัติของผู้แต่งว่าด้วยธรรมนั้น ๆ. (ส. กถา + มรฺค ว่า ทาง).

กถามรรคเทศนา
[-มักคะเทดสะหฺนา] น. เทศนาฝ่ายกถามรรค, คู่กับ สุตตันตเทศนา.(ส. -เทศนา ว่า การแสดง).

กถามุข
น. เบื้องต้นของเนื้อเรื่อง. (ป.; ส. -มุข ว่า หน้า).

กถิกาจารย์
[กะถิกาจาน] (แบบ) น. อาจารย์ผู้กล่าว.(ป., ส. กถิก + ส. อาจารฺย).

กทรรป
[กะทับ] (แบบ) ก. กําหนัด เช่น ตรูกามกทรรปหฤทัย. (สมุทรโฆษ).(ส. กนฺทรฺป ว่า กามเทพ).

กทลี
[กะทะ-] (แบบ) น. กล้วย. (ป.).

กน ๑
น. เรียกคำหรือพยางค์ที่มีตัว ญ ณ น ร ล ฬ สะกด ว่า แม่กน หรือมาตรากน.

กน ๒
(โบ) ก. มัว, คอย, เฝ้า, เช่น จะกนกินแต่น้ำตาอนาทร. (นิ. ลอนดอน).

ก่น ๑
(โบ) ก. ตั้งหน้า, มุ่ง, เช่น อยู่เย็นยงงก่นเกอดพิจลการ. (ม. คําหลวงทานกัณฑ์).

ก่น ๒
ก. ขุดโค่น.

ก่นโคตร
ก. ขุดโคตรขึ้นมาด่า.

ก่นแต่
ก. เฝ้าแต่, มัวแต่, เช่น ก่นแต่จะร้องไห้.

ก่นสร้าง
(โบ) ก. ขุดโค่นต้นไม้ตอไม้และแผ้วถางเพื่อปลูกสร้าง, โก่นสร้าง ก็ว่า.

ก้น
น. ส่วนเบื้องล่างหรือส่วนท้ายของลําตัว, โดยปริยายหมายความถึงบริเวณก้นด้วย เช่น ล้างก้น; ส่วนล่างของภาชนะ เช่น ก้นหม้อ,ส่วนสุดของห้วงหรือแอ่ง เช่น ก้นบ่อ ก้นสระ ก้นคลอง, ตรงข้ามกับปาก; ส่วนสุดที่เหลือ เช่น ก้นเทียน ก้นบุหรี่.

ก้นกบ
น. ปลายกระดูกสันหลังที่สุดลงมาข้างล่าง, พายัพเรียก ก้นหย่อน,โดยปริยายเรียกสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ก้นกบว่าวจุฬา.

ก้นกระดก
(สำ) ว. ลืมตัวเพราะถูกเยินยอ.

ก้นกุฏิ
[-กุดติ] (ปาก) ว. ที่สนิทเป็นที่ไว้วางใจได้.

ก้นครัว
(ปาก) ว. ไม่ได้ออกหน้าออกตา.

ก้นตะกรน
น. ก้นที่มีขี้ตะกอน. ว. เดนคัด, เดนเลือก, ขนาดเล็กมาก, ในคำว่ามะม่วงก้นตะกรน.

ก้นบึ้ง
น. ส่วนสุดของสิ่งที่ลึก, ส่วนใต้สุด, โดยปริยายหมายถึงลักษณะที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ก้นบึ้งของหัวใจ.

ก้นปอด
น. ก้นที่สอบเล็กผิดปรกติ, ก้นที่ไม่ใคร่มีเนื้อ.

ก้นปิด
ว. เรียกใบไม้ที่มีก้านติดอยู่ภายในของใบ เช่น ใบบัว ใบมะละกอ ว่าใบก้นปิด.

ก้นแมลงสาบ
ว. แหลมมนอย่างก้นแมลงสาบ, เรียกเครื่องมือเหล็กที่มีลักษณะเช่นนั้นว่า เหล็กก้นแมลงสาบ.

ก้นย้อย
น. เนื้อก้น ๒ ข้างที่ยุ้ยออกมา.

ก้นหนัก
ว. ไปนั่งคุยอยู่นาน ไม่ยอมกลับง่าย ๆ.

ก้นหย่อน
(ถิ่น-พายัพ) น. ก้นกบ.

ก้นหอย
น. รอยเส้นขดวนเข้าหาศูนย์กลางอย่างรูปก้นหอยมีที่นิ้วมือเป็นต้น,โดยปริยายเรียกสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ม้วนผมแบบก้นหอย.

ก้นอ้อย
น. เนื้อก้น ๒ ข้างตรงที่นั่งทับ.

กนก
[กะหฺนก] (แบบ) น. ทองคํา เช่น มาลากนก = มาลัยทอง, โดยมากใช้ประกอบเป็นส่วนหน้าของสมาส เช่น กนกนัครา. (สมุทรโฆษ).(ป.; ส.).

ก้นขบ
น. ชื่องูชนิด Cylindrophis ruffus ในวงศ์ Aniliidae หรือ Uropeltidaeสีดําแกมม่วง มีลายขาวเป็นปล้อง ๆ ไม่มีพิษ แต่เข้าใจกันว่ามีพิษข้างหางเพราะชูและแผ่หางซึ่งปลายมีสีแดงส้ม.

ก้นปล่อง
น. ชื่อยุงในสกุล Anopheles วงศ์ Culicidae มีหลายชนิด ที่พบเป็นสามัญเช่น ชนิด A. minimus ยุงเหล่านี้เวลาเกาะหรือดูดเลือดคนหรือสัตว์ หัวจะปักลง ก้นชี้ขึ้น ผนังด้านล่างของส่วนท้องไม่มีเกล็ดตัวเมียมีรยางค์ที่ปากยาวออกมา ๑ คู่ เช่นเดียวกับตัวผู้ ทําให้เหมือนกับมีปากเป็นสามแฉก ตัวเมียดูดเลือดและบางชนิดเป็นพาหะในการนําโรคมาสู่คนและสัตว์ เช่น โรคมาลาเรีย ตัวผู้กินน้ำหรือน้ำหวานจากดอกไม้.

ก้นปูด
(ถิ่น-พายัพ) น. นกกะปูด. (ดู กะปูด).

กนิษฐ-,กนิษฐ์
[กะนิดถะ-, กะนิด] ว. 'น้อยที่สุด'. (ส.; ป. กนิฏฺ?), (ราชา) ถ้าใช้ว่าพระกนิษฐภคินี หมายถึง น้องสาว, ถ้าใช้ว่า พระกนิษฐภาดาหมายถึง น้องชาย, ถ้าใช้ว่า พระกนิษฐา หมายถึง น้องสาว.(ส.; ป. กนิฏฺ?).

กนิษฐภคินี
น. น้องหญิง. (-ป., ส. ภคินี ว่า น้องหญิง).

กนิษฐภาดา
น. น้องชาย. (-ป. ภาตา ว่า น้องชาย).

กนิษฐา
(กลอน) น. น้องสาว, คู่กับ เชษฐา คือ พี่ชาย; (ราชา) นิ้วก้อย ใช้ว่าพระกนิษฐา. (ส.).

กบ ๑
น. เรียกคำหรือพยางค์ที่มีตัว บ ป พ ฟ ภ สะกด ว่า แม่กบ หรือมาตรากบ.

กบ ๒
น. ชื่อสัตว์สี่เท้าสะเทินน้ำสะเทินบกในวงศ์ Ranidae ไม่มีหาง ตีนแบนมีหนังติดเป็นพืด กระโดดได้ไกล ว่ายน้ำดําน้ำได้เร็ว มักวางไข่ในน้ำเมื่อยังเป็นตัวอ่อนจะมีหาง อยู่ในน้ำเรียกว่า ลูกอ๊อด ภายหลังจึงงอกขาหางหดหายไป แล้วขึ้นอาศัยบนบก หน้าแล้งอยู่แต่ในรู ไม่ออกหาอาหารชั่วคราว เรียกว่า กบจําศีล มีหลายชนิด เช่น กบนา (Rana tigerina).

กบเต้น
น. ชื่อเพลงไทยร้องรํา ๒ ชั้นสมัยกรุงศรีอยุธยา หน้าทับสองไม้ คือ ชั้นต้นมีทํานองช้าก่อนแล้วก็เร็วเข้ากํากับกันไป ใช้กับบทโศกหรือรัญจวน เช่นตอนรจนาคร่าครวญน้อยใจที่สังข์ทองจะไม่ช่วยตีคลี. (ดึกดําบรรพ์).

กบเต้นกลางสระบัว
น. ชื่อกลบทชนิดหนึ่ง ตัวอย่างว่า หมายชิดมิตรเชือนไม่เหมือนหมาย.

กบเต้นต่อยหอย
น. ชื่อกลบทชนิดหนึ่ง ตัวอย่างว่า คิดยิ่งแสนแค้น ยิ่งศรเสียบทรวงหมอง.

กบเต้นสลักเพชร
น. ชื่อกลบทชนิดหนึ่ง ตัวอย่างว่า เจ็บเรียมห่าง จางรักให้ใจเรียมหวน.

กบเต้นสามตอน
น. ชื่อกลบทชนิดหนึ่ง ตัวอย่างว่า เจ็บคําจําคิดจิตขวย.

กบทูด
น. ชื่อกบภูเขาขนาดใหญ่ชนิด Rana blythii ในวงศ์ Ranidae ขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในประเทศไทย ตัวยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ลําอาศัยในป่าดงดิบชื้นตามธารบนภูเขา.

กบนา
น. ชื่อกบชนิด Rana tigerina ในวงศ์ Ranidae ตัวสีเขียว มีลายสีเข้มมักอาศัยในรูตามคันนา นิยมนำมาทำเป็นอาหาร.

กบในกะลาครอบ
(สำ) น. ผู้มีความรู้และประสบการณ์น้อยแต่สำคัญตนว่ามีความรู้มาก.

กบบัว
น. ชื่อกบชนิด Rana erythraea ในวงศ์ Ranidae ตัวสีเขียว ขนาดเล็กกว่ากบนา มักอาศัยอยู่ตามกอบัว จึงมีผู้เรียกว่า เขียดบัว และร้องเสียงจิ๊ก ๆบางครั้งจึงเรียกว่า เขียดจิก.

กบเลือกนาย
(สํา) น. ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนผู้บังคับบัญชาอยู่เรื่อย ๆ.

กบ ๓
ดู คางคก ๒.

กบ ๔
น. เครื่องมือช่างไม้สําหรับไสไม้ ทําหน้าไม้ให้เรียบ ให้เป็นราง หรือลอกบัวลอกลวด มีมากชนิดด้วยกัน เช่น กบกระดี่ กบบรรทัด กบบัว; อุปกรณ์ใช้เหลาดินสอ.

กบ ๕
น. (๑) ชื่อทุเรียนพันธุ์หนึ่ง. (๒) ชื่อไม้ล้มลุกมีหัวชนิดหนึ่งในสกุล Geodorumวงศ์ Orchidaceae หัวมีลักษณะเหมือนกบ เชื่อกันว่าใช้ในทางอยู่ยงคงกระพันได้, ข้าวอังกุลี ก็เรียก.

กบ ๖
ว. เต็มมาก, เต็มแน่น, เช่น ข้าวกบหม้อ มะพร้าวมีลูกกบคอ.

กบ ๗
ก. ประกบ.

กบแจะ
(ปาก) ก. แตะ, กระทบ, ประกบกัน, (ใช้เฉพาะการเล่นอย่างเล่นโยนหลุม โดยโยนสตางค์หรือเบี้ยให้ไปแตะหรือประกบกัน), แจะ ก็ว่า.

กบ ๘
น. สลักไม้ที่ใส่ไว้ด้านในส่วนล่างตอนกลางของบานหน้าต่างหรือประตูทําหน้าที่คล้ายกลอน เมื่อปิดหน้าต่างหรือประตู ใช้กบนี้สอดเข้าในช่องเจาะตัวไม้ธรณี.

กบฏ
[กะบด] ก. ประทุษร้ายต่อทางอาณาจักร, ทรยศ. น. การประทุษร้ายต่อทางอาณาจักร, ความทรยศ; ผู้ประทุษร้ายต่อทางอาณาจักร,ผู้ทรยศ, ขบถ ก็ว่า; (กฎ) ชื่อความผิดอาญาฐานกระทําความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร โดยใช้กําลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือล้มล้างอํานาจนิติบัญญัติ อํานาจบริหาร หรืออํานาจตุลาการ หรือแบ่งแยกราชอาณาจักร หรือยึดอํานาจปกครองในส่วนใดส่วนหนึ่งแห่งราชอาณาจักร เรียกว่า ความผิดฐานเป็นกบฏ.(ส. กปฏ ว่า ความคด, ความโกง).

กบดาน
ก. นอนพังพาบกับพื้นใต้น้ำ เป็นอาการของจระเข้, โดยปริยายหมายถึงหลบซ่อนตัวไม่ออกมา.

กบทู
น. สันแห่งหลังคาเรือน, ไม้ข่มข้างกลอน.

กบาล
[กะบาน] น. ส่วนกลางของกะโหลกศีรษะ, หัว, (คําไม่สุภาพ) เช่นตีกบาล เขกกบาล; แผ่นกระเบื้อง; ลานกลางหมู่บ้าน เรียกว่ากบาลบ้าน; เครื่องเซ่นผีที่ใส่ภาชนะกับตุ๊กตาแล้วนําไปทิ้งที่ทางสามแพร่ง และต่อยหัวตุ๊กตาเสีย เรียกว่า เสียกบาล, เรียกภาชนะที่ใส่เครื่องเช่นนั้น เช่น เอาเหล้าข้าวใส่กบาลออกเซ่นวัก. (ขุนช้างขุนแผน), บางทีใช้ว่า กระบาล เช่น ปรุตรุเคลือบกระบาลหิน.(จารึกวัดโพธิ์). (ป., ส. กปาล ว่า กะโหลกหัว).

กบินทร์
[กะ-] (แบบ) น. พญาลิง, กเบนทร์ ก็ว่า. (ป., ส. กปิ = ลิง + ส. อินฺทฺร= ผู้เป็นใหญ่).

กบิล ๑
[กะบิน] (แบบ) น. ลิง. (ส. กปิล).

กบิล ๒
[กะบิน] น. ระเบียบ, แบบ, ทาง, เช่น กบิลความ; วิธีการ เช่น กบิลเมือง;กระบวน, หมู่, เช่น กบิลไม้; บรรดา เช่น กบิลว่าน, คํานี้บางทีเขียนเป็นกะบิล กระบิล ระบิล. (เทียบ ฮ. กปิล ว่า ชนิด, จําพวก, ตระกูล).

กบี่
[กะ-] น. ลิง, นิยมเขียนเป็น กระบี่. (ป., ส. กปิ).

กบี่ธุช
ดู กระบี่ธุช ที่ กระบี่ ๑.

กบูร
[กะบูน] (แบบ) ว. แต่ง, ประดับ, งาม, เช่น ก็ใช้สาวสนมอนนกบูร. (ม. คําหลวง นครกัณฑ์), คํานี้บางทีเขียนเป็น กระบูร กระบวรขบูร ขบวร.

กเบนทร์
[กะ-] (กลอน) ดู กบินทร์.

กโบร
[กะโบน] (แบบ) น. ศอก, ข้อศอก. (พจน.). (ป. กปฺปร; ส. กูรฺปร).

กโบล
[กะโบน] น. แก้ม. (ป. กโปล).

กปณ
[กะปะนะ] ว. กําพร้า, อนาถา, ไร้ญาติ, ยากไร้, น่าสงสาร, (กลอน)เขียนเป็น กปนา ก็มี เช่น แม้มนุษยกปนาจํานง ขอสิ่งประสงค์ประสาททาน. (ม. คําหลวง มัทรี). (ป.).

กปณก
[กะปะนก] น. ผู้อนาถา, ผู้ไร้ญาติ, ผู้น่าสงสาร, เขียนเป็น กปนก ก็มีเช่น เถ้ากปนกแพนกพล้าว มีแม่ย้าวสาวศรหนึ่งน้นน. (ม. คำหลวงชูชก). (ป.).

กปณา
[กะปะนา] ว. อนาถา, ไร้ญาติ, น่าสงสาร, เขียนเป็น กปนา ก็มี เช่นแม้มนุษยกปนาจำนง ขอสิ่งประสงค์ประสาททาน. (ม. คำหลวง มัทรี).(ป. กปณ)

กปิ
[กะ-] (แบบ) น. ลิง เช่น ทรงพาหะองคต กปิยศโยธิน. (พากย์). (ป., ส.).

กปิตัน
(โบ) น. กัปตัน, นายเรือ; หัวหน้าหมู่ชน.

กม ๑
น. เรียกคำหรือพยางค์ที่มีตัว ม สะกด ว่า แม่กม หรือ มาตรากม.

กม ๒
(โบ) ก. กุม เช่น เกลือกเจ้าแม่มาคิดคม ครุบคั้นกินกม บไว้บวางตัวตู. (เสือโค).

ก้ม
ก. ทําให้ต่าลงโดยอาการน้อม (ใช้เฉพาะ หัว หน้า และหลัง) เช่นก้มหัว ก้มหน้า ก้มหลัง.

ก้มหน้า
(สํา) ก. จําทน เช่น ต้องก้มหน้าทําตามประสายาก.

ก้มหน้าก้มตา
(สํา) ก. ทําโดยไม่มองดูสิ่งอื่น, ทําโดยตั้งใจ, เช่น ก้มหน้าก้มตาทําไปจนกว่าจะสําเร็จ.

ก้มหลัง
ก. น้อมหลังลงเพื่อแสดงกิริยาเคารพ.

ก้มหัว
ก. น้อมหัวลงเพื่อแสดงกิริยาเคารพ, โดยปริยายหมายความว่ายอมอ่อนน้อม (มักใช้ในความปฏิเสธ) เช่น ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร.

กมณฑลาภิเษก
[กะมนทะ-] (แบบ) น. หม้อน้ำสรง เช่น อนนเต็มในกมณฑลาภิเษก.(ม. คําหลวง มหาราช). (ป., ส. กมณฺฑลุ = หม้อน้า + ส. อภิเษก = รด).

กมณฑโลทก
[กะมนทะ-] (แบบ) น. น้ำในหม้อ เช่น ชําระพระองค์ด้วยกมณฑโลทก.(ม. คําหลวง มหาราช). (ป., ส. กมณฺฑลุ = หม้อน้ำ + อุทก = น้ำ).

กมล
[กะมน] (แบบ) น. บัว เช่น บาทกมล. (สมุทรโฆษ); ใจ เช่น ดวงกมล. ว. เหมือนบัว เช่น เต้าสุวรรณกมลคนที. (ม. คําหลวง หิมพานต์),บางทีใช้ว่า กระมล. (ป., ส.).

กมล- , กมลา
[กะมะละ-, กะมะ-] น. ชื่อฉันท์วรรณพฤติ กําหนดด้วย ๔ คณะสลับกัน คือ ส คณะ ย คณะ ส คณะ ย คณะ (ตามแบบว่า กมลาติเณยฺยา สยเสหิ โย เจ) ตัวอย่างว่า จะวิสัชนาสาร พิสดารก็หลายเลบง เรียกว่า กมลฉันท์ หรือ กมลาฉันท์. (ป. ว่า นางงาม;ส. ว่า พระลักษมี).

กมลาศ
[กะมะลาด] (กลอน) น. บัว; ใจ. (ป., ส. กมล + ศ เข้าลิลิต).

กมลาสน์
[กะมะลาด] (แบบ) น. ผู้มีบัวเป็นที่นั่ง คือ พระพรหม.(ป., ส. กมล = บัว + อาสน = ที่นั่ง).

กมเลศ
[กะมะเลด] (กลอน) น. บัว; ใจ; พระนารายณ์ เช่น ดุจองค์สมเด็จกมเลศอันลีลาศ ลงจากชั้นสุทธาวาสบวรวิมาน. (ม. ร่ายยาวฉกษัตริย์). (ป., ส. กมล + ศ เข้าลิลิต; ในสันสกฤตหมายความว่าผู้เป็นใหญ่แห่งพระลักษมี คือ พระนารายณ์ มาจาก กมลา =พระลักษมี + อีศ = เป็นใหญ่).

กมัณฑลุ
[กะมันทะ-] (แบบ) น. กะโหลกน้ำเต้า, เต้าน้ำ, หม้อน้ำ, ภาชนะใส่น้ำเล็ก ๆ เป็นบริขารเครื่องใช้ประจําของนักบวชนอกพระพุทธศาสนาทําด้วยไม้หรือดิน, เช่น กมัณฑลุภาชน์ = ภาชนะใส่น้ำ คือ เต้าน้ำ.(ม. ร่ายยาว วนปเวสน์), ใช้ว่า กมัณฑลู ก็มี เช่น บัดนี้คาวียุพราชาชัยลีลา ก็เอากมัณฑลูลง. (เสือโค). (ป., ส.).

กมุท
[กะมุด] (แบบ) น. บัว เช่น ส่งดวงกมุทให้กัณหา. (ม. คําหลวง มัทรี).(ป., ส. กุมุท ว่า บัวสายดอกขาว).

กร ๑
[กอน] น. ผู้ทํา, ใช้ประกอบเป็นส่วนหลังของสมาส เช่น กรรมกรเกษตรกร. (ป.).

กร ๒
[กอน] น. มือ (มักใช้ในบทประพันธ์); แขน เช่น เจ้างามกรอ่อนดังงวงเอราวัณ. (กลบท). (ป., ส.).

กรกช
[กอระกด] (กลอน) น. 'ดอกบัวคือมือ' คือ กระพุ่มมือ เช่น ธก็ยอกรกชประนม. (ลอ). ก. ไหว้ เช่น เอกภูธรกรกช ทศนัขสมุชลิต. (ยวนพ่าย).(ดู กช).

กร ๓
[กอน] น. แสง, ใช้ประกอบเป็นส่วนหลังของสมาส เช่น รัชนีกร. (ป.).

กรก, กรก-
[กะหฺรก, กะระกะ-] (แบบ) น. ลูกเห็บ เช่น กรกวรรษ = ฝนลูกเห็บ.(ป., ส.).

กรกัติ
[กฺระกัด] (โบ) ก. กระกัด, ใคร่, อยาก, ยินดี, เช่น กรกัติกามา.(สรรพสิทธิ์).

กรกฎ, กรกฏ
[กอระกด] (แบบ) น. ปู เช่น กรกฎกุ้งกั้งมังกร. (ม. ร่ายยาว มหาพน);ชื่อกลุ่มดาวรูปปู เรียกว่า ราศีกรกฎ เป็นราศีที่ ๓ในจักรราศี.(ส. กรฺกฏ; ป. กกฺกฏ).

กรกฎาคม
[กะระกะ-, กะรักกะ-] น. ชื่อเดือนที่ ๗ ตามสุริยคติ ซึ่งเริ่มด้วยเดือนมกราคม มี ๓๑ วัน. (ส. กรฺกฏ = ปู + อาคม = มา = เดือนที่อาทิตย์มาสู่ราศีกรกฎ); (เลิก) ชื่อเดือนที่ ๔ ตามสุริยคติ ซึ่งเริ่มด้วยเดือนเมษายน.

กรง
[กฺรง] น. สิ่งที่ทําเป็นซี่ ๆ สําหรับขังนกเป็นต้น ตั้งอยู่กับที่หรือยกไปได้; ในบทกลอนใช้หมายความว่า เปล ก็มี เช่น ถนอมในพระกรงทอง. (เห่กล่อม). (เทียบมลายู กุรง; ข. ทฺรุง).

กรงทอง
(ราชา) น. เรียกเปลที่ทําเป็นลูกกรง ว่า พระกรงทอง.

กรงเล็บ
น. กลุ่มเล็บของแมวหรือนกเป็นต้นเมื่อขยุ้มเหยื่อ มีเค้าคล้ายกรง.

กรชกาย
[กะระชะ-] (แบบ) น. ร่างกาย. (ดู กรัชกาย).

กรณฑ์ ๑
[กฺรน] น. ภาชนะมีฝาปิด, ภาชนะใส่น้ำ เช่น หม้อกรณฑ์, กรัณฑ์หรือ กรัณฑก ก็เรียก; ผอบ เช่น บรรจุพระบรมธาตุในสุวรรณกรณฑ์.(เทศนาพระราชประวัติ). (ป., ส. กรณฺฑ, กรณฺฑก ว่า ขวด).

กรณฑ์ ๒
[กฺรน] (คณิต) น. เรียกเครื่องหมาย ?ว่า เครื่องหมายกรณฑ์; วิธีหาค่าจากจํานวนจริงที่เขียนไว้ภายในเครื่องหมายกรณฑ์ เช่น ?จะได้ ๗ ? จะได้ -๓.

กรณิการ์
[กะระ-] น. กรรณิการ์.

กรณี
[กะระ-, กอระ-] น. คดี, เรื่อง, เหตุ, เช่น ในกรณีนี้ = ในเรื่องนี้.(ป., ส. กรณี ว่า ที่เป็นเหตุกระทํา).

กรณีย-, กรณีย์, กรณียะ
[กะระ-, กอระ-] น. กิจ. ว. อันควรทํา, อันพึงทํา. (ป.).

กรณียกิจ
น. กิจที่พึงทำ, หน้าที่อันพึงทํา.

กรด ๑
[กฺรด] น. สารอย่างหนึ่ง มีรสเปรี้ยว โดยปรกติกัดหรือทําให้สิ่งอื่นแปรไป; (เคมี) มีความหมายหลายอย่าง สุดแล้วแต่ทฤษฎีที่ใช้เป็นหลักกําหนด คือ เป็นสารเคมีที่ประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน และเมื่อสารนี้ละลายน้ำเป็นสารละลายแล้ว ไฮโดรเจนที่มีอยู่ทั้งหมดหรือบางส่วนต้องแปรสภาพออกมาเป็นไฮโดรเนียมไอออน(H3O+)สารละลายที่ได้มีรสเปรี้ยวเปลี่ยนสีลิตมัสสีน้ำเงินเป็นสีแดงได้; สารเคมีที่มีสมบัติจ่ายโปรตอนให้แก่สารอื่นได้; สารเคมีที่มีสมบัติรับอิเล็กตรอนคู่หนึ่งมาจากสารอื่นได้. (อ. acid).

กรด ๒
[กฺรด] ว. คมมีลักษณะที่กัดกร่อนหรือตัดสิ่งของได้ เช่น น้ำกรด =น้ำที่คม ลมกรด = ลมที่คม.

กรด ๓
[กฺรด] น. ชื่อไม้เถาชนิด Combretum tetralophum C.B. Clarkeในวงศ์ Combretaceae มักขึ้นในที่น้ำท่วม เช่น ตามฝั่งน้ำลําคลองใบโดยมากออกรอบข้อ ๒ หรือ ๓ ใบ ใบอ่อนสีม่วงดํา เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีเขียว ผลมีสันแข็งเป็น ๔ ครีบ, เถาวัลย์กรด ก็เรียก; อีกชนิดหนึ่งคือ C. trifoliatum Vent. มีลักษณะคล้ายกันมาก แต่ผลมี๕ ครีบ เช่น กรดกระถินอินจันพรรณไม้. (นิ. อิเหนา), สีเอยเจ้าสีสดเจ้าปลูกต้นกรดไว้ริมท่า. (กล่อมเด็ก).

กรด ๔
[กฺรด] น. ภาชนะใส่น้ำเทพมนตร์ของพราหมณ์ ลักษณะเหมือนคนโทมีฝาปิด มีพวยอย่างกาน้ำ. (เลือนมาจาก ป. กลส; ส. กลศ).

กรด ๕
[กฺรด] (ปาก) ว. ยิ่ง, มาก, เช่น ไวเป็นกรด ฉลาดเป็นกรด.

กรน
[กฺรน] ก. หายใจมีเสียงดังในลําคอขณะหลับ เหตุลิ้นตกจุกคอหอยหรือลิ้นตกจุกคอหอยและลิ้นไก่กับเพดานอ่อนสั่น.

กรนทา
[กฺรน-] (โบ) น. ไม้คนทา (ลิปิ) เช่น กรนทาดาษดวงพรายก็มี.(ม. คําหลวง มหาพน).

กรนนเช้า
[กฺรัน-] (โบ) น. กระเช้า เช่น คร้นนเช้าก็หิ้วกรนนเช้า ชายป่าเต้าไปหาชาย. (ม. คําหลวง มัทรี).

กรบ
[กฺรบ] น. เครื่องแทงปลา ทําด้วยไม้ ๓ อัน มัดติดกัน มีลักษณะคล้าย ๓ เส้า สวมเหล็กแหลมที่ปลายด้ามรูปงอคล้ายไม้เท้า.

กรบูร
[กะระบูน] น. การบูร.

กรพินธุ์
[กอระ-] น. ทับทิม เช่น จงแต่งเขนแต่งขันธ์ ผ้าเกราะพรรณรายแพร้ว ดยรดาษแก้วกรพินธุ์. (ม. คําหลวง มหาราช). (บางทีจะเพี้ยนมาจาก กุรุพินท์ ซึ่งตรงกับคำสันสกฤตว่า กุรุวินฺท = ทับทิม).

กรภุม
[กอระ-] (โบ) น. กระพุ่ม เช่น สนธยากรภุม บุษปบังคมบําบวงสรณ.(อนิรุทธ์).

กรม ๑
[กฺรม] ก. ระทม, เจ็บอยู่ภายในเรื่อยไป, เช่น กรมใจ; กลัด เช่นกรมหนอง. [ข. กฺรุํ (กฺรม) ว่า ลำบาก เช่น กฺรุํจิต = ลำบากใจ],ตรม ก็ว่า.

กรมกรอม
ก. ระทมใจจนเหี่ยวแห้ง, ตรมตรอม ก็ว่า.

กรมเกรียม
ก. ระทมใจจนหม่นไหม้, ใช้ว่า เกรียมกรม ตรมเตรียม หรือเตรียมตรม ก็มี เช่น จักขานความที่เกรียมกรม. (กฤษณา).

กรม ๒
[กฺรม] (แบบ) น. ลําดับ เช่น จะเล่นโดยกรม. (สมุทรโฆษ).[ส.; ข. กฺรุํ (กฺรม) ว่า หมวด, หมู่, กอง; ครอบครัว เช่นมวยกฺรุํ = ครอบครัวหนึ่ง].

กรมศักดิ์
[กฺรมมะสัก] (กฎ; โบ) น. ชื่อกฎหมายลักษณะหนึ่ง ซึ่งกําหนดระวางโทษปรับตามศักดินา อายุ และความร้ายแรงหนักเบาของความผิดที่กระทํา. (สามดวง).

กรม ๓
[กฺรม] น. (ก) หมู่เหล่าอันเป็นที่รวมกําลังไพร่พลของแผ่นดินตามลักษณะปกครองสมัยโบราณ เพื่อประโยชน์ในเวลาเกิดศึกสงคราม จะได้เรียกระดมคนได้ทันท่วงที บรรดาชายฉกรรจ์ต้องเข้าอยู่ในกรมหรือในหมู่เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เรียกว่า สังกัดกรมมีหัวหน้าควบคุมเป็น เจ้ากรม ปลัดกรม ตามลําดับ ซึ่งเมื่อพระเจ้าแผ่นดินทรงตั้งให้ เจ้านายครอบครองเป็นองค์ ๆ เรียกว่า ตั้งกรมแล้ว เจ้านายพระองค์นั้นก็ ทรงกรม เป็น เจ้าต่างกรม เพราะมีกรมขึ้นต่างออกไปเป็นกรมหนึ่ง มีพระอิสริยศักดิ์ตั้งเจ้ากรม ปลัดกรมเป็น หมื่น ขุน หลวง พระ พระยา ได้ และเรียกชื่อกรมนั้น ๆ ตามศักดิ์เจ้ากรมว่า กรมหมื่น กรมขุน กรมหลวง กรมพระ กรมสมเด็จพระ และ กรมพระยา หรือ กรมสมเด็จ เมื่อจะทรงกรมสูงขึ้นกว่าเดิม ก็โปรดให้ เลื่อนกรม ขึ้น โดยเจ้ากรมมีศักดิ์เลื่อนขึ้น เช่นจากหมื่นเป็นขุน, มาในปัจจุบันชื่อกรมเหล่านี้มีความหมายกลายเป็นพระอิสริยยศและพระนามเจ้านายเท่านั้น. (ข) แผนกใหญ่ในราชการ ตามลักษณะปกครองในสมัยโบราณ ซึ่งในปัจจุบันเรียกว่า กระทรวง เช่น กรมพระกลาโหม คือ กรมฝ่ายทหารเป็นกระทรวงกลาโหม, กรมมหาดไทย คือ กรมฝ่ายพลเรือน เป็นกระทรวงมหาดไทย, กรมเมือง หรือ กรมนครบาล รวมอยู่ในกระทรวงมหาดไทย, กรมวัง แยกเป็นกระทรวงวัง และกระทรวงยุติธรรม (ปัจจุบันกระทรวงวังไม่มีแล้ว), กรมพระคลัง แยกเป็นกระทรวงการคลัง และกระทรวงการต่างประเทศ, กรมนา เป็นกระทรวงเกษตราธิการ (ปัจจุบัน คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์).(ค) (กฎ) ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลางรองจากกระทรวงและทบวง.

กรม ๔
[กฺรม] (โบ) ย่อมาจากคําว่า กรมธรรม์ เช่น จะคิดเอาดอกเบี้ยมิได้เลย เพราะเปนเงินนอกกรม. (สามดวง).

กรม ๕
[กฺรม] (โบ; กลอน) ย่อมาจากคําว่า กรรม เช่น อวยสรรพเพียญชนพิธี- กรมเสร็จกํานนถวาย. (ดุษฎีสังเวย).

กรม ๖
[กฺรม] ดู เหมือดโลด (๑).

กรมการ
[กฺรมมะ-] (กฎ;โบ) น. ตำแหน่งพนักงานปกครองที่มีมาแต่สมัยโบราณและได้กำหนดไว้ในข้อบังคับลักษณะการปกครองหัวเมือง ร.ศ. ๑๑๖เรียกว่า กรมการเมือง ซึ่งแบ่งออกเป็น ๒ พวก คือ กรมการในทำเนียบและกรมการนอกทำเนียบ. (ส. กรฺม + การ).

กรมการจังหวัด
น. คณะกรมการจังหวัด; กรมการจังหวัดแต่ละคนที่เป็นองค์ประกอบของคณะกรมการจังหวัด. (ดู คณะกรมการจังหวัด).

กรมการนอกทำเนียบ
(กฎ; โบ) น. กรมการเมืองพวกหนึ่ง เป็นตำแหน่งกิตติมศักดิ์ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ว่าราชการเมืองในการบริหารราชการในเมืองนั้น ๆแต่งตั้งจากบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิหรือคหบดีในเมืองนั้น ๆ โดยไม่จำกัดจำนวน และถือว่าเป็นกรมการชั้นผู้ใหญ่, กรมการพิเศษ ก็ว่า.

กรมการในทำเนียบ
(กฎ; โบ) น. กรมการเมืองพวกหนึ่ง เป็นตำแหน่งข้าราชการที่มีเงินเดือนซึ่งจัดเป็น ๒ พวก กรมการชั้นผู้ใหญ่ ประกอบด้วย ปลัด ยกกระบัตรและผู้ช่วยราชการ กับกรมการชั้นผู้น้อย ประกอบด้วย จ่าเมือง สัสดีแพ่ง ศุภมาตรา และสารเลข.

กรมการพิเศษ
(กฎ; โบ) น. กรมการเมืองพวกหนึ่ง เป็นตำแหน่งกิตติมศักดิ์ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ว่าราชการเมืองในการบริหารราชการในเมืองนั้น ๆแต่งตั้งจากบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิหรือคหบดีในเมืองนั้น ๆ โดยไม่จำกัดจำนวน และถือว่าเป็นกรมการชั้นผู้ใหญ่, กรมการนอกทำเนียบ ก็ว่า.

กรมการอำเภอ
(เลิก) น. คณะกรมการอำเภอ; กรมการอำเภอแต่ละคนที่เป็นองค์ประกอบของคณะกรมการอำเภอ.

กรมท่า
[กฺรมมะ-] (กฎ; โบ) น. ส่วนราชการในสมัยก่อนซึ่งอยู่ในสังกัดกรมพระคลัง มีหน้าที่เกี่ยวกับการต่างประเทศและปกครองเมืองท่า ว. สีขาบ, สีน้าเงินแก่, เรียกว่า สีกรมท่า.

กรมท่าขวา
[กฺรมมะ-] (กฎ; โบ) น. ส่วนราชการที่มีหน้าที่เกี่ยวกับชนชาวแขก.

กรมท่าซ้าย
[กฺรมมะ-] (กฎ; โบ) น. ส่วนราชการที่มีหน้าที่เกี่ยวกับชนชาวจีน.

กรมธรรม์
[กฺรมมะทัน] (กฎ; โบ) น. เอกสารซึ่งทาส ลูกหนี้ยินยอมให้กรมการอำเภอทำให้ไว้แก่เจ้าหนี้นายเงิน, คำนี้เรียกเต็มว่า สารกรมธรรม์หรือย่อว่า สารกรม, บางทีเรียกเพียงคำเดียวว่า กรม ก็มี เช่น กู้หนี้ถือสีนกันเข้าชื่อในกรมหลายคน. (สามดวง); กรมธรรม์ประกันภัย.(ส. กรฺม + ธรฺม).

กรมธรรม์ประกันภัย
(กฎ) น. ตราสารที่มีลายมือชื่อของผู้รับประกันภัยและมีรายการแสดงวัตถุที่เอาประกันภัย จำนวนงินเอาประกันภัย ชื่อผู้เอาประกันภัย ชื่อผู้รับประกันภัย วันที่สัญญาเริ่มต้นและสิ้นสุด และอื่น ๆ ตามที่กฎหมายบังคับ ตลอดจนเงื่อนไขเกี่ยวกับประโยชน์ สิทธิ และหน้าที่ของผู้เอาประกันภัย และผู้รับประกันภัย, มักเรียกสั้น ๆ ว่า กรมธรรม์.(อ. policy of insurance).

กรมนา
[กฺรมมะ-] ดู กรม ๓.

กรมวัง
[กฺรมมะ-] น. แผนกราชการที่บริหารกิจการในพระราชสํานัก;ข้าราชการแผนกนี้ เช่น กรมวังรับสั่งใส่เกศี. (อิเหนา).

กรร ๑
[กัน] (โบ) ก. จับ เช่น กรกรรนฤบดี. (สมุทรโฆษ). (ข. กาน่ ว่า ถือ).

กรร ๒
[กัน] (เลิก) ก. กัน เช่น เรือกรร.

กรร- ๓
[กัน-] ใช้เป็นพยางค์หน้า (ซึ่งโบราณเขียนเป็น กนน หรือ กัน ก็มี) แทนกระ เช่น กรรชิง - กันชิง - กระชิง, กรรเช้า - กรนนเช้า - กระเช้า,กรรเชอ - กนนเชอ - กระเชอ, กรรโชก - กันโชก - กระโชก, กรรพุ่ม -กระพุ่ม, กรรลึง - กระลึง.

กรรกง
[กัน-] (เลิก) น. ที่ล้อมวง เช่น จําเนียรกรรกงรอบนั้น. (ม. คําหลวงนครกัณฑ์), ใช้เป็น กงกรร ก็มี เช่น แลสับสังกัดกงกรร. (สมุทรโฆษ).

กรรกฎ
[กันกด] (แบบ) น. ปู เช่น จริวจราวจรัลชลจรมกรกรรกฎกูรม์.(สมุทรโฆษ). (ส. กรฺกฏ; ป. กกฺกฏ).

กรรกศ
[กันกด] (แบบ) ว. หยาบช้า, เขียนเป็น กรรกษ ก็มี เช่น อันว่าพระญาติท่ววไท้ บมิหวังไหว้พระตถาคตใจแลไปกรรกษ บารนี ฯ.(ม. คําหลวง ทศพร). (ส. กรฺกศ).

กรรเกด
[กัน-] (กลอน) น. การะเกด เช่น จงกลกรรเกดแก้ว กรองมาลย์.(ทวาทศมาส).

กรรไกร
[กันไกฺร] น. ตะไกร. (เลือนมาจาก กรรไตร). (ดู ตะไกร ๑).

กรรเจียก
[กัน-] น. เครื่องประดับหูมีรูปเป็นกระหนก เช่น กรรเจียกซ้อนจอนแก้วแพรวพราว. (อิเหนา). [ข. ตฺรเจียก ว่า หู].

กรรเจียกจอน
น. เครื่องประดับหู, เขียนเป็น กรรเจียกจร ก็มี เช่น กรรเจียกจอนจําหลักลายซ้ายขวา. (สังข์ทอง).

กรรชิง
[กัน-] น. เครื่องเข้ากระบวนแห่ในการพระราชพิธีบางอย่างเช่น รับช้างเผือกหรือแรกนาขวัญเป็นต้น รูปคล้ายกลด มีคันถือคล้ายร่ม, โบราณใช้เป็นร่มเครื่องยศ คู่กันกับคานหามตามบรรดาศักดิ์ มีชั้นตามที่หุ้มผ้าแดงหรือหุ้มผ้าขาวโรยทอง เรียกว่า พื้นกํามะลอ, ถ้ามีริ้วขาวและน้ำเงินสลับกันที่ระบาย เรียกว่า กรรชิงเกล็ด, กระชิง กระฉิ่ง กะชิง กันฉิ่งหรือ กันชิง ก็เรียก.

กรรชิด
[กัน-] (โบ; กลอน) ก. กระชิด เช่น สองกรกลเกียดเกี้ยว กรรชิด. (ลอ).

กรรเชอ
[กัน-] (โบ) น. กระเชอ.

กรรเช้า
[กัน-] (โบ) น. กระเช้า.

กรรเชียง
[กัน-] น. เครื่องพุ้ยน้ำให้เรือเดิน รูปคล้ายแจว มีหลักสําหรับพาดใช้เหนี่ยว; อาการที่พุ้ยเช่นนั้น เรียกว่า ตีกรรเชียง, ใช้ว่า กระเชียงก็มี.

กรรเชียงปู
[กัน-] น. เรียกขาคู่สุดท้ายของปูในวงศ์ Portunidae เช่น ปูม้า ปูทะเลซึ่งปล้องปลายมีลักษณะแบนคล้ายใบพาย, กระเชียงปู ก็เรียก.

กรรโชก
[กัน-] ก. ขู่เอาด้วยกิริยาหรือวาจาให้กลัว, เขียนเป็น กันโชก หรือกําโชก ก็มี. (แผลงมาจาก กระโชก). (กฎ) น. ชื่อความผิดอาญาฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กําลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทําอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น เรียกว่า ความผิดฐานกรรโชก.

กรรซ้นน
[กันซั้น] (โบ) ก. ทัน, กระชั้น, เช่น พราหมณ์จะมากรรซ้นน.(ม. คําหลวง กุมาร).

กรรแซง
[กัน-] (เลิก) น. กองทําหน้าที่แซงในกระบวนพยุหยาตรา เพื่อป้องกันจอมทัพ, คู่กันกับ กรรแทรก คือ กองทําหน้าที่แทรกเพื่อป้องกันจอมทัพ.(ดู กันแซง ที่ กัน ๓).

กรรฐ์, กรรฐา
[กัน, กันถา] น. คอ. (เทียบ ข. กรฺฐ ว่า คอ). (เลือนมาจาก กัณฐ์).

กรรณ, กรรณ-
[กัน, กันนะ-] น. หู, ใบหู, กลอน ใช้เป็น กรรณา ก็มี เช่น กรรณาคือกลีบกาญจ- นปัทม์. (สมุทรโฆษ), ราชาศัพท์ใช้ว่า พระกรรณ.(ส. กรฺณ).

กรรณยุคล
[กันนะ-] น. หูทั้ง ๒ ข้าง เช่น ในพระกรรณยุคลท่านนั้น. (ม. คําหลวงมหาราช). (ป., ส. ยุคล ว่า คู่).

กรรณา
[กัน-] (กลอน) ดู กรรณ, กรรณ-.

กรรณิกา
[กัน-] (แบบ) น. ดอกไม้ เช่น ดุจบัวอันบานชู กชกรรณิกามาศ.(สมุทรโฆษ). (ส. กรฺณิกา ว่า ฝักบัว, ช่อฟ้า; ป. กณฺณิกา).

กรรณิการ์
น. ชื่อไม้ต้นขนาดเล็กชนิด Nyctanthes arbortristis L. ในวงศ์Oleaceae ใบคาย ดอกหอม กลีบขาว หลอดดอกสีแสดใช้ย้อมผ้า, เขียนเป็น กณิการ์ หรือ กรณิการ์ ก็มี.

กรรดิ
[กัด] ก. ยกย่อง, สรรเสริญ, เช่น ยาคนชี้เทพยผู้ ไกรกรรดิ ก็ดี.(ยวนพ่าย). (เลือนมาจาก ป. กตฺถติ ว่า ยกย่อง, สรรเสริญ).

กรรดิก, กรรดึก
[กัน-] (แบบ) น. เดือน ๑๒. (ดู กัตติกมาส).

กรรตุ, กรรตุ-
[กัด, กัดตุ-] (ไว) น. ผู้ทํา. (ป. กตฺตุ; ส. กรฺตฺฤ).

กรรตุการก
[กัดตุ-] (ไว) น. ผู้ทําหรือผู้ใช้ให้ทำ เป็นส่วนสําคัญส่วนหนึ่งใน๒ ส่วนของประโยคที่ไม่ต้องมีกรรมมารับ เช่น เด็กวิ่ง วิ่ง เป็นกรรตุการก หรือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งใน ๓ ส่วนของประโยคที่กริยาต้องมีกรรมรับ เช่น ตํารวจยิงผู้ร้าย ตํารวจ เป็น กรรตุการก.(ป., ส. การก ว่า ผู้ทำ).

กรรตุวาจก
[กัดตุ-] (ไว) ก. กริยาที่บอกว่าประธานเป็นกรรตุการกคือผู้ทำหรือผู้ใช้ให้ทำ, เช่น กริยาของประโยคที่แสดงว่าประธานทําหน้าที่เป็นกรรตุการกคือเป็นผู้ทําหรือผู้ใช้ให้ทํา เช่น ครูเขียนหนังสือ (ประธานเป็นผู้ทํา) ครูให้นักเรียนเขียนหนังสือ (ประธานเป็นผู้ใช้ให้ทํา).(ป., ส. วาจก ว่า ผู้กล่าว).

กรรตุสัญญา
[กัดตุ-] น. นามที่เป็นคําร้องเรียกชื่อลอย ๆ เช่น แล้วกล่าววาจาอันสุนทร ดูก่อนกุมภกรรณยักษี. (รามเกียรติ์ ร. ๑). (ป. สญฺ?า = นาม,ชื่อ).

กรรไตร
[กันไตฺร] น. ตะไกร. (ข. กนฺไตฺร; ส. กรฺตริ).

กรรทบ
[กัน-] (กลอน) ก. กระทบ เช่น ฟองฟัดซัดดล กรรทบนาวี.(สรรพสิทธิ์).

กรรแทก
[กัน-] ก. กระแทก, เขียนเป็น กันแทก ก็มี เช่น หัวล้านชาวไร่ไล่ปามเข้าขวิดติดตาม กันแทกก็หัวไถดินฯ. (สมุทรโฆษ).

กรรแทรก
[กันแซก] (เลิก) น. กองทําหน้าที่แทรกในกระบวนพยุหยาตราเพื่อป้องกันจอมทัพ, คู่กันกับ กรรแซง คือ กองทำหน้าที่แซงเพื่อป้องกันจอมทัพ. (ดู กันแทรก ที่ กัน ๓).

กรรบาสิก, กรรปาสิก
[กับบา-, กับปา-] (แบบ) ว. อันทอด้วยฝ้าย. (ส. การฺปาสิก; ป. กปฺปาสิก).

กรรบาสิกพัสตร์
[กับบาสิกะ-] น. ผ้าอันทอด้วยฝ้าย คือ ผ้าฝ้าย. (ใน ม. ร่ายยาวนครกัณฑ์ ว่า มาแต่แคว้นกาสี). (ส. วสฺตฺร ว่า ผ้า).

กรรบิด
[กัน-] น. มีด, ราชาศัพท์ว่า พระกรรบิด. (ข. กำบิต ว่า มีด).

กรรบูร
[กันบูน] (แบบ) น. การบูร เช่น กฤษณากระวานการ- บูรกูรกระเหนียดกรร-บูรแกมกำคูนคันธ์ รสจวงกำจรมา. (สมุทรโฆษ).

กรรปุระ
[กัน-] (กลอน) น. ศอก. (ดู กโบร).

กรรพุม, กรรพุ่ม
[กัน-] (โบ; แผลงมาจาก กระพุ่ม) น. มือที่ประนม เช่น ถวายกรกรรพุม.(ม. คําหลวง ทศพร); พุ่ม เช่น กรรพุมมาลย์ = พุ่มดอกไม้.

กรรภิรมย์
[กัน-] น. ฉัตร ๕ ชั้นสํารับหนึ่ง ทําด้วยผ้าขาวลงยันต์เส้นทอง ใช้ถุงปัศตูแดงสวม มี ๓ องค์ด้วยกัน คือ พระเสมาธิปัต พระฉัตรชัยพระเกาวพ่ายหรือพระเกาวพ่าห์ เป็นเครื่องสูง ใช้กางเชิญนําพระราชยานเวลาเสด็จพระราชดําเนินโดยกระบวนพยุหยาตราและใช้เข้าพิธีคชกรรมเชิญนําช้างเผือกขึ้นจากแพเข้าสู่โรงสมโภชหรือใช้ผูกเสาพระแท่นมณฑลในพระราชพิธีใหญ่, เขียนเป็นกรรม์ภิรมย์ กันภิรมย์ หรือ กันพิรุณ ก็มี.

กรรม ๑, กรรม- ๑
[กำ, กำมะ-] น. (๑) การ, การกระทำ, การงาน, กิจ, เช่น พลีกรรมต่างกรรมต่างวาระ, เป็นการดีก็ได้ ชั่วก็ได้ เช่น กุศลกรรม อกุศลกรรม. (๒) การกระทำที่ส่งผลร้ายมายังปัจจุบัน หรือซึ่งจะส่งผลร้ายต่อไปในอนาคต เช่น บัดนี้กรรมตามทันแล้ว ระวังกรรมจะตามทันนะ. (๓) บาป, เคราะห์, เช่น คนมีกรรม กรรมของฉันแท้ ๆ. (๔) ความตายในคำว่า ถึงแก่กรรม.

กรรมกร
[กำมะกอน] น. คนงาน, ลูกจ้างที่ใช้แรงงาน. (ส. กฺรม = การงาน + กร =ผู้ทำ; ป. กมฺม + กร).

กรรมกรณ์
[กำมะกอน] น. อาญา, เครื่องสำหรับลงอาญา. ก. ลงโทษ เช่น สามซ้ำควรกรรมกรณ์ นุกิจราชอาชญา. (กฤษณา). (ส. กรฺม + กรณ =การกระทำ; ป. กมฺม + กรณ).

กรรมการ ๑
[กำมะกาน] น. บุคคลที่ได้รับเลือกหรือได้รับแต่งตั้งเข้าเป็นคณะร่วมกันทำงานหรือกระทำกิจการบางอย่างซึ่งได้รับมอบหมาย, เมื่อรวมกันเป็นคณะ เรียกว่า คณะกรรมการ เช่น คณะกรรมการกฤษฎีกา. (ส. กรฺม +การ; ป. กมฺม + การ).

กรรมการ ๒
(โบ; กลอน) น. ผู้รับใช้ เช่น ข้าขอภักดีภูบาล เป็นทาสกรรมการ ไปกว่าจะสิ้นสุดสกนธ์. (เสือโค).

กรรมการิณี
[กํามะ-] น. กรรมการซึ่งเป็นเพศหญิง. (ส. กรฺม + การิณี).

กรรมขัย
[กำมะไข] (โบ) น. การสิ้นอายุเพราะกรรม เช่น อันว่าอายุสม์ยังมิควรตายแลมาตายดั่งนั้นชื่อว่ากรรมขัยแล. (ไตรภูมิ). (ส. กรฺม + ป. ขย).

กรรมคติ
[กํามะคะติ] น. ทางดําเนินแห่งกรรม. (ส. กรฺม + ส., ป. คติ ว่า ที่ไป).

กรรมชรูป
[กํามะชะรูบ] น. รูปของคนและสัตว์. (ส.; ป. กมฺมชรูป ว่า รูปที่เกิดแต่กรรม).

กรรมชวาต
[กำมะชะวาด] น. ลมเกิดแต่กรรม คือ ลมเกิดในครรภ์ เวลาคลอดบุตรได้แก่ ลมเบ่ง เช่น พอถึงพระหัตถ์พระราชเทวีก็ทรงจับเอากิ่งรัง พอเกิดลมกรรมชวาตหวั่นไหวประชวรพระครรภ์. (ปฐมสมโพธิกถา). (สฺ กรฺม +ช = เกิด + วาต = ลม).

กรรมฐาน
[กำมะถาน] น. ที่ตั้งแห่งการงาน หมายเอาอุบายทางใจ มี ๒ ประการคือ สมถกรรมฐาน เป็นอุบายสงบใจ และวิปัสสนา กรรมฐาน เป็นอุบายเรืองปัญญา. (ส.; ป. กมฺมฏฺ?าน).

กรรมบถ
[กำมะบด] น. ทางแห่งกรรม มี ๒ อย่างตามลักษณะ คือกุศลกรรมบถและอกุศลกรรมบถ.(ส. กรฺม + ปถ = ทาง; ป. กมฺมปถ).

กรรมพันธุ์
[กำมะพัน] ว. มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ คือ เกี่ยวเนื่องด้วยกรรมของตนเอง. น. ลักษณะ นิสัย ตลอดจนโรคหรือความวิกลวิการบางอย่างที่ลูกหลานสืบมาจากบรรพบุรุษ ปู่ย่าตายาย หรือพ่อแม่, พันธุกรรม ก็ว่า. (ส. กรฺม +พนฺธุ; ป. กมฺมพนฺธุ = มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เกี่ยวเนื่องด้วยกรรมของตนเอง).

กรรมวาจา
[กำมะ-] น. คำประกาศกิจการในท่ามกลางสงฆ์. (สฺ กรฺม + วาจา= คำ; ป. กมฺม + วาจา).

กรรมวาจาจารย์
[กํามะวาจาจาน] น. อาจารย์ผู้ให้สําเร็จกรรมวาจา คือ คู่สวด.(ส. กรฺมวาจา + อาจารฺย = อาจารย์).

กรรมวิธี
[กํามะวิที] น. ลักษณะอาการหรือวิธีการที่ผันแปรหรือเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติหรือที่มนุษย์ทําขึ้นอันดําเนินติดต่อกันเรื่อยไปเป็นลําดับ, กระบวนวิธีดําเนินการในประดิษฐกรรม.

กรรมวิบาก
[กํามะวิบาก] น. ผลของกรรม. (ส. กรฺม + วิปาก = ผล; ป. กมฺม + วิปาก).

กรรมเวร
[กําเวน] น. การกระทําที่สนองผลร้ายซึ่งทําไว้แต่ปางก่อน; คำแสดงความรู้สึกเดือดร้อนเพราะกรรมหรือชะตากรรมในอดีต เช่น อายุตั้ง๗๐ ปีแล้วยังต้องมาหาบขนมขายอีก กรรมเวรแท้ ๆ, เวร หรือ เวรกรรมก็ว่า.

กรรมศาลา
[กํามะ-] น. โรงงาน. (ส. กรฺม + ศาลา = โรง).

กรรมสัมปาทิก
[กํามะสําปาทิก] น. ผู้ยังการงานให้ถึงพร้อม; (กฎ; เลิก) บุคคลที่ได้รับเลือกหรือแต่งตั้งให้ทําหน้าที่กรรมการของสมาคม. (ส. กรฺม +สมฺปาทิก = ผู้ให้ถึงพร้อม).

กรรมสิทธิ์
[กํามะสิด] น. ความเป็นเจ้าของทรัพย์; (กฎ) สิทธิทั้งปวงที่ผู้เป็นเจ้าของมีอยู่เหนือทรัพย์สิน อันได้แก่ สิทธิใช้สอย จําหน่าย ได้ดอกผล กับทั้งสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตน และสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย. (ส. กรฺม + สิทฺธิ =ความสำเร็จ; ป. กมฺมสิทฺธิ).

กรรมสิทธิ์รวม
(กฎ) น. กรรมสิทธิ์ของบุคคลหลายคนร่วมกันในทรัพย์สินอันใดอันหนึ่ง.

กรรม ๒, กรรม- ๒
[กํา, กํามะ-] (ไว) น. ผู้ถูกกระทํา เช่น คนกินข้าว ข้าว เป็นกรรมของกริยา กิน.

กรรมการก
[กํามะ-] (ไว) น. ผู้ถูกทํา เป็นส่วนสําคัญส่วนหนึ่งใน ๓ ส่วนของประโยคที่กริยาต้องมีกรรมรับ เช่น ตํารวจยิงผู้ร้าย ผู้ร้าย เป็น กรรมการก ถ้าต้องการให้ผู้ถูกทําเด่น ก็เรียงเป็นภาคประธานของประโยค เช่น ผู้ร้ายถูกตํารวจยิง.

กรรมวาจก
[กํามะ-] (ไว) ก. กริยาที่บอกว่าประธานเป็น กรรมการกหรือผู้ถูกทํา, กริยาของประโยคที่แสดงว่าประธานทําหน้าที่เป็นกรรมการก คือ ผู้ถูกทํา, กริยาของประโยคกรรมวาจกต้องใช้สกรรมกริยา คือ กริยาที่ต้องมีกรรมรับ บางทีก็มีกริยานุเคราะห์ 'ถูก' นำ และใช้หมายไปในทางไม่ดี เช่น เด็กถูกตี ผู้ทำความผิดถูกลงโทษ, แต่บางทีก็ไม่ปรากฏกริยานุเคราะห์ 'ถูก' เช่น หนังสือเล่มนี้แต่งดีมาก.

กรรม์
[กัน] (กลอน) น. กรรม

กรรม์ภิรมย์
ดู กรรภิรมย์.

กรรมัชวาต
[กํามัดชะ-] ดู กรรมชวาต ที่ กรรม ๑, กรรม- ๑.

กรรมาชีพ
[กํา-] น. คําเรียกชนชั้นกรรมกรหรือลูกจ้างผู้หาเลี้ยงชีพด้วยค่าจ้างแรงงานว่า ชนกรรมาชีพ. (อ. proletariat).

กรรมาธิการ
[กํา-] น. บุคคลที่สภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภาเลือกและตั้งเป็นคณะกรรมาธิการ เพื่อกระทำกิจการ พิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใด ๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของแต่ละสภา แล้วรายงานต่อสภาคณะกรรมาธิการมี ๒ ประเภท คือ คณะกรรมาธิการสามัญและคณะกรรมาธิการวิสามัญ คณะกรรมาธิการสามัญประกอบด้วยบุคคลซึ่งเป็นสมาชิกของสภาล้วน ๆ คณะกรรมาธิการวิสามัญประกอบด้วยบุคคลผู้เป็นสมาชิกและบุคคลที่มิได้เป็นสมาชิกของสภารวมกัน หรือบุคคลที่มิได้เป็นสมาชิกของสภาทั้งหมดที่สภาเลือกและตั้งเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญ.

กรรมาร
[กํามาน] (แบบ) น. ช่างทอง เช่น กรรมารบุตร. (ส. กรฺมาร;ป. กมฺมาร).

กรรลี
[กัน-] น. โทษ. (ส. กลี แผลงเป็น กระลี และแผลง กระลี เป็นกรรลี).

กรรลึง
[กัน-] (กลอน; แผลงมาจาก กระลึง) ก. จับ.

กรรษก
[กัดสก] (แบบ) น. ชาวนา. (ส. กรฺษก; ป. กสฺสก).

กรรสะ
[กัน-] (ราชา) ก. ไอ, ใช้ว่า ทรงพระกรรสะ. (ป. กาส; ส. กาศ).

กรรแสง ๑
[กัน-] (กลอน; แผลงมาจาก กระแสง) ก. ส่งเสียงร้อง เช่น เทพฤๅษีสรรเสริญแชรง ชัยชัยรบแรง กรรแสงแลสาธุการา. (สมุทรโฆษ).

กรรแสง ๒
[กัน-] (โบ) น. ผ้าสไบ เช่น กรรแสงสวมคอหิ้ว ตายบทันลัดนิ้ว หนึ่งดี.(ม. คําหลวง ทานกัณฑ์). (ดู กันแสง).

กรรหาย
[กัน-] (โบ; กลอน) ก. อยากได้, หิวโหย, เช่น กามกรรหายยั่วข้าง. (ลอ),ให้หยุดพลพักร้อน กรรหายผ่อนเอาทับ. (นิ. พลเสพย์).

กรรเหิม
[กัน-] (โบ; กลอน) ก. เหิม เช่น กรรเหิมหายหว่นนหว่า. (ม. คําหลวงฉกษัตริย์).

กรรโหย
[กัน-] (โบ; กลอน) ก. โหย, คร่ำครวญ เช่น มีกระเรียนร้องก้องกรรโหย.(สมุทรโฆษ).

กรรเอา
[กัน-] (โบ; กลอน; แผลงมาจาก กระเอา) ว. กลมกล่อม เช่น ไพเราะรสหวาน บรรสานกรรเอาเอาใจ. (สมุทรโฆษ).

กรรุณา
[กฺระ-] (โบ) น. กรุณา เช่น ถ้าทรงพระกรรุณา. (สามดวง).

กรลุมพาง
[กระ] (โบ) น. กระลุมพาง, กลองหน้าเดียว, เช่น ปี่จีนโสดสรในใดต่างทงงกรลุมพางพอฟงง. (ม. คำหลวง มหาราช).

กรวด ๑
[กฺรวด] น. ก้อนหินเล็ก ๆ เขื่องกว่าเม็ดทราย. (ข. คฺรัวสฺ).

กรวด ๒
[กฺรวด] น. ชื่อดอกไม้ไฟชนิดหนึ่ง ใช้ไม้อ้อบรรจุดินดำ มีหางยาว เมื่อจุดชนวนแล้วเหวี่ยงให้พุ่งขึ้นสูง, จรวด ก็เรียก. ว. สูงชัน เช่น หลังคากรวด,คู่กับ หลังคาดาด, ในคําประพันธ์ใช้ว่า จรวด หรือ ตรวด ก็มี เช่น เฒ่าก็วิ่งตรวดตรงขึ้นต้นไม้. (ม. ร่ายยาว ชูชก).

กรวด ๓
[กฺรวด] ก. หลั่งน้ำ เช่น น้ำพระเต้าสิโตทกธารามารดริน กรวดลงในมืออินทพฤฒาจารย์. (ม. กาพย์ สักบรรพ). (ข. จฺรวจ).

กรวดน้ำ
ก. แผ่ส่วนบุญด้วยวิธีหลั่งน้ำ; (ปาก) โดยปริยายหมายความว่า ตัดขาดไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย, มักใช้ว่า กรวดน้ำคว่ำกะลา หรือ กรวดน้ำคว่ำขัน.

กรวน
[กฺรวน] (ถิ่น-ภูเก็ต) น. กลอยทําเป็นชิ้นเล็ก ๆ. (วิทยาจารย์ ล. ๑๖ ต. ๒).

กรวบ, กร๊วบ
[กฺรวบ, กฺร๊วบ] ว. เสียงดังเช่นเคี้ยวถูกของแข็ง.

กรวม
[กฺรวม] ก. สวม เช่น วงแหวนกรวมหัวเสา, ครอบ เช่น เอากรวยกรวมพนมดอกไม้, คร่อม เช่น ปลูกเรือนกรวมตอ ปลูกเรือนกรวมทาง;รวมความหมายหลายอย่าง เช่น กรวมความ; กํากวม เช่น พูดกรวมข้อ.(ปาเลกัว).

กร้วม
ว. เสียงเคี้ยวสิ่งของที่เปราะให้แตก หรือเสียงของแข็งกระทบกันอย่างแรง.

กรวย ๑
น. ของมีรูปกลม กลวง ยาวเรียวแหลม, เรียกขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยแป้งข้าวเจ้า กะทิ น้ำตาลปีบ เป็นต้น หยอดในกรวยใบตองว่าขนมกรวย, กระทงมีฝาเป็นกรวยครอบ ข้างในใส่หมากหรือเมี่ยงสําหรับถวายพระอุปัชฌาย์และคู่สวดในการบวชนาค เรียกว่ากรวยอุปัชฌาย์และกรวยคู่สวด; (วิทยา) รูปตันมีลักษณะฐานกลมและแหลมเรียวไปโดยลําดับ เรียกว่า รูปกรวย. (อ. cone).

กรวยเชิง
น. ลายที่ทําเป็นรูปกรวย ใช้เป็นลายชายผ้าและปลายเสา เรียกชื่อต่าง ๆกันแล้วแต่ลายอยู่ที่ไหน เช่น ถ้าอยู่ที่เชิงผ้า เรียกว่า กรวยเชิง, ถ้าอยู่ที่เชิงผ้าเกี้ยว เรียกว่า เชิงเกี้ยว, ถ้าอยู่ที่ด้ามหอก เรียกว่า เชิงหอก.

กรวย ๒
น. (๑) ชื่อไม้ต้นชนิด Horsfieldia irya (Gaertn.) Warb. ในวงศ์Myristicaceae ขึ้นตามฝั่งน้าลําคลอง ใบเป็นมันคล้ายใบจําปี แต่เรียวและนิ่มกว่า ดอกสีเหลือง ผลกลมเป็นพวงคล้ายมะไฟ, กรวยบ้าน ก็เรียก. (๒) ชื่อไม้พุ่มชนิด Casearia grewiifolia Vent. ในวงศ์ Flacourtiaceaeใบคล้ายชนิดแรกแต่ปลายป้อม มีขนมาก ขอบใบมีจักเล็ก ๆ เชื่อกันว่าเป็นยาสูบแก้ริดสีดวงจมูก, กรวยป่า ก็เรียก.

กรวย ๓
(โบ) ก. สักหรือแทงด้วยแหลน เช่น กรวยปลา.

กรวยบ้าน
ดู กรวย ๒ (๑).

กรวยป่า
ดู กรวย ๒ (๒).

กรวิก ๑
[กะระ-, กอระ-] (แบบ) น. นกการเวก. (ไตรภูมิ). (ป., ส. กรวีก).

กรวิก ๒
[กะระ-, กอระ-] น. ชื่อภูเขาชั้นที่ ๓ ในหมู่เขาสัตบริภัณฑ์ที่ล้อมเป็นวงกลมรอบเขาพระสุเมรุ. (ป.; ส. กรวีก). (ดู สัตบริภัณฑ์, สัตภัณฑ์).

กรสานต์
[กฺระ-] (โบ; กลอน) ว. กระสานติ์, สงบ, ราบคาบ,เช่น ดำรงกรษัตรให้กรสานต์. (ยวนพ่าย).

กรสาปน, กรสาปน์
[กฺระสาบ] (แบบ) น. กระษาปณ์ เช่น แลพราหมณ์น้นนได้ทองร้อยกรสาปน เปนลาภด้วยเดอรขอทานทุกวันวารแก่มหาชนทงงหลายบมิขาดเลย. (ม. คําหลวง ชูชก). (ส. การฺษาปณ).

กรสุทธิ์
[กะระ-] น. 'การชําระมือให้หมดจด', พิธีอย่างหนึ่งของพราหมณ์ก่อนที่จะประกอบพิธีใด ๆ จะต้องชำระมือให้สะอาดเสียก่อน,กระสูทธิ์ ก็ว่า. (ส. กรศุทฺธิ).

กรอ ๑
ก. ม้วนด้ายเข้าหลอดด้วยไนหรือเครื่องจักร; ควง เช่นกรเกาะขอกรอธาร เงือดง้าง. (ลิลิตพยุหยาตรา).

กรอ ๒
ก. แสดงกิริยาเลียบเคียงกันในเชิงชู้สาว มักเป็นอาการที่ผู้ชายหนุ่ม ๆ แต่งตัวแล้วชวนเพื่อนกันเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง เช่น นักเลงหนุ่มหนุ่มนั้น เที่ยวกรอ. (พิธีทวาทศมาส), บางทีก็ใช้ว่า กรอผู้หญิง. ว. อาการที่ติดพันกันในเชิงชู้สาว เช่น หนุ่มคนนี้มีผู้หญิงติดกรอทีเดียว.

กรอกรุย
ก. ทําท่าเจ้าชู้ เช่น ห่มเพลาะกรูมกรอกรุยฉุยเฉิดฉัน.(มณีพิชัย).

กรอ ๓
ก. แต่งให้เรียบ เช่น กรอฟัน กรอไม้.

กรอ ๔
ว. ยากจน, เข็ญใจ, ฝืดเคือง, ในคำว่า เบียดกรอ. (ข. กฺร ว่า ยาก,ลำบาก).

กร้อ
น. เครื่องสานยาชัน รูปคล้ายปุ้งกี๋ แต่เล็กกว่า ใช้วิดน้ำเรือ เช่นส่วนตัวมึงคือกร้อ แต่งไว้วิดเรือ. (โคลงกวี), สามัญเรียกว่าตะกร้อ. (เทียบ ข. กฺรฬ ว่า ไห).(รูปภาพ กร้อ)

กรอก ๑
[กฺรอก] ก. เทลงในช่องแคบ เช่น กรอกหม้อ กรอกขวด, หรือใช้โดยปริยายก็ได้ เช่น พูดกรอกหู; ลงข้อความหรือจํานวนเลขเช่น กรอกบัญชี. ว. แห้งจนคลอน, ใช้แก่หมากและฝักมะขามว่า หมากกรอก มะขามกรอก.

กรอก ๒
น. ชื่อนกยางขนาดเล็กในวงศ์ Ardeidae ในประเทศไทยมี ๓ ชนิดคือ ยางกรอกพันธุ์จีน (Ardeola bacchus) หัวสีน้าตาลแดงหลังสีเทาอมดำ อกสีแดง ยางกรอกพันธุ์ชวา (A. speciosa)หัวและคอสีเหลือง หลังสีเทาอมดำ อกสีเหลือง และยางกรอกพันธุ์อินเดีย (A. grayii) หัวและคอสีเหลือง หลังสีแดงเข้ม อกสีน้ำตาลเหลือง กินปลา.

กร็อกกร๋อย
ว. ไม่ชุ่มชื่น, ไม่สมบูรณ์.

กรอกแกรก ๑
[กฺรอกแกฺรก] ว. เสียงอย่างเสียงใบไม้แห้งกระทบกัน.

กรอกแกรก ๒
[กฺรอกแกฺรก] (โบ) น. การเล่นพนันชนิดหนึ่ง. (ราชกิจจา. ล. ๑).

กรอง ๑
[กฺรอง] ก. ร้อย เช่น กรองมาลัย = ร้อยดอกไม้; ถัก, ทอ, เช่นกรองแฝก กรองคา.

กรองทอง
น. ผ้าโปร่งอันทอหรือถักด้วยเส้นลวดทองหรือไหมทอง.

กรอง ๒
[กฺรอง] ก. เอาของละเอียดออกจากของหยาบ เช่น กรองทราย,เอาฝุ่นละอองหรือของสกปรกออก เช่น กรองน้ำมัน กรองอากาศ,ใช้เครื่องกรองมีผ้าเป็นต้น คัดเอาผงหรือกากออกจากน้ำหรือสิ่งที่เป็นน้ำ เช่น กรองน้ำ กรองกะทิ.

กรอง ๓
[กฺรอง] (กลอน) น. กําไล, โดยมากใช้ประกอบกับคําอื่น ๆ เช่นกรองเชิง = กําไลเท้า กรองได = กําไลมือ กรองศอ = สร้อยคอ,สร้อยนวม เช่น กรองศอซ้อนสลับทับอังศา. (อิเหนา).[ข. กง (กอง) ว่า กำไล, วงกลม].

กรอง ๔
[กฺรอง] (ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. กระชอน.

กรองกรอย
ว. ไม่ชุ่มชื่น, ไม่สมบูรณ์; ซอมซ่อ (มักใช้แก่การแต่งกาย), ตองตอยก็ใช้; (กลอน; ถิ่น-ปักษ์ใต้) ตกอับ, แร้นแค้น, เช่น ผัวเมียสองคนจนกรองกรอย. (สังข์ทอง).

กรอด ๑
[กะหฺรอด] ดู ปรอด.

กรอด ๒
[กฺรอด] ว. เซียวลง เช่น ผอมกรอด; เสียงดังอย่างเสียงกัดฟัน.

กร่อน
ก. หมดไปสิ้นไปทีละน้อย, ร่อยหรอ, สึกหรอ.

กรอบ ๑
[กฺรอบ] น. สิ่งที่ประกอบตามริมวัตถุมีรูปภาพเป็นต้น, โดยปริยายหมายความว่า ขอบเขตกําหนด เช่น ทํางานอยู่ในกรอบ.

กรอบเช็ดหน้า
น. กรอบประตูหรือหน้าต่าง, เช็ดหน้า หรือ วงกบ ก็เรียก.

กรอบหน้า
น. เครื่องประดับขอบหน้าผากเป็นรูปกระจังเป็นต้น.(รูปภาพ กรอบหน้า)

กรอบ ๒
ว. แตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ง่าย, เปราะ; (ปาก) แทบดํารงตนไปไม่รอด เช่น จนกรอบ.

กรอบเกรียบ
(โบ) ว. มีเสียงดังอย่างเสียงเหยียบถูกของแห้งหรือกรอบ,เกรียบกรอบ ก็ว่า.

กรอบแกรบ
ว. เต็มที เช่น แห้งกรอบแกรบ จนกรอบแกรบ; มีเสียงดังอย่างเสียงเหยียบถูกของแห้งหรือกรอบ.

กรอม ๑
[กฺรอม] ว. ปกหรือคลุมยาวลงมาเกินควร เช่น นุ่งผ้าซิ่นกรอมส้น.

กรอม ๒
[กฺรอม] ว. ระทม, เจ็บช้ำอยู่ภายในเรื่อยไป, เช่น กรอมใจ.

กร่อม, กร่อม ๆ
(โบ) ว. ช้า ๆ เงื่อง ๆ แต่ทําเรื่อยไป (มักใช้แก่การเดิน พายเรือหรือลุยน้ำ) เช่น เดินกร่อม ๆ กรําฝนฟ้า พายเรือกร่อม ๆ.(อักษรประโยค).

กร่อย
[กฺร่อย] ว. ไม่จืดสนิทหรือไม่หวานสนิท เพราะมีรสเค็มเจือ,โดยปริยายหมายความว่า หมดรสสนุกหรือหมดความครึกครื้นเช่น การแสดงที่ไม่สนุกทำให้คนดูรู้สึกกร่อย.

กระ ๑
น. ชื่อเต่าทะเลชนิด Eretmochelys imbricata ในวงศ์ Cheloniidaeหลังเป็นเกล็ดแผ่นโต ๆ ดูเหมือนซ้อนเหลื่อมกันอย่างกระเบื้องมุงหลังคาสีน้ำตาลลายเหลือง ปากงุ้มคล้ายปากเหยี่ยว ขาแบนเป็นพาย มีไข่กลมเปลือกนิ่มเหนียว ไข่ตามหาดทรายครั้งละ ๑๕๐-๒๕๐ฟอง. (ข. กราส่).

กระ ๒
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Elateriospermum tapos Blumeในวงศ์ Euphorbiaceae ผลกลมมี ๓ พู เปลือกแข็ง เมื่อแก่สีคล้ำเกือบดํา เมล็ดรูปยาวรี เปลือกแข็งเป็นมันสีน้ำตาลเข้ม ภายในมีเนื้อขาว ๒ กลีบประกบกัน เมื่อดิบมีพิษร้ายแรง ดองหรือคั่วแล้วกินได้ รสมัน เรียกว่า ลูกกระ, ปักษ์ใต้และมลายูเรียก ประ.

กระ ๓
น. จุดดำ ๆ หรือจุดน้ำตาลขึ้นประปรายที่ผิวกายคน สัตว์ หรือสิ่งอื่น ๆ, ประ ก็ว่า.

กระ ๔
ใช้เป็นพยางค์หน้า (๑) ซึ่งเดิมเป็น ก กํา กุ ข ต ส เช่น กบิล -กระบิล, กําแพง - กระแพง, กุฎี - กระฎี, ขจัด - กระจัด, ตวัด -กระหวัด, สะท้อน - กระท้อน. (๒) โบราณใช้แทน ตระ เช่นตระกูล - กระกูล, ตระลาการ - กระลาการ. (อัยการเบ็ดเสร็จ). (๓) เติมหน้าคําโดยไม่มีความหมายก็มี เช่น ซุ้ม - กระซุ้ม,โดด - กระโดด, พุ่ม - กระพุ่ม, ยาจก - กระยาจก, เติมให้มีความหมายแน่นแฟ้นขึ้นก็มี เช่น ทํา - กระทํา, ทุ้ง - กระทุ้ง,เสือกสน - กระเสือกกระสน. (๔) ย้าหน้าคําอันขึ้นต้นด้วย กในบทกลอน คือ กระกรี๊ด กระกรุ่น กระกลับกลอก กระเกริ่นกระเกรียม กระเกรียว กระเกรี้ยว กระเกริก. (๕) นอกนี้เป็นกระ มาแต่เดิม เช่น กระทรวง กระบือ.

กระกร
(กลอน) ก. ฉายรัศมี เช่น ทินกรกระกรจามี- กรกรรัศมีดุรงครัตน์พรรณราย. (สมุทรโฆษ). (กระ + ส. กร = รัศมี).

กระกรับกระเกรียบ
(โบ; กลอน) ว. กระด้าง, หยาบ, เช่น หนงงหยาบสุรเสียงศัพท์ดูก็กระกรับกระเกรียบ. (ม. คําหลวง กุมาร).

กระกรี๊ด
(กลอน) ว. เสียงกรีด ๆ ดั่งเสียงหญิงร้องด้วยความตกใจเช่น แต่ร้องจนสุดสิ้นพระสุรเสียงสำเนียงกระกรี๊ดกรีด.(ม. ร่ายยาว กุมาร).

กระกรุ่น
(กลอน) ว. กรุ่น ๆ เช่น ไฟฟุนกระกรุ่นเกรียม. (สรรพสิทธิ์).

กระกลับกลอก
(กลอน) ก. กลับกลอก เช่น มีตาดุจแก้วแสงสาย กระกลับกลอกพราย ชื่อรัตนจักษุมงคล. (ตําราช้างคําฉันท์).

กระกวด
(โบ; กลอน) ว. สูงชัน, กรวด, กรกวด ก็ว่า เช่น อยู่จอมด้วยกรกวดกิ่งก้านรวดรยงงามอยู่น้นน. (ม. คําหลวง มัทรี).

กระกอง
(แบบ) ก. กอด, เกี่ยวพัน, เช่น เกษแก้วกระกองกลม แลกทดกทันงาม.(เสือโค).

กระกัด
(โบ) ก. ใคร่, อยาก, ยินดี, เช่น ด้วยกระกัดศรัทธา. (มาลัยคําหลวง),ใช้ว่า ตระกัด ก็มี, เขียนเป็น กรกัติ หรือ กระกัติ ก็มี.

กระกัติ
(โบ) ก. กระกัด, ใคร่, อยาก, ยินดี, เช่น อย่ายักษ์มลักกรีฑาดลด้าวอำเภอพลลการกระกัติกามา. (สรรพสิทธิ์).

กระกี้
น. ต้นตะเคียน. (ข.).

กระกูล
(เลิก) น. ตระกูล. (อัยการเบ็ดเสร็จ).

กระเกรอก
[-เกฺริก] (กลอน) ว. กระเกริก, เสียงดังอึกทึก, เช่น กระเกรอกทงงท้องธรณี. (สมุทรโฆษ).

กระเกริก
(กลอน) ว. เสียงดังอึกทึก เช่น กระเกริ่นกระเกริกกฤษฎา.(อุเทน).

กระเกริ่น
(กลอน) ว. ระบือ เช่น กระเกริ่นกระเกริกกฤษฎา. (อุเทน).

-กระเกรียบ
ใช้เข้าคู่กับคำ กระกรับ เป็น กระกรับกระเกรียบ.

กระเกรียม
(โบ; เลิก) ก. ตระเตรียม, จัดไว้ให้บริบูรณ์, เช่น กระเกรียมพร้อมเสร็จสําเร็จการ. (คาวี).

กระเกรียว
(โบ; กลอน) ว. เสียงดังเกรียว ๆ เช่น ก็ร้องกระเกรียวเฉียวฉาว.(สุธน).

กระเกรี้ยว
(โบ; กลอน) ว. เสียงขบฟันเกรี้ยว ๆ เช่น คุกคามขบฟันกระเกรี้ยว.(ม. คําหลวง ฉกษัตริย์).

กระเกลือก
(โบ; กลอน) ก. เกลือกไปมา เช่น กล่ำตากระเลือก กระเกลือกกลอกตากลม. (ลอ).

กระคน
(กลอน) น. ประโคน คือ สายรัดจากใต้สัปคับไปที่อกช้างหลังขาหน้าแล้วลอดมาบรรจบกัน โยงใต้ท้องช้างและที่หน้าขาหน้าไปจากสายชนักที่คอช้าง.(รูปภาพ กระคน)

กระคาย
(กลอน) ว. ระคาย เช่นบุกแฝกกระคายคา ละเลาะลัดลดาดอน.(ม. ฉันท์ มหาราช).

กระคุก
(โบ) ก. คุกคลาน เช่น ทั้งล้มทั้งลุกกระคุกหัวเข่า. (ไตรภูมิ).

กระงกกระงัน
(โบ) ว. งก ๆ งัน ๆ เช่น ถึงว่าจะกระงกกระงันงมเงื่อนเหงาหง่อยพี่ก็ไม่คิด. (ม. ร่ายยาว ชูชก).

กระงกกระเงิ่น
ว. งก ๆ เงิ่น ๆ.

กระง่องกระแง่ง
ว. อาการที่ร่างกายไม่แข็งแรง ทําให้เดินหรือเคลื่อนไหวไม่ถนัด,กระย่องกระแย่ง หรือ ง่องแง่ง ก็ว่า.

-กระงอด
ใช้เข้าคู่กับคำ กระเง้า เป็น กระเง้ากระงอด.

กระง่อนกระแง่น
ว. คลอนแคลน, ไม่แน่น, ไม่มั่นคง, ง่อนแง่น ก็ว่า.

กระเง้ากระงอด
ว. กะบึงกะบอน, โกรธอย่างแสนงอน, เง้างอด หรือ เง้า ๆ งอด ๆก็ว่า.

กระโงก
(กลอน) น. นกยูง, กุโงก ก็ว่า. (เทียบ ข. โกฺงก).

กระจก
น. แก้วที่ทําเป็นแผ่น; โรคต้อชนิดหนึ่ง เรียกว่า ต้อกระจก.(ป., ส. กาจ = แก้ว, ดินที่ใช้ทำแก้ว).

กระจกเงา
น. แผ่นกระจกฉาบด้านหลังด้วยแผ่นบาง ๆ ของโลหะเงินหรือโลหะเจือปรอทแล้วทาสีทับ ใช้สําหรับส่องหน้าเป็นต้น,มักเรียกสั้น ๆ ว่า กระจก, ลักษณนามว่า บาน, ราชาศัพท์ว่า พระฉาย; (วิทยา) วัตถุที่มีผิวมันสามารถส่งภาพหรือแสงสะท้อนกลับได้.

กระจกตา
น. ส่วนใสของตา มีรูปกลมแบน สีใส พื้นหน้านูนออกพื้นหลังหวำ หนาประมาณ ๑ มิลลิเมตรประกอบอยู่เบื้องหน้าของดวงตา.

กระจกนูน
น. วัตถุที่มีผิวมัน ลักษณะกลีบบัวคว่ำ สามารถสะท้อนแสงให้เกิดภาพเสมือนหัวตั้งมองเห็นได้ที่ผิวกระจกนั้น.

กระจกฝ้า
น. กระจกโปร่งแสงคือแสงลอดผ่านได้บ้าง แต่ตาไม่สามารถมองทะลุผ่านไปเห็นวัตถุอีกข้างหนึ่งได้.

กระจกเว้า
น. วัตถุที่มีผิวมัน ลักษณะกลีบบัวหงาย สามารถสะท้อนแสงให้เกิดภาพจริงหัวกลับได้บนจอที่ขวางรับแสงสะท้อน.

กระจกหุง
น. กระจกสีชนิดบาง ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมมีสีต่าง ๆ ใช้ประดับอาคาร วัตถุ หรือเครื่องใช้เป็นต้น.

กระจง
น. ชื่อสัตว์เคี้ยวเอื้องในวงศ์ Tragulidae ที่เล็กที่สุด รูปร่างคล้ายกวาง แต่ไม่มีเขา ตัวผู้มีเขี้ยวแหลมคมงอกออกมาซึ่งมีผู้นิยมใช้เป็นเครื่องราง มี ๒ ชนิด คือ กระจงควาย (Tragulus napu) สูงราว๓๕ เซนติเมตร และกระจงเล็ก (T. javanicus) สูงราว ๒๕เซนติเมตร, พายัพเรียก ไก้. (มลายู กันจิล).

กระจร ๑
(กลอน) น. ต้นสลิด เช่น กระทุ่มกระจรแล้ คชน้าวกาหลง.(พงศ. เหนือ). (แผลงมาจาก ขจร).

กระจร ๒
(กลอน) ก. ฟุ้งไป เช่น ให้กระจรกิจจาในนุสนธิ์. (พาลีสอนน้อง).(แผลงมาจาก ขจร).

กระจอก ๑
น. ชื่อนกขนาดเล็กในวงศ์ Passeridae ตัวลาย มี ๔ ชนิดชนิดที่มีชุกชุมอาศัยตามชายคาบ้านเรือน เรียก กระจอกบ้าน(Passer montanus) อีก ๓ ชนิด คือ กระจอกตาล (P. flaveolus)กระจอกป่าท้องเหลือง (P. rutilans) และกระจอกใหญ่(P. domesticus).

กระจอก ๒
(โบ) น. เล็บ เช่น กระจอกสอกายใหญ่หน้าเล็กลาน หล็อนแฮ.(ตําราช้างคําโคลง). (ข. กฺรจก ว่า เล็บ).

กระจอก ๓
ว. เขยก (ใช้แก่ขา). (ข. ขฺจก ว่า ขาพิการ); (ปาก) ไม่สำคัญ, เล็กน้อย,เช่น เรื่องกระจอก, .ต่ำต้อย เช่น คนกระจอก.

กระจอกงอกง่อย
ว. ยากจนเข็ญใจ.

กระจอก ๔
น. ลักษณะแมวอย่างหนึ่ง สีตัวดําทั้งหมด มีขนสีเทาล้อมรอบปาก ตาสีเหลือง เรียกว่า แมวกระจอก. (โชค-โบราณ).

กระจอกชวา
น. ชื่อนกขนาดเล็กชนิด Padda oryzivora ในวงศ์ Estrildidaeมีถิ่นกําเนิดในเกาะชวาและเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซียเคยนํามาเลี้ยงใช้เสี่ยงทาย จึงเรียกว่า นกหมอดู.

กระจอกเทศ
น. ชื่อนกขนาดใหญ่ชนิด Struthio camelus ในวงศ์ Struthionidaeขาใหญ่แข็งแรง ตีนมี ๒ นิ้ว วิ่งเร็ว แต่บินไม่ได้ มีถิ่นกําเนิดในทวีปแอฟริกา.

กระจองงอง, กระจองงอง ๆ
ว. เสียงร้องเช่นนั้นพร้อมตีฆ้องป่าวประกาศว่า กระจองงอง ๆเจ้าข้าเอ๊ย.

กระจองหง่อง, กระจ๋องหง่อง
ว. อาการที่นั่งยอง ๆ จ้องดู.

กระจองอแง
ว. เสียงเด็กที่ร้องไห้ ก่อให้เกิดความรําคาญ, ใช้เรียกลูกเด็กเล็กแดงหรือที่ยังต้องอุ้มต้องจูงอยู่ว่า ลูกกระจองอแง.

กระจ้อน ๑
น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิด Menetes berdmorei ในวงศ์ Sciuridaeเป็นสัตว์จำพวกกระรอก ตัวสีน้ำตาล มีลายสีดําและน้ำตาลอ่อนตามยาวข้าง ๆ ตัว หางเป็นพวง วิ่งหากินตามพื้นดิน.

กระจ้อน ๒
ว. เล็ก, ไม่โต.

กระจอนหู
(ถิ่น) น. ตุ้มหู. (ลัทธิ. ภาค ๑๘ ตอน ๑).

กระจ้อย
ว. จ้อย, เล็กน้อย, เช่น เดินร่อยเรี่ยงามตรูกระจ้อย.(ประพาสธารทองแดง).

กระจ้อยร่อย
ว. จ้อย, น้อย ๆ, เล็กนิด.

กระจ๋อหวอ
(ปาก) ก. เปิด, โจ่งแจ้ง.

กระจะ
ว. แจ่มแจ้ง, ชัดเจน.

กระจัก
(กลอน) ก. เป็นจัก ๆ เช่น กระจักกระจังบัลลังก์บัวหงายธูปรองทองทราย สลับด้วยแก้วแกมนิล. (พากย์).

กระจัง ๑
น. ชื่อลายอย่างหนึ่ง ใช้เป็นลวดลายสําหรับเครื่องประดับที่อยู่บนชั้นหรือตามขอบของสิ่งบางอย่าง เช่น ชั้นฐานธรรมาสน์กระจังมีหลายแบบ เช่น กระจังตาอ้อย กระจังเจิม กระจังปฏิญาณ,เครื่องประดับที่มีลวดลายชนิดนี้ เรียกว่า ตัวกระจัง ใช้ประดับหลังเฟี้ยมลับแลและอื่น ๆ.

กระจัง ๒
น. ชื่อปลาน้ำกร่อยชนิด Periophthalmodon schlosseriในวงศ์ Periophthalmidae พบในบริเวณป่าชายเลน รูปร่างการเคลื่อนไหวและความสามารถขึ้นมาพ้นน้ำได้คล้ายปลาจุมพรวดซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า มีครีบอกเป็นกล้ามเนื้อใช้ต่างตีนช่วยครีบหาง ทํารูลึกอยู่ในเลน เคลื่อนไหวได้รวดเร็วบนผิวเลนและผิวน้ำ ปีนเกาะบนที่ชันและกระโจนเป็นห้วง ๆ ได้, เขียนเป็นกะจัง ก็มี.

กระจังหลังเบี้ย
น. ใบไม้เล็ก ๆ เป็นหยัก ๆ. (ปาเลกัว).

กระจัด ๑
ก. ขับไล่; แยกย้ายออกไป เช่น ลูกหลานกระจัดพลัดพราย. (คาวี).(แผลงมาจาก ขจัด).

กระจัดกระจาย
ว. เรี่ยรายไป, แตกฉานซ่านเซ็นไป, ไม่รวมอยู่ในพวกเดียวกัน.(แผลงมาจาก ขจัดขจาย).

กระจัดพลัดพราย
ก. แตกฉานซ่านเซ็นไป, ไม่รวมอยู่ในพวกเดียวกัน.

กระจัด ๒
ว. กระจะ, จะจะ, ชัด, เช่น ฝ่ายล่ามบอกออกอรรถกระจัดแจ้ง. (อภัย).

กระจับ ๑
น. ชื่อไม้น้ำชนิด Trapa bicornis Osbeck ในวงศ์ Trapaceaeขึ้นลอยอยู่ในน้ำโดยอาศัยก้านใบเป็นทุ่น ฝักแก่สีดําแข็ง มี ๒ เขาคล้ายเขาควาย เนื้อในขาว รสหวานมัน; ชื่อขวากมีรูปคล้ายกระจับ;เรียกพานขนาดเล็ก ปากเป็นรูปวงรี ทําเป็นรูปกลีบบัวคลี่ออกคล้ายฝักกระจับ ว่า พานปากกระจับ; วัตถุที่มีรูปอย่างฝักกระจับสําหรับยันคางศพที่บรรจุโกศ; นวมหรือวัตถุรูปร่างคล้ายฝักกระจับใช้ใส่ป้องกันอวัยวะที่หว่างขาเวลาชกมวยไทย.

กระจับ ๒
น. เครื่องสวมข้อตีนม้าสําหรับหัดให้เต้นสะบัดตีน ทําด้วยหวายหรือไม้ไผ่เหลาให้กลมขดรอบข้อตีนม้า ขัดเป็นเกลียวปล่อยชายทั้ง ๒ ข้างเสี้ยมแหลมยื่นออกจากวงราว ๒ นิ้ว เพื่อกันมิให้ตีนกระทบกันเอง.

กระจับบก
น. ชื่อไม้เถาชนิดหนึ่งขึ้นในป่าต่าตามที่น้ำท่วม มักขึ้นปะปนกับเถากรด ซึ่งดูผาด ๆ คล้ายคลึงกัน ใบคู่ ขอบใบตอนบนที่ใกล้หรือติดกับก้านมีต่อมข้างละต่อม ผลนัยว่าแบน ๆ รูปสามเหลี่ยม ไม้ใช้ทําฟืน. (พจน. ๒๔๙๓).

กระจับปิ้ง
น. เครื่องปิดของลับของเด็กหญิง ทำด้วยเงิน ทอง หรือนากเป็นต้น, จะปิ้ง จับปิ้ง ตะปิ้ง หรือ ตับปิ้ง ก็เรียก. (ม. จะปิ้ง).

กระจับปี่
น. พิณ ๔ สาย. (ช. จาก ส. กจฺฉปี, อธิบายว่า มีรูปคล้ายเต่า).

กระจ่า
น. เครื่องใช้ตักแกงหรือตักข้าว ทําด้วยกะลามะพร้าว มีด้ามถือ,จวัก จ่า หรือ ตวัก ก็ว่า.

กระจ่าง
ก. สว่าง, สุกใส, ชัดเจน, แจ่ม.

กระจาด
น. ภาชนะสาน รูปเตี้ย ๆ ปากกว้าง ก้นสอบ, โดยปริยายเรียกเครื่องสานที่ทําเป็นตาโต ๆ ขอบปากแบบพานปากกระจับสําหรับใส่ของเครื่องกัณฑ์เทศน์มหาชาติ.

กระจาน
น. แผ่นตะกั่วหรือโลหะแผ่นเล็ก ๆ บาง ๆ ที่ติดอยู่เหนือเบ็ดสําหรับล่อปลา.

กระจาบ
น. ชื่อนกขนาดเล็กในวงศ์ Ploceidae มี ๓ ชนิด คือ กระจาบธรรมดา หรือ กระจาบอกเรียบ (Ploceus philippinus) กระจาบอกลาย (P. manyar) ทำรังด้วยหญ้าห้อยอยู่กับกิ่งไม้หรือพืชน้ำปากรังอยู่ด้านล่าง และ กระจาบทอง (P. hypoxanthus) ทํารังด้วยหญ้า โอบหุ้มกิ่งไม้หรือใบพืชน้ำ ปากรังอยู่ด้านล่าง มักอยู่รวมกันเป็นหมู่ กินเมล็ดพืช.

-กระจาม
ใช้เข้าคู่กับคำ กระโจม เป็น กระโจมกระจาม.

กระจาย
ก. ทําให้แพร่หรือแตกแยกออกจากกันไปในที่ต่าง ๆ, แพร่หรือแตกแยกออกจากกันไปในที่ต่าง ๆ; แผ่ซ่าน, จางออก, นิยมใช้เข้าคู่กับคํา กระจัด กระจุย เป็น กระจัดกระจาย กระจุยกระจาย.(แผลงมาจาก ขจาย).

กระจายนะมณฑล
(โบ) น. ชื่อกลบทวรรคต้นใช้อักษรสูงนําหน้า วรรคที่ ๒ ใช้อักษรกลาง วรรคที่ ๓ ใช้อักษรต่า ตัวอย่างว่า สมเด็จพระศิริวิบุลกิตติ์ กําจัดจากโศกวิโยคหา ค่อยตรึกตรองฉลองคุณพระชนมา. (ชุมนุมตํารากลอน).

กระจายเสียง
ก. ส่งเสียงแพร่ไกลออกไป.

กระจายหางดอก
น. ชื่อว่านชนิดหนึ่ง ต้นและใบดังเถาผักบุ้งเทศ แต่ไม่มีหัวมีดอกและฝักอย่างผักบุ้งเทศ เชื่อกันว่าว่านชนิดนี้ใช้เมล็ดตําละลายกับเหล้าแก้พิษเสือ พิษจระเข้ และพิษสุนัขบ้า.(กบิลว่าน).

กระจาว
น. กระเจา. (ดู กระเชา).

-กระจิก
ใช้เข้าคู่กับคํา กระจุก เป็น กระจุกกระจิก.

-กระจิ๋ง
ใช้เข้าคู่กับคํา กระจุ๋ง เป็น กระจุ๋งกระจิ๋ง.

กระจิด
ว. เล็กน้อย เช่น ตัวกระจิดนิดกว่าแมว. (ประพาสธารทองแดง).

-กระจิบ
ใช้เข้าคู่กับคํา กระจุบ เป็น กระจุบกระจิบ.

กระจิบ ๑
น. ชื่อนกขนาดเล็กในวงศ์ Sylviidae ร้องเสียงจิบ ๆ มีหลายชนิดเช่น กระจิบธรรมดา (Orthotomus sutorius) กระจิบคอดํากระจิบหัวแดง (O. atrogularis) (O. sepium) กินแมลง.

กระจิบ ๒
น. ถ้วยขนาดเล็กที่สุดสําหรับจิบ.

-กระจิ๋ม
ใช้เข้าคู่กับคํา กระจุ๋ม เป็น กระจุ๋มกระจิ๋ม.

กระจิริด
[กฺระจิหฺริด] ว. เล็กนิด. [เทียบมลายู เกาะจิลฺ, เกะจิก = เล็ก).

กระจิ๋ว
ว. เล็ก ๆ, จิ๋ว.

กระจิ๋วหลิว
(ปาก) ว. เล็กมาก.

กระจี้
(ถิ่น-โคราช) น. เมล็ดของต้นแสลงใจ.

-กระจี๋
ใช้เข้าคู่กับคํา กระจู๋ เป็น กระจู๋กระจี๋.

กระจุก
น. สิ่งที่รวมกันอยู่เป็นกลุ่ม, ลักษณนามเรียกสิ่งที่มัดรวมกันเป็นกลุ่ม เช่น หอม ๒ กระจุก กระเทียม ๓ กระจุก. ก. รวมกันอยู่เป็นกลุ่ม เช่น ธุรกิจใหญ่ ๆ กระจุกกันอยู่ในตัวเมือง.

กระจุกกระจิก
ว. เล็ก ๆ น้อย ๆ, เบ็ดเตล็ดคละกัน, เช่น ในกระเป๋าถือมีแต่ของกระจุกกระจิก, จุกจิก ก็ว่า.

กระจุกกระจุย
ว. กระจายจากกันอย่างสับสนไม่เป็นระเบียบ.

กระจุ๋งกระจิ๋ง
ก. พูดกันเบา ๆ ทําเสียงเล็กเสียงน้อยน่าเอ็นดู, จุ๋งจิ๋ง ก็ว่า. ก. อาการที่พูดกันเบา ๆ ทำเสียงเล็กเสียงน้อยน่าเอ็นดู,จุ๋งจิ๋ง ก็ว่า.

กระจุบ, กระจุ๊บ
น. ส่วนของโคมตรงที่สวมหลอด; ส่วนหนึ่งของตะเกียงที่ไส้ผ่านสําหรับจุดไฟ.

กระจุบกระจิบ
(โบ) ว. จุบจิบ.

กระจุ๋มกระจิ๋ม
ว. เล็ก ๆ น้อย ๆ น่าเอ็นดู, จุ๋มจิ๋ม ก็ว่า.

กระจุย
ว. กระจายออกยุ่งไม่เป็นระเบียบ, นิยมใช้เข้าคู่กับ กระจุกเป็น กระจุกกระจุย.

กระจุยกระจาย
ว. กระจายยุ่งเหยิง.

กระจู้
น. เครื่องดักปลาไหลชนิดหนึ่ง สานด้วยไม้ไผ่ รูปคล้ายหม้อคอสูง มีงาแซงอยู่ริมก้น ห้อยเหยื่อไว้ภายใน, เรียกว่า อีจู้หรือ จู้ ก็มี.

กระจู๋กระจี๋
ก. พูดกันเบา ๆ ด้วยอาการสนิทสนม, จู๋จี๋ ก็ว่า. ว. อาการที่พูดกันเบา ๆ ด้วยความสนิทสนม, จู๋จี๋ ก็ว่า.

กระจูด
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Lepironia articulata (Retz.) Dominในวงศ์ Cyperaceae ลําต้นกลมภายในกลวง และมีเยื่ออ่อนหยุ่นคั่นเป็นข้อ ๆ ใช้สานเสื่อหรือกระสอบ. (เทียบมลายู kerchut).

กระเจอะกระเจิง, กระเจิดกระเจิง
ว. แตกหมู่เพ่นพ่านไป, เตลิดไป, เช่น เฒ่าก็เที่ยวสัญจรกระเจอะกระเจิง. (ม. ร่ายยาว ชูชก), กองทัพข้าศึกถูกตีแตกกระเจิดกระเจิงไป.

กระเจา
น. (๑) ชื่อไม้ล้มลุกหลายชนิดในสกุล Corchorus วงศ์ Tiliaceaeขึ้นอยู่ในที่ลุ่ม เปลือกต้นเหนียว เมื่อลอกออกแล้ว เรียกว่า ปอเช่น ปอกระเจาฝักกลม (C. capsularis L.) ผลป้อมเปลือกย่นเป็นตุ่ม ๆ ใบใช้เป็นอาหารได้, พายัพเรียก เส้ง, และปอกระเจาฝักยาว (C. olitorius L.) ฝักยาวเรียว มีสันตามยาว, เมล็ดของปอทั้ง ๒ ชนิดนี้มีพิษ ปอใช้ทํากระสอบ. (๒) ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง. (ดู กระเชา).

กระเจ่า, กระเจ้า ๑
(ถิ่น) น. นกยาง เช่น กระจาบกระเจ้าจับ ซ้องศัพทอึงอล.

กระเจ้า ๒
(ถิ่น-พายัพ, ปักษ์ใต้) น. ต้นกระเชา. (ดู กระเชา).

กระเจาะ ๑
ว. มีแผลเป็นที่ลูกตา เรียกว่า ตากระเจาะ.

กระเจาะ ๒
น. เบี้ยเล็ก ๆ. (ปาเลกัว).

กระเจิง
ว. เลยไป, หลงไป, แตกจากหมู่ไป, นิยมใช้เข้าคู่กับคํา กระเจอะกระเจิด เป็น กระเจอะกระเจิง กระเจิดกระเจิง.

กระเจิดกระเจิง
ว. แตกหมู่เพ่นพ่านไป, เตลิดไป, เช่น กองทัพข้าศึกถูกตีแตกกระเจิดกระเจิงไป. (ดู กระเจอะกระเจิง).

กระเจี้ยง
น. ชื่อกล้วยไม้อิงอาศัยชนิด Epigeneium amplum (Lindl.)Summerh. ในวงศ์ Orchidaceae ดอกใหญ่ ทั้งกลีบนอกและกลีบในสีเหลืองประแดง, เอื้องศรีเที่ยง ก็เรียก.

กระเจี๊ยบ
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Abelmoschus esculentus (L.) Moenchในวงศ์ Malvaceae ผลสีเขียว ยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตรใช้เป็นผัก, กระเจี๊ยบมอญ มะเขือทวาย หรือ มะเขือมอญ ก็เรียก.

กระเจี๊ยบเปรี้ยว
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Hibiscus sabdariffa L. ในวงศ์ Malvaceaeเปลือกต้นมีปอเหนียวทนทาน ผลสีแดง ใช้ทําแยม, กระเจี๊ยบแดงก็เรียก, พายัพเรียก เกงเขง หรือ เกงเคง.

กระเจียว
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Curcuma sessilis Gage ในวงศ์Zingiberaceae ลักษณะคล้ายต้นกระชาย มีหัวใต้ดินขณะออกดอกไม่มีใบ ช่อดอกเป็นช่อตั้ง ดอกสีขาว อยู่ระหว่างกาบสีขาวปลายสีม่วงใช้ประกอบอาหารได้, พายัพเรียก อาวแดง.

กระเจี๊ยว
(ปาก) น. อวัยวะสืบพันธุ์เด็กชายเล็ก ๆ, เจี๊ยว หรือ อ้ายเจี๊ยว ก็ว่า.

กระแจะ ๑
น. ผงเครื่องหอมต่าง ๆ ที่ประสมกันสําหรับทาหรือเจิมโดยปรกติมีเครื่องประสม คือไม้จันทน์ แก่นไม้หอมชะมดเชียง หญ้าฝรั่น.

กระแจะ ๒
น. ชื่อไม้ต้นขนาดเล็กชนิด Naringi crenulata (Roxb.)Nicolson ในวงศ์ Rutaceae ขึ้นในป่าเบญจพรรณ ต้นและกิ่งมีหนามเปลือกขรุขระสีเทา ดอกเล็กสีขาวเป็นช่อสั้น ยาวประมาณ ๒ เซนติเมตร กลิ่นหอมอ่อน ท่อนไม้ฝนกับน้ำใช้เป็นเครื่องประทิ่นผิว รากใช้ทํายา, กะแจะ กะแจะ ขะแจะ ตุมตังหรือ พญายา ก็เรียก.

กระแจะ ๓
น. ชื่อรูปปลอกเหล็กสําหรับจับช้างดุ ทางปลายสัณฐานปากเปิดอย่างคีมคีบเบ้าทองเหลือง มีกําลังหดตัวให้ปลายจดเข้าหากันได้ ที่ริมปากมีงาแซงทําด้วยเหล็กปลายแหลมข้างละอัน ที่โคนปลอกมีที่สําหรับสวมคันไม้ไผ่ที่ทะลวงให้กลวง ร้อยเชือกซึ่งผูกจากปลอกลอดออกมาจากคันไม้ใช้สําหรับพุ่งเข้าไปเกาะขาช้างข้างใดข้างหนึ่งไว้ เมื่อเกาะได้แล้ว โรยปลายไปผูกกับขอนไม้ไว้เพื่อช้างจะได้ลาก ช้างกําลังดุก็ลากไป งาแซงก็จะฝังลึกเข้าไปทุกทีจนไม่สามารถจะก้าวขาได้ ก็เป็นอันจับได้; (ถิ่น-พายัพ) โซ่หรือกำไลเหล็กที่ทำเป็นปลอกสวมเท้าหน้าช้างทั้งคู่ให้ชิดกัน เพื่อมิให้ช้างเดินได้เร็วจนไกลถิ่นเกินควร ใช้เมื่อปล่อยช้างให้หากินในป่า.

กระโจน
ก. กระโดดพุ่งไปโดยเร็ว, เผ่นข้ามไป, โจน ก็ว่า.

กระโจม ๑
น. สิ่งที่ตามปรกติมียอดเป็นลอมอย่างซุ้ม ใช้เป็นเครื่องกําบังแดดลมเป็นต้น, โดยปริยายหมายถึง (๑) สิ่งที่รวมกันเข้าเป็นลอม เช่น กระโจมปืน. (๒) สิ่งที่ผูกรวบยอดให้รวมกัน เช่นปากผูกกระโจม. (๓) ผ้าที่ทําเป็นลอมเพื่อเข้าไปอยู่ให้เหงื่อออก เช่น เข้ากระโจม; กูบที่มีด้านเปิดโล่ง ๔ ด้าน, โจม ก็ว่า;(ถิ่น) เครื่องสวมศีรษะอย่างหนึ่ง เช่น กระจอนหูแปงประดับแก้วเครื่องเลิศอุดมกระโจมคำสุบเก้าเกษ. (ม. ภาคอีสาน นครกัณฑ์).

กระโจมทอง
น. เครื่องกันแดดและฝนเปิดโล่ง ๔ ด้าน อยู่บนสัปคับหลังช้างพระที่นั่ง เขียนลายปิดทองรดน้ำ.

กระโจมไฟ
น. หอสูงซึ่งตามไฟฉายแสงอย่างแรงไว้บนยอดเพื่อใช้บอกสัญญาณในการเดินเรือเป็นต้น, ประภาคาร หรือ เรือนตะเกียงก็เรียก.

กระโจมอก
ก. นุ่งผ้าสูงปิดอก. ว. อาการที่นุ่งผ้าสูงปิดอก ในความว่านุ่งผ้ากระโจมอก.

กระโจม ๒
ก. โถมเข้าไป เช่น ไม่ได้ทีอย่ากระโจมเข้าโรมรัน.(รามเกียรติ์ ร. ๒); ข้ามลําดับไป ในความว่า กินข้าวต้มกระโจมกลาง.

กระโจมกระจาม
ก. พรวดพราดอย่างลุกลน (เป็นคําใช้ในทางที่ติ).

กระฉง
น. ชื่อแมลงประเภทมวนพวกหนึ่ง ดูดกินเมล็ดอ่อนบนรวงข้าวทําให้ข้าวลีบ ลําตัวแคบยาวประมาณ ๑.๕ เซนติเมตร สีน้ำตาล,ในสกุล Leptocorisa วงศ์ Alydidae มี ๕-๖ ชนิดด้วยกันที่สําคัญ ได้แก่ ชนิด L. varicornis และชนิด L. acuta, ฉง สิงหรือ สิงห์ ก็เรียก.

กระฉอก
ก. อาการที่ของเหลวเช่นน้ำเป็นต้นในภาชนะกระเพื่อมอย่างแรงเพราะความสั่นสะเทือน. ว. แหว่ง, เว้า, (ใช้กับลักษณะของผม),ฉอก ก็เรียก.

กระฉอกกระแฉก
(ปาก) ก. กระฉอก, กระเพื่อมออกมา.

กระฉ่อน
ว. อื้อฉาว, แพร่สนั่นไป, อึงไปทั่ว.

กระฉับกระเฉง
ว. คล่องแคล่ว, กระปรี้กระเปร่าเหมาะแก่การ, ตรงข้ามกับเงื่องหงอย, เฉื่อยชา.

กระฉิ่ง
น. เครื่องเข้ากระบวนแห่ของหลวงชนิดหนึ่ง. (ดู กรรชิง).

กระฉีก
น. ของหวานทําด้วยมะพร้าวทึนทึกขูด กวนกับน้ำตาลปึกให้เข้ากัน อบด้วยควันเทียนให้หอม ใช้เป็นไส้หรือหน้าขนมเรียกว่า หน้ากระฉีก เช่น ขนมใส่ไส้ มีไส้เป็นหน้ากระฉีกข้าวเหนียวหน้ากระฉีก.

กระฉูด
ก. พุ่งออกโดยแรง (ใช้แก่ของเหลว) เช่น น้ำกระฉูด; ไสไปโดยแรง เช่น ช้างกระฉูดเท้า. (เทียบ ข. กญฺฌูส ว่า เตะดิน,ตะกุยดิน, เตะไสดินให้ฝุ่นฟุ้ง).

กระเฉก
ว. เขยก. (ปาเลกัว).

-กระเฉง
ใช้เข้าคู่กับคํา กระฉับ เป็น กระฉับกระเฉง.

กระเฉด
น. ชื่อไม้น้ำชนิด Neptunia oleracea Lour. ในวงศ์ Leguminosaeขึ้นลอยอยู่ในน้ำ ลําต้นอ่อนอุ้มน้ำ มีปลอกเป็นปุยขาว ๆ เป็นทุ่นเรียกว่า นม ใบย่อยเล็กเมื่อถูกสัมผัสก็หุบราบไป ดอกเหลืองเล็กออกชิดกันเป็นก้อนกลม ลําต้นและใบใช้เป็นอาหารได้, คำสุภาพเรียกว่า ผักรู้นอน, พายัพ เรียก ผักหนอง.

-กระแฉก
ใช้เข้าคู่กับคํา กระฉอก เป็น กระฉอกกระแฉก.

กระแฉ่น
(โบ) ก. ดังสนั่น เช่น ฟ้ากระแฉ่นเรือนผยองช่วยดู. (แช่งน้ำ).

กระโฉกกระเฉก
ว. โขยกเขยก. (ปาเลกัว).

กระโฉม
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Limnophila rugosa Merr. ในวงศ์Scrophulariaceae ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ ลําต้นและกิ่งอวบน้ำสีม่วง ใบรูปไข่ ค่อนข้างหนา ด้านล่างมีขนขอบหยักห่าง ๆ ก้านใบแบน ๆ โคนก้านโอบกิ่งหรือลําต้น ดอกเล็ก ๆ สีม่วงแกมชมพูกลางเหลือง ออกเป็นกระจุกที่ง่ามใบหรือปลายกิ่ง ทุกส่วนของไม้นี้มีกลิ่นหอม ใช้เป็นอาหาร และใช้ทํายาได้, ผักโฉม ก็เรียกเช่น ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน. (เห่เรือ).

กระชง
(โบ) ว. งง, ชะงัก, ประหม่า, เช่น นอนกระชงใจคราง ครั่นแค้น.(นิ. ตรัง), ภาษาถิ่นปักษ์ใต้ใช้ว่า ชง.

กระชดกระช้อย
ว. ชดช้อย.

-กระชวย
ใช้เข้าคู่กับคํา กระชุ่ม เป็น กระชุ่มกระชวย.

กระชอก
(โบ; กลอน) ก. กระฉอก เช่น กระชอกชอกชล กระมลมลมาลย์.(ประชุมหนังสือเก่า ภาค ๒). (ไทยเหนือ ซอก ว่า ตำ, กระทุ้ง).

กระชอน ๑
น. เครื่องกรอง โดยปรกติสานด้วยผิวไม้ไผ่ ใช้กรองกะทิเป็นต้น.

กระชอน ๒
น. ชื่อแมลงชนิด Gryllotalpa orientalis ในวงศ์ Gryllotalpidaeลําตัวยาว ขนาดย่อมกว่านิ้วก้อยเล็กน้อย สีน้ำตาล ปีกสั้น บินได้ในระยะใกล้ ขาคู่หน้าสั้นแบน รูปร่างคล้ายอุ้งมือ ปลายมีหนามแข็ง ใช้ขุดดิน อาศัยอยู่ในดิน กินรากพืชและแมลงเล็ก ๆ.

กระชอม
(โบ) ว. มาก, ใหญ่, เช่น ผักกาดกองกระชอมก็มี. (ม. คําหลวงมหาพน).

กระชอมดอก
น. ดอกไม้เพศผู้ของพรรณไม้เลื้อย เช่น ฟักทอง บวบ ซึ่งเรียกกันว่า ดอกถวายพระ.

กระช้อย
ว. ชดช้อย เช่น ดูเราะรายเรียบร้อยกระช้อยชด. (นิ. เดือน),และใช้เข้าคู่กับคํา กระชด เป็น กระชดกระช้อย.

กระช้อยนางรำ
น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Codariocalyx motorius Ohashi ในวงศ์Leguminosae ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อย ๓ ใบ ใบคู่ล่างเล็กกว่าและกระดิกไหวไปมาได้, ช้อยนางรํา ช้อยช่างรํา หรือนางรํา ก็เรียก.

กระชัง ๑
น. บังสาดที่ปิดและเปิดได้. (เทียบ ช. กระรันชัง = กระจาด).กระชังหน้าใหญ่ (สํา) ว. จัดจ้าน, ออกหน้ารับเสียเอง, เช่นแม่กระชังหน้าใหญ่.

กระชัง ๒
น. เครื่องสําหรับขังปลาชนิดหนึ่ง ใช้ไม้ไผ่ทําเป็นกง ๔ อันแล้วผูกด้วยซี่ไม้ไผ่โดยรอบ รูปกลม หัวท้ายเรียว ตอนบนเจาะเป็นช่อง มีฝาปิด ใช้ไม้ขัดฝา ๒ ข้าง ใช้ไม้ไผ่กระหนาบเพื่อให้ลอยได้ ในขณะออกไปจับปลาตามกร่ำ เมื่อจับปลาหรือกุ้งได้ก็เอาใส่ไว้ในนั้นชั่วคราว, อีกชนิดหนึ่ง สานด้วยไม้ไผ่ มีปากเปิดกว้างคล้าย ๆ ตะกร้าหรือเข่งใส่ของ แต่ใหญ่กว่ากระชังชั่วคราวนั้นหลายเท่า เป็นที่สําหรับจับปลาขนาดใหญ่มาขังไว้หรือเลี้ยงลูกปลาให้โตตามที่ต้องการ เพื่อบริโภคหรือค้าขาย และเอากระชังนี้ผูกติดหลักแช่ลอยน้ำไว้.

กระชัง ๓
(โบ) น. น้ำปัสสาวะแห่งทารก, น้ำคร่ำ, เขียนเป็น กะชัง ก็มี.(มิวเซียม).

กระชั้น
ว. ใกล้ชิด (เข้ามา) (ใช้แก่เวลาหรือเหตุการณ์) เช่น เวลากระชั้นเข้ามา ขี่ม้าขับกระชั้นมา, เร่งเข้า เช่น ไก่ขันกระชั้นเสียง, นิยมใช้เข้าคู่กับคํา กระโชก เป็น กระโชกกระชั้น.

กระชับ ๑
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Xanthium strumarium L. ในวงศ์Compositae มักขึ้นเป็นวัชพืชในทุ่งนาและริมน้ำ ลําต้นและใบคาย ใบมนเว้า ขอบจักโคนใบแหลม ดอกเล็กรวมเป็นกระจุก ผลรี ยาวประมาณ ๑ เซนติเมตร มีหนามปลายงอทั่วทั้งผล รากหอมอ่อน ๆ ใช้อบผ้าได้ บางส่วนของไม้นี้ใช้เป็นยาได้ แต่ทั้งต้นเป็นพิษต่อปศุสัตว์, ขี้ครอก หรือ ขี้อ้นก็เรียก.

กระชับ ๒
ก. แน่น, แนบแน่น, แนบกันสนิท, พอเหมาะ, แต่มีความหมายบอกว่า มีลักษณะที่ยิ่งขึ้นหรือทีเดียว เช่น กระชับแน่นกระชับตัว กระชับความ กระชับมือ. (ข. ขฺชาบ่).

กระชาก
ก. ฉุดโดยแรง, กระตุกโดยแรง, ชักเข้ามาโดยเร็วและแรง,โดยปริยายหมายความว่า พูดกระตุกเสียงดังห้วน ๆ เช่นพูดกระชากเสียง, นิยมใช้เข้าคู่กับคํา กระโชก เป็นกระโชกกระชาก.

กระช่าง
(โบ) ว. กระจ่าง เช่น เวหาเห็นกระช่าง. (ม. คําหลวง กุมาร),กระซ่าง ก็ว่า.

กระชาเดิม
(โบ) น. ร้านหรือเรือที่ขายเครื่องหอมต่าง ๆ มีแป้งและน้ำหอมเป็นต้น.

กระชาย
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Boesenbergia rotunda (L.) Mansf.ในวงศ์ Zingiberaceae สูงประมาณ ๖๐ เซนติเมตร มีลําต้นอยู่ใต้ดินเป็นหัวกลม ๆ มีรากสะสมอาหาร ซึ่งเรียวยาว อวบน้ำออกเป็นกระจุก ใช้เป็นผักและเป็นเครื่องปรุงประกอบอาหาร,พายัพเรียก กะแอน หรือ ละแอน.

กระชิง
น. เครื่องเข้ากระบวนแห่ของหลวงชนิดหนึ่ง เช่น กระชิงหุ้มผ้าแดงได้แต่หลานหลวงอยู่ในวัง อยู่นอกวังกระชิงหุ้มผ้าขาวเลว. (กฎมนเทียรบาล). (ดู กรรชิง).

กระชิด ๑
ว. ชิดทีเดียว เช่น ว่องไวไล่กระชิดติดพัน. (รามเกียรติ์ ร. ๒).

กระชิด ๒
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ต้นข่อยหนาม. (ดู ข่อยหนาม ที่ ข่อย).

กระชุ ๑
น. ภาชนะสานรูปกลมสูง สําหรับบรรจุของเช่นนุ่นหรือถ่าน,กระชุก ก็ว่า.

กระชุ ๒
น. ต้นกระทุ. (ดู กระทุ).

กระชุก ๑
น. ภาชนะสานรูปกลมสูง สําหรับบรรจุของเช่นนุ่นหรือถ่าน,กระชุ ก็ว่า; อัตราตวงของโบราณ มีพิกัดเท่ากับ ๕ สัด, และ๔ กระชุก เป็น ๑ ตะลอง.

กระชุก ๒
น. ภาชนะสานรูปฟักผ่าตามยาว ใช้สอดลงในเกวียน สําหรับใส่ข้าวเปลือกเป็นต้น, สามชุก ก็เรียก.

กระชุน
ดู กระทุน.

กระชุ่มกระชวย
ว. มีผิวพรรณสดใสหรือมีอาการกระปรี้กระเปร่า.

กระเชอ
น. ภาชนะสานคล้ายกระจาดขนาดเล็ก แต่สูงกว่า ก้นสอบปากกว้าง ใช้กระเดียด; อัตราตวงของโบราณ มีพิกัดเท่ากับ๕ ทะนาน, และ ๕ กระเชอ เป็น ๑ สัด, กันเชอ ก็เรียก.(เทียบ ข. ก?ฺเชิ).(รูปภาพ กระเชอ)

กระเชอก้นรั่ว
(สํา) ว. สุรุ่ยสุร่าย, ไม่รู้จักเก็บหอมรอมริบ, ขาดการประหยัด.

กระเชา
น. ชื่อไม้ต้นผลัดใบขนาดใหญ่ชนิด Holoptelea integrifolia(Roxb.) Planch. ในวงศ์ Ulmaceae ขึ้นอยู่ทั่วไป ผลแบนบางเป็นปีกโดยรอบ เนื้อไม้สดสีเหลืองมะนาว เมื่อแห้งเป็นสีนวล แข็งพอประมาณ ใช้ในการก่อสร้างที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมากนัก ทําเครื่องเรือน แกนร่ม ก้านและกล่องไม้ขีดไฟ,บางทีเรียก กระเจา, พายัพและปักษ์ใต้เรียก กระเจ้า ขจาวหรือ ขเจา.

กระเช้า
น. ภาชนะสานมีหูเป็นวงโค้งขึ้นไปสําหรับหิ้ว.

กระเช้าสวรรค์
น. อุปกรณ์เพื่อความเพลิดเพลินชนิดหนึ่ง มักมีตามสวนสนุกและในงานเทศกาลต่าง ๆ ประกอบด้วยล้อโลหะขนาดใหญ่คู่ขนานกัน หมุนด้วยแรงกลในแนวตั้งรอบแกนที่ติดอยู่กับที่มีที่นั่งในกระเช้าโลหะซึ่งห้อยติดอยู่เป็นช่วงระหว่างโครงของล้อทั้ง ๒, ชิงช้าสวรรค์ ก็ว่า.

กระเช้าผีมด
น. (๑) ชื่อไม้เถาชนิด Aristolochia tagala Cham. ในวงศ์Aristolochiaceae ผลเมื่อแก่ตอนโคนแยกออกเป็น ๖ สายคล้ายสาแหรก รากใช้ทํายาได้. (๒) ชื่อไม้พุ่มอิงอาศัยชนิดHydnophytum formicarium Jack ในวงศ์ Rubiaceaeชอบเกาะไม้ต้นในป่าดิบชื้นใกล้ฝั่งทะเล ลําต้นทรงกลมอวบน้ำมีรูพรุนภายในเป็นที่อาศัยของมด ส่วนที่เป็นรูพรุนใช้ทํายาได้,หัวร้อยรู ก็เรียก.

กระเช้าสีดา
น. ชื่อไม้เถาชนิด Aristolochia indica L. ในวงศ์ Aristolochiaceaeผลคล้ายผลกระเช้าผีมด (๑) แต่ขนาดใหญ่กว่า รากใช้ทํายาได้.

กระเชียง
น. เครื่องพุ้ยน้ำให้เรือเดิน รูปคล้ายแจว มีหลักสําหรับพาด ใช้เหนี่ยว; อาการที่พุ้ยเช่นนั้น เรียกว่า ตีกระเชียง, กรรเชียง ก็ว่า.

กระเชียงปู
ดู กรรเชียงปู.

กระแชง
น. เครื่องบังแดดฝน โดยนําใบเตยหรือใบจากเป็นต้นมาเย็บเป็นแผง, ลักษณนามว่า ผืน (เทียบมลายู กระชัง = แผงสำหรับคลุมเรือหรือรถ เย็บด้วยใบไม้); เชือกหนังสําหรับติดกับสายรัดประโคนของช้าง แต่มักติดเบื้องท้ายสันหลัง เพื่อควาญช้างจับในเวลาคับขัน; เชือกบาศสําหรับคล้องช้าง;ชื่อเรือบรรทุกชนิดหนึ่ง เล็กกว่าเรือเอี้ยมจุ๊น ท้องเรือกลมป้อมใช้กระแชงทําเป็นประทุน เรียกว่า เรือกระแชง.

กระแชะ
(กลอน) ก. กระแซะ เช่น แกล้งทำเลียมและกระแชะชิดสะบิ้งสะบัดดัดจริตกิริยา. (คาวี).

กระโชก
ว. กระแทกเสียง เช่น พูดกระโชก เห่ากระโชก; ทําให้กลัว,ทําให้ตกใจ, เช่น ขู่กระโชก, กระแทก เช่น ม้าก็กระโชกวิ่งหนักเข้า. (ประวัติ. จุล), ลมกระโชกแรง. (ประพาสมลายู).

กระโชกกระชั้น
ว. อาการพูดกระแทกเสียงถี่ ๆ.

กระโชกกระชาก
ว. อาการพูดอย่างตวาดหรืออย่างกระแทกเสียง.

กระโชกโฮกฮาก
ว. อาการพูดกระชากเสียงหรือพูดกระแทกเสียงซึ่งไม่น่าฟัง,โฮกฮาก ก็ว่า.

กระซวย
(ถิ่น) น. กรวย เช่น กระซวยหมากพลู.

-กระซวย
ใช้เข้าคู่กับคํา กระซิก เป็น กระซิกกระซวย.

-กระซ้อ
ใช้เข้าคู่กับคํา กระซี้ เป็น กระซี้กระซ้อ.

กระซ่องกระแซ่ง
ว. กระย่องกระแย่ง, ซ่องแซ่ง ก็ว่า.

กระซับ
น. ชื่อพนักงานพวกหนึ่งในเรือเดินทะเล มีหน้าที่รักษาพัสดุตลอดจนสินค้าทั่วไปในระวางเรือด้วย เรียกเต็มว่ากระซับปากเรือ.

กระซ่าง
(โบ) ว. กระจ่าง เช่น กระซ่างฟ้าเห็นกัน. (ม. คําหลวง สักบรรพ),กระช่าง ก็ว่า.

กระซาบ
(กลอน) ก. พูดเบา ๆ เช่น ค่อยกระซาบคําเกลี้ยง. (ลอ), นิยมใช้เข้าคู่กับคํา กระซิบ เป็น กระซิบกระซาบ.

กระซิก ๑
ก. ค่อยเบียดเข้าไป.

กระซิก ๆ
ว. อาการที่ร้องไห้ค่อย ๆ.

กระซิกกระซวย
ก. ค่อยกระแซะเข้าไป เช่น เจ้าก็ระรี่ระริกกระซิกกระซวย.(ม. ร่ายยาว ชูชก).

กระซิกกระซี้
ก. หัวเราะเย้าหยอกกัน, ระริก, ซิกซี้ ก็ว่า.

กระซิก ๒
น. ชื่อไม้พุ่มรอเลื้อยชนิด Dalbergia parviflora Roxb.ในวงศ์ Leguminosae มีทางปักษ์ใต้ เนื้อไม้สีแดงคล้ำคล้ายไม้ชิงชัน, ครี้ หรือ สรี้ ก็เรียก.

กระซิบ
ก. พูดเสียงเบา ๆ เพื่อไม่ให้ผู้อื่นได้ยิน, นิยมใช้เข้าคู่กับคํากระซุบ เป็น กระซุบกระซิบ.

กระซิบกระซาบ
ก. บอกความหรือคุยกันด้วยเสียงเบา ๆ เพื่อไม่ให้ผู้อื่นได้ยิน.

-กระซี้
ใช้เข้าคู่กับคํา กระซิก และ กระเซ้า เป็น กระซิกกระซี้ และกระเซ้ากระซี้.

กระซี้กระซ้อ
ว. อาการที่พูดสนิทชิดเชื้อเพื่อความเสน่หา.

กระซุง
น. พนักงาน, ตําแหน่ง. (พจน). (เทียบ กระทรวง).

กระซุบกระซิบ
ก. พูดกันเบา ๆ.

กระซุ้ม
น. ซุ้ม.

กระซู่
น. ชื่อแรดชนิด Dicerorhinus sumatrensis ในวงศ์ Rhinocerotidaeมี ๒ นอ ขนดกกว่าแรดชนิดอื่น เป็นแรดขนาดเล็กที่สุด.

-กระเซ
ใช้เข้าคู่กับคํา กระโซ เป็น กระโซกระเซ.

กระเซ็น
ก. อาการที่ของเหลวเช่นน้ำเป็นต้นกระเด็นเป็นฝอย.

กระเซอ
ว. เซ่อเซอะ, เร่อร่า, เช่น ผัวเขาจริง ๆ วิ่งกระเซอ. (รามเกียรติ์พลเสพย์), นิยมใช้เข้าคู่กับคํา กระเซอะ เป็น กระเซอะกระเซอ.

กระเซอะกระเซอ
ก. เซ่อเซอะ เช่น ชังน้ำหน้าบ้าเคอะกระเซอะกระเซอ. (คาวี).

กระเซอะกระเซิง
ว. อาการที่ซัดเซไปโดยไม่มีที่มุ่งหมายว่าจะไปแห่งไร.

กระเซ้า
ก. พูดรบเร้า, พูดเย้าแหย่.

กระเซ้ากระซี้
ก. พูดรบเร้าร่าไรเพื่อให้ได้ตามที่ต้องการ, เซ้าซี้ ก็ว่า.

กระเซิง
ว. ยุ่งเหยิง, รุงรัง, เช่น ผมเป็นกระเซิง, เซิง ก็ว่า.

-กระเซิง
ใช้เข้าคู่กับคํา กระเซอะ เป็น กระเซอะกระเซิง.

กระแซ ๑
น. คนเชื้อสายชาวอินเดียเมืองมณีปุระ (เมืองหนึ่งในแคว้นอัสสัม).

กระแซ ๒
น. ชื่อเรือพายชนิดหนึ่งอยู่ในกระบวนเรือรบหลวง เรียกว่า เรือกระแซ.

กระแซง
น. เชือกหรือลวดหนังตีเป็นเกลียวหุ้มผ้าแดง ปลายสายทั้ง ๒ ข้างผูกกับสายสำอางคร่อมอยู่ทางท้ายสันหลังช้าง สำหรับควาญช้างจับเมื่อเวลาคับขัน, กระแอก หรือ ประแอก ก็เรียก.

กระแซะ
ก. ขยับกระทบเข้าไป เช่น ขยับตัวกระแซะเข้าไป พูดเลียบเคียงกระแซะเข้าไป.

กระโซกระเซ
ว. โซ ๆ เซ ๆ.

กระฎี
น. เรือนหรือตึกสำหรับพระภิกษุสามเณรอยู่. (แผลงมาจาก กุฎี).

กระฎุมพี
น. ชนชั้นต่ำ, นิยมใช้เข้าคู่กับคำ ไพร่ เป็น ไพร่กระฎุมพี.(ป. กุฏุมฺพิก ว่า คนมั่งมี).

กระดก ๑
ก. ทําให้ปลายข้างหนึ่งยกสูงขึ้น, เผยอขึ้นข้างหนึ่ง.

กระดกกระดนโด่
(ปาก) ก. ตั้งอยู่อย่างไม่เรียบร้อย, ท่าทางเก้กังไม่เรียบร้อย.

กระดก ๒
(โบ; กลอน) ก. ตระหนก, กลัว, เช่น ก็กระดกตกใจกลววแก่มรณภยานตราย. (ม. คําหลวง ชูชก).

กระด้ง
น. ภาชนะรูปแบน ขอบกลม สําหรับฝัดข้าวเป็นต้น, ถ้าขนาดใหญ่ เรียกว่า กระด้งมอญ, ถ้ามีตาห่าง เรียกว่า ตะแกรง.

-กระดนโด่
ใช้เข้าคู่กับคํา กระดก เป็น กระดกกระดนโด่.

กระดวง
(ปาก; เพี้ยนมาจาก กราดวง) น. ลูกมะพร้าวทุยที่ตัดครึ่งท่อนสําหรับถูพื้นบ้านหรือหวีด้ายทอหูก.

กระดวน
(ปาก; เพี้ยนมาจาก ประดวน) ก. ยอน, แยง.

กระด้วมกระเดี้ยม
ว. กระต้วมกระเตี้ยม.

กระดอ
น. อวัยวะสืบพันธุ์ของชายหรือสัตว์เพศผู้บางชนิด.

กระดอง
น. ส่วนแข็งที่หุ้มตัวสัตว์บางชนิดเช่น เต่า ปู หรือแมงดาทะเล.(ทางเหนือว่า ออง).

กระดองหาย
น. ไม้สําหรับสงฟางในเวลานวดข้าว เช่น ด่าตีกันด้วยเคียวไม้กระตักและไม้กระดองหาย. (ลักษณะธรรมนูญ), ดอง ดองหายดองฉาย ขอฉาย หรือ คันฉาย ก็เรียก.(รูปภาพ กระดองหาย)

กระดอน
ก. สะท้อนขึ้น.

กระดอม
น. ชื่อไม้เถาเนื้ออ่อนชนิด Gymnopetalum cochinchinense(Lour.) Kurz ในวงศ์ Cucurbitaceae เถา ๕ เหลี่ยม มีมือจับผล ๑๐ เหลี่ยม สุกสีส้ม มีรสขม ใช้ทํายาได้, ขี้กาดง หรือขี้กาเหลี่ยม ก็เรียก.

กระดักกระเดี้ย
ว. ไม่มีแรง, ขยับเขยื้อนไม่ใคร่ได้, เกือบจะหมดกําลังกาย, เช่นเพิ่งหายไข้ใหม่ ๆ จะลุกจะนั่งก็กระดักกระเดี้ย, ไม่ใคร่ไหว เช่นหากินกระดักกระเดี้ย.

กระดังงัว
ดู การเวก ๓.

กระดังงา
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Cananga odorata (Lam.) Hook.f. etThomson ในวงศ์ Annonaceae ดอกหอม กลีบบาง มี ๖ กลีบดอกใช้กลั่นน้ำมันหอมได้, กระดังงาใหญ่ สะบันงา หรือสะบันงาต้น ก็เรียก. (เทียบมลายู canaga, kananga); พรรณไม้ชนิดนี้มีพันธุ์หนึ่งเป็นไม้พุ่ม ดอกมักมีกลีบมากกว่า ๖ กลีบหอมอ่อน เรียกว่า กระดังงาสงขลา [Cananga odorata Hook.f.et Thomson var. fruticosa (Craib) J. Sinclair].

กระดังงาจีน
น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Artabotrys hexapetalus (L.f.) Bhandariในวงศ์ Annonaceae ดอกหอมจัด กลีบหนา มี ๖ กลีบ ก้านดอกเป็นขอ, สะบันงาจีน ก็เรียก.

กระดังงาเถา
ดู การเวก ๓.

กระดังงาลนไฟ
(สํา) น. หญิงที่เคยแต่งงานหรือผ่านผู้ชายมาแล้ว ย่อมรู้จักชั้นเชิงทางปรนนิบัติและเอาอกเอาใจผู้ชายได้ดีกว่าหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน.

กระดาก ๑
ก. รู้สึกขวยเขิน, วางหน้าไม่สนิท, ตะขิดตะขวงใจไม่กล้าพูดหรือไม่กล้าทําเพราะเกรงจะได้รับความอับอาย.

กระดากกระเดื่อง
ก. สะทกสะเทิ้น, ขวยเขิน.

กระดาก ๒
(กลอน) ก. กระเดาะ, กระดก, เช่น สิ้นทั้งพันปากกระดากลิ้น,สิบปากกระดากลิ้นเคี้ยวฟัน. (รามเกียรติ์ ร. ๑). (อะหม ตากว่า กระเดาะปาก).

กระดาก ๓
น. ชื่อไม้ต้นชนิดหนึ่ง เช่น กระดากกระโดนดําดง. (ม. ฉันท์มหาพน).

กระด้าง ๑
น. (๑) ชื่อถั่วชนิด Vigna sinensis (L.) Savi ex Hassk.var. cylindrica (L.) Koern. ในวงศ์ Leguminosaeเมล็ดคล้ายถั่วดํา แต่สีค่อนข้างแดง ใช้เป็นอาหารได้อย่างถั่วดํา,บางทีเรียก ถั่วนา. (๒) ชื่อไม้พุ่มชนิด Lasianthus hookeriC.B. Clarke ในวงศ์ Rubiaceae ต้นตรงเรียวและเป็นขนสาก ๆ ใบรูปหอก ปลายแหลม ดอกขาวเล็ก ๆ เป็นกระจุกติดกับลําต้นที่ง่ามใบ ตําราแพทย์แผนโบราณว่ารากใช้ทํายาได้,พายัพเรียก กะด้าง. (๓) ชื่อเห็ดหลายชนิดในวงศ์ Polyporaceaeขึ้นบนขอนไม้ เนื้อเหนียว กินไม่ได้ เช่น ชนิด Daedaleaopsisconfragosa (Bolt. ex Fr.) Schroet. ดอกเห็ดรูปพัดสีน้ำตาลแดงสลับน้ำตาลอ่อน ผิวไม่เรียบ ด้านล่างมีรูเนื้อในเห็ดแข็ง.

กระด้าง ๒
น. ชื่องูน้ำชนิด Erpeton tentaculatum ในวงศ์ Colubridaeลําตัวสีน้ำตาลและดํา มีหนวดสั้นหุ้มด้วยเกล็ดเล็ก ๆ ๒ เส้นอาศัยตามแหล่งน้ำจืดทั่วไป มีพิษอ่อนมาก ไม่ปรากฏว่าเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ชอบทําตัวแข็งทื่อ จึงเรียกว่า งูกระด้าง.

กระด้าง ๓
ว. ค่อนข้างแข็ง หมายถึงสิ่งที่มีลักษณะไม่อ่อน, ไม่นิ่มนวล,เช่น ลิ้นกระด้าง ข้าวกระด้าง; ขัดแข็ง หมายถึง กิริยาวาจาไม่อ่อนตาม เช่น มีกิริยากระด้างขึ้น; เรียกน้ำที่ฟอกสบู่ไม่เป็นฟองว่า น้ำกระด้าง.

กระด้างกระเดื่อง
ก. แข็ง เช่น หนึ่งโสดฝุ่นทรายตรึงตรา นอนแนบหินผากระด้างกระเดื่องทั้งตัว. (ดุษฎีสังเวย). ว. ไม่อ่อนน้อม,เอาใจออกหากไม่ยอมอ่อนน้อมอย่างเคย.

กระดางลาง
ว. มรรยาทหยาบ, สัปดน, เช่น อ้ายเฒ่าแก่กากกลีกระดางลางยังมันนี้ใครเขามีบ้างที่เมืองคน. (ม. ร่ายยาว ชูชก).

กระดาด, กระดาดขาว
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Alocasia indica Schott ในวงศ์ Araceaeมีหัวใต้ดิน ต้นคล้ายบอนหรือเผือกแต่ใบมีขนาดใหญ่กว่าก้านใบตอนล่างเป็นกาบสีเขียว ทั้งต้นใช้ทํายา หัวทําให้สุกแล้วกินได้, เผือกกะลา หรือ เผือกโทป้าด ก็เรียก.

กระดาดดำ
น. ชื่อไม้ล้มลุก ๒ ชนิดในสกุล Alocasia และ Xanthosomaวงศ์ Araceae คือ ชนิด Alocasia macrorrhizos (L.) G. Donลักษณะคล้ายกระดาด ใบสีเขียวเข้มหรือม่วงดำ ใช้ทํายาได้, ปึมปื้อหรือ เอาะลาย ก็เรียก; และชนิด Xanthosoma nigrum (Vell.) Mansf.ใบสีเขียวเข้มหรือม่วง โคนใบเว้าลึกคล้ายหัวลูกศร หัว ใบ และก้านกินได้.

กระดาดแดง
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Alocasia indica Schott var. metallicaSchott ในวงศ์ Araceae โคนใบเว้าลึกและห่างไม่มาก ก้านใบสีม่วงแดง กาบหุ้มช่อดอกด้านในสีเหลืองหรือม่วงแดง ใช้ทํายาได้.

กระดาน ๑
น. ไม้ซุงที่เลื่อยออกเป็นแผ่น ๆ; ลักษณนามเรียกการแข่งขันที่เดินบนตากระดานซึ่งถึงที่สุดแล้ว เช่นว่าเล่นหมากรุกชนะ๒ กระดาน; โดยปริยายหมายถึงสิ่งที่มีลักษณะอย่างกระดาน.

กระดานชนวน
น. กระดานทําด้วยแผ่นหินชนวนบ้าง ทำด้วยไม้ทาสมุกบ้างสําหรับเขียนหนังสือ.

กระดานชัย
น. ชื่อการออกถั่วใหญ่ ๓ ครั้งแรก.

กระดานดำ
น. กระดานใหญ่ มักทาสีดำ ใช้เป็นอุปกรณ์การสอนการเรียน.

กระดานโต้คลื่น
น. กระดานที่มีลักษณะแคบและยาว ใช้เล่นบนคลื่น โดยผู้เล่นยืนทรงตัวบนแผ่นกระดานแล้วให้คลื่นหนุนเคลื่อนไป.(อ. surfboard), เรียกการเล่นเช่นนั้นว่า การเล่นกระดานโต้คลื่น.(อ. surf-riding).

กระดานถีบ
น. แผ่นกระดานที่ใช้ถีบไปบนเลนเพื่อเก็บหอยปู โดยมากใช้กันในจังหวัดชลบุรี.(รูปภาพ กระดานถีบ)

กระดานพิง
น. แผ่นสําหรับรับหมอนพิงหลังเช่นใช้ที่ธรรมาสน์.

กระดานไฟ
น. กระดานสําหรับนอนอยู่ไฟเมื่อคลอดบุตรแล้ว.

กระดานลื่น
น. เรียกกระดานที่ตั้งสูงทอดต่าลงไปด้านหนึ่ง ให้เด็กเล่นโดยนั่งไถลตัวลง, ไม้ลื่น ก็เรียก.

กระดานเลียบ
น. ไม้กระดานแผ่นเดียวที่ปูไว้หน้าเรือน สําหรับนั่งหรือวางสิ่งของต่าง ๆ, กราบเรือส่วนที่เป็นไม้กระดานที่ติดตรงแคมเรือไปตามแนวนอนสำหรับเดิน.

กระดานหก
น. เครื่องดักสัตว์อย่างหนึ่งทําด้วยไม้กระดาน หกได้; เครื่องเล่นสำหรับเด็กอย่างหนึ่ง เป็นแผ่นไม้กระดาน ระหว่างกึ่งกลางความยาวของไม้มีขาซึ่งตรึงติดกับแผ่นไม้ ผู้เล่นนั่งที่ปลายไม้ทั้ง ๒ ข้างผลัดกันกระดกไม้กระดานให้ขึ้นลง.

กระดาน ๒
น. ชื่อกุ้งทะเลชนิด Thenus orientalis ในวงศ์ Scyllaridaeหัวและลําตัวหุ้มด้วยเปลือกแข็งสีน้ำตาล ส่วนหัวและหนวดคู่ที่ ๒ แบน แพนหางแผ่ราบได้กว้าง ปรกติงอพับอยู่ใต้ส่วนท้องอาศัยอยู่ตามพื้นทะเล พบทั่วไปขนาดยาวได้ถึง ๒๐ เซนติเมตรมักเรียกกันทั่วไปว่า กั้งกระดาน.

กระดานพน
ดู กระเบียน (๒).

กระดาษ
น. วัตถุเป็นแผ่นบาง ๆ โดยมากทําจากใยเปลือกไม้ ฟางหญ้า หรือ เศษผ้า เป็นต้น ใช้เขียนหรือพิมพ์หนังสือหรือห่อของและอื่น ๆ.

กระดาษแก้ว
น. กระดาษที่มีเนื้อใส.

กระดาษข่อย
น. กระดาษที่ทําจากเปลือกข่อย ใช้ทำสมุดไทย.

กระดาษไข
น. กระดาษอาบไขที่ใช้ในการทําแบบ ลวดลาย หรือพิมพ์อัดสําเนาแม่พิมพ์ในการพิมพ์โดยเครื่องอัดสําเนา.

กระดาษเงินกระดาษทอง
น. กระดาษสีเงินสีทองด้านหนึ่งที่คนจีนใช้เผาไฟในพิธีไหว้เจ้าเป็นต้น.

กระดาษซับ
น. กระดาษที่ทําเนื้อยุ่ย ๆ สําหรับซับหมึกหรือน้ำ.

กระดาษทราย
น. กระดาษที่มีด้านหนึ่งเป็นเม็ด ๆ อย่างทราย ใช้สําหรับขัดไม้เป็นต้น.

กระดาษเพลา
[-เพฺลา] น. กระดาษสาชนิดบาง โบราณใช้ร่างหนังสือด้วยดินสอดำหรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น ใช้ปิดหุ่นหัวโขนและหุ่นอื่น ๆ.

กระดาษฟาง
น. กระดาษที่ทําจากฟางข้าว เนื้อบางฟ่าม.

กระดาษว่าว
น. กระดาษที่ใช้ทําว่าว เป็นกระดาษที่เหนียวและไม่โปร่ง ลมรั่วไม่ได้ เดิมใช้กระดาษที่สั่งมาจากเมืองจีน ต่อมาใช้กระดาษจากญี่ปุ่น.

กระดาษสา
น. กระดาษที่ทําจากเปลือกต้นสา ใช้ทําร่มเป็นต้น.

กระดาษเทศ
(โบ) น. ตาดเทศ เช่น อันทําด้วยกระดาษเทศทอพราย.(ม. คําหลวง นครกัณฑ์).

กระดำกระด่าง
ว. ดํา ๆ ด่าง ๆ, สีไม่เสมอกัน.

กระดิก
ก. ไหว, ทําปลายอวัยวะเช่นมือหรือเท้าให้ไหว.

กระดิกกระเดี้ย
ก. ไหวน้อย ๆ, พอไหวได้บ้าง.

กระดิ่ง
น. เครื่องทําเสียงสัญญาณทําด้วยโลหะ มีรูปคล้ายระฆังแต่ขนาดเล็กกว่า มีตุ้มเล็ก ๆ อยู่ข้างใน สําหรับทําให้เกิดเสียง, โดยปริยายหมายถึงสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้นเช่น กระดิ่งจักรยาน.

กระดิ่งทอง
ดู ม่าเหมี่ยว ๑.

-กระดิ้ง
ใช้เข้าคู่กับคํา กระดุ้ง เป็น กระดุ้งกระดิ้ง.

กระดิบ, กระดิบ ๆ
ก. อาการที่คืบไปทีละน้อย เช่น ค่อย ๆ กระดิบไป ว่ายน้ำกระดิบ ๆ หนอนกระดิบ ๆ ไป, นิยมใช้เข้าคู่กับคํา กระดุบเป็น กระดุบกระดิบ.

กระดี่ ๑
น. ชื่อปลาน้ำจืดในสกุล Trichogaster วงศ์ Anabantidaeเช่นเดียวกับปลาสลิดแต่มีขนาดเล็กกว่า ครีบท้องยาวยื่นเป็นเส้น มี ๓ ชนิด คือ กระดี่หม้อ (T. trichopterus) ข้างตัวมีลายหลายเส้นพาดขวาง มีจุดดําที่กลางลําตัวและคอดหางแห่งละ๑ จุด, สลาก หรือ สลาง ก็เรียก, กระดี่นาง (T. microlepis)สีขาวนวล และ กระดี่นางฟ้า หรือ กระดี่มุก (T. leeri) พบเลี้ยงกันเป็นปลาสวยงาม, บางท้องถิ่นในแถบอีสานเรียก กระเดิด.

กระดี่ได้น้ำ
(สำ) น. ใช้เปรียบเทียบคนที่แสดงอาการดีอกดีใจตื่นเต้นจนตัวสั่นเช่น เขาดีใจเหมือนกระดี่ได้น้ำ.

กระดี่ ๒
น. ชื่อกบสําหรับไสไม้ทําเป็นร่อง เรียกว่า กบกระดี่.

กระดี่ ๓
น. ชื่อหม้อดินเผาขนาดใหญ่ ปากกว้าง มีขีดเป็นรอยโดยรอบใช้เป็นหม้อแกง เรียกว่า หม้อกระดี่.

กระดี้กระเดียม
ก. รู้สึกจักจี้.

กระดึง
น. เครื่องโลหะหรือเครื่องไม้มักมีรูปคล้ายกระดิ่ง มีลูกกระทบแขวนอยู่ภายในหรือห้อยกระหนาบอยู่ภายนอก มักใช้แขวนคอสัตว์เช่นวัวควาย เพื่อให้เกิดเสียงดัง, โปง ก็ว่า.

กระดึงช้างเผือก
ดู ขี้กาแดง.

กระดึงพระราม
ดู เขนงนายพราน.

กระดืบ
ก. อาการที่ค่อย ๆ คืบไปอย่างหนอน.

กระดุ
น. การตีหม้อด้วยหินดุให้เข้ารูป.

กระดุกกระดิก
ว. อาการที่ขยับไปขยับมาไม่อยู่นิ่ง ๆ, ยักไปยักมา, ดุกดิก ก็ว่า.

กระดุ้งกระดิ้ง
ว. อาการที่ทําท่าทางสะบัดสะบิ้งดีดดิ้น (โดยมากใช้แก่ผู้หญิง).

กระดุบ ๆ
ว. อาการที่เต้นตุบ ๆ อย่างเนื้อเต้น, ดุบ ๆ ก็ว่า; อาการที่เคลื่อนที่ไปอย่างช้า ๆ เช่น เด็กคลานกระดุบ ๆ.

กระดุบกระดิบ
ว. อาการที่เคลื่อนไหวน้อย ๆ.

กระดุม
น. เครื่องกลัดส่วนต่าง ๆ ของเสื้อผ้าไม่ให้แยกออกจากกันทําเป็นรูปต่าง ๆ มักมีรังดุมสําหรับขัดหรือบางทีก็ติดเป็นเครื่องประดับ, ดุม ลูกดุม หรือ ลูกกระดุม ก็เรียก.

กระดูก ๑
น. โครงร่างกายมีลักษณะแข็ง, ส่วนใดส่วนหนึ่งของโครงร่างกาย;เรียกผลไม้ที่มีเนื้อน้อยเช่น มะปรางว่า มะปรางกระดูก.

กระดูกแข็ง
(สํา) ว. ไม่ตายง่าย ๆ.

กระดูกงู
น. ตัวไม้หรือเหล็กที่ทอดตลอดลําเรือสําหรับตั้งกง.

กระดูกร้องได้
(สํา) น. ผลสะท้อนของฆาตกรรมที่ทําให้จับตัวผู้กระทําผิดมาลงโทษได้ คล้ายกับว่ากระดูกของผู้ตายร้องบอก.

กระดูกสันหลัง
น. กระดูกที่อยู่ในแนวกึ่งกลางทางด้านหลังของลําตัว เป็นแกนของร่างกาย มีลักษณะเป็นข้อ ๆ ต่อกันเป็นแนวตั้งแต่บริเวณคอต่อจนถึงบริเวณด้านหลังของทวารหนัก ทําหน้าที่ป้องกันอันตรายให้แก่ไขสันหลัง, โดยปริยายหมายถึงส่วนที่สําคัญ,ส่วนที่เป็นพลังค้าจุน, เช่น ชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ.

กระดูกอ่อน
(สำ) ว. ที่ยังไม่มีความจัดเจนในการต่อสู้ เช่น นักมวยคนนี้กระดูกอ่อน ขึ้นชกครั้งแรกก็แพ้เขาแล้ว.

กระดูก ๒
น. ชื่อโกฐชนิดหนึ่ง เรียกว่า โกฐกระดูก. (ดู โกฐกระดูก ที่ โกฐ).

กระดูก ๓
(ปาก) ว. ตระหนี่, ขี้เหนียว.

กระดูกขัดมัน
(ปาก) ว. ตระหนี่มาก.

กระดูกกบ
น. ชื่อไม้เถาพุ่มรอเลื้อยชนิด Hymenopyramis brachiataWall. ในวงศ์ Labiatae กิ่งอ่อนสี่เหลี่ยม ใบออกตรงข้ามกันดอกเล็กสีขาวออกเป็นช่อตรงปลายกิ่ง ผลกลมมีกระเปาะหุ้ม,กระพัดแม่ม่าย ก็เรียก.

กระดูกไก่ดำ
น. ชื่อไม้พุ่ม ๒ ชนิดในสกุล Justicia วงศ์ AcanthaceaeชนิดJ. gendarussa Burm.f. ใบยาวรี ออกตรงข้ามกัน ลําต้นกิ่ง ก้านใบ และเส้นกลางใบสีม่วงดํา ใช้ทํายาได้, กระดูกดําเฉียงพร้ามอญ หรือ สันพร้ามอญ ก็เรียก; และชนิด J. grossa C.B.Clarke ดอกสีขาวอมเขียว ฝักยาว เปลือกแข็งและมีขน ผลแก่แตกตามยาว.

กระดูกเขียด
ดู กระดูกอึ่ง.

กระดูกค่าง
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Diospyros undulata Wall. ex G. Donvar.cratericalyx (Craib) Bakh. ในวงศ์ Ebenaceae ขึ้นในป่าดิบ มีมากทางภาคใต้ สูงได้ถึง ๒๐ เมตร ไม่ผลัดใบ,จะเพลิง ชะเพลิง คําดีควาย ดูกค่าง ตะโกดํา พลับเขา ไหม้หม้าย หรือ สะลาง ก็เรียก.

กระดูกดำ
ดู กระดูกไก่ดำ.

กระดูกอึ่ง
น. ชื่อไม้พุ่ม ๓ ชนิดในสกุล Dendrolobium และ Dicermaวงศ์ Leguminosae คือ ชนิด Dendrolobium triangulare(Retz.) Schindl. มักขึ้นในที่โล่งต่ำซึ่งชุ่มแฉะในฤดูฝน ฝักเล็กแบนคอดกิ่ว เป็นข้อ ๆ ใช้ทํายาได้, ขมิ้นนาง ขมิ้นลิงลูกประคําผี หน้านวล เหนียวหมา หรือ อีเหนียว ก็เรียก;ชนิด D. lanceolatum (Dunn) Schindl. ขึ้นตามป่าผลัดใบที่มีต้นไผ่ สูงประมาณ ๑ เมตร ใบรูปไข่กลับ โคนใบสอบ,กระดูกเขียด แกลบหนู แกลบหูหนู แปรงหูหนู หรือ อึ่งใหญ่ก็เรียก; และชนิด Dicerma biarticulatum (L.) DC. ชอบขึ้นตามไหล่ทางที่ตัดผ่านทุ่งนา สูงประมาณ ๑ เมตร ใบเล็กคล้ายใบมะขาม ดอกสีม่วง.

-กระเดก
ใช้เข้าคู่กับคํา กระโดก เป็น กระโดกกระเดก.

กระเด้ง
ก. ดีดหรือดันขึ้นเมื่อถูกกดหรือถูกบีบเป็นต้น, กระดอนขึ้น,เด้ง ก็ว่า.

กระเด็น
ก. เคลื่อนจากที่เดิมหรือแตกแยกจากที่เดิมออกไปโดยเร็วเพราะกระทบสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยแรง.

กระเด้า
ก. ทําก้นขึ้น ๆ ลง ๆ, เด้า ก็ว่า.

กระเด้าดิน
ดู เด้าดิน.

กระเด้าลม
ดู เด้าลม.

กระเดาะ
ก. เดาะให้กระเด็นขึ้นเบา ๆ.

กระเดาะปาก
ก. ทําให้เกิดเสียงดังด้วยการใช้ลิ้นดันเพดาน เป็นต้นแล้วสลัดลง.

กระเดิด ๑
(ถิ่น-อีสาน) น. ปลากระดี่. (ดู กระดี่ ๑).

กระเดิด ๒
ก. ลงกันไม่สนิท, กระดกสูงกว่าพื้น, เช่น กระดานกระเดิด.

-กระเดี้ย
ใช้เข้าคู่กับคํา กระดัก และ กระดิก เป็น กระดักกระเดี้ย และกระดิกกระเดี้ย.

กระเดียด ๑
ก. เอาเข้าข้างสะเอว เช่น กระเดียดกระจาด. (ข. กณฺเฎียต).

กระเดียด ๒
ว. ค่อนข้าง, หนักไปทาง, เช่น กระเดียดเปรี้ยว หน้าตากระเดียดไปทางแม่.

-กระเดียม
ใช้เข้าคู่กับคํา กระดี้ เป็น กระดี้กระเดียม.

-กระเดี้ยม
ใช้เข้าคู่กับคํา กระด้วม เป็น กระด้วมกระเดี้ยม.

กระเดือก ๑
น. ส่วนของกล่องเสียง มีลักษณะโปนออกมากลางลำคอเหนือท่อลม เห็นได้ชัดในผู้ชาย เรียกว่า ลูกกระเดือก.

กระเดือก ๒
(ปาก) ก. กลืนอย่างลําบาก เช่น กระเดือกไม่ลงคอเต็มกระเดือก.

กระเดือกๆ
ว. กระเสือกกระสนไปด้วยความลำบาก เช่น ว่ายน้ำกระเดือก ๆ.

กระเดื่อง ๑
น. ส่วนหนึ่งของครกกระเดื่อง เป็นไม้ท่อนยาว ปลายด้านหัวมีสากสำหรับตำข้าวที่อยู่ในครก เมื่อเหยียบปลายข้างหางแล้วถีบลงหลุม หัวจะกระดกขึ้น เมื่อปล่อยเท้าหัวก็จะกระแทกลง;(รูปภาพ กระเดื่อง)เรียกเครื่องจักรนาฬิกาชิ้นหนึ่ง มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้นว่ากระเดื่อง.

กระเดื่อง ๒
ว. สูงขึ้น, โด่งดัง, ใช้ประกอบลักษณะของคุณงามความดีเช่น ชื่อเสียงกระเดื่อง; แข็ง, กระด้าง, เช่น ยามเมื่อเจ้าเยื้องยุรยาตร ก็มิได้ย่างลงเหยียบดินกระเดื่องใด. (ม. ร่ายยาวกุมาร), นิยมใช้เข้าคู่กับคํา กระด้าง เป็น กระด้างกระเดื่อง.

กระเดื่อง ๓
ก. แหนง, หมาง, เช่น จะกระเดื่องใจเมื่อไปถึง. (ขุนช้างขุนแผน);กระดาก เช่น ไป่กระเดื่องสะดุ้ง ฟูมฟาย. (นิทราชาคริต), นิยมใช้เข้าคู่กันเป็น กระดากกระเดื่อง.

กระแด็ก ๆ
ว. อาการที่ดิ้นอยู่กับที่ เช่น ดิ้นกระแด็ก ๆ ชักกระแด็ก ๆติดกระแด็ก ๆ, แด็ก ๆ ก็ว่า.

กระแด้ง
(ถิ่น-อีสาน) น. เรียกชายหรือหญิงที่เป็นหมันว่า พ่อกระแด้งแม่กระแด้ง. ว. คดไปมา. (ปาเลกัว).

กระแด้แร่
ว. กระแดะ, ดัดจริต, เช่น อย่าทําดื้อกระแด้แร่เลยแม่เอ๋ย.(มณีพิชัย).

กระแด่ว ๆ
ว. อาการที่ดิ้นอยู่กับที่ ในคําว่า ดิ้นกระแด่ว ๆ, แด่ว ๆ ก็ว่า.

กระแดะ
(ปาก) ก. ดัดจริต, ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำ.

กระแดะกระแด๋
(ปาก) ก. ดัดจริตดีดดิ้น, แดะแด๋ ก็ว่า.

กระโดก
ว. โอนไปโอนมา, ยกขึ้นยกลง.

กระโดกกระเดก
ว. มีกิริยามารยาทไม่เรียบร้อย; โยกเยก, โอนไปโอนมา, โดกเดกก็ว่า.

กระโดง ๑
น. ใบเรือ เช่น เสากระโดง คือ เสาใบเรือ; ส่วนที่อยู่บนหลังปลาบางชนิด เช่น ปลากัด ปลาฉลาม มีลักษณะเป็นแผ่นตั้งคล้ายใบเรือ. (ข. โกฺฎง ว่า ใบเรือ).

กระโดง ๒
น. กิ่งไม้ที่แตกออกตรงขึ้นไปจากกิ่งใหญ่; ลำน้ำขนาดเล็กที่ขุดจากลำน้ำขนาดใหญ่เพื่อชักน้ำเข้านาเข้าสวน เรียกว่า ลํากระโดง,ลำประโดง ก็ว่า.

กระโดงคาง
น. ปลายคาง.

กระโดงแดง
น. (๑) ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด Bhesa robusta (Roxb.)Ding Hou ในวงศ์ Celastraceae ลําต้นแดงคล้ำ ใบยาวปลายแหลม เลื่อมเป็นมัน, ประดงแดง กระบกคาย ชมันละโมก หรือ พรมคด ก็เรียก. ๒) ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด(Chionanthus microstigma (Gagnep.) Kiew ในวงศ์Oleaceae ใบยาวรี หนาแข็ง ปลายใบแหลม ออกตรงข้ามกัน เมื่อแห้งหมาดใช้มวนบุหรี่ได้ มีกลิ่นหอมฉุน, ประดงแดงหรือ ฝิ่นต้น ก็เรียก; และชนิด C. sangda (Gagnep.) Kiewลักษณะทั่วไปคล้ายชนิดแรก แต่ต้นมีขนาดย่อมกว่า ค่อนไปทางไม้พุ่ม.

กระโดด
ก. ใช้กําลังเท้าถีบพื้นให้ตัวลอยสูงขึ้น, โดด ก็ว่า, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ปลากระโดด ตัวพิมพ์กระโดด.

กระโดดร่ม
ก. กระโดดออกจากอากาศยานในขณะอยู่ในอากาศเพื่อลงสู่พื้นดินโดยอาศัยร่มชูชีพ, โดดร่ม ก็ว่า.

กระโดดโลดเต้น
ก. อาการที่กระโดดขึ้นลงหลายครั้งหลายหนเพราะความดีอกดีใจเป็นต้น.

กระโดน
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Careya sphaerica Roxb. ในวงศ์ Lecythidaceaeชอบขึ้นในป่าเบญจพรรณที่ชุ่มชื้น ดอกมีเกสรเพศผู้จํานวนมากเป็นพู่คล้ายดอกชมพู่ขาว หอม ดอกบานเต็มที่กว้าง ๕-๘ เซนติเมตรผลค่อนข้างกลม เปลือกใช้เบื่อปลาหรือทุบเป็นแผ่นปูหลังช้าง, โดนจิก ปุย ปุยกระโดน ปุยขาว หรือ ผ้าฮาด ก็เรียก.

กระโดนดิน
น. ชื่อไม้พุ่มเตี้ยชนิด Careya herbacea Roxb. ในวงศ์Lecythidaceae ชอบขึ้นตามที่ลุ่มดินทราย ลักษณะทั่วไปคล้ายกระโดน สูงไม่เกิน ๑ เมตร ผลมีขนาดย่อมกว่า, กระโดนเบี้ย ก็เรียก.

กระใด
(โบ) ว. กระไร, อะไร, ทําไม, เช่น ผู้แกล้วกระใดรณภู.(สมุทรโฆษ).

กระได
น. สิ่งที่ทําเป็นขั้น ๆ สําหรับก้าวขึ้นลง, บันได ก็ว่า.

กระไดแก้ว
น. ชั้นสําหรับวางพาดสิ่งของเช่นใบลาน หรืออาวุธเป็นต้น.

กระไดลิง ๑
น. บันไดเชือกที่ตรึงติดเฉพาะส่วนบน ใช้ไต่ขึ้นที่สูง หรือไต่ลงที่ต่า, บันไดลิง ก็ว่า.

กระไดลิง ๒
น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Bauhinia scandens L. var.horsfieldii (Miq.) K. et S.S. Larsen ในวงศ์ Leguminosaeขึ้นในป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณที่ชุ่มชื้นทั่วไป และตามริมแม่น้ำลําคลอง เถาแบนยาว งอกลับไปกลับมาคล้ายขั้นบันได ดอกเล็กสีขาว ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง เปลือกเหนียวใช้แทนเชือก เถาใช้ทํายาได้, กระไดวอก มะลืมดําบันไดลิง หรือ ลางลิง ก็เรียก.

กระตรกกระตรำ
(โบ; กลอน) ก. ตรากตรํา เช่น หาเลี้ยงและโดยสฤษฎิตนกระตรกกระตรำก็นําพา. (กล่อมพญาช้าง).

กระตร้อ
(โบ) น. เครื่องดับไฟสานเป็นรูปตะกร้อพันผ้าชุบน้ำ มีด้ามยาวสําหรับดับและคลึงลูกไฟที่มาติดหลังคา ผู้ดับนั่งบนอกไก่หลังคาเช่น ให้ตรวจเอาพร้าขอกระตร้อน้ำ จงทุกที่พนักงานให้สรัพไว้.(สามดวง), ตะกร้อ ก็เรียก.

กระตรับ
ดู หมอช้างเหยียบ.

กระตราก
ก. ล่ามโซ่, ทุกข์ทรมานในคุก. (ปาเลกัว).

-กระตรำ
ใช้เข้าคู่กับคํา กระตรก เป็น กระตรกกระตรํา.

กระตรุด
น. ตะกรุด, กะตรุด หรือ กะตุด ก็ว่า.

กระตรุม
(กลอน) น. นกตะกรุม เช่น เขาคุ่มกระตรุมกระไตร ตระไนนี่สนั่นเสียง. (สรรพสิทธิ์).

กระต้วมกระเตี้ยม
ว. อาการที่ค่อย ๆ เคลื่อนไหวหรือเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ (ใช้แก่กิริยาเดินหรือคลาน), ต้วมเตี้ยม ก็ว่า, ใช้ว่า กระด้วมกระเดี้ยมก็มี.

กระต้อ
น. ชื่อนกชนิดหนึ่ง เช่น กระต้อพลอดกิ่งพลับ. (เพชรมงกุฎ).

กระต่องกระแต่ง
ว. อาการที่แขวนหรือห้อยแกว่งไปแกว่งมา, ต่องแต่ง ก็ว่า.

กระต๊อบ
น. กระท่อมเล็ก ๆ. (พายัพและอุดรว่า ตูบ).

กระต้อยตีวิด
ดู ต้อยตีวิด.

กระตัก
(โบ; เลิก) น. ประตัก คือ ไม้ที่ฝังเหล็กแหลมข้างปลาย ใช้แทงสัตว์พาหนะเช่นวัว เช่น ด่าตีกันด้วยเคียวไม้กระตัก.(ลักษณะธรรมนูญ).

กระตั้ว
น. ชื่อนกปากงุ้มเป็นขอจําพวกหนึ่ง มีหลายชนิด หลายสกุลและหลายวงศ์ ลักษณะคล้ายนกแก้วแต่ตัวโตกว่า พบในทวีปออสเตรเลียและบริเวณใกล้เคียง เช่น กระตั้วหงอนเหลือง(Cacatua galerita) กระตั้วดํา (Probosciger aterrimus).

-กระตาก
ใช้เข้าคู่กับคํา กระโตก เป็น กระโตกกระตาก.

กระต่าย ๑
น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กในวงศ์ Leporidae ขนปุยหูยาว ที่พบอาศัยตามป่าทั่วไปในประเทศไทยมีชนิดเดียว คือกระต่ายป่า (Lepus peguensis) ซึ่งมีขนสีน้ำตาล ใต้หางสีขาวอาศัยในโพรงดิน ส่วนที่นํามาเลี้ยงตามบ้านมีหลายชนิดและหลายสี เช่น ชนิด Oryctolagus cuniculus.

กระต่ายชมจันทร์
น. ท่ารําละครท่าหนึ่ง. (ฟ้อน); เพลงเสภา ๒ ชั้น ของเก่าพวกเพลงเกร็ด.

กระต่ายต้องแร้ว
น. ท่ารําละครท่าหนึ่ง. (ฟ้อน).

กระต่ายตื่นตูม
(สํา) น. ใช้เปรียบเทียบคนที่แสดงอาการตื่นตกใจง่ายโดยไม่ทันสํารวจให้ถ่องแท้ก่อน.

กระต่ายเต้น
น. เพลงไทยของเก่าสําหรับทําเพลงเร็ว, ถ้ารับร้องเป็นเพลง ๒ ชั้น.

กระต่ายสามขา
(สํา) ว. ยืนกรานไม่ยอมรับ, กระต่ายขาเดียว ก็ว่า.

กระต่ายหมายจันทร์
(สํา) น. ผู้ชายหมายปองผู้หญิงที่มีฐานะดีกว่า.

กระต่าย ๒
น. เครื่องมือสําหรับขูดมะพร้าวที่ยังไม่ได้กะเทาะกะลาออก.

กระต่ายจีน
น. เครื่องมือขูดมะพร้าว ใช้ลวดตอกเป็นฟันถี่ ๆ บนหน้ากระดานสำหรับขูดมะพร้าวที่กะเทาะกะลาออกแล้ว.

กระต่ายขูด
ดู สีกรุด.

กระต่ายจันทร์
ดู กระต่ายจาม (๑).

กระต่ายจาม
น. (๑) ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Centipeda minima (L.) A. Br. etAschers ในวงศ์ Compositae ขึ้นตามพื้นที่ลุ่มต่ำ แฉะ ต้นเตี้ยติดดินคล้ายต้นผักเบี้ย ใบเล็กเว้าข้างทั้ง ๒ ด้าน ปลายใบแหลมคล้ายสามง่าม ใบมีกลิ่นเหม็น ใช้ทํายาได้ แต่เป็นพิษต่อปศุสัตว์,กระต่ายจันทร์ สาบแร้ง หญ้ากระจาม หญ้าจาม หรือ เหมือดโลดก็เรียก. (๒) ดู การบูรป่า.

กระติก
น. ภาชนะสําหรับใส่น้ำติดตัวในเวลาเดินทาง เช่น กระติกของทหารหรือลูกเสือ, ภาชนะสำหรับใส่น้ำเพื่อเก็บความร้อนหรือรักษาความเย็นเป็นต้น, ถ้าใช้ใส่น้ำร้อน เรียกว่า กระติกน้ำร้อน,ถ้าใช้ใส่น้ำแข็ง เรียกว่า กระติกน้ำแข็ง.

-กระติก
ใช้เข้าคู่กับคํา กระตุก เป็น กระตุกกระติก.

-กระติ้ง
ใช้เข้าคู่กับคํา กระตุ้ง เป็น กระตุ้งกระติ้ง.

กระติ๊ด ๑
น. ชื่อนกขนาดเล็กในวงศ์ Estrildidae ใช้หญ้าทํารังเป็นรูปกลมอยู่บนต้นไม้ ปากรังอยู่ด้านล่าง มีหลายชนิด เช่น กระติ๊ดเขียว หรือ ไผ่ (Erythrura prasina) กระติ๊ดแดง หรือ สีชมพูดง(Amandava amandava) กระติ๊ดท้องขาว (Lonchuraleucogastra) กินเมล็ดพืช, กะทิ ก็เรียก.

กระติ๊ดขี้หมู
น. ชื่อนกขนาดเล็กชนิด Lonchura punctulata ในวงศ์ Estrildidaeสีน้ำตาลกระขาว อกขาวมีลายสีน้ำตาลคล้ายเกล็ดปลา ปากดําอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็ก ๆ กินเมล็ดพืช.

กระติ๊ด ๒, กระติ๊ดเดียว, กระติ๊ดหนึ่ง
(ปาก) ว. เล็กน้อย, เล็กนิดเดียว, เช่น เสื้อตัวนี้ติดกระดุมเม็ดกระติ๊ดเดียว ขอเกลือสักกระติ๊ดหนึ่ง, ติ๊ดเดียว หรือติ๊ดหนึ่ง ก็ว่า.

กระติบ
(ถิ่น-อีสาน) น. ภาชนะสานรูปกลม มีฝาครอบ สําหรับบรรจุข้าวเหนียวนึ่ง.

กระตือรือร้น
ก. รีบร้อน, เร่งรีบ, ขมีขมัน, มีใจฝักใฝ่เร่งร้อน.

กระตุก
ก. ชักเข้ามาโดยเร็วทันที, งอเข้ามาโดยเร็ว, เช่น ขากระตุก,อาการที่กล้ามเนื้อหดและยืดตัวขึ้นมาเองทันที.

กระตุกกระติก
ว. ตุก ๆ ติก ๆ, อาการที่ห้อยแกว่งไปมา.

กระตุ้งกระติ้ง
ว. มีกิริยาท่าทางกระชดกระช้อย, ตุ้งติ้ง หรือ ดุ้งดิ้ง ก็ว่า.

กระตุ่น
น. ตัวตุ่น เช่น กระต่ายเต้นกระตุ่นขุด. (บุณโณวาท).

กระตุ้น
ก. ใช้มือหรือสิ่งใด ๆ กระแทกเบา ๆ ให้รู้ตัว, โดยปริยายหมายความว่า เตือนหรือหนุน เช่น กระตุ้นให้รีบทํางาน,ช่วยเร่ง เช่น ใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจที่หยุดเต้นให้เต้นต่อไป.

กระตูบ
น. กระท่อม, กระต๊อบ, ตูบ ก็ว่า. (ดู ตูบ ๑).

กระเตง
ก. อาการที่อุ้มเด็กเข้าสะเอวหรือสะพายของโตงเตงไป.

กระเต็น
น. ชื่อนกชนิดหนึ่งในวงศ์ Alcedinidae หัวโต คอสั้นปากแหลมยาวตรงและแข็งแรง ส่วนใหญ่มีสีสวยสดสะดุดตา หากินโดยวิธีพุ่งตัวลงจับปลาในน้ำ มีหลายชนิด เช่น กระเต็นปักหลักหรือ ปักหลัก (Ceryle rudis)กระเต็นน้อยธรรมดา (Alcedo atthis) กระเต็นอกขาว(Halcyon smyrnensis).

กระเต็นปักหลัก
ดู ปักหลัก ๒ (๑).

กระเตอะ
ว. จวนแก่ (ใช้แก่หมาก) ในคําว่า หมากกระเตอะ หรือหมากหน้ากระเตอะ.

กระเตาะ ๑
ดู กุ้งดีด, กุ้งดีดขัน ที่ กุ้ง ๑.

กระเตาะ ๒
ว. แรกรุ่น, เพิ่งแตกเนื้อสาว.

กระเตาะกระแตะ
ว. อาการที่เด็กเริ่มสอนเดิน เรียกว่า เดินกระเตาะกระแตะ,เตาะแตะ หรือ เตาะ ๆ แตะ ๆ ก็ว่า; ป้อแป้, ไม่แข็งแรง,มักใช้แก่คนสูงอายุ เช่น คุณทวดเดินกระเตาะกระแตะ.

-กระเตี้ยม
ใช้เข้าคู่กับคํา กระต้วม เป็น กระต้วมกระเตี้ยม.

กระเตื้อง
ก. เบาขึ้น, ทุเลาขึ้น, เช่น อาการไข้กระเตื้องขึ้น, เจริญขึ้น เช่นเดี๋ยวนี้ฐานะเขาค่อยกระเตื้องขึ้น; (โบ) พยุงยกให้เผยอขึ้น.

กระแต ๑
น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Tupaiidae รูปร่างคล้ายกระรอก แต่อยู่ต่างวงศ์กันและมีขนาดเล็กกว่า ปากแหลมไม่มีฟันแทะกินทั้งสัตว์และผลไม้ มีหลายสกุลและหลายชนิดเช่น กระแตธรรมดา (Tupaia glis) กระแตเล็ก (T. minor)กระแตหางขนนก (Ptilocercus lowi) เชื่อกันทางวิชาการว่า เป็นสัตว์กลุ่มต้นกําเนิดสายวิวัฒนาการของลิงและมนุษย์;ดอกไม้ประดิษฐ์เป็นรูปกระแตเกาะติดกับช่อใบแก้ว ทำด้วยดอกพุทธชาดเป็นต้น ใช้เป็นของชำร่วย.

กระแต ๒
น. ชื่อฆ้องขนาดเล็ก ใช้บรรเลงในวงปี่พาทย์มอญ โดยทำร้านฆ้องโค้งงอขึ้นเหมือนฆ้องมอญแต่ปลายสั้นกว่า วงหนึ่งมีลูกฆ้อง ๑๑ ลูก หรือใช้แขวนกับไม้ สำหรับถือตีเป็นสัญญาณในการอยู่เวรยามหรือแจ้งข่าวสารต่าง ๆ เรียกว่า ฆ้องกระแต.

กระแต ๓
น. ชื่อเพลงร้อง เดิมเป็นของไทยทางเหนือ เรียกว่า กระแตเล็ก,ถ้าทําโหมโรงสําหรับเสภา เรียกว่า กระแตใหญ่.

กระแตไต่ไม้ ๑
น. ชื่อกลบท ตัวอย่างว่า หมายหมองมาดสวาทน้องมาดหมองหมาย; ชื่อเพลง เดิมเป็นของชาวเหนือพวกกะเหรี่ยง บัดนี้ใช้เป็นเพลงโหมโรงหรือเพลงเสภา ทําตอนรื่นเริง.

-กระแต่ง
ใช้เข้าคู่กับคํา กระต่อง เป็น กระต่องกระแต่ง.

กระแตแต้แว้ด ๑
ดู ต้อยตีวิด.

กระแตแต้แว้ด ๒
น. ใช้เปรียบผู้หญิงที่ชอบจุ้นจ้านเจ้ากี้เจ้าการ.

กระแตไต่ไม้ ๑
ดูใน กระแต ๓.

กระแตไต่ไม้ ๒
น. ชื่อเฟินอิงอาศัยชนิด Drynaria quercifolia (L.) J.Smith ในวงศ์ Polypodiaceae ขึ้นเกาะตามต้นไม้ใหญ่ในป่าที่ชุ่มชื้น เหง้ามีขนเป็นปุยสีน้ำตาลแก่คล้ายกระแตใบมี ๒ ชนิด คือใบสร้างอับสปอร์ ยาวประมาณ ๑ เมตรเว้าเป็นแฉกลึกเกือบถึงเส้นกลางใบ และมีอับสปอร์เป็นจุด ๆ สีน้ำตาลเข้มใต้ใบ ใบไม่สร้างอับสปอร์ ขนาดประมาณฝ่ามือ ขอบจักหยาบ ๆ สีน้ำตาล แข็งติดอยู่กับเหง้าจนผุ ไม่หล่นเหมือนใบสร้างอับสปอร์ ทําหน้าที่กักปุ๋ย, กระปรอกว่าว ใบหูช้าง สไบนาง สะโมง หรือหัวว่าว ก็เรียก.

กระแตวับ
(วรรณ) ก. หน้าเป็น เช่น แต่ล้วนตัวตอแหลกระแตวับ.(อภัย).

กระแตเวียน
น. อุปกรณ์สำหรับช่วยให้เด็กหัดเดิน ทำด้วยกระบอกไม้ไผ่ให้มีข้อติดอยู่ข้างหนึ่ง แล้วสวมลงกับหลักไม้ เหนือข้อตอนบนสอดไม้ขวางให้ยาวพอสมควรสำหรับให้เด็กเกาะเดิน.(รูปภาพ กระแตเวียน)

-กระแตะ
ใช้เข้าคู่กับคํา กระเตาะ เป็น กระเตาะกระแตะ.

กระโตกกระตาก
ก. ส่งเสียงให้เขารู้อย่างไก่กำลังออกไข่, โดยปริยายหมายความว่า เปิดเผยข้อความที่ต้องการปิดบัง.

กระโตน
ก. กระโจน เช่น น้ำเชี่ยวเกลียวโยน กระโตนฉ่า ๆ. (สุบิน).

กระไตร
(โบ; กลอน) น. ชื่อเหยี่ยวชนิดหนึ่ง เรียกว่า เหยี่ยวกระไตรเช่น กระไตรตระไนตรู. (เสือโค), เขาคุ่มกระตรุมกระไตร.(สรรพสิทธิ์), ตะไกร ก็เรียก.

กระถด
ก. ถดถอย, กระเถิบ, ขยับ.

กระถอบ
น. แผ่นทองคําฉลุลายเป็นกิ่งต้นเครือวัลย์กระหนก สําหรับเสียบห้อยที่ชายพกลงมาในระหว่างช่องหน้าขาทั้ง ๒ สามัญเรียกว่า ช่อทับชาย เช่น ที่ประดับเทวรูปทรงเครื่องทั่วไป เรียกกันว่า สุวรรณกระถอบ หรือ สุวรรณกัญจน์ถอบ.

กระถั่ว
น. นกอีเพา. (พจน. ๒๔๙๓).

กระถาง
น. ภาชนะปากกว้าง มีรูปต่าง ๆ สําหรับปลูกต้นไม้ หรือใส่น้ำและอื่น ๆ.

กระถิก, กระถึก
น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Sciuridae รูปร่างคล้ายกระรอกซึ่งอยู่ในวงศ์เดียวกัน ลําตัวสีน้ำตาล มีลายสีขาวดําพาดขนานตามยาวของลําตัวตั้งแต่จมูกถึงโคนหาง ชอบอยู่ตามต้นไม้สูง ๆ กินแมลงและผลไม้ ในประเทศไทยมี ๒ ชนิดคือ กระถิกขนปลายหูยาว (Tamiops rodolphei) และกระถิกขนปลายหูสั้น (T. macclellandi), กระเล็น ก็เรียก.

กระถิน
น. ชื่อไม้พุ่มหรือไม้ต้นไม่มีหนามชนิด Leucaena leucocephala (Lam.) de Wit ในวงศ์ Leguminosae ช่อดอกกลม สีนวลฝักแบน ใบอ่อนและฝักอ่อนใช้เป็นอาหาร, กระถินไทย กระถินบ้านกระถินยักษ์ หรือสะตอเบา ก็เรียก, ปักษ์ใต้เรียก ตอเบา; ชื่อพรรณไม้หลายชนิดในสกุล Acacia วงศ์ Leguminosae เช่น กระถินพิมาน(A. tomentosa Willd.).

กระถินหอม
ดู คําใต้.

กระเถิบ
ก. เขยิบไปจากที่เดิม.

กระโถน
น. ภาชนะสําหรับบ้วนหรือทิ้งของต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการ.(เทียบ ข. กนฺโถรฺ).

กระโถนท้องพระโรง
น. กระโถนใหญ่ที่ตั้งไว้ที่ท้องพระโรงในศาลาลูกขุนในสำหรับที่ใคร ๆ บ้วนน้ำหมากหรือทิ้งชานหมากได้; (สํา)ผู้ที่ใคร ๆ ก็ใช้ได้หรือผู้ที่ใคร ๆ ก็รุมใช้อยู่คนเดียว.

กระโถนปากแตร
น. กระโถนทรงกลมมีปากผายออกคล้ายแตร.

กระโถนฤๅษี
น. ชื่อพืชเบียนชนิด Sapria himalayana Griff. ในวงศ์Rafflesiaceae เกิดตามป่าดิบ เกาะเบียนที่รากเครือเขาน้ำ(Tetrastigma lanceolarium Planch.) ดอกรูปกระโถนปากแตร กลิ่นเหม็น กลีบดอกสีน้ำตาลแดงประเหลือง ใช้ทํายาได้.

กระทก
ก. กระตุก เช่น เงื่อนกระทก, กระตุกเร็ว ๆ เช่น กระทกข้าวคือ เอาข้าวใส่กระด้งร่อนพลางกระตุกพลาง เพื่อให้กากข้าวแยกจากข้าวสาร.

กระทง ๑
น. ภาชนะเย็บด้วยใบตองหรือใบไม้เป็นต้น ยกขอบสูงสําหรับใส่ของ, ถ้าเสริมขอบปากเป็นรูปกรวยเล็ก ๆ โดยรอบ เรียกว่า กระทงเจิม, ภาชนะที่ทําขึ้นสําหรับลอยน้ำในประเพณีลอยกระทง; ตอนหนึ่ง ๆ ของนาซึ่งมีคันกั้นเรียกว่า กระทงนา, อันนา ก็เรียก; ผ้าท่อนหนึ่ง ๆ ของจีวรมีลักษณะเหมือนกระทงนา ซึ่งมีรูปสี่เหลี่ยม; ไม้กระดานที่ยึดกราบเรือหรือพาดแคมเรือทั้ง ๒ ข้างเป็นตอน ๆ (เทียบมลายู กุดง); ตอนหนึ่ง ๆ ของข้อความ; (กฎ) ลักษณนามของความผิดอาญาแต่ละกรรมหรือแต่ละครั้ง การกระทําความผิดแต่ละกรรมหรือแต่ละครั้งนั้น ถือว่าเป็นกระทงความผิดกระทงหนึ่ง เช่น การกระทําความผิดฐานลักทรัพย์หลายครั้ง การลักทรัพย์แต่ละครั้งเป็นกระทงความผิดกระทงหนึ่ง ๆ; (เลิก) ฐานปรับตามกรมศักดิในกฎหมายเก่า.

กระทงแถลง
(กฎ; เลิก) น. ส่วนสําคัญในสํานวนความที่เป็นประเด็นและที่เกี่ยวกับประเด็นอันพึงเสนอวินิจฉัย.

กระทงน้อย
ดู กระทงลอย.

กระทงป่า
น. ไม้พาดปากมาดเรือโกลนชั่วคราว.

กระทงเพชร
น. ไม้ติดขวางรองแคร่เกวียนเพื่อยึดไม่ให้แคร่แยกออกไป.

กระทงลอย
น. เพลงไทย ๒ ชั้นของเก่า ใช้เครื่องรับมโหรี ทําตอนเสี่ยงเช่น ตอนไกรทองเสกกระทงเสี่ยงลอยไปในพิธีจับชาละวัน,กระทงน้อย หรือ บ้าบ่น ก็เรียก.

กระทงเหิน
น. ไม้ขวางเรืออันที่สุดของหัวเรือหรือท้ายเรือ, หูกระต่าย ก็เรียก;ขื่อกระดูกเชิงกราน.

กระทง ๒
ว. ใช้ควบกับคํา รุ่น ว่า รุ่นกระทง, เรียกไก่อ่อนอายุประมาณ๓ เดือนว่า ไก่กระทง, ใช้สําหรับเรียกไก่ตัวผู้ที่สอนขันว่าไก่รุ่นกระทง, โดยปริยายใช้เรียกชายกําลังแตกเนื้อหนุ่มเป็นเชิงเปรียบเปรยว่า หนุ่มรุ่นกระทง.

กระทงลาย
น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Celastrus paniculatus Willd.ในวงศ์ Celastraceae ใบรูปไข่ปลายแหลม ขอบจักถี่ ดอกเล็กขาว ๆ เหลือง ๆ ออกเป็นช่ออยู่ปลายกิ่ง ผลเท่าเมล็ดถั่วลันเตาเมื่อแก่แตกเป็น ๓ กลีบ น้ามันจากเมล็ดใช้ทํายา ตามไฟ หรือเคลือบกระดาษกันน้ำซึม, กระทุงลาย หรือ มะแตก ก็เรียก.

กระทด
(โบ) ว. คด, ไม่ตรง, เช่น คอกระทดคดคอดหยัก รวดท้าย. (ตําราช้างคําโคลง), ไม้กระทดกระทําทอน ทุกที่ กงนา. (โลกนิติ).

กระทดกระทวย
ว. ไหวน้อย ๆ แต่พองาม, กิริยาย่างกรายอย่างนวยนาด.

กระทดกระทัน
(โบ) ว. คด ๆ ค้อม ๆ เช่น ที่เตี้ยค่อมค้อมคดกระทดกระทันนั้นก็มีอยู่มากหลาย. (ม. ร่ายยาว มหาพน).

กระทบ
ก. โดน, ถูกต้อง, ปะทะ, พูดหรือทําให้กระเทือนไปถึงผู้อื่น เช่นพูดกระทบเขา ตีวัวกระทบคราด, ในบทกลอนใช้ว่า ทบ ก็มี เช่นของ้าวทบปะทะกัน. (ตะเลงพ่าย), หรือว่า ประทบ ก็มี เช่นประทบประทะอลวน. (ตะเลงพ่าย).

กระทบกระทั่ง
ก. แตะต้อง, ทําให้กระเทือนถึง, ทําให้กระเทือนใจ.

กระทบกระเทียบ
ว. เปรียบเปรยให้กระทบถึง.

กระทบกระเทือน
ก. กระเทือนไปถึง, พาดพิงไปถึงให้รู้สึกสะเทือนใจ.

กระทบกระแทก
ว. อาการที่กล่าวเปรย ๆ ให้กระทบไปถึงผู้ใดผู้หนึ่งอย่างแรง.

กระทรวง ๑
[-ซวง] น. หมู่, พวก, เช่น ทุกหมวดทุกกระทรวงทรง ฤทธิเรื้อง.(ยอพระเกียรติกรุงธน), ชนิด, อย่าง, เช่น อนึ่งนั้นอุเบกขาว่าเพ่งเฉย คือแหวกเลยสุขทุกข์อาลัยห่วง ไม่มีทุกข์ไม่มีสุขสิ้นทั้งปวง สามกระทรวงนี้เป็นชื่อเวทนา. (ปกีรณําพจนาดถ์),แบบ, อย่าง, กระบวน, เช่น ส่วนองค์พระอัยกาก็ทรงพาหนะหัสดินทร กรินทรราชเป็นทัพหลวงตามกระทรวงพยุหยาตรา.(ม. ร่ายยาว มหาราช), โดยสมควรแก่กระทรวงแล้วส่งไป.(สามดวง), ผจญคนกลิ้งกลอกกลับหลอกลวง เอากระทรวงสัตย์ซื่อให้เสื่อมเท็จ. (สุ. สอนเด็ก). (ดู กระซุง).

กระทรวง ๒
[-ซวง] (กฎ) น. ส่วนราชการหนึ่งในราชการบริหารส่วนกลางซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเป็นหัวหน้า; (โบ) ส่วนราชการที่พอเทียบได้กับกรมหรือกระทรวงในปัจจุบัน เช่น ถ้าเป็นกระทรวงแพ่ง แลฝ่ายจำเลยนั้นเป็นกรม ฝ่ายนอกให้ส่งไปแพ่งกระเสมพิจารณา, ถ้ามีผู้ร้ายลักช้างม้าผู้คนโคกระบือทรัพยสิ่งใด ๆ เปนกระทรวงนครบาลได้ว่า. (สามดวง).(เทียบ ข. กรฺสวง; ไทยเหนือ ส่วง ว่า ข้าง, ฝ่าย).

กระทวย
น. ทวย คือ ไม้เท้าแขนที่รับเต้า บางทีทำเป็นรูปนาค เช่นกระทวยธวัชกลงวง คชินทรจ้วงจับลม. (เพชรมงกุฎ).

-กระทวย
ใช้เข้าคู่กับคำ กระทด เป็น กระทดกระทวย หรือใช้เข้าคู่กับคำกระทิก เป็น กระทิกกระทวย.

กระทอก
ก. กระแทกขึ้นกระแทกลง, กําแน่นแล้วรูดขึ้นรูดลง, ทำให้ทะลักเช่น กระทอกเลือดกระแทกล้มกระดิกดิ้น. (ขุนช้างขุนแผน).(เทียบมลายู กระตอก ว่า ตอก).

กระท้อน ๑
น. ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด Sandoricum koetjape (Burm.f.)Merr. ในวงศ์ Meliaceae ผลค่อนข้างกลม เปลือกนุ่ม สีเหลืองเนื้อกินได้, สะท้อน ก็เรียก, พายัพเรียก มะต้อง หรือ มะตื๋น.

กระท้อน ๒
ก. กระเด็นกลับ, กระดอนขึ้น, สะท้อน ก็ว่า.

กระท่อนกระแท่น
ว. ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน, ไม่ครบถ้วน.

กระท่อม ๑
น. เรือนเล็ก ๆ ทําพออยู่ได้. (เทียบ ข. ขฺทม).

กระท่อม ๒
น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Mitragyna speciosa (Korth.)Havil. ในวงศ์ Rubiaceae ชอบขึ้นริมน้ำทั่วไป ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน ยอด ใบอ่อน และก้านใบสีแดงเรื่อ ๆ ช่อดอกกลมสีเหลืองออกเดี่ยว ๆ ตามง่ามใบ ใบมีรสขม กินแล้วเมา เป็นยาเสพติด, อีถ่าง ก็เรียก.

กระท่อมขี้หมู
น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลาง ๒ ชนิดในสกุล Mitragyna วงศ์ Rubiaceaeใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน ชนิด M. diversifolia (Wall. ex G. Don)Havil. ใบยาวรีเล็ก, กระทุ่มนา หรือ ตุ้มแซะ ก็เรียก; ชนิดM. rotundifolia (Roxb.) Kuntze ใบกลม โคนใบเว้า ขนาดใหญ่กว่าชนิดแรก, กระทุ่มขี้หมู กระทุ่มหมู หรือ ตุ้มกว้าวก็เรียก.

กระท้อมกระแท้ม
ว. เล็ก ๆ น้อย ๆ, ไม่ใหญ่โต, เช่น หากินกระท้อมกระแท้มไปวันหนึ่ง ๆ.

กระท่อมเลือด
น. ตํารากบิลว่าน ว่าชื่อว่าน มี ๒ ชนิด; ชนิดหนึ่งก้านใบแดงยางเป็นเลือด หัวคล้ายมันแกว ซึ่งในกรุงเทพฯ เรียกว่า สบู่เลือด ใช้อยู่คงชั่วเบา, อีกชนิดหนึ่งขาว เกิดตามเขา ลักษณะเช่นเดียวกับอย่างแดง แต่อย่างขาวหัวใหญ่ อย่างโตขนาดกระด้ง ทั้ง ๒ ชนิดนี้ ชาวป่าใช้เป็นยาต้มแก้กระษัย หรือระดูขัด. (พจน. ๒๔๙๓).

กระทะ ๑
น. ภาชนะก้นตื้นปากผาย ใช้สําหรับหุงต้มเป็นต้น.

กระทะใบบัว
น. กระทะขนาดใหญ่.

กระทะ ๒
ดู ตะกรับ ๓ (๑).

กระทั่ง
ก. ตี, กระแทก, เช่น เสียงโครมครื้นคลื่นกระทั่งฝั่งชลา.(นิ. เพชร); ทําให้มีเสียง เช่น กระทั่งแตร กระทั่งมโหระทึก;ให้เสียงสัญญาณ เช่น ตามช่องฉากบังกระทั่งไอ. (คาวี),นิยมใช้เข้าคู่กับคํา กระทบ เป็น กระทบกระทั่ง. บ. จดถึง,จนถึง, เช่น กระทั่งบัดนี้เขาก็ยังไม่มา; แม้, แม้แต่, เช่นกระทั่งพ่อสั่งเขาก็ยังไม่ทำ กระทั่งแม่ของเขาเองเขาก็ยังไม่เว้น.

กระทั่งติด
ดู มวก.

-กระทัน
ใช้เข้าคู่กับคํา กระทด เป็น กระทดกระทัน.

-กระทั้น
ใช้เข้าคู่กับคํา กระแทก เป็น กระแทกกระทั้น.

กระทา
น. ชื่อนกขนาดเล็กในวงศ์ Phasianidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับไก่ฟ้า ตัวกลม ขนลายเป็นจุดกระ ๆ ปีกและหางสั้น วิ่งหากินเมล็ดพืชและแมลงอยู่ตามพื้นดิน บินได้ในระยะทางสั้น ๆ มีหลายชนิด เช่น กระทาทุ่ง (Francolinus pintadeanus)กระทาดงแข้งเขียว (Arborophila chloropus).

กระทาชาย
(โบ) น. คนผู้ชาย, กระไทชาย ก็ว่า.

กระทาย
น. กระบุงเล็ก ปากผาย; เครื่องตวงครึ่งกระบุง ใช้ตวงข้าวสมัยโบราณ. ก. กระทกของเอากากออก.(รูปภาพ กระทาย)

กระทายเหิน
ดู มหาหงส์.

กระทาสี
(กลอน) น. ทาส เช่น เหมือนไพร่ชาติชั่วช้ากระทาสี.(นิ. สุรสีห).

กระทาหอง
ดู จงโคร่ง, โจงโคร่ง.

กระทำ ๑
ก. ทํา, จัดแจง, ปรุงขึ้น, สร้างขึ้น; (กฎ) ทําการใด ๆที่เกิดผลในทางกฎหมาย และหมายรวมถึงละเว้นการที่กฎหมายบังคับให้กระทํา หรืองดเว้นการที่จักต้องกระทําเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย.

กระทำโดยเจตนา
(กฎ) ก. กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น.

กระทำโดยประมาท
(กฎ) ก. กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่.

กระทำ ๒
ก. ใช้เวทมนตร์ทําให้ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นไปตามต้องการของตนมีให้รักหรือให้ป่วยเจ็บเป็นต้น เช่นว่า กระทํายําเยีย, การถูกเวทมนตร์เช่นนี้เรียกว่า ถูกกระทํา.

กระทิกกระทวย
ว. ระริกระรี่, ซิกซี้, เช่น เจ้าก็ระรี่ระริกกระทิกกระทวยรวยระรื่นจนสิ้นตัว. (ม. ร่ายยาว ชูชก).

กระทิง ๑
น. ชื่อวัวป่าที่ใหญ่ที่สุดชนิด Bos gaurus ในวงศ์ Bovidaeขนลำตัวสีเทาหรือเทาอมดำ ยกเว้นขนบริเวณหน้าผากเป็นสีเทา ครึ่งล่างของขาทั้ง ๔ เป็นขนสีเทาอมเหลือง เนื่องจากเหงื่อที่เป็นน้ำมันที่ขับออกมา.

กระทิงโทน
น. กระทิงที่ชอบแยกออกจากฝูงโดยสมัครใจหรือถูกตัวผู้อื่นไล่ออกจากฝูงให้อยู่โดดเดี่ยว.

กระทิง ๒
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Calophyllum inophyllum L. ในวงศ์Guttiferae ใบและผลคล้ายสารภี แต่ใบขึ้นสันมากและผลกลมกว่า เปลือกเมล็ดแข็ง ใช้ทําลูกฉลากหรือกระบวยของเล่น,สารภีทะเล กากะทิง หรือ กระทึง ก็เรียก.

กระทิง ๓
น. ชื่อปลาน้ำจืดในสกุล Mastacembelus วงศ์ Mastacembelidaeลําตัวยาว แบนข้างเล็กน้อย ปลายจะงอยปากบนเรียวแหลมคล้ายปลาหลด แต่มีครีบหลังและครีบก้นยาวต่อเนื่องกับครีบหาง สีสดสวยกว่าและมีขนาดใหญ่กว่า อาศัยอยู่ในแม่น้ำลําคลองและที่ลุ่มมีหลายชนิดในประเทศไทย ที่พบทั่วไป ได้แก่ ชนิด M. armatus, M. favus และกระทิงไฟ (M. erythrotaenia) ซึ่งมีขนาดยาวได้ถึง ๘๐ เซนติเมตร.

กระทึง
น. (๑) (โบ; กลอน) ชื่อไม้ต้นชนิดหนึ่ง ใบคล้ายพลวง รากมียางเมือก เชื่อกันว่าใช้เป็นยาดูดพิษฝีได้ เช่น กระทุทุบกระทึงทอง.(สุธน). (๒) ดู กระทิง ๒.

กระทืบ
ก. ยกเท้ากระแทกลงไป.

กระทืบธรณี
น. อาการที่เดินห่มตัว ถือกันว่าเป็นลักษณะไม่ดี เข้าในพวกว่ายักหล่มถ่มร้าย กระทืบธรณี.

กระทืบยอบ
น. ชื่อไม้ล้มลุก ๓ ชนิด คือ Biophytum adiantoidesWight ex Edgew. et Hook.f., B.petersianum Klotzschและ B. sensitivum (L.) DC. ในวงศ์ Oxalidaceae ต้นเล็ก ๆใบคล้ายใบผักกระเฉด เมื่อถูกกระเทือนหุบได้ ดอกสีเหลือง,กระทืบยอด ก็เรียก.

กระทุ
น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Rhodomyrtus tomentosa Wight ในวงศ์Myrtaceae ขึ้นชุมตามป่าโปร่งทางปักษ์ใต้ ใบหนา สีเขียวแก่ออกเป็นคู่ ๆ ตามกิ่ง บางทีออกเป็น ๓ ใบจากข้อเดียวกัน ด้านล่างของใบมีขนทึบสั้น ๆ ดอกสีชมพู สัณฐานคล้ายกุหลาบลาขนาดเล็ก ๆ ออกตามง่ามใบ ดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ ๒-๓ ดอกก็มีผลกลม เมื่อสุกสีม่วงดํา กินได้ มีรสหอมหวาน, ทุ พรวด พลวดใหญ่หรือ พลวดกินลูก ก็เรียก.

กระทุง
น. ชื่อนกน้ำขนาดใหญ่ในวงศ์ Pelecanidae ขนสีขาวหรือสีเทา ๆตัวขนาดห่าน ปากยาวใหญ่ ปากล่างมีลักษณะเป็นถุงขนาดใหญ่สําหรับจับปลาทีละมาก ๆ อาศัยอยู่ตามแม่น้ำลําคลองและชายทะเลในประเทศไทยมีเพียงชนิดเดียวคือ ชนิด Pelecanus philippensis.

กระทุ้ง
ก. เอาสิ่งที่มีลักษณะยาวกระแทกให้แน่นหรือให้ออก, โดยปริยายหมายความว่า หนุนให้กระทําหรือกล่าวแสดงออกมา เช่น กระทุ้งให้ร้องเพลง, ทุ้ง ก็ว่า เช่น ชอบแต่ทุบถองทุ้งให้กุ้งกิน. (มณีพิชัย).

กระทุ้งเส้า
ก. เอาไม้เส้ากระทุ้งเพื่อให้จังหวะฝีพาย.

กระทุงลาย
ดู กระทงลาย.

กระทุงหมาบ้า
น. ชื่อไม้เถาชนิด Dregea volubilis (L.f.) Benth. ex Hook.f.ในวงศ์ Asclepiadaceae มียางขาวเป็นพิษ ใบมนหรือรูปไข่ปลายแหลม โคนใบเว้าหรือป้าน ออกเป็นคู่ตรงข้ามกันตามลําต้น ดอกสีเขียวอ่อนเป็นพวงกลม ใช้ทํายา, ฮ้วนหมู ก็เรียก.

กระทุงเหว
น. ชื่อปลาผิวน้ำทุกชนิดในวงศ์ Belonidae และ Hemirhamphidaeลําตัวกลมยาวคล้ายปลาเข็ม กระดูกปากทั้งตอนบนและล่างหรือเฉพาะตอนล่างยื่นยาวแหลม หางเป็นแฉก บ้างก็ตัดเฉียงลงมากน้อยหรือกลมแล้วแต่ชนิดหรือสกุล บางชนิดพบอาศัยอยู่ในน้ำจืดเช่น กระทุงเหวเมือง (Xenentodon cancila) ส่วนใหญ่พบในเขตน้ำกร่อยหรือชายทะเล เช่น ชนิดในสกุล Hemirhamphus,Hyporhamphus, Rhynchorhamphus, Tylosurus, Strongyluraและ Zenarchopterus ชนิดที่พบในทะเลห่างฝั่งและบริเวณรอบเกาะคือ กระทุงเหวบั้ง (Ablennes hians) ซึ่งมีชุกชุมที่สุด, เข็ม ก็เรียก.

กระทุน
ดู กะทุน.

กระทุ่ม ๑
น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางและขนาดใหญ่ชนิด Anthocephaluschinensis (Lam.) A. Rich. ex Walp. ในวงศ์ Rubiaceaeใบออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ตามลํากิ่งและในระหว่างใบมีหูใบรูปสามเหลี่ยมปลายแหลมติดกับกิ่งทั้ง ๒ ด้าน ดอกเป็นช่อกลมสีเหลืองอ่อนหอม เนื้อไม้เหลืองหรือขาว ใช้ทําเสากระดาน และเยื่อกระดาษชนิดเลวได้, กระทุ่มบกตะกู หรือ ตะโกส้ม ก็เรียก.(เทียบ ป. กทมฺพ).

กระทุ่มขี้หมู, กระทุ่มนา, กระทุ่มหมู
ดู กระท่อมขี้หมู.

กระทุ่ม ๒
ก. เอาเท้าตีน้ำเมื่อเวลาว่ายน้ำ; ตี เช่น กรกระทุ่มทรวงครวญร่าร้อง. (เพชรมงกุฎ); (โบ; กลอน)โดยปริยายหมายความว่าผ่า เช่น ฟ้ากระทุ่มทับลง. (แช่งน้ำ).

กระทู้ ๑
น. ซอไม้ไผ่ที่เอามาปักเป็นเสารั้ว; หลัก เช่น ช้างพังพลายเป็นสัตว์มีคุณแล้วก็เป็นกระทู้ราชการสําหรับแผ่นดินสืบมา.(ท้องตราโบราณ วชิรญาณรายเดือน เล่ม ๗), เป็นกระทู้การสงคราม. (ประชุมพงศ. ๒); (ไว) ในฉันทลักษณ์ หมายเอาข้อความอันเป็นเค้าเงื่อนนําหน้าบทกลอน เช่น โคลงที่แต่งตามเค้าเงื่อนนั้น เรียกว่า โคลงกระทู้.

กระทู้ ๒
น. หัวข้อหรือข้อความที่ตั้งให้อธิบาย เช่น กระทู้ธรรม กระทู้ถาม.กระทู้ถาม (กฎ) น. คําถามในข้อเท็จจริงหรือนโยบายที่สมาชิกสภานิติบัญญัติหรือสมาชิกสภาขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นตั้งถามฝ่ายบริหารให้ตอบในที่ประชุมแห่งสภานั้น ๆ หรือตอบเป็นหนังสือ. (อ. question).

กระทู้ ๓
น. ชื่อหนอนของแมลงกลุ่มหนึ่งในวงศ์ Noctuidae หรือPhalaenidae ลําตัวอ่อนนุ่ม ผิวเป็นมัน มีขนตามลําตัวน้อย ส่วนใหญ่สีคล้ำ ทางด้านท้องสีอ่อนกว่า มักมีแถบหรือเส้นสีต่าง ๆ เช่น สีส้มอมน้ำตาล เหลืองอมขาว พาดตามยาวที่สันหลังและข้างลําตัว มีขาจริง ๓ คู่ ขาเทียม๕ คู่ กินพืช โดยมักจะกัดต้นพืชให้ขาดออกจากกัน ทําให้เหลือแต่ตอโผล่เหนือพื้นดิน มองคล้ายกระทู้หรือซอไม้ไผ่ที่ปักเป็นหลัก ชนิดที่รู้จักกันทั่วไป เช่น หนอนกระทู้ควายพระอินทร์ หรือ หนอนกระทู้คอรวง (Mythimna separata)ที่ทําลายต้นข้าว.

กระเท่
ว. เท่, เอียง.

กระเท่เร่
ว. เอียงทื่ออยู่, เอียงไปมาก, มักพูดเข้าคู่กับ เอียง เป็นเอียงกระเท่เร่, โดยปริยายหมายความว่า ลําเอียงมาก.

-กระเทียบ
ใช้เข้าคู่กับคํา กระทบ เป็น กระทบกระเทียบ.

กระเทียม
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Allium sativum L. ในวงศ์ Alliaceaeคล้ายต้นหอม หัวเป็นกลีบ ๆ เมื่อแห้งสีขาว กลิ่นฉุน รสเผ็ดร้อน ใช้ปรุงอาหาร, พายัพเรียก หอมเตียม, อีสานเรียกหอมขาว, ปักษ์ใต้เรียก เทียม.

กระเทียมหอม
น. ต้นหอม เช่น กระเทียมหอมรําแย้ ก็มี. (ม. คําหลวง มหาพน).

กระเทือน
ก. มีอาการเหมือนไหวหรือสั่นเพราะถูกกระทบกระทั่ง เช่นนั่งรถที่แล่นไปตามทางขรุขระก็รู้สึกกระเทือน เสียงระเบิดทำให้บ้านกระเทือน, โดยปริยายหมายความว่า รู้สึกหวั่นไหวเช่น เขาว่าลูกก็กระเทือนไปถึงแม่ ใครจะว่าอย่างไร ๆ ก็ไม่กระเทือน, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคํา กระทบ เป็น กระทบกระเทือน,สะเทือน ก็ว่า.

กระเทือนใจ
ก. มีจิตใจหวั่นไหวอย่างแรงเพราะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากระทบ(มักใช้ในทางที่ไม่ดี), สะเทือนใจ ก็ว่า.

กระเทือนซาง
(ปาก) ก. มีจิตใจหวั่นไหวอย่างรุนแรงเพราะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากระทบใจ เช่น ว่าเท่าไร ๆ ก็ไม่กระเทือนซาง ถูกตำหนิอย่างแรงทำให้รู้สึกกระเทือนซาง.

กระเทื้อม
ก. กระเทือน เช่น เสียงดังโครมใหญ่ไม่กระเทื้อม. (อภัย).

กระแทก
ก. กระทบโดยแรง, กระทุ้ง; พูดกระชากเสียงให้ดังผิดปรกติแสดงว่าไม่พอใจหรือโกรธ เช่น กระแทกเสียง, บางทีใช้เข้าคู่กับคํา กระทบ เป็น กระทบกระแทก.

กระแทกกระทั้น
ว. กระแทกเสียงหรือกระแทกสิ่งของให้รู้ว่าไม่พอใจหรือโกรธ.

กระแท่น
ก. แทบถึง, ถึงทีเดียว, กระทั่ง, คําใช้ในบทร้องของเด็ก ในความว่า พายเรืออกแอ่นกระแท่นต้นกุ่ม, นิยมใช้เข้าคู่กับคํากระท่อน เป็น กระท่อนกระแท่น.

-กระแท้ม
ใช้เข้าคู่กับคํา กระท้อม เป็น กระท้อมกระแท้ม.

กระแทะ
น. ยานชนิดลากขนาดเล็ก มี ๒ ล้อ ใช้วัวเทียม ตัวเรือนราบไม่ยกสูงอย่างเรือนเกวียน มีทั้งชนิดโถงและประกอบหลังคา,ระแทะ หรือ รันแทะ ก็ว่า. (ข. รเทะ).

กระไทชาย
(โบ; มาจาก กระทาชาย) น. คนผู้ชาย เช่น อันว่ากระไทชายผู้หนึ่ง. (ม. คําหลวง กุมาร; มหาราช), กระทาชาย ก็ว่า.

กระนก
[-หฺนก] (โบ; แผลงมาจาก กนก) น. ทองคํา. (ไตรภูมิ).(ดู กนก).

กระน่อง
(ถิ่น-อีสาน) น. อวัยวะส่วนหลังของลำแข้ง ตั้งแต่ขาพับลงไปถึงส้นเท้า, กระหน่อง ขะน่อง หรือ ขาน่อง ก็เรียก.

กระนั้น
ว. นั้น, ดังนั้น, อย่างนั้น.

กระนี้
ว. นี้, ดังนี้, อย่างนี้.

กระแนะกระแหน
[-แหฺน] ก. พูดกระทบหรือพูดเป็นเชิงเสียดสี, กระแหนะกระแหนก็ว่า.

กระโน้น
ว. โน้น, เช่นโน้น, อย่างโน้น.

กระไน
น. ชื่อนกชนิดหนึ่ง, ตระไน ก็ว่า เช่น เขาคุ่มกระตรุมกระไตรตระไนนี่สนั่นเสียง. (สรรพสิทธิ์).

กระบก
น. ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด Irvingia malayana Oliv. exA. Benn. ในวงศ์ Irvingiaceae ใบรูปไข่ ผลเท่ามะกอกหรือมะปรางขนาดเขื่อง เมล็ดแข็ง เนื้อในขาว มีรสมันกินได้, ตระบก มะมื่น หรือ มะลื่น ก็เรียก.

กระบกคาย
ดู กระโดงแดง (๑).

กระบถ
[-บด] (โบ; เพี้ยนมาจาก กบฏ) น. การประทุษร้ายต่อทางอาณาจักร, ความทรยศ, ขบถ.

กระบม
(ถิ่น-อีสาน) น. ภาชนะชนิดหนึ่งทําด้วยไม้ขุดรูปวงกลมมีขอบด้ามสั้น สำหรับสงข้าวเหนียวที่นึ่งสุกใหม่ ๆ หรือคนข้าวเหนียวนึ่งให้ลดความร้อนก่อนนำไปใส่ในกล่องข้าว หรือใช้เป็นภาชนะรองถ้วยชามอย่างสำรับ, กระโบม ก็เรียก.(รูปภาพ กระบม)

กระบวน
น. ขบวน, แบบแผน เช่น กระบวนหนังสือไทย, ชั้นเชิง เช่นทํากระบวน งามกระบวนเนตรเงาเสน่ห์งํา; ลําดับ เช่นแลขุนหมื่นชาวสานทังปวงเฝ้าตามกระบวน. (สามดวง);วิธีการ เช่น จัดกระบวนพิจารณาอรรถคดีในโรงศาล, นิยมใช้เข้าคู่กับคํา กระบิด เป็น กระบิดกระบวน.

กระบวนกระบิด
(กลอน) น. ชั้นเชิง เช่น ทั้งกระบวนกระบิดติดปั้นปึ่ง.(ไกรทอง), กระบิดกระบวน ก็ว่า.

กระบวนการ
น. ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงอย่างมีระเบียบ ไปสู่ผลอย่างหนึ่ง เช่น กระบวนการเจริญเติบโตของเด็ก, กรรมวิธีหรือลําดับการกระทําซึ่งดําเนินต่อเนื่องกันไปจนสําเร็จลง ณ ระดับหนึ่ง เช่น กระบวนการเคมีเพื่อผลิตสิ่งใดสิ่งหนึ่ง (อ. process).

กระบวนการยุติธรรม
(กฎ) น. วิธีดําเนินการให้ความคุ้มครอง สิทธิเสรีภาพ และให้ความเป็นธรรมในทางกฎหมายแก่บุคคลโดยบุคลากรและองค์กร หรือสถาบันต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่บริหารงานยุติธรรมได้แก่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจ พนักงานสอบสวนพนักงานอัยการ ทนายความ ศาลกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์.

กระบวนความ
น. แบบแผนของเนื้อความหรือเรื่องราว เช่น ครบถ้วนกระบวนความ.

กระบวนจีน
น. วิธีการที่นำแบบอย่างศิลปะของจีนมาดัดแปลงหรือประกอบในงานจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรมและมัณฑนศิลป์ของไทย, เรียกลวดลายผ้าแพร โดยมากเป็นรูปประแจ กะแปะ มังกร ว่า ลายกระบวนจีน.

กระบวย
น. ภาชนะสําหรับตักน้ำ เดิมทําด้วยกะลามะพร้าวมีด้ามถือ, พายัพว่า น้ำโบย.

กระบวร
[-บวน] ก. ประดับ, แต่ง. ว. วิจิตร. (แผลงมาจาก กบูร).

กระบอก ๑
น. ไม้ไผ่ที่ตัดเป็นท่อน, ของอื่น ๆ ที่มีรูปคล้ายคลึงเช่นนั้นเช่น กระบอกปืน กระบอกตา; ลักษณนามบอกสัณฐานสําหรับใช้กับของกลมยาวแต่กลวง เช่น ข้าวหลาม ๓กระบอก; เสื้อชนิดหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ ๔ แขนยาวช่วงตัวสั้นเสมอบั้นเอว แขนรัด ตัวรัด คอสูง เรียกว่าเสื้อกระบอก; หุ่นชนิดหนึ่งมีแต่ส่วนหัวและมือ ๒ ข้างลำตัวทำด้วยไม้กระบอก มีผ้าเย็บเป็นถุงคลุม เวลาเชิดใช้มือสอดเข้าไปจับไม้กระบอกนั้นเชิด เรียกว่า หุ่นกระบอก;(เรขา) รูปตันที่กําเนิดขึ้นจากการเขียนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยใช้ด้านใดด้านหนึ่งเป็นแกนแล้วหมุนโดยรอบฐาน ปลายทั้ง ๒ ข้างมีหน้าเป็นวงกลม เรียกว่า รูปทรงกระบอก หรือรูปกระบอก, ลักษณะได้แก่รูปที่มีสัณฐานกลมยาวและตรงซึ่งมีส่วนสัดกลมเท่ากันตั้งแต่ต้นจนปลาย. (อ. cylinder).(รูปภาพ กระบอก)

กระบอกเพลา
น. ไม้แข็งเช่นเต็งรังทําเป็นปลอกตอกอัดไว้ในรูดุมเกวียนสําหรับสอดเพลาเข้าในรูนั้นป้องกันมิให้รูดุมคราก.

กระบอกสูบ
น. ส่วนของเครื่องจักรเครื่องยนต์ ลักษณะเป็นโพรงรูปกระบอกอยู่ในเสื้อสูบ เป็นช่องสําหรับบังคับให้ลูกสูบเคลื่อนไปมา.

กระบอกหัว
(โบ) น. กะโหลกหัว เช่น อีกกระบอกหววมึงกูจะผ่า.(ม. คําหลวง ชูชก), ปักษ์ใต้ว่า บอกหัว.

กระบอก ๒
น. ชื่อปลาน้ำกร่อยและทะเลในสกุล Liza, Valamugil,Oedalechilus และ Mugil วงศ์ Mugilidae ลําตัวค่อนข้างกลม ปากเล็ก มีครีบหลัง ๒ ตอน เกล็ดใหญ่สีเงินมีหลายชนิด มีชื่อเรียกแตกต่างกัน เช่น กระบอกท่อนไต้(L. vaigiensis) กระบอกดํา (L. parsia) กระบอกขาว(V. seheli), กระเมาะ หรือ ละเมาะ ก็เรียก สําหรับปลาขนาดเล็ก, ปักษ์ใต้เรียก ยมก หรือ มก.

กระบอก ๓
น. ดอกไม้, กลีบดอกไม้, เช่น กระบอกทิพย์ผกากวน กาเมศกูเอย. (นิ. นรินทร์), กว่ากลิ่นกระบอกบง - กชเกศเอาใจ.(เสือโค), ใช้ว่า ตระบอก ก็มี. (เทียบอะหม บฺลอก; ไทยใหญ่หมอก; ไทยขาว และ ไทยนุง บอก; เขมร ตฺรบก).

กระบอก ๔
น. ชื่อเพลงไทยทำนองเก่าสมัยอยุธยา ใช้กับบทที่ต้องการรีบด่วน ไปเร็วมาเร็วหรือต้องการให้จบเร็ว เช่นตอนท้าวเสนากุฎต้อนรับแปดกษัตริย์ ในเรื่องสังข์ศิลป์ชัย. (ดึกดําบรรพ์).

กระบอกเสียง
(ปาก) น. ผู้เป็นปากเป็นเสียงแทน.

กระบอง
น. ไม้สั้นสําหรับใช้ตี มีรูปกลมบ้าง เหลี่ยมบ้าง คล้ายพลองแต่สั้นกว่า, ใช้ว่า ตระบอง ก็มี. (ข. ฏํบง; ปักษ์ใต้ บอง).

กระบองกลึง
น. ไม้กลึงเป็นรูปกระบองอย่างยาวสําหรับถือเข้าขบวนแห่ช้างสําคัญ.

กระบองกัน
ดู ตะบองกัน.

กระบองเพชร ๑
น. ใบตาลที่ขมวดปลายลงอักขระ สําหรับใช้ในพิธีตรุษและโกนจุก, ตะบองเพชร ก็เรียก.

กระบองเพชร ๒
น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Cereus hexagonus (L.) Miller ในวงศ์Cactaceae ลําต้นสูง ๓-๕ เมตร ลําต้นและกิ่งกลม หยักเป็นร่องโดยรอบ มีหนามละเอียด ดอกใหญ่ สีขาว กลิ่นหอม บานกลางคืน มักปลูกเป็นรั้วบ้าน, ตะบองเพชร ก็เรียก, พายัพ เรียกเขียะ หรือ หนามเขียะ.

กระบองราหู
น. ชื่อโรคตามตําราแพทย์แผนโบราณว่าเป็นโรคซางชนิดหนึ่งที่ขึ้นเป็นเม็ดที่เด็กอ่อน, ละบองราหู ก็เรียก.

กระบะ
น. ภาชนะไม้ก้นแบนมีขอบ ใช้อย่างถาด, ใช้ว่า ตระบะ ก็มี;ชื่อรถชนิดหนึ่งใช้บรรทุกสิ่งของ ทําตัวถังเป็นรูปอย่างกระบะเรียกว่า รถกระบะ.

กระบัด ๑
(กลอน) ว. บัดใจ, ทันใด, เช่น อาวุธกับศรก็ตกกระบัดเหอรหาย.(สมุทรโฆษ), ตระบัด ก็ใช้.

กระบัด ๒
(โบ) ก. ฉ้อโกง เช่น กระบัดสิน, ตระบัด ประบัด หรือ สะบัด ก็ใช้.

กระบั้วกระเบี้ย
ว. กระปั้วกระเปี้ย, กะปลกกะเปลี้ย, เดินไม่คล่องแคล่ว(อย่างผู้รื้อไข้).

กระบ่า, กระบ้า
ดู ตบยุง.

กระบาก
น. ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่หลายชนิดในสกุล Anisoptera ในวงศ์Dipterocarpaceae ขึ้นในป่าดิบทั่วไป ลําต้นตรง สูง ๓๐-๔๐เมตร เนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้างที่ไม่ต้องรับน้ำหนัก โดยมากใช้เป็นไม้แบบหล่อคอนกรีต.

กระบาย
น. ภาชนะสานรูปคล้ายกระบุงแต่มีขนาดเล็กกว่า ปากกลมก้นสี่เหลี่ยม.

กระบาล
[-บาน] น. ส่วนกลางของกะโหลกศีรษะ, หัว, (คำไม่สุภาพ)เช่น ตีกระบาล เขกกระบาล, (โบ) เขียนเป็น กระบาน ก็มีเช่น เพิกหนังทังผมนั้นออกเสียแล้วเอากรวดทรายขัดกระบานศีศะชำระให้ขาวเหมือนพรรณศรีสังข์. (สามดวง); แผ่นกระเบื้อง;ลานกลางหมู่บ้าน เรียกว่า กระบาลบ้าน. (แผลงมาจาก กบาล).

กระบิ ๑
น. แท่ง แผ่น ชิ้น.

กระบิ ๒
น. หญ้าที่ซับซ้อนกันอยู่ในที่ลุ่มหรือในหนอง เช่น ตัดกระบิในหนองเป็นสองหน. (ไกรทอง).

กระบิ้ง
น. นาที่เป็นกระทงเล็ก ๆ, ตะบิ้ง ก็เรียก.

กระบิด
ก. บิดเชือกหรือตอกให้เขม็งจนขอดเป็นปม.

กระบิดกระบวน
น. ชั้นเชิง เช่น ทําจริตกระบิดกระบวนสะบิ้งสะบัด. (ม. ร่ายยาวชูชก), กระเบ็ดกระบวน ก็ใช้. ก. แกล้งทำชั้นเชิงเหมือนไม่เต็มใจเช่น อย่ากระบิดกระบวนนักเลย.

กระบิล
น. ระเบียบ, หมู่. (แผลงมาจาก กบิล).

กระบี่ ๑
(กลอน) น. ลิง เช่น ขุนกระบี่มีกำลังโดดโลดโผน กระโจมโจนจับยักษ์หักแขนขา. (รามเกียรติ์ ร. ๒). (ป., ส. กปิ).

กระบี่ธุช
น. ชื่อธงมีลักษณะเป็นธงสามชาย ๓ ผืน ผืนธงทำด้วยผ้าปักไหมทองเป็นลวดลายเครือกระหนก สอดร่วมอยู่ในคันธงเดียวกันซึ่งเป็นเหล็ก และทำเป็นกิ่งแยกจากคันกลางทางด้านซ้ายและด้านขวา ปลายคันธงเป็นรูปใบหอก ที่โคนคันธงบริเวณที่สวมต่อคันธงท่อนล่างติดรูปพระกระบี่ คือหนุมานในท่ายืนยกขาหน้าและขาหลังข้างขวาเตรียมเหาะ เรียกเต็มว่า ธงชัยราชกระบี่ธุช หรือธงชัยราชกระบี่ธุชใหญ่ ใช้เชิญนำหน้าพระราชยานในกระบวนพยุหยาตรา และอัญเชิญประดิษฐานในพิธีมณฑลในการพระราชพิธีต่าง ๆ เข้าคู่กับธงพระครุฑพ่าห์ โดยธงกระบี่ธุชอยู่ทางด้านซ้าย และธงพระครุฑพ่าห์อยู่ทางด้านขวา.

กระบี่ ๒
น. อาวุธชนิดหนึ่ง ใบแบนยาว ปลายแหลม มีคมข้างหนึ่งหรือทั้ง ๒ ข้าง ด้ามสั้น ที่ด้ามถืออาจมีโกร่งหรือไม่มีก็ได้ มีฝัก.

กระบี่กระบอง
น. ชื่อการเล่นชนิดหนึ่ง ต่อสู้กันด้วยกระบี่และกระบองเป็นต้น.

กระบี่ลีลา
น. ชื่อเพลงกลองแขก เดิมเป็นเพลงของมลายู ทํานองห่าง ๆเช่นเพลงกระบี่กระบอง, แล้วแปลงมาใช้เป็นเพลงร้องรํา ๒ ชั้นทํานองให้ถี่เข้าประสมเล่นรวมมโหรีและกลองแขก สมัยปลายรัชกาลที่ ๔ หรือต้นรัชกาลที่ ๕ เช่น ตอนโหรทูลท้าวเสนากุฎในเรื่องสังข์ศิลป์ชัย. (ดึกดําบรรพ์).

กระบือ
น. ควาย (มักใช้เป็นทางการ) เช่น รูปพรรณโคกระบือ.(ข. กรฺบี; มลายู เกรฺเบา).

กระบือเจ็ดตัว
น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Excoecaria cochinchinensis Lour.ในวงศ์ Euphorbiaceae สูง ๑-๒ เมตร ใบด้านบนสีเขียวด้านล่างสีแดงเลือดหมู ใช้ทํายาได้, ลิ้นกระบือ ก็เรียก,จันทบุรีเรียก ใบท้องแดง.

กระบุง
น. ภาชนะสานทึบรูปกลมสูง พื้นก้นเป็นสี่เหลี่ยม.

กระบุงโกย
(ปาก) ว. มากมาย เช่น มีข้าวของเป็นกระบุงโกย ถูกบ่นตั้งกระบุงโกย.

กระบุ่มกระบ่าม
ว. บุ่ม ๆ บ่าม ๆ, ซุ่มซ่าม.

กระบู้กระบี้
ว. บู้ ๆ บี้ ๆ, บุบ, บุบแฟบ.

กระบูน
น. ตะบูนขาว. (ดู ตะบูน).

กระบูนเลือด
น. ชื่อว่านชนิดหนึ่ง หัวและต้นดั่งขมิ้นอ้อย ต้นและใบเขียวหัวขนาดหัวเผือก กลมเกลี้ยงเป็นมัน มีปล้องห่าง ๆ เนื้อขาวฉุนร้อน ถ้าเคี้ยวจะทําให้ฟันโยก เชื่อกันว่าใช้ฝนกับน้ำปูนใสหรือต้มเสียก่อนก็ได้ กินแก้ดานเลือด ดานลม และกระชับมดลูกให้แห้งสนิท. (กบิลว่าน).

กระบูร
[-บูน] ก. ประดับ, แต่ง. (แผลงมาจาก กบูร).

กระเบง
(กลอน) ก. เบ่ง เช่น ระด่าวตึงกระเบงแขน. (อนิรุทธ์); ตะเบ็ง,กระเบญ ก็ใช้.

กระเบญ
(กลอน) ก. กระเบง เช่น กุมกระบอง กระเบญหาญ. (สมุทรโฆษ).

กระเบ็ดกระบวน
น. กระบิดกระบวน, ชั้นเชิง.

กระเบน
น. ชื่อปลากระดูกอ่อนพวกหนึ่ง มีหลายชนิด หลายสกุล และหลายวงศ์ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ลําตัวแบนลงมากครีบอกแผ่ออกด้านข้าง บางชนิดแผ่ออกไปจดด้านหน้าและด้านท้ายเกือบเป็นวงกลมดูคล้ายจานหรือว่าว บางชนิดแผ่ยื่นด้านข้างออกไปเป็นปีกคล้ายนกหรือผีเสื้อ และบางชนิดครีบอกแผ่ไปไม่ถึงส่วนหน้า ทำให้หัวแยกจากลำตัวและส่วนยื่นของหัวเป็นลอน มีเหงือก ๕ คู่ อยู่ด้านล่างของส่วนหัวบริเวณถัดจากส่วนท้ายของนัยน์ตามีรูเปิดข้างละช่อง ซึ่งด้านในติดต่อกับโพรงเหงือกและปาก หางส่วนมากเรียวสั้นบ้างยาวบ้าง มักมีผิวหยาบหรือขรุขระ บางพวกมีเงี่ยงอยู่บนหางตอนใกล้ลำตัว และมีต่อมน้ำพิษอยู่บริเวณโคนเงี่ยง เมื่อใช้เงี่ยงแทงจะปล่อยน้ำพิษออกมาด้วย ทำให้คนหรือสัตว์ที่ถูกแทงรู้สึกปวด; เรียกชายผ้านุ่งที่ม้วนแล้วสอดไปใต้หว่างขา ดึงขึ้นไปเหน็บขอบผ้านุ่งด้านหลังระดับบั้นเอว ว่า ชายกระเบน หรือ หางกระเบน; โคนหางช้าง เช่นผูกกระเบนสักหลาดถกล สัปทนแดงกางกั้ง. (กฐินพยุห).

กระเบนเหน็บ
น. ส่วนของร่างกายด้านหลังระดับบั้นเอว ตรงที่เหน็บชายกระเบน.

กระเบนเนื้อดำ
ดู ยี่สน.

กระเบา ๑
น. ชื่อไม้ต้นขนาดย่อมถึงขนาดใหญ่หลายชนิดในสกุลHydnocarpus วงศ์ Flacourtiaceae เช่น กระเบาใหญ่หรือ กระเบาน้ำ (H. anthelminthica Pierre ex Laness.)เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ ผลกลม เปลือกแข็ง มีขนสีน้ำตาลขนาดเท่าผลส้มโอขนาดย่อม เนื้อในเป็นแป้งสีเหลืองอ่อน ๆกินได้ เมล็ดมีน้ำมัน เคยใช้เป็นยาแก้โรคเรื้อน ต้นที่มีแต่ดอกเพศผู้ เรียกว่า แก้วกาหลง, กระเบากลัก หรือ กระเบียน (H. ilicifoliaKing) เป็นไม้ต้นขนาดกลาง ผลกลม เปลือกแข็ง มีขนสีดําขนาดเท่าผลส้มเกลี้ยง.

กระเบา ๒
น. กระบี่ชนิดหนึ่ง ปลายแหลมเรียวอย่างหางกระเบน เรียกว่ากระเบาหางกระเบน.

กระเบิก
(กลอน) ก. เบิก เช่น ปรดิพหุลดุลยปรดิมุข หุลดุลยอุกกลุกก็เกริกกระเบิกหาวหบ. (อนิรุทธ์).

-กระเบี้ย
ใช้เข้าคู่กับคํา กระบั้ว เป็น กระบั้วกระเบี้ย.

กระเบียด
น. มาตราวัดตามวิธีประเพณี ๑ กระเบียด เท่ากับ ๑ ใน๔ ส่วนของนิ้ว.

กระเบียดกระตัก
ก. เกี่ยงให้ตัวได้มาก.

กระเบียดกระเสียร
ก. พยายามใช้จ่ายอย่างจํากัดจําเขี่ย.

กระเบียน
น. (๑) กระเบากลัก. (ดู กระเบา ๑). (๒) ชื่อไม้ต้นผลัดใบขนาดเล็กชนิด Gardenia turgida Roxb. ในวงศ์Rubiaceae ขึ้นในป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ ต้นมีหนามห่าง ๆ เปลือกเรียบ ดอกเมื่อแรกบานสีขาว แล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน ผลคล้ายละมุดฝรั่ง แต่สุกแล้วแข็ง, กระดานพนมะกอกพราน หมุยขาว หรือ หัวโล้น ก็เรียก.

กระเบื้อง
น. เครื่องมุงหลังคาหรือปูพื้นเป็นต้น ทําด้วยดิน หรือวัสดุอย่างอื่น โดยปรกติเป็นแผ่น, เครื่องถ้วยชามที่ปั้นด้วยดินประสมอย่างดี เนื้อมีลักษณะแข็งและขาว เคลือบผิวเป็นมัน มีพื้นหรือลวดลายเป็นสีต่าง ๆ เรียกรวมว่า เครื่องกระเบื้อง, ชิ้นของเครื่องกระเบื้องที่แตกออก, กระทะแบน ๆสําหรับละเลงขนมเบื้องเป็นต้น เดิมทําด้วยดินเผา แต่ปัจจุบันทําด้วยโลหะ; ลักษณนามเรียกจํานวนข้าวเม่าเป็นต้นที่คั่วครั้งหนึ่ง ๆ เช่น ข้าวเม่ากระเบื้องหนึ่ง งา ๒ กระเบื้อง.

กระเบื้องกาบกล้วย
น. กระเบื้องมุงหลังคาชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นกระเบื้อง ๒แผ่นวางคร่อมกัน แผ่นคว่ำมีรูปร่างเหมือนกาบกล้วย ข้างใต้ตอนบนมีงวงหรือขอสำหรับยึดกับระแนง ส่วนแผ่นหงายที่อยู่ข้างล่างนั้นเป็นแผ่นแบน งอริมขึ้นทั้ง ๒ ข้าง มีขออยู่ตอนบนเพื่อเกี่ยวกับระแนง ปัจจุบันนิยมทำให้กระเบื้องแผ่นคว่ำและแผ่นหงายติดเป็นแผ่นเดียวกันเพื่อให้มีความคงทนมากขึ้น, กาบู ก็เรียก.

กระเบื้องเกล็ดเต่า
น. กระเบื้องดินเผาปลายตัดเป็นมุมแหลม ผิวด้าน มีสีแดงตามเนื้อดิน ใช้มุงหลังคาโบสถ์วิหารเป็นต้น.

กระเบื้องขนมเปียกปูน
น. กระเบื้องสำหรับมุงหลังคารูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ทำด้วยปูนซีเมนต์ ทราย และน้ำ, กระเบื้องว่าว หรือ กระเบื้องหน้าวัวก็เรียก.

กระเบื้องถ้วยกะลาแตก
น. เศษภาชนะดินเผาที่แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย, โดยปริยายหมายถึงของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เป็นชิ้นเป็นอันที่ชํารุดหรือขาดชุดหมดราคา.

กระเบื้องปรุ, กระเบื้องรู
น. กระเบื้องเคลือบจีน มีลายโปร่งสําหรับกรุตามผนังหรือกําแพงให้มีช่องลม.

กระเบื้องว่าว
น. กระเบื้องสำหรับมุงหลังคารูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ทำด้วยปูนซีเมนต์ ทราย และน้ำ, กระเบื้องขนมเปียกปูน หรือ กระเบื้องหน้าวัว ก็เรียก.

กระเบื้องหน้างัว
ดู กระเบื้องหน้าวัว.

กระเบื้องหน้าวัว
น. กระเบื้องปูพื้นรูปสี่เหลี่ยมทําด้วยดินเผา; กระเบื้องสำหรับมุงหลังคารูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ทำด้วยปูนซีเมนต์ ทรายและน้ำ, กระเบื้องว่าว หรือ กระเบื้องขนมเปียกปูน ก็เรียก.

กระเบื้องถ้วย
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ต้นกะอวม. (ดู กะอวม).

กระแบ่
(โบ) น. กระบิ, ชิ้น, ส่วน, เช่น เราจะให้บั่นให้แล่ ทุกกระแบ่จงหนําใจ. (ลอ), ทุกกระแบ่เนื้อเห็นเปล่าเลย. (ม. คําหลวงกุมาร), กระแบะ ก็ว่า.

กระแบก
น. ต้นตะแบก เช่น หูกวางพรรค์กระแบก. (ม. คําหลวง จุลพน),ตระแบก ก็ว่า.

กระแบกงา
ก. แตกเป็นไรงา เช่น พลุกกระแบกงาแต่ต้นจนปลาย.(ตําราช้างคําโคลง).

กระแบะ ๑
น. แผ่น, ชิ้น, ส่วน, กระแบ่ ก็ว่า.

กระแบะ ๒, กระแบะมือ
น. ขนาดเท่าฝ่ามือ.

กระโบม ๑
ก. ตระโบม, โลมเล้า, กอด, เช่น ยักษ์ผยองโพยมแลกระโบมถนอมพนิดไคล. (สรรพสิทธิ์).

กระโบม ๒
(ถิ่น-อีสาน) น. ภาชนะชนิดหนึ่ง ทำด้วยไม้ขุดรูปวงกลมมีขอบ ด้ามสั้น สำหรับสงข้าวเหนียวที่นึ่งสุกใหม่ ๆ หรือคนข้าวเหนียวนึ่งให้ลดความร้อนก่อนนำไปใส่ในกล่องข้าวหรือใช้เป็นภาชนะรองถ้วยชามอย่างสำรับ, กระบม ก็เรียก.

กระปมกระปำ, กระปมกระเปา
ว. ปุ่มป่ำ, ปมเปา, เป็นปมเป็นก้อน.

กระปรอก ๑, กระปอก ๑
น. ชื่อไต้ชนิดหนึ่ง ห่อด้วยใบพลวงหลายชั้น ลูกยาวใหญ่เหมือนไต้หาง แต่ไม่มีหาง ชาวทะเลและชาวชนบทชอบใช้สําหรับหาหอย กุ้ง ปลา เพราะดวงไฟใหญ่ไม่ใคร่ดับ.

กระปรอก ๒, กระปอก ๒
น. นุ่น. (เทียบมลายู กระป๊อก ว่า ต้นนุ่น).

กระปรอก ๓
(ถิ่น-ตะวันออก, ปักษ์ใต้) น. ชื่อเรียกเฟินอิงอาศัยหลายชนิดในสกุล Drynaria และ Platycerium วงศ์ Polypodiaceae.

กระปรอกว่าว
ดู กระแตไต่ไม้ ๒.

กระปรี้กระเปร่า
ว. แคล่วคล่องว่องไว เพราะมีกําลังวังชา,กระฉับกระเฉง, ไม่เนิบนาบ.

กระป้อกระแป้
ว. ป้อแป้มาก, กําลังน้อย.

กระป่อง
(กลอน) ว. ป่อง เช่น สักหน่อยหนึ่งมึงจะท้องกระป่องเหยาะ.(อภัย).

กระป๋อง
น. ภาชนะทําด้วยเหล็กวิลาดหรือสังกะสีเป็นต้น มักมีรูปเป็นทรงกระบอก สําหรับบรรจุของ ต่างๆ, ลักษณนามว่า ใบ, ลูก.

กระปอดกระแปด
ว. อาการที่บ่นปอดแปด, อาการที่บ่นร่าไร.

กระป๋อหลอ
ว. เหลอ (ใช้แก่หน้า) เช่น ก็หยุดยั้งนั่งหน้ากระป๋อหลอ.(มณีพิชัย).

กระปั้วกระเปี้ย
ว. กระบั้วกระเบี้ย, กะปลกกะเปลี้ย, ไม่คล่องแคล่ว, ไม่แข็งแรง.

-กระปำ
ใช้เข้าคู่กับคํา กระปม เป็น กระปมกระปำ.

กระป่ำ ๑
ว. เป็นปุ่มป่ำ เช่น บนเขากระป่ำ. (ม. คําหลวง กุมาร),มักใช้เข้าคู่กับคํา กระปุ่ม เป็น กระปุ่มกระป่ำ.

กระป่ำ ๒
ว. อร่อย เช่น อนี้ต้นหว้าหวานกระป่ำ. (ม. คําหลวง กุมาร; มัทรี).

-กระปิ่ม
ใช้เข้าคู่กับคํา กระปุ่ม เป็น กระปุ่มกระปิ่ม.

กระปุก
น. ภาชนะเครื่องปั้นดินเผาหรือแก้วเป็นต้น รูปป้อม ๆ เตี้ย ๆขนาดเล็ก โดยมากปากแคบ ก้นสอบ, ลักษณนามเรียกทะลายของผลระกําหรือผลจาก เช่น ผลระกํากระปุกหนึ่ง ผลจาก ๒กระปุก.

กระปุกหลุก, กระปุ๊กลุก
ว. อ้วนกลมน่าเอ็นดู.

กระปุ่ม
(ถิ่น-อีสาน) น. เครื่องสานชนิดหนึ่ง ส่วนล่างใหญ่ ส่วนบนเล็กรูปกลม มีฝาสวมลงลึก สําหรับใส่สิ่งของ พ่อค้าหาบเร่มักใช้.

กระปุ่มกระป่ำ, กระปุ่มกระปิ่ม
ว. มีปุ่มป่ำมาก เช่น ดูกระปุ่มกระปิ่มตุ่มติ่มเต็ม. (นิ. เพชร).

-กระเปา
ใช้เข้าคู่กับคํา กระปม เป็น กระปมกระเปา.

กระเป๋า ๑
น. เครื่องใช้รูปคล้ายถุงหรือกระเพาะ ทําด้วยหนังบ้าง ผ้าบ้างสําหรับใส่เงินหรือของต่าง ๆ ใช้คาดเอวก็มี ติดอยู่ในตัวเสื้อหรือกางเกงก็มี ใช้หิ้วก็มี; กลีบดอกกล้วยไม้คล้ายรูปกรวยหรือหลอดที่อยู่ตรงกลางเป็นที่อยู่ของเกสร, ปาก ก็เรียก; (ปาก)เรียกถุงหน้าท้องสำหรับใส่ลูกของสัตว์บางชนิดเช่นจิงโจ้ ม้าน้ำ.

กระเป๋าฉีก
(ปาก) ว. หมดเงินในกระเป๋าเพราะใช้จ่ายมาก เช่น วันนี้จ่ายเงินเสียกระเป๋าฉีกเลย.

กระเป๋าตุง
(ปาก) ว. มีเงินในกระเป๋ามาก เช่น ไปทำอะไรจึงกระเป๋าตุงกลับมา.

กระเป๋าเบา
(ปาก) ว. มีเงินในกระเป๋าน้อยลง เช่น ไปเที่ยวเสียกระเป๋าเบาเลย.

กระเป๋าแฟบ
(ปาก) ว. มีเงินในกระเป๋าลดน้อยลงมาก เช่น ไปจ่ายของเสียกระเป๋าแฟบเลย.

กระเป๋าหนัก
(ปาก) ว. มีเงินมาก, ร่ำรวย, เช่น วันนี้ยอมเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวสงสัยจะกระเป๋าหนัก.

กระเป๋าแห้ง
(ปาก) ว. ไม่มีเงินติดกระเป๋าเลย เช่น วันนี้เขากระเป๋าแห้ง.

กระเป๋า ๒
(ปาก) น. พนักงานเก็บค่าโดยสารรถหรือเรือประจำทาง.

กระเปาะ
น. รูปนูนกลม, เรียกสิ่งที่มีสัณฐานคล้ายคลึงเช่นนั้นว่ากระเปาะ เช่น กระเปาะไข่ กระเปาะดอกไม้; ฐานที่ฝังเพชรพลอยเป็นหัวแหวนหรือตุ้มหู; เก็จ (ดู เก็จ ๒); (วิทยา) ส่วนของหลอดแก้วที่พองออก จะกลมหรือรีก็ตาม.

กระเปาะเหลาะ
ว. มีสัณฐานกลมป้อม, เปาะเหลาะ ก็ว่า.

-กระเปี้ย
ใช้เข้าคู่กับคํา กระปั้ว เป็น กระปั้วกระเปี้ย.

-กระแป้
ใช้เข้าคู่กับคํา กระป้อ เป็น กระป้อกระแป้.

-กระแปด
ใช้เข้าคู่กับคํา กระปอด เป็น กระปอดกระแปด.

กระโปก ๑
น. ส่วนหนึ่งของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของชายหรือสัตว์ตัวผู้.

กระโปก ๒
น. เครื่องเกวียนสําหรับยึดเพลา ติดอยู่กับตัวทูบ.

กระโปรง
[-โปฺรง] น. ผ้านุ่งผู้หญิงแบบสากล; ฝาครอบเครื่องรถยนต์หรือฝาครอบที่เก็บของข้างหน้าและข้างหลังรถยนต์; กระบุงรูปกลมสูง ปากผายมาก พื้นก้นเป็นสี่เหลี่ยมเล็กสอบลงลักษณะคล้ายกระโปรงบาน สำหรับขนข้าวเปลือกหรือมะพร้าวเป็นต้น; ภาชนะเย็บด้วยกาบหมากหรือใบไม้ สําหรับใส่ของต่าง ๆ เช่น ราชปุโรหิตก็ให้เอานางนกไส้ใส่กระโปรงขังไว้จนเพลารุ่งเช้า. (นพมาศ); กะโปรง ก็ใช้.

กระโปรงทอง
ดู กะทกรก (๒).

กระผม
ส. คําใช้แทนตัวผู้พูด เพศชาย พูดกับผู้ใหญ่, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑.

-กระผลาม
[-ผฺลาม] ใช้เข้าคู่กับคํา กระผลี เป็น กระผลีกระผลาม.

กระผลีกระผลาม
[-ผฺลี-ผฺลาม] ว. รีบร้อนเกินไปโดยไม่ระมัดระวังหรือไม่ถูกกาลเทศะ.

กระผาน
น. ตะโพก. (ปาเลกัว).

กระผีก
น. มาตราตวง มีพิกัดเท่ากับ ๑ ภาค (คือ ๑ ใน ๔) ของกระเพาะ.ว. เล็กน้อย.

กระผีกริ้น
(ปาก) ว. นิดหน่อย, น้อยมาก, เล็กน้อย.

กระพรวน
[-พฺรวน] น. โลหะทําเป็นรูปกลมกลวง มีลูกกลิ้งเล็ก ๆ อยู่ข้างในเพื่อให้เกิดเสียง ใช้ผูกคอสัตว์หรือข้อเท้าเป็นต้น, พรวน ลูกพรวนหรือ ลูกกระพรวน ก็ว่า; (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) มะหิ่ง หรือ หมากหิ่ง.

กระพริ้ม
(กลอน) ว. พริ้มพราย, แฉล้ม, เช่น ดูกระพริ้มริมแดงดังแสงโสม.(นิ. เดือน).

กระพอก ๑
น. กล่องสานมีฝาครอบสําหรับใส่อาหาร; หม้อ (มงคลทีปนีแปลร้อย กุมภชาดก); กระบะสําหรับใส่กับข้าว เช่น ร่วมกระพอกจอกจานร้านเรือนเดียว. (สุ. สอนเด็ก); การเลี้ยงกัน, ที่เลี้ยงกัน.(อะหม พอก ว่า เลี้ยงกัน).

กระพอก ๒
ก. พรอก, พูด, เช่น ฟังเสียงกากระพอก บอกข่าวท้าวเสด็จดล. (ลอ).

กระพอกวัว
น. ชื่อนกชนิดหนึ่ง. (พจน. ๒๔๙๓).

กระพอง ๑
น. ส่วนที่นูนเป็นปุ่ม ๒ ข้างศีรษะช้าง, ตระพอง ตะพอง หรือกะพอง ก็ว่า.

กระพอง ๒
น. ชื่อตัวไม้อันบนที่เป็นราวลูกกรงเรือนหรือเกวียน, กําพองก็เรียก.

กระพ้อม
น. ภาชนะสานขนาดใหญ่สำหรับบรรจุข้าวเปลือกเป็นต้น, พ้อมก็เรียก; (ถิ่น-อีสาน) เครื่องสานชนิดหนึ่ง รูปเหมือนกระบุง แต่เล็กกว่าราวครึ่งหนึ่ง.

กระพัก
น. โขดหินหรือไหล่เขาที่เป็นขั้น ๆ พอพักได้ เช่น บ้างก็เป็นกระพักกระเพิงกระพังพุ. (ม. ร่ายยาว กุมาร), ตะพัก ก็ว่า.

กระพัง ๑
น. แอ่ง, บ่อ, หนอง, ตระพัง ตะพัง หรือ สะพัง ก็เรียก.(เทียบ ข. ตฺรพําง ว่า บ่อที่เกิดเอง).

กระพัง ๒
น. ภาชนะชนิดหนึ่ง สําหรับใส่น้ำทําพิธีต่าง ๆ ตามลัทธิไสยศาสตร์ เรียกว่า ``กระพังน้ำ' ซึ่งน่าจะมีรูปคล้ายกับหม้อน้ำมนตร์ของเรา.

กระพังเหิร
น. ชื่อการฟันด้วยขอช้างอย่างหนึ่ง คือฟันให้หยุดอย่างชะงัก.(ตําราขี่ช้าง).

กระพังโหม
น. ชื่อไม้เถาชนิด Oxystelma secamone (L.) Karst. ในวงศ์Asclepiadaceae ทั้งต้นมียางขาว ใบแคบเรียวแหลม ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน มีนวล ดอกสีม่วงแกมชมพู ใช้ทํายาได้ ใบและเถาใช้เป็นอาหาร, จมูกปลาหลด จมูกปลาไหล หรือ ผักไหม ก็เรียก.

กระพัด
น. เชือกหรือลวดหนังตีเป็นเกลียวหุ้มผ้าแดง ปรกติคล้องผูกอยู่รอบคอช้าง เมื่อตั้งสัปคับหรือกูบอย่างใดอย่างหนึ่ง ใช้ปลายทั้ง๒ ข้างผูกสัปคับหรือกูบเพื่อรั้งมิให้เลื่อนไปทางท้ายช้างขณะเดินขึ้นที่ชัน, เขียนเป็น กระพัตร ก็มี เช่น และกระพัตรรัตคนควร.(ดุษฎีสังเวย). ก. ผูก, คาด, ล้อม, เช่น เหตุกระพัดรัดตาด้วยไฟราค. (ม. ร่ายยาว ชูชก).

กระพัดแม่ม่าย
ดู กระดูกกบ.

กระพัตร
[-พัด] น. เชือกหรือลวดหนังตีเป็นเกลียวหุ้มผ้าแดง ปรกติคล้องผูกอยู่รอบคอช้าง เมื่อตั้งสัปคับหรือกูบอย่างใดอย่างหนึ่ง ใช้ปลายทั้ง ๒ ข้างผูกสัปคับหรือกูบเพื่อรั้งมิให้เลื่อนไปทางท้ายช้างขณะเดินขึ้นที่ชัน เช่น และกระพัตรรัตคนควร. (ดุษฎีสังเวย),กระพัด ก็ว่า.

กระพัน
ว. ทนทานต่อศัสตราวุธ, มักใช้ควบกับ ชาตรี เป็นคงกระพันชาตรี. (เทียบมลายู กะบัล).

กระพั่น
(ถิ่น-อีสาน) น. เครื่องไม้ในจําพวกเครื่องทอผ้าสําหรับม้วนผ้า.

กระพา
(ถิ่น-อีสาน) น. เครื่องสานชนิดหนึ่ง สําหรับใส่สิ่งของบรรทุกไว้ที่หลังคน มีสายรัดไขว้หน้าอก ใช้อย่างต่างใส่วัว แต่มีอันเดียว.

กระพาก
น. ปลาตะพาก. (ประพาสไทรโยค). (ดู ตะพาก).

กระพี้
น. ส่วนของเนื้อไม้ที่หุ้มแก่น, เนื้อไม้ที่อยู่ระหว่างเปลือกกับแก่นมีลักษณะอ่อนและยุ่ยง่าย. ว. โดยปริยายหมายความว่าไม่เป็นแก่นสาร.

กระพี้เขาควาย
น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ชนิด Dalbergia cultrata Grah.ex Benth. ในวงศ์ Leguminosae ขึ้นตามป่าเบญจพรรณและป่าทุ่งทั่วไป เว้นแต่ปักษ์ใต้ แก่นสีดําแข็งและหนักมากใช้ทําเครื่องเรือน เพลาเกวียน และด้ามเครื่องมือต่าง ๆ.

กระพี้นางนวล
น. ชื่อไม้ต้นชนิด Dalbergia cana Grah. ex Kurz ในวงศ์Leguminosae ใบเป็นใบประกอบ ใบย่อยรูปไข่ ปลายเรียวแหลม ดอกรูปดอกถั่ว กลีบเลี้ยงสีม่วงดำ กลีบดอกสีขาวอมเหลือง ฝักแบน มีขน มี ๒ เมล็ด, จักจั่น ก็เรียก.

กระพือ
ก. เอาสิ่งที่เป็นผืนแผ่นบาง ๆ โบกขึ้นลง, พัดหรือโบกด้วยอาการเช่นนั้น, โดยปริยายหมายถึง แพร่กระจาย เช่นข่าวนี้กระพือไปอย่างรวดเร็ว.

กระพุ้ง
น. ส่วนที่ป่องออก เช่น กระพุ้งแก้ม กระพุ้งก้น.

กระพุ่ม
น. ลักษณะของสิ่งที่เป็นพุ่มยอดแหลมอย่างดอกบัวตูม,(กลอน) พุ่ม เช่น ดอกพวงเผล็ดช่อ กระพุ่มห่อเกสรสลอนบุษบาบาน. (ลอ), สองถันกระพุ่มกาญจนแมนมาเลขา. (อนิรุทธ์).

กระพุ่มมือ
ก. พนมมือ. น. มือที่พนม.

กระเพลิด
[-เพฺลิด] (โบ) ก. ตะเพิด. (ปรัดเล).

กระเพลิศ
[-เพฺลิด] (กลอน) ว. ตะพึด เช่น พลพายกระเพลิศพ้าง พายพัด.(เฉลิมพระเกียรติ ร. ๒).

กระเพาะ
น. อวัยวะภายในของคนและสัตว์ รูปเป็นถุง คือ กระเพาะอาหารและกระเพาะปัสสาวะ. (เทียบ ข. กฺรพะ); ภาชนะสานสําหรับตวงข้าว มีอัตราจุ ๔ กระผีก.

กระเพาะปลา
น. ชื่ออาหารคาวแบบจีนชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยถุงลมปลาเนื้อไก่ เลือดหมู เป็นต้น.

กระเพิง
น. เพิง, สิ่งที่ยื่นเป็นเพิง, เช่น บ้างก็เป็นกระพักกระเพิงกระพังพุ.(ม. ร่ายยาว กุมาร).

กระเพื่อม
ก. อาการของสิ่งเหลวหรือนุ่มที่ไหวขึ้น ๆ ลง ๆ เช่น น้ำกระเพื่อม.

กระแพง
(โบ; กลอน) น. กําแพง เช่น ทิศออกกระแพงแก้วกั้น.(จารึกวัดโพธิ์).

กระแพ้ง
น. ไม้ไผ่ที่ปล้องข้างในเป็นโรค มีสีดํา ๆ กลิ่นเหม็น, กําแพ้ง ก็ว่า.

กระฟัดกระเฟียด
ว. อาการที่โกรธหรือแสร้งทําโกรธ.

-กระฟาย
ใช้เข้าคู่กับคํา กระฟูม เป็น กระฟูมกระฟาย.

กระฟูมกระฟาย
ก. ฟูมฟาย.

-กระเฟียด
ใช้เข้าคู่กับคํา กระฟัด เป็น กระฟัดกระเฟียด.

กระมล
[-มน] (กลอน; แผลงมาจาก กมล) น. ดอกบัว, หัวใจ.

กระมอบ
น. ชื่อไม้ต้นขนาดย่อมชนิด Gardenia obtusifolia Roxb. ในวงศ์Rubiaceae คล้ายกระเบียน (๒) ซึ่งอยู่ในวงศ์เดียวกัน แต่ใบคายและเล็กกว่า ปลายใบป้าน ยอดอ่อนมียางเหนียว ผลย่อมกว่า เนื้อไม้ขาวละเอียด ใช้แกะสลักได้.

กระมอมกระแมม
ว. มอมแมมมาก, เลอะเทอะเปรอะเปื้อน.

กระมัง ๑
ว. คําแสดงความไม่แน่ใจ, คําแสดงความคาดคะเน, (ใช้ไว้ท้ายประโยค) เช่น เป็นเช่นนี้กระมัง, ในบทกลอนใช้ว่ากระหมั่ง ก็มี.

กระมัง ๒
น. ชื่อปลาน้ำจืดชนิด Puntioplites proctozysron ในวงศ์Cyprinidae รูปร่างคล้ายปลาตะเพียน มีกระดูกครีบก้นแข็งแรงและเป็นหยัก ครีบหลังมีขนาดใหญ่ พื้นลําตัวเป็นสีขาว, เหลี่ยม ก็เรียก.

กระมัน
ดู กระโห้.

กระมิดกระเมี้ยน
ก. แสดงอาการซ่อนอายลับ ๆ ล่อ ๆ, มิดเมี้ยน ก็ว่า.

กระมึน
(โบ) ว. สูงค้าฟ้า, สูงเด่น, เช่น กายาศีรษะพลัดพราย หัวขาดเด็ดตาย จรลู่กระมึนเหมือนเขา. (เสือโค, บางฉบับเป็นตระหมื้น), ตระมึน ก็ใช้, โดยมากเป็น ทะมื่น.

กระมุท
น. บัว, กมุท ก็ว่า. (แผลงมาจาก กุมุท).

กระเมาะ
น. ชื่อปลากระบอกขนาดเล็ก. (ดู กระบอก ๒).

-กระเมี้ยน
ใช้เข้าคู่กับคํา กระมิด เป็น กระมิดกระเมี้ยน.

-กระแมม
ใช้เข้าคู่กับคํา กระมอม เป็น กระมอมกระแมม.

กระย่อง
(ถิ่น-อีสาน) น. เครื่องสานชนิดหนึ่ง รูปกลมคล้ายโตก, ถ้าใหญ่ใช้เป็นสํารับ ถ้าเล็กใช้เป็นเครื่องใส่ข้าวตอกดอกไม้บูชาตามวัด.

-กระย่อง
ใช้เข้าคู่กับคํา กระยิ้ม เป็น กระยิ้มกระย่อง.

กริ่ง ๒
ว. อาการที่ร่างกายไม่เข็งแรง ทำให้เดินหรือเคลื่อนไหวไม่ถนัด,กระง่องกระแง่ง หรือ ง่องแง่ง ก็ว่า.

กระย่อน
ก. ขย้อน คือ อาการขยับขึ้นขยับลง, กระหย่อน ก็ใช้; ยวบยาบ,แกว่ง เช่น ลมไกวกิ่งกลฟ้อนก็กระย่อนอยู่ยานโยน. (สมุทรโฆษ);ขยับ เช่น ยกค้อนกระย่อนดูบริพาร. (สมุทรโฆษ).

กระย่อม
ดู ระย่อม.

กระยา
น. เครื่อง, สิ่งของ, เครื่องกิน, เช่น เทียนธูปแลประทีปชวาลาเครื่องโภชนกระยา สังเวยประดับทุกพรรณ. (ดุษฎีสังเวยกล่อมช้างของเก่า ครั้งกรุงเก่า), เขียนเป็น กรยา ก็มี เช่น พระไพรดมานโฉม นุบพิตรแลงผอง มนตรอัญสดุดิยฮอง กรยานุถกลทาบ.(ดุษฎีสังเวยกล่อมช้างของเก่า ขุนเทพกะวีแต่ง).

กระยาคชวาง
[-คดชะวาง] น. ข้าวสําหรับบําบวงเชือกบาศเป็นพิธีของพระหมอเฒ่าในการรับช้างเผือก.

กระยาดอก, กระยาดอกเบี้ย
(โบ) น. สิ่งที่ส่งชําระแทนดอกเบี้ย เช่น กู้เงินเขามาแล้ว มอบที่นาให้ทําหรือมอบบุตรภริยาให้รับใช้การงาน.

กระยาทาน
น. เครื่องบริจาค. (จารึกสยาม).

กระยาทิพย์
น. ชื่อขนมอย่างหนึ่ง ปรุงด้วยเครื่องกวนมีน้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำนมถั่ว งา เป็นต้น นิยมใช้หญิงพรหมจารีเป็นผู้กวน มักทําในพิธีสารทเรียกว่า ข้าวกระยาทิพย์, ข้าวทิพย์ ก็เรียก.

กระยาบวช
น. เครื่องกินที่ไม่มีของสดคาว.

กระยาเบี้ย
(โบ) น. เบี้ยเงินค่าตัวทาส และเงินกู้.

กระยารงค์
น. สีสําหรับวาดเขียน.

กระยาเลย
ว. ต่าง ๆ, ปะปนกัน, (ใช้แก่ต้นไม้มีแก่น แต่ไม่รวมไม้สัก).

กระยาสนาน
(ราชา) น. เครื่องสรง.

กระยาสังเวย
น. เครื่องเซ่น.

กระยาสังแวง
น. ข้าวเภาในพิธีรับช้างเผือก.

กระยาสารท
[-สาด] น. ขนมทําด้วยถั่วงาและข้าวเม่าข้าวตอกกวนกับน้ำตาล แต่เดิมนิยมทําเฉพาะในเทศกาลสารท.

กระยาเสวย
(ราชา) น. เครื่องเสวย.

กระยาหาร
น. เครื่องกินมีข้าวเป็นต้น.

กระยาง ๑
น. ขาหยั่ง เช่น อ้ายเหล่าเที่ยววิด พบหนองป้องปิด ทำเปนเชิงราง เอาไม้สามอัน ปักไว้เปนกระยาง แขวนโพงตรงกลางสาดน้ำเอาปลา. (คำพากย์เรื่องสุบิน), เขียนเป็น กระหยางก็มี เช่น ปักไว้เปนกระหยาง. (สุบินคำพากย์).

กระยาง ๒
น. นกยาง. (ดู ยาง ๑).

กระยาจก
(ปาก) น. ยาจก, คนขอทาน, เช่น ตัวอ้ายพราหมณ์เถ้ากระยาจก.(มโนห์รา). (กระ + ป. ยาจก).

-กระยาด
ใช้เข้าคู่กับคํา กระยืด เป็น กระยืดกระยาด.

กระยาหงัน
น. วิมาน, สวรรค์ชั้นฟ้า, เช่น อวยชัยให้พรแล้วเทวัญ กลับคืนกระยาหงันชั้นฟ้า. (อิเหนา). (ม. กะยางัน ว่า สวรรค์, ที่อยู่ของเทวดา).

กระยิก
ก. ขะยิก.

กระยิ้มกระย่อง
ก. แสดงอาการดีใจหรืออิ่มใจ, ยิ้มย่อง ก็ว่า.

กระยึกกระยือ
ว. หยิกไปหยิกมา, ไม่ตรง, ไม่เป็นระเบียบ, ยึกยือ ก็ว่า.

กระยึกกระหยัก
ว. อาการที่ลังเลไม่กล้าตัดสินใจ, ยึกยัก ก็ว่า.

กระยืดกระยาด
ว. ยืดยาดมาก, เนิบนาบ, ช้า, ไม่ฉับไว.

กระเย้อกระแหย่ง
[-แหฺย่ง] ก. เขย่งแล้วเขย่งอีก, โดยปริยายหมายความว่าพยายามจะให้ได้สิ่งที่สุดเอื้อม, ขะเย้อแขย่ง ก็ว่า.

-กระแย่ง
ใช้เข้าคู่กับคํา กระย่อง เป็น กระย่องกระแย่ง.

กระรอก
น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Sciuridae มีฟันแทะ ส่วนใหญ่ตาโตและหูใหญ่ หางยาวเป็นพวง กินผลไม้ มีหลายสกุลและหลายชนิด เช่น กระรอกหลากสี (Callosciurus finlaysoni)พญากระรอกดํา (Ratufa bicolor).

กระรอกน้ำข้าว
ดู เขยตาย.

กระเรียน ๑
น. ชื่อนกขนาดใหญ่ชนิด Grus antigone ในวงศ์ Gruidaeคอยาว ขายาว ปีกกว้าง หางกว้างและสั้น หากินตามที่ราบลุ่ม กินพืช แมลง และสัตว์ขนาดเล็ก ไม่ชอบกินปลา,กาเรียน ก็เรียก.

กระเรียน ๒
น. ชื่อเพลงไทยของเก่าสําหรับทําเพลงช้า เรียกว่า กระเรียนร้อง,ถ้ารับร้องบทละครเป็นเพลง ๒ ชั้น ท่อนต้นเรียกว่า กระเรียนร้องตัวผู้ ท่อนหลังเรียกว่า กระเรียนร้องตัวเมีย ต่อจากนี้ทําเพลงกระเรียนทองแล้วถึงกระเรียนร่อน เป็นเพลงเสภาร้องรับมโหรี.

กระโรกน้ำข้าว
ดู เขยตาย.

กระโรกใหญ่
ดู ชิงชี่.

กระไร
ว. อะไร เช่น เขาไม่ว่ากระไร, อย่างไร เช่น จะทำกระไรดี, เท่าไรเช่น ถูกปรับเพียง ๑๐๐ บาทก็ไม่กระไรนัก, ทำไม, ไฉน, เช่นข้าแต่นเรศูรสมเด็จพระบิดาเจ้าข้าเอ่ย กระไรเลยไม่ปรานี.(ม. ร่ายยาว กุมาร).

กระลด
[-หฺลด] (กลอน; แผลงมาจาก กลด) น. ร่ม เช่น เทียวทองธงชัยและแซงกระลดชุมสาย. (สมุทรโฆษ).

กระลบ
[-หฺลบ] (กลอน; แผลงมาจาก กลบ) ก. ตระหลบ. ว. ฟุ้ง เช่น ก็หอมกระลบอบองค์. (ม. คําหลวง จุลพน).

กระลอก
[-หฺลอก] (กลอน) แผลงมาจาก กลอก เช่นพื้นบรรพตเลื่อมล้วนมณีผา กระลอกรุ่งพรุ่งพรายถึงเมฆา.(สมบัติอมรินทร์), ใช้เข้าคู่กับคํา กระลับ หรือ กระลาย เป็นกระลับกระลอก หรือ กระลายกระลอก.

กระลอม
(ถิ่น-อีสาน) น. เครื่องสานชนิดหนึ่ง สานด้วยตอกเป็นต้นตาห่าง ๆ สำหรับใส่สิ่งของ, ชะลอม ก็ว่า.

กระละหล่ำ
ก. กล้า, เกือบ, เช่น กระละหล่าจกกเป็นแต่กี้. (ทวาทศมาส).

กระลัด
[-หฺลัด] (กลอน; แผลงมาจาก กลัด) ว. เข้มแข็ง เช่น กระลัดในกลางสงคราม. (สมุทรโฆษ).

กระลับ
[-หฺลับ] (กลอน) แผลงมาจาก กลับ เช่น ก็กระลับกระลอกแทง.(อนิรุทธ์).

กระลับกระเลือก
[-เหฺลือก] ว. กลอกขึ้นกลอกลง (ใช้แก่ตา), (โบ) กลับเกลือก.

กระลัมพร
น. โทษใหญ่, ความฉิบหาย, เช่น ก็ทํากระลัมพรกาล. (สมุทรโฆษ),(แผลงมาจาก กลัมพร), เขียนเป็น กระลําพร ก็มี.

กระลา ๑
(โบ) น. ท่วงที. (อนันตวิภาค); ที่, กอง, เช่น กระลาบังคลคนผจง. (ดุษฎีสังเวย). (เทียบ ข. กฺรฬา).

กระลา ๒
น. องค์ของการบูชา เช่น กระลาพิธีกรกุณฑ์. (เสือโค).(แผลงมาจาก กลา). (ส. กลา มีองค์ ๓ คือ มนตร์ สัมภาระและ ศรัทธา).

กระลาการ
(โบ) น. ตุลาการ เช่น แลผู้พิพากษากระลาการไต่ไปโดยคลองธรรมดั่งกล่าวมานี้. (สามดวง).

กระลาพิม
น. ผู้หญิง เช่น รฦกกระลาพิม พระมาศ กูเออย. (กำสรวล).

กระลายกระลอก
[-หฺลอก] (โบ; กลอน; แผลงมาจาก กลายกลอก) ก. สับสนเช่น เสือสีห์หมีควาย กระลายกระลอกซอกซอน. (สมุทรโฆษ).

กระลาศรี
น. ผู้หญิง เช่น รฦกกระลาศรี เสาวภาคย กูเออย. (กำสรวล).

กระลำ
(กลอน; ย่อมาจาก กระลําพร) น. โทษใหญ่, ความฉิบหาย, เช่นจะเกิดกระลีกระลําแต่ล้วนร้อนใจ. (โชค-โบราณ). (ดู กลัมพร).

กระลำพร
(โบ) น. กระลัมพร, โทษใหญ่, ความฉิบหาย. (ดู กลัมพร).

กระลำพัก
น. ส่วนของเนื้อไม้ซึ่งมีสีดํา ๆ เกิดในต้นสลัดไดป่า (Euphorbiaantiquorum L.) และต้นตาตุ่มทะเล (Excoecaria agallocha L.)ในวงศ์ Euphorbiaceae กลิ่นหอมอ่อน รสขม ใช้ทํายาได้.

กระลำพุก
ดู ตะลุมพุก ๓.

กระลิง
(กลอน) ก. จับ, ถือ, โดยมากใช้เป็น กระลึง.

กระลี
น. สิ่งร้าย, โทษ. ว. ร้าย เช่น กระลีชาติ กระลียุค.

กระลึง
(โบ) ก. จับ, ถือ, เช่น ชดกรกระลึงกุมแสง. (ลอ).

กระลุมพาง
น. กลองหน้าเดียว, โบราณเขียนเป็น กรลุมพาง ก็มี.

กระลุมพุก ๑
(ปาก) น. ไม้ตะลุมพุก.

กระลุมพุก ๒
(กลอน) น. ปลาตะลุมพุก เช่น ค้าวอ้าวอุกกระลุมพุกสีเสียดสุกรสิง. (สรรพสิทธิ์). (ดู ตะลุมพุก ๒).

กระลุมพุก ๓
ดู ตะลุมพุก ๓.

กระลุมพู
น. นกลุมพู เช่น เหล่ากระลิงโกกิลา กระลุมพูก็โผผิน.(ม. ร่ายยาว มหาพน). (ดู ลุมพู).

กระลูน
(กลอน) น. ความเศร้าโศก. ว. น่ากรุณา, น่าสงสาร, เช่น อ่อนจิตสวามีอันพูนกระลูนนุกูลภรรยายิ่งยอดกว่าอันภิปราย.(สรรพสิทธิ์). (ป. กลูน).

กระลู่น์
ว. น่าสงสาร เช่น กระลู่น์แลดูดาลแสยง. (สุธน).

กระเล็น
ดู กระถิก, กระถึก.

กระเลียด
[-เหฺลียด] (กลอน) แผลงมาจาก เกลียด เช่น ไยเยาวเคียดและกระเลียด ฤเหลือบพระพักตร์ผิน. (สรรพสิทธิ์).

กระเลือก
[-เหฺลือก] (กลอน; แผลงมาจาก เกลือก) ก. เหลือก, ใช้เข้าคู่กับคํา กระลับ เป็น กระลับกระเลือก.

กระโลง
(ถิ่น-อีสาน) น. เครื่องสานด้วยใบลานชนิดหนึ่งใช้อย่างกระสอบ สําหรับใส่ข้าวเปลือกหรือข้าวสาร.

กระวน
(กลอน) ก. วนเวียน, วุ่น, หวน, เช่น กระเวนกระวนกามกวนอก พี่นา. (นิ. นรินทร์).

กระวนกระวาย
ก. วุ่นวายใจ, แสดงอาการวุ่นวายไม่เป็นสุข.

กระวัด
[-หฺวัด] (กลอน) แผลงมาจาก กวัด เช่น เฉวียงหัตถ์กระวัดวรธนู.(สรรพสิทธิ์).

กระว่า
(โบ; กลอน) น. ชื่อนกชนิดหนึ่ง เช่น เสียงนกกระว่ามาตีลานนกกรงหงส์ห่านร้องขานคู่. (มโนห์รา).

-กระวาด
ใช้เข้าคู่กับคํา กระวี และ กระวูด เป็น กระวีกระวาด และกระวูดกระวาด.

กระวาน ๑
น. (๑) ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Amomum krervanh Pierreในวงศ์ Zingiberaceae ชอบขึ้นในป่าดิบชื้นตามภูมิประเทศที่เป็นเขาทางจันทบุรีและตราด ผลมีกลิ่นหอมฉุน ใช้ปรุงอาหารและทํายา; อีกชนิดหนึ่ง คือ Elettaria cardamomum (L.) Matonในวงศ์เดียวกัน เรียกว่า กระวานเทศ มาจากประเทศอินเดียตอนใต้,เอลา ลูกเอ็ล หรือ ลูกเอ็น ก็เรียก. (๒) ชื่อเรียกใบของไม้ต้นชนิดLaurus nobilis L. ในวงศ์ Lauraceae กลิ่นคล้ายกระวาน ใช้เป็นเครื่องเทศและแต่งกลิ่นยา.

กระวาน ๒
น. ชื่อนกชนิดหนึ่ง เช่น กระวานกระแวนแกลนกลัว. (สมุทรโฆษ).

กระวาย
(กลอน) ว. ส่าย, ดิ้น, เช่น ทอดตนตีทรวงกระวาย. (อุเทน),และใช้เข้าคู่กับคํา กระเวย และ กระโวย เป็น กระเวยกระวายและ กระโวยกระวาย.

กระวายกระวน
ก. กระวนกระวาย, ดิ้นรน, เร่าร้อน, กระสับกระส่าย, เช่นเมื่อเราอยู่ที่นี้จะต้องกระวายกระวนด้วยเหลือบยุงริ้นร่าน.(ม. ร่ายยาว สักบรรพ).

กระวิน ๑
น. ห่วงที่เกี่ยวกันสําหรับโยงสัปคับช้าง, ห่วงติดกับบังเหียนเหล็กผ่าปากม้า, ประวิน ก็ใช้. (ประวัติ. จุล), เครื่องร้อยสายรัดเอวพระภิกษุ (รัดประคด) ทําด้วยกระดูกสัตว์เป็นต้น มีรูกลางเรียกว่า ลูกกระวิน.(รูปภาพ กระวิน)

กระวิน ๒
(โบ) ว. สีน้ำตาล เช่น โคกระวิน. (ทมิฬ = กระวิล แผลงมาจากป. กปิล).

กระวี ๑
น. นักปราชญ์ในการแต่งบทกลอน เช่น เสดจ์ยังสาระพินิจฉัยพร้อมด้วยหมู่มุกขมนตรีกระวีราชปโรหิตาโหราจารย์อยู่ในศีลสัจ.(สามดวง). (แผลงมาจาก กวี).

กระวีชาติ
น. หมู่กวี, พวกกวี, เช่น เสดจ์ในพระที่นั่งพลับพลาทองโดยอุตราภิมุขพร้อมด้วยหมู่มาตยามนตรีกระวีชาติราชปะโรหิตาจารย์เฝ้าพระบาท.(สามดวง), เขียนเป็น กระวีชาต หรือ กระวิชาติ ก็มี เช่น พระองค์ทรงพระกรุณาเพื่อจะมิให้มุกขมนตรีกระวีชาตแลราษฎรล่วงเกินพระราชอาญา, พร้อมด้วยหมู่มุกขมาตยามนตรีกระวิชาติราชสุริยวงษพงษพฤฒาโหราจารยเฝ้าเบื้องบาทบงกชมาศ. (สามดวง).

กระวี ๒
(โบ) ก. แกว่ง. (เพี้ยนมาจาก คระวี).

กระวีกระวาด
ว. รีบเร่งอย่างไม่นอนใจ.

กระวูดกระวาด
ว. กระวีกระวาด, ทําโดยเร็วอย่างลมพัดวูดวาด.

กระเวน ๑
(กลอน) ก. ตระเวน, เที่ยวไป. (เทียบ ข. กฺรแวล ว่า คอยดู,กองตระเวน).

กระเวน ๒
(กลอน) ก. วนเวียน เช่น กระเวนกระวนกาม กวนอก พี่นา.(นิ. นรินทร์).

กระเวนกระวน
(กลอน) ก. วนเวียน เช่น กระเวนกระวนกาม กวนอก พี่นา.(นิ. นรินทร์), หวนตลบ เช่น หอมกระเวนกระวน, เขียนเป็นกรเวนกรวล ก็มี เช่น ชื่อจลาจรเรนทร์ หอมกรเวนกรวลอาจจิญจญจวนใจ. (ม. คำหลวง มหาราช).

กระเวน ๓
น. ชื่อนกชนิดหนึ่ง เช่น กระเวนวังนัวกระเวนดง ช่างทองลงจับทองยั้ว. (ลอ).

กระเวยกระวาย
ว. เสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างเอ็ดอึง.

กระแวน
น. นกกาแวน เช่น คับคาคาบคาร่อน กระแวนว่อนบินบน.(ตะเลงพ่าย). (ดู กาแวน).

กระโวยกระวาย
ว. อาการที่ส่งเสียงเอะอะเป็นการประท้วงหรือแสดงความไม่พอใจเป็นต้น, โวยวาย ก็ว่า.

กระศก
[-สก] (โบ) ก. ข้อน. (จินดามณี).

กระศัย
(เลิก) น. กระษัย.

กระษัตริย์
[-สัด] (โบ) น. กษัตริย์.

กระษัตรี
[-สัดตฺรี] (โบ) น. ผู้หญิง.

กระษัย
[-ไส] น. ชื่อโรคตามตําราแพทย์แผนโบราณว่า ทําให้ร่างกายทรุดโทรม มีอาการผอมแห้งตัวเหลืองเท้าเย็น, กษัย ก็ว่า.(ส. กฺษย ว่า โรคซูบผอม).

กระษัยกล่อน
[-ไสกฺล่อน] น. ชื่อโรคตามตําราแพทย์แผนโบราณ ทําให้ร่างกายผอมแห้ง เกิดจากโรคกล่อน.

กระษาปณ์
[-สาบ] น. เงินตราที่ทําด้วยโลหะ เช่น เหรียญกระษาปณ์โรงกระษาปณ์, กษาปณ์ ก็ใช้. (ส. การฺษาปณ; ป. กหาปณ).

กระษิร
[-สิน, -สิระ] (โบ; แผลงมาจาก ส. กฺษิร) น. น้านม เช่น มาจากวารินกระษิรสมุทร. (รามเกียรติ์ ร. ๒), กระษิรสินธุสาคร. (สรรพสิทธิ์).

กระเษม
(โบ) น. เกษม.

กระเษมสานต์
น. เกษมสันต์. (ส. เกฺษม + ศานฺต; ส. เกฺษม + ป. สนฺต).

กระเษียร
(โบ; กลอน; แผลงมาจาก เกษียร) น. น้ำนม เช่นเนาในกระเษียรนิทรบันดาล. (สรรพสิทธิ์).

กระสง
น. ชื่อปลาน้ำจืดชนิด Channa lucius ในวงศ์ Channidae รูปร่างคล้ายปลาช่อนซึ่งอยู่ในวงศ์เดียวกัน แต่หัวแหลมกว่าและแอ่นงอนขึ้นเล็กน้อย มีลายพาดขวางลําตัวข้างละ ๗-๑๒ แถบ ทุกครีบมีจุดประหรือริ้วสีดํา.

-กระสน
ใช้เข้าคู่กับคํา กระเสือก เป็น กระเสือกกระสน.

กระสบ
น. ชื่อโรคลมชนิดหนึ่ง ในตําราแพทย์แผนโบราณว่า มักขึ้นในไส้ให้เวียนหัว ให้ราก จุก สมุฏฐานเกิดจากธาตุไฟหย่อน.

กระสม
น. ไม้ที่อยู่ในเครื่องทอผ้า สําหรับบิดม้วนผ้าที่ทอแล้ว เรียกว่าไม้กระสม. (ปาเลกัว).

กระสรวล
[-สวน] (กลอน) ก. ยินดี, ร่าเริง, เช่น นางนกกระสรวลสันต์ สมเสพ.(นิ. นรินทร์).

กระสร้อย
น. ปลาสร้อย. (ดู สร้อย ๒).

กระสวน
น. แบบ เช่น อย่าคบพวกหญิงพาลสันดานชั่ว ที่แต่งตัวไว้จริตผิดกระสวน. (สุภาษิตสุนทรภู่); แบบตัวอย่างสําหรับสร้างหรือทําของจริง เช่น กระสวนเรือน กระสวนเสื้อ.

กระสวย
น. เครื่องบรรจุด้ายสําหรับทอผ้าหรือเย็บผ้า.

กระสอบ
น. เครื่องสานหรือทอด้วยต้นกระจูดหรือป่านปอเป็นต้น สําหรับบรรจุข้าวและของอื่น ๆ.

กระสอบทราย
น. ถุงผ้าใบหรือหนัง ลักษณะคล้ายหมอนข้างขนาดใหญ่ เดิมบรรจุทราย ปัจจุบันบรรจุด้วยขี้เลื่อย เศษผ้า หรือฟองน้ำ อัดแน่น เป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งในการฝึกซ้อมของนักมวยเพื่อฝึกการชก เตะขึ้นเข่า เป็นต้น, (ปาก) ผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายอย่างบอบช้ำ โดยที่ไม่มีทางหรือไม่กล้าต่อสู้ เช่น นักมวยฝ่ายน้ำเงินถูกนักมวยฝ่ายแดงถลุงเป็นกระสอบทราย.

กระสะ
น. ดินหรือหินหรือทรายเป็นต้นที่อยู่ในบ่อแร่ ซึ่งให้ผลเป็นสินค้าแก่ผู้ทําแร่, ขี้ผงของแร่.

กระสัง ๑
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Peperomia pellucida Korth. ในวงศ์Peperomiaceae ขึ้นอยู่ทั่วไปตามที่ชื้น ลําต้นอวบน้ำ.

กระสัง ๒
น. ชื่อนกชนิดหนึ่ง, สันนิษฐานว่าในสมัยโบราณบางถิ่นอาจใช้เรียกนกชนิดหนึ่ง แต่ปัจจุบันไม่ปรากฏว่ามีใช้, เช่น กระสังกระสาสาวกระสันจับกระลับดู. (เสือโค).

กระสัน
ก. คะนึง, คิดผูกพันอยู่, มีใจจดจ่ออยู่, เช่น ปู่กระสันถึงไก่ในไพรพฤกษ์. (ลอ); กระวนกระวายในกาม เช่น เดี๋ยวนี้นะพระองค์ทรงธรรม์ แสนกระสันจันทร์สุดาดวงสมร. (คาวี);ผูกให้แน่น เช่น กระสันเข้าไว้กับหลัก, ผูกพันพระพี่น้องสองกระสันเข้าให้มั่นกับมือ. (ม. คำหลวง กุมาร), รัด เช่น สายกระสัน;ต่อเนื่อง เช่น มุขกระสัน; (ปาก) อยากมาก เช่น กระสันจะเป็นรัฐมนตรี. ว. แน่น เช่น พระขรรค์เหน็บกระสันอยู่เป็นนิจ.

กระสับกระส่าย
ว. เร่าร้อนใจทนนิ่งเป็นปรกติไม่ได้, กระวนกระวาย, ทุรนทุราย.

กระสา ๑
น. ชื่อนกในวงศ์ Ciconiidae ขนาดใหญ่เกือบเท่านกกระเรียนปากหนายาวปลายแหลมตรง คอและขายาว เวลาบินคอจะยืดตรงเหมือนนกกระเรียน ทํารังด้วยกิ่งไม้อยู่บนยอดไม้สูง ๆกินปลาและสัตว์น้ำขนาดเล็ก ในประเทศไทยมีหลายชนิด เช่นกระสาขาว (Ciconia ciconia) กระสาคอดํา (Ephippiorhynchusasiaticus).

กระสา ๒
น. ชื่องูชนิดหนึ่ง เช่น งูไซงูกระสา. (ไตรภูมิ).

กระสา ๓
น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Broussonetia papyrifera Vent.ในวงศ์ Moraceae ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ ตามริมแม่น้ำลําคลองใบใหญ่เท่าฝ่ามือหรือกว่านั้นบ้าง รูปไข่ปลายแหลม ขอบใบเป็นจัก ๆ หรือเว้าเป็น ๓ แฉก มีขนทั้ง ๒ ด้าน เปลือกใช้ทํากระดาษได้ เรียก กระดาษสา, พายัพเรียก สา.

กระสานติ์
(กลอน) ว. สงบ, ราบคาบ, เขียนเป็น กรสานต์ ก็มี เช่น ดำรงกรษัตรให้กรสานต์. (ยวนพ่าย). (กระ + ป. สนฺติ; ส. ศานฺติ).

กระสาบ ๑
น. หนังที่เย็บเหมือนกระสอบ. (ปาเลกัว).

กระสาบ ๒
(ถิ่น-อีสาน) น. เถานางนูน. (ไทยเหนือว่า ผักสาบ). (พจน. ๒๔๙๓).

กระสาย
น. เครื่องแทรกยา เช่น น้ำเหล้า. (ส. กษาย ว่า ยาที่เคี่ยวเอาแต่๑ ใน ๔ ส่วน; ในทมิฬใช้ในความหมายว่า เป็นเครื่องแทรกยาทุกชนิด ตามปรกติเป็นน้ำ). ว. ใช้เข้าคู่กับคำ กระเส็น เป็นกระเส็นกระสาย.

-กระส่าย
ใช้เข้าคู่กับคํา กระสับ เป็น กระสับกระส่าย.

กระสินธุ
(โบ; กลอน) น. แม่น้ำ เช่น กระแสกระสินธุสงสาร. (อุเทน).(กระ + ป., ส. สินฺธุ).

กระสือ ๑
น. ผีชนิดหนึ่งที่ถือว่าเข้าสิงในตัวผู้หญิง ชอบกินของโสโครก, คู่กับกระหัง ซึ่งเข้าสิงในตัวผู้ชาย; ในทางวิทยาศาสตร์ คือ แก๊สมีเทน(methane) ที่เกิดจากการเน่าเปื่อยผุพังของสารอินทรีย์แล้วติดไฟในอากาศ เป็นแสงวอบแวบในที่มืด; โคมชนิดหนึ่ง มีที่เปิดปิดไฟมีแว่นฉายแสงไปได้ไกล, โคมตาวัว ก็ว่า.

กระสือดูด
น. เรียกผลกล้วยที่แกร็นทั้งเครือ. (ปาก) ว. เรียกคนที่ซูบซีด.

กระสือ ๒
น. (๑) ชื่อเรียกเห็ดหลายชนิดหลายสกุลและหลายวงศ์ที่เรืองแสงได้ในเวลากลางคืน อาจเรืองแสงเฉพาะบางส่วนหรือทุกส่วน มีสีแตกต่างกันแล้วแต่ชนิด เช่น ชนิด chlorosplenium aeruginascens(Nyl.) Karst. เรืองแสงสีเขียวในระยะเกิดสปอร์. (๒) ชื่อว่านชนิดหนึ่งต้นและหัวคล้ายขมิ้นอ้อย สีขาว ฉุนร้อน ตามตํารากบิลว่านว่าเมื่อหัวแก่มีธาตุปรอทลงกิน มีพรายเป็นแสงแมงคาเรืองในเวลากลางคืน ถือกันว่ามีสรรพคุณอยู่คง แต่เป็นกายสิทธิ์ชอบไปเที่ยวหากินของโสโครก และเข้าสิงกินคนดั่งกระสือหรือปอบ แล้วบอกชื่อเจ้าของว่านที่ปลูกนั้นว่า เป็นตัวกระสือหรือผีปอบ ทําให้ขายหน้าจึงไม่ค่อยมีใครกล้าปลูก.

กระสือ ๓
น. ชื่อตัวอ่อนและตัวเต็มวัยของหิ่งห้อยตัวเมียหลายชนิดในวงศ์Lampyridae เช่น ชนิด Lamprophorus tardus ไม่มีปีก ต้องคลานไปตามพื้นดิน สามารถทําแสงสีเขียวอมเหลืองอ่อนและกะพริบเป็นจังหวะได้ เรียกว่า หนอนกระสือ. (ดู หิงห้อย, หิ่งห้อย ประกอบ).

กระสุงกระสิง
ก. สุงสิง, ยุ่ง, ข้องแวะ. (ปาเลกัว).

กระสุน
น. เครื่องยิงมีคัน ใช้สายโก่งยิงด้วยลูกดินปั้นกลมซึ่งเรียกว่าลูกกระสุน; ลูกปืน.

กระสุนปืน
น. ลูกปืน, บางทีก็เรียก กระสุน หรือ ลูกกระสุน.

กระสุนวิถี
น. ทางแห่งกระสุน, วิถีกระสุน ก็ว่า.

กระสูทธิ์
น. กรสุทธิ์. (ดู กรสุทธิ์).

กระสูบ
น. ชื่อปลาน้ำจืด ๒ ชนิด ในวงศ์ Cyprinidae รูปร่างคล้ายปลาแก้มช้าแต่ลําตัวเพรียวและโตกว่าชนิดแรกคือ กระสูบขาว (Hampalamacrolepidota) มักมีลายดําพาดขวางที่บริเวณลําตัวใต้ครีบหลังพื้นหางสีแดงขอบบนและล่างสีดํา ขนาดยาวถึงประมาณ ๗๐ เซนติเมตรอีกชนิดหนึ่งคือ กระสูบจุด (H. dispar) ลําตัวมีจุดดําอยู่ตอนกลาง ปลายครีบหางมนกว่า และไม่มีแถบสีดํา ตัวยาวเต็มที่ไม่เกิน๒๐ เซนติเมตร, สูด หรือ สูบ ก็เรียก.

กระเสด
น. หาดทรายที่ขึ้นสูงพ้นน้ำ.

กระเส็นกระสาย
น. เศษเล็กเศษน้อย. ว. นิดหน่อย.

กระเส่า, กระเส่า ๆ
ว. สั่นเครือและเบา (ใช้แก่เสียง).

กระเสาะกระแสะ
ว. อาการที่ป่วยอยู่บ่อย ๆ, เสาะแสะ ก็ว่า.

กระเสียน
ว. ชิด, สนิท, แนบเนียน, เช่น ชฎากลีบจีบเวียนกระเสียนพระศก.(อภัย), เขาเข้าไม้ปะที่ตรงนี้ดีนัก พอดีกระเสียนกันทีเดียว; (โบ)อาการที่ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งสอดเสียดลงไปในช่องในรูไม่คับไม่หลวมพอครือ ๆ กัน. (ปรัดเล).

-กระเสียน
(โบ) ว. ใช้เข้าคู่กับคำ กระเบียด เป็น กระเบียดกระเสียนหมายความว่า อาการที่คนพูดจาเสียดสีด้วยถ้อยคำต่าง ๆหรือกดขี่เบียดเบียน. (ปรัดเล).

กระเสียร
[-เสียน] ว. คับแคบ, ลําบาก, ฝืดเคือง, ใช้เข้าคู่กับคํา กระเบียดเป็น กระเบียดกระเสียร. (ป. กสิร).

กระเสือกกระสน
ว. ดิ้นรนเพื่อให้พ้นความทุกข์ยากเป็นต้น.

กระแส
น. น้ำหรือลมเป็นต้นที่ไหลหรือพัดเรื่อยเป็นแนวเป็นทางไปไม่ขาดสายเช่น กระแสน้ำ กระแสลม, โดยปริยายหมายถึงอาการเช่นนั้น; เส้น,สาย, แนว, ทาง, เช่น กระแสความ กระแสความคิด; เส้นวัดที่ดินทำด้วยหวายหรือเหล็กเป็นต้น เรียกว่า เส้นกระแส. (เทียบ ข. แขฺส = เชือก).

กระแสการเงิน
น. การหมุนเวียนของเงินตรา.

กระแสความ
น. แนวความ, ข้อความที่ต่อเนื่องกัน.

กระแสจิต
น. กระแสความนึกคิดหรือกระบวนความนึกคิดที่เกิดดับต่อเนื่องกันไป, เรียกอาการที่ส่งความนึกคิดติดต่อกันระหว่างจิตของคนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างกันโดยไม่ต้องอาศัยประสาทสัมผัสทั้ง ๕ อย่างใดอย่างหนึ่งว่า การส่งกระแสจิต.

กระแสตรง
น. กระแสไฟฟ้าซึ่งเคลื่อนที่ตามแนวทิศเดียวกันอยู่ตลอดเวลา.(อ. direct current เขียนย่อว่า D.C.).

กระแสน้ำ
น. สายน้ำ.

กระแสพระราชดำรัส
[-ราดชะ-] (ราชา) น. ข้อความที่พระเจ้าแผ่นดินตรัส.

กระแสรับสั่ง
(ราชา) น. คําพูด.

กระแสลม
น. สายลมพัด.

กระแสสลับ
[-สะหฺลับ] น. กระแสไฟฟ้าซึ่งเคลื่อนที่โดยสลับแนวทิศอยู่ตลอดเวลา. (อ. alternating current เขียนย่อว่า A.C.).

กระแสเสียง
น. เสียงที่แล่นไป, น้ำเสียง.

กระแสง ๑
น. เสียง, เสียงแจ่มจ้า เช่น จึ่งตั้งนโม ซุ่มเสียงใหญ่โตกระแสงแจ่มใส. (ประถม ก กา).

กระแสง ๒
น. แสง, รัศมี; สี.

กระแสะ
ว. เพลีย, โผเผ, ไม่มีกําลัง, เช่นพูดว่า ข้ามันให้อ่อนหิวกระแสะ ๆ ไป. (ดิกชนารีไทย), และใช้เข้าคู่กับคํา กระเสาะเป็น กระเสาะกระแสะ.

กระโสง
(กลอน) น. ปลากระสง เช่น กระโสงสังควาดหว้าย ชลา.(สรรพสิทธิ์).

กระไส
น. ทราย เช่น สีคงคาขุ่นเป็นเปือกเทือกกระไส. (ม. กาพย์ วนปเวสน์),ประทับทอดจอดอ่าวเข้าไม่ได้ โขดกระไสติดช่องร่องวิถี.(นิ. เกาะแก้วกัลกตา).

กระหง่อง, กระหน่อง ๑
(โบ; กลอน) ก. จ้อง, คอยดู, เช่น ตากตากระหง่องเตรียม คอยแม่มาฤๅ. (นิ. ตรัง), ตระหง่อง หรือ ตระหน่อง ก็ใช้.

กระหน
(โบ) ก. ดิ้นรน, เดือดร้อน, กระวนกระวาย. (ข. กฺรหล่).

กระหนก ๑
น. ชื่อแบบลายไทยประเภทหนึ่ง ใช้ผูกเขียนเป็นลวดลายมีทั้งระบายสี ปิดทองรดน้ำ ปั้น หรือแกะสลักเป็นต้น มีหลายชนิดเช่น กระหนกเปลว กระหนกก้านขด กระหนกเครือ, เดิมเขียนเป็นกนก ก็มี.

กระหนก ๒
(โบ) ก. ตระหนก, ตกใจ, สะดุ้ง, หวาด.

กระหนกกินรี, กระหนกนฤมิต
ดู กระหนกนารี.

กระหนกนารี
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Rhektophyllum mirabile N.E. Br. ในวงศ์Araceae ต้นมีไหลเลื้อยเหนือพื้นดินแยกออกไปเป็นต้นใหม่ได้ใบคล้ายใบบอนสี มีลายขาวตามเส้นใบ, กระหนกกินรี กระหนกนฤมิต บอนลายกระหนก หรือ แม้นเขียน ก็เรียก.

กระหน่อง ๒
(ถิ่น-อีสาน) น. อวัยวะส่วนหลังของลำแข้ง ตั้งแต่ขาพับลงไปถึงส้นเท้า เช่น ตัวหนึ่งกัดเอ็นกระหน่อง. (ม. ภาคอีสาน ชูชก),กระน่อง ขะน่อง หรือ ขาน่อง ก็เรียก.

กระหนาก
(แผลงมาจาก ขนาก) ดู ขนาก.

กระหนาบ
ก. ประชิดเข้าไปทั้ง ๒ ข้าง เช่น กองทัพตีกระหนาบ; อาการที่อยู่ทั้ง ๒ ข้าง เช่น กระหนกกระหนาบภาพหาญ, กระหนกกระหนาบคาบเครือสร้อยสน. (พากย์); ดุดันเอา. (แผลงมาจากขนาบ).

กระหนาบคาบเกี่ยว
ว. ประชิดเหลื่อมล้ากัน.

กระหน่ำ
ว. ซ้า ๆ ลงอย่างหนัก.

กระหมวด ๑
ก. ขอดให้เป็นปม, มุ่น, บิดม้วนให้เป็นปม. (แผลงมาจาก ขมวด).

กระหมวด ๒
น. จอมประสาทศีรษะช้าง เป็นอวัยวะสําคัญที่เกิดขนช้างฐาน๑ ใน ๕ ฐาน คือ ขนที่หู หาง บรรทัดหลัง กระหมวดหรือโขมดราวชัก (คือ สีข้างช้าง แต่โดยนิยมถือเอาเฉพาะแนวที่สายประโคนรัด ซึ่งถัดจากขาหน้าไปหน่อยหนึ่ง), ในการดูลักษณะช้างเผือกใช้ตรวจขนทั้ง ๕ ฐานนี้ เป็นทางประกอบการพิจารณา.

กระหมอบ
(กลอน) ว. แขม่ว ๆ เช่น หายใจกระหมอบหอบเต็มที. (คาวี).

กระหม่อม
น. ส่วนของกะโหลกอยู่ตรงแนวศีรษะแต่ต่ำกว่าส่วนสูงสุดลงมาใกล้หน้าผาก ในเด็กแรกเกิดจนถึง ๒ ขวบส่วนนี้จะมีเนื้อเยื่ออ่อนปิดรอยประสานกะโหลกที่ยังเปิดอยู่ หลังจากนั้นเนื้อเยื่ออ่อนนี้จะกลายเป็นกระดูก, โดยปริยายหมายรวม ๆ ว่า หัว เช่น เป่ากระหม่อม ลงกระหม่อม, ขม่อม ก็ว่า; คําสําหรับใช้ควบกับคําที่ขึ้นต้น ว่า ``เกล้า' เช่น ทราบเกล้าทราบกระหม่อม ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ในการเขียนหนังสือใช้ไปยาลน้อยแทน เช่นทราบเกล้าฯ ทูลเกล้าฯ. ส. คําใช้แทนตัวผู้พูด เพศชาย เพ็ดทูลเจ้านายชั้นหม่อมเจ้า และพระวรวงศ์เธอที่มิได้ทรงกรม, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑. (ราชา) ว. คำรับหรือคำลงท้ายที่ผู้ชายใช้เพ็ดทูลเจ้านายชั้นหม่อมเจ้า. (ย่อมาจาก ขอรับกระหม่อม).(แผลงมาจาก ขม่อม).

กระหม่อมบาง
(สํา) ว. เจ็บป่วยง่าย เช่น เขาเป็นคนกระหม่อมบาง ถูกน้ำค้างหน่อยก็เป็นหวัด, ขม่อมบาง ก็ว่า.

กระหมั่ง
(กลอน) ว. กระมัง เช่น เครื่องค้าเหลือผู้ซื้อกระหมั่ง. (ลอ).

กระหม่า
(โบ) ก. ประหม่า, สะทกสะท้าน, พรั่นใจ, เช่น กระมลบ้ากระหม่ามะเมอ. (สมุทรโฆษ).

-กระหมิด
ใช้เข้าคู่กับคํา กระหมุด เป็น กระหมุดกระหมิด.

กระหมิบ
ก. ทําปากหรือช่องทวารหนักทวารเบาให้เม้มอยู่; อาการที่กล้ามเนื้อขอบปากทวารรัดตัวเข้ามา. (แผลงมาจาก ขมิบ).ว. บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคํา กระหมุบ เป็น กระหมุบกระหมิบ.

กระหมุดกระหมิด
ว. ขมวดให้แน่น เช่น สักกระสันเป็นสามรวดรัดกระหวัดกระหมุดกระหมิดฉุดชิด ชักชายน้อยห้อยหูกระต่าย.(ม. ร่ายยาว ชูชก).

กระหมุ่น
(โบ) ว. มุ่น; ขุ่น เช่น น้ำใช้และน้ำฉัน นานหลายวันเป็นกระหมุ่น.(ขมุ่น หรือ ขนุ่น ทางเหนือว่า ขี้ตะกอน, ทางใต้ใช้ว่า หมวน).

กระหมุบ
ก. เต้นตุบ ๆ. (แผลงมาจาก ขมุบ).

กระหมุบกระหมิบ
ก. หมุบหมิบ, อาการที่ริมฝีปากเผยอขึ้นและหุบลงโดยเร็ว,อาการของปากที่พูดอย่างไม่ออกเสียง, เช่น ทำปากกระหมุบกระหมิบ สวดมนต์กระหมุบกระหมิบ. (แผลงมาจาก ขมุบขมิบ).

กระหย่ง ๑
ก. ทําให้สูงขึ้น เช่น กระหย่งตัว, ทำสิ่งที่รวมตัวกันให้โปร่งหรือขยายตัวให้หลวมขึ้น เช่น กระหย่งฟาง, กระโหย่ง หย่งหรือ โหย่ง ก็ว่า.

กระหย่ง ๒
ว. อาการที่เดินหรือวิ่งไม่เต็มเท้า คือ จดแต่ปลายเท้า เพื่อทําให้ตนสูงขึ้น หรือเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง เช่น เดินกระหย่งวิ่งกระหย่ง, เรียกรอยเท้าที่ไม่เต็มเห็นแต่ปลายเท้าและส้นเท้าว่า รอยเท้ากระหย่ง, อาการที่นั่งเอาปลายเท้าตั้งลงที่พื้น ส้นเท้าทั้ง ๒ รับก้น เรียกว่า นั่งกระหย่ง, กระโหย่งหย่ง หย่ง ๆ โหย่ง หรือ โหย่ง ๆ ก็ว่า.

กระหยด
(โบ; แผลงมาจาก ขยด) ก. ถด, ถอย, เขยิบ, เช่น กระหยดเข้านางเจ้าแม่ทรงศาสตราชัย. (มโนห์รา).

กระหยบ
(โบ) ก. หมอบ เช่น ฟุบกบกระหยบเงียบมิเกรียบไว้. (มโนห์รา);(ถิ่น-ปักษ์ใต้) แอบ, ซ่อน, ซุก.

กระหย่อน
(โบ) ก. ขย้อน คือ อาการขยับขึ้นขยับลง เช่น พระยานั่งอยู่แลกระหย่อนองค์โลดขึ้นทั้งนั้นก็ดี ขึ้นสูงได้ ๑๘ ศอก. (ไตรภูมิ;สรรพสิทธิ์; พงศ. เหนือ), กระย่อน ก็ว่า.

กระหย่อม
น. หย่อม คือ หมู่เล็ก ๆ, กองเล็ก ๆ.

กระหยะ
น. ขยะ เช่น หนึ่งนิทไทรในราษตรี บมิหลับดั่งมี กระหยะแลผงเลือดไร. (อภิไธยโพธิบาทว์). (แผลงมาจาก ขยะ).

กระหยัง
(ถิ่น-อีสาน) น. สมุกใส่เครื่องนุ่งห่ม. (ลัทธิ. ภาค ๑๘ ตอน ๑);ภาชนะชนิดหนึ่งคล้ายตะกร้าสําหรับใส่ของ.

กระหยับ
(กลอน) ก. ขยับ เช่น มือถือธนูกระหยับลั่น. (รามเกียรติ์ ร. ๑;ไกรทอง; สรรพสิทธิ์). (แผลงมาจาก ขยับ).

กระหยาง
ดู กระยาง ๑.

กระหยิ่ม
ก. กริ่ม คือ ครึ้มใจ, ภูมิใจ, อิ่มใจ, มักใช้เข้าคู่กับคำ ยิ้มย่อง เป็นกระหยิ่มยิ้มย่อง. (แผลงมาจาก ขยิ่ม).

กระหรอด
[-หฺรอด] น. นกกรอด. (ดู ปรอด).

กระหริ่ง
น. บ่วงหวายสําหรับดักสัตว์ที่กระโดดเช่นเนื้อและกวาง เช่นจับกระหริ่งบ่วงข่ายถือ แบกหอกปืนลงจากเรือน. (สุบิน),กะริง ก็ว่า.

กระหวน
(กลอน) ก. หวนถึง เช่น และกระหวนกระโหยหา. (ดุษฎีสังเวย).

กระหวัด
ก. ตวัด, วัดเข้ามาโดยเร็ว, รัดรึง; ย้อน เช่น เจ้าหวนคิดกระหวัดวน.(พากย์นางลอย).

กระหวัดเกล้า
น. วิธีรําละครท่าหนึ่ง. (ฟ้อน).

กระหว่า
(โบ; กลอน) ว. ราวกับว่า เช่น หน้าตาหัวอกรกเป็นขน ดูสง่ากระหว่าคนหรือนนทรี. (มโนห์รา).

กระหอง
ดู จงโคร่ง, โจงโคร่ง.

กระหัง
น. ผีชนิดหนึ่งที่ถือว่าเข้าสิงในตัวผู้ชาย เชื่อกันว่าเดิมเป็นผู้ชายที่เรียนวิชาอาคมแก่กล้าเข้าก็มีปีกมีหาง จะไปไหนก็ใช้กระด้งต่างปีก สากตําข้าวต่างขา สากกะเบือต่างหาง ชอบกินของโสโครก, คู่กับ กระสือ ซึ่งเป็นผีผู้หญิง, ใช้ว่า กระหาง ก็มี เช่นถ้าเปนสัจว่าเปนกระสือกระหางจะกละจริงไซร้. (สามดวง).

กระหัด
(ปาก) น. คฤหัสถ์.

กระหาง
น. กระหัง.

กระหาย
ก. รู้สึกคอแห้งด้วยอยากดื่มน้ำเพราะมีอาการร้อนในเป็นต้น;อยากเป็นกําลัง.

กระหายเลือด
ว. เหี้ยมโหดทำทารุณจนถึงเลือดตกยางออก.

กระหึม, กระหึ่ม
ว. เสียงดังหึ่มอย่างน่ากลัว เช่น พายุพัดกระหึ่ม, เสียงก้องกังวานเช่น เสียงดนตรีดังกระหึ่ม.

กระหืดกระหอบ
ว. มีอาการรีบร้อนอย่างเหนื่อยหอบ เช่น วิ่งกระหืดกระหอบ.

กระเห็น
น. อีเห็น เช่น กระเห็นเห็นกันแล้ววิ่งมา. (รามเกียรติ์ ร. ๑).

กระเหน็จ
(โบ) น. วิธี, อย่าง, อุบาย, เช่น กลกระเหน็จต่าง ๆ. (ม. คําหลวงนครกัณฑ์).

กระเหน็จกระแหน่
(โบ) น. เชิงชั้น, เล่ห์กล, เช่น กระเหน็จกระแหน่รณรงค์. (สมุทรโฆษ).

กระเหนียด ๑
[-เหฺนียด] ก. เสียด.

กระเหนียด ๒
[-เหฺนียด] ดู เสนียด ๑.

กระเหม็ดกระเหมียด
[-เหฺม็ด-เหฺมียด] ก. ประหยัด. (ปาเลกัว).

กระเหม็ดกระแหม่
[-แหฺม่] ก. เขม็ดแขม่, ใช้จ่ายอย่างระมัดระวังเพราะเกรงว่าจะไม่พอใช้.

กระเหม่น
[-เหฺม่น] ก. เขม่น คือ อาการที่กล้ามเนื้อกระตุกเต้นเบา ๆ ขึ้นเองตามความเชื่อโบราณถือว่าเป็นนิมิตบอกเหตุร้ายหรือดีได้ เช่นกระเหม่นตา; เขม้น เช่น กระเหม่นตรับตัว. (เสือโค). (แผลงมาจากเขม่น).

กระเหม่า
[-เหฺม่า] น. เขม่า, ละอองขึ้นที่ลิ้นเด็กอ่อน โบราณเรียกว่ากระเหม่าซาง. (แผลงมาจาก เขม่า).

กระเหลียก
[-เหฺลียก] (โบ) ก. แลดู, เขียนเป็น กรลยก ก็มี เช่น สูวนนเจดีรสสมีกรลยกงามหนกกหนา. (จารึกสยาม หลัก ๒), เหลือบแล เช่นครั้นเช้าไก่ขันเรียก ไก่กระเหลียกตาดู. (ลอ). (ข. กฺรเฬก ว่าเหลือบดู).

กระเหว่า
[-เหฺว่า] น. นกดุเหว่า เช่น กระเหว่าเสียงเพราะแท้ แก่ตัว. (โลกนิติ),กาเหว่า ก็ว่า. (ดู ดุเหว่า).

กระเห่อ
ก. เห่อ เช่น คนห่ามกระเห่อทํา อวดรู้. (พระนลคําหลวง อารัมภกถา).

กระเหิม
ว. เหิม, กําเริบ, คะนอง.

กระเหี้ยนกระหือรือ
ก. แสดงความกระตือรือล้นเอาจริงเอาจังอย่างออกนอกหน้า.

กระแห, กระแหทอง
น. ชื่อปลาน้ำจืดชนิด Puntius schwanenfeldii ในวงศ์ Cyprinidaeรูปร่างป้อมคล้ายปลาตะเพียนทอง มักมีสีแดงอ่อนบนครีบเฉพาะส่วนปลายของครีบหลังและขอบบนล่างของครีบหางมีสีดํา, ตะเพียนหางแดง หรือ เลียนไฟ ก็เรียก, ปักษ์ใต้เรียกลำปำ.

-กระแหน
[-แหฺน] ใช้เข้าคู่กับคํา กระหนอ และ กระแหนะ เป็น กระหนอกระแหน และ กระแหนะกระแหน.

กระแหน่
(โบ; กลอน) น. เล่ห์กล, แง่งอน, ท่วงที, เช่น ข้ากระไดกระแหน่แต่งแง่แผ่ตนท่า. (ลอ).

กระแหนบ
[-แหฺนบ] (กลอน) ก. แหนบ, ถอน, เช่น แนบนิทรลวดแลบก็กระแหนบที่หนวดเครา. (บุณโณวาท).

กระแหนะ
[-แหฺนะ] น. ลายปูนปิดทอง. ก. แตะ, เติม; ว่าเปรียบเปรย;กรรมวิธีในการสร้างงานประติมากรรมตกแต่ง หรือวิธีการช่างจุลศิลป์ประเภทหนึ่ง โดยใช้สมุกปั้นเป็นลวดลายหรือรูปภาพติดเข้ากับพื้นไม้หรือพื้นกระดาษ เช่น ปั้นหน้ายักษ์หน้าลิงติดลงบนกะโหลกปิดกระดาษทำเป็นหัวโขน, แขนะก็ว่า.

กระแหนะกระแหน
[-แหฺน] ก. พูดกระทบหรือพูดเป็นเชิงเสียดสี, กระแนะกระแหนก็ว่า.

กระแหม็บ, กระแหม็บ ๆ
[-แหฺม็บ] ว. แขม็บ, หายใจแผ่ว ๆ แสดงว่าจวนจะหมดกําลัง,(โบ) เขียนเป็น กระแหมบ ก็มี เช่น กระแหมบกระเหม่นทรวง.(อนิรุทธ์). (แผลงมาจาก แขม็บ).

กระแหม่ว
[-แหฺม่ว] ก. แขม่ว, ผ่อนลมหายใจให้ท้องยุบลง, บังคับกล้ามเนื้อท้องให้ท้องยุบลง. (แผลงมาจาก แขม่ว).

กระแหย่ง
[-แหฺย่ง] ว. อาการปีนขึ้นอย่างพลั้ง ๆ พลาด ๆ. ก. คะยั้นคะยอเช่น มาหยักเหยาเซ้าซี้กระแหย่งชาย. (รามเกียรติ์ ร. ๑).

กระแหร่ม
[-แหฺร่ม] ก. กระแอม คือ ทําเสียงขึ้นมาจากคอ เช่นเพื่อมิให้น้ำมูกลงคอเมื่อเป็นหวัด หรือเพื่อให้หายเสลดติดคอ.

กระแหล่ง
[-แหฺล่ง] น. วัตถุคล้ายกระดิ่ง แต่เป็นรูปสี่เหลี่ยมแบน ทําด้วยเหล็กใช้แขวนคอม้า โค กระบือ.

กระโห้
น. ชื่อปลาน้ำจืดชนิด Catlocarpio siamensis ในวงศ์ Cyprinidaeหัวโต เกล็ดใหญ่ ลําตัวด้านหลังสีเทาดํา หางและครีบสีแดงคล้ำหรือส้ม พบในแม่น้ำใหญ่หลายสายของประเทศไทย เคยพบขนาดยาวได้ถึง ๓ เมตร นับเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มากในจําพวกปลามีเกล็ดด้วยกัน, กระมัน หรือ หัวมันก็เรียก.

กระโหนด
[-โหฺนด] น. ตาล เช่น ย่านป่าขายพัดกระโหนดคันกลมคันแบนใหญ่น้อย. (อธิบายแผนที่กรุงศรีอยุธยา). (แผลงมาจาก โตนด).

กระโหม
[-โหมฺ] (กลอน) ก. โหม เช่น ศัพท์ส้าวกระโหมโครม. (บุณโณวาท).

กระโหย
[-โหยฺ] (กลอน) ก. โหย คือ ร้องไห้, คร่ำครวญ.

กระโหย่ง ๑
[-โหฺย่ง] ก. ทําให้สูงขึ้น เช่น กระโหย่งตัว, ทำสิ่งที่รวมตัวกันให้โปร่งหรือขยายตัวให้หลวมขึ้น เช่น กระโหย่งฟาง, กระหย่งหย่ง หรือ โหย่ง ก็ว่า.

กระโหย่ง ๒
[-โหฺย่ง] ว. อาการที่เดินหรือวิ่งไม่เต็มเท้า คือ จดแต่ปลายเท้า เพื่อทําให้ตนสูงขึ้น หรือเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง เช่น เดินกระโหย่ง วิ่งกระโหย่ง,เรียกรอยเท้าที่ไม่เต็ม เห็นแต่ปลายเท้าและส้นเท้าว่า รอยเท้ากระโหย่ง,อาการที่นั่งเอาปลายเท้าตั้งลงที่พื้น ส้นเท้าทั้ง ๒ รับก้น เรียกว่านั่งกระโหย่ง, กระหย่ง หย่ง หย่ง ๆ โหย่ง หรือ โหย่ง ๆ ก็ว่า.

-กระอ่วน
ใช้เข้าคู่กับคํา กระอัก เป็น กระอักกระอ่วน.

กระอวล
(กลอน) ว. อวล, หอมตลบ.

กระอ้อกระแอ้
ว. อ้อแอ้, อาการออกเสียงของเด็กที่เริ่มหัดพูด, อาการที่พูดไม่ชัดอย่างคนเมา.

กระออดกระแอด
ว. ออดแอด, อาการที่บ่นไม่รู้จักจบ, อาการที่ป่วยอยู่บ่อย ๆ.

กระออบ
ว. มีกลิ่นหอม. (ข. กฺรอูบ).

กระออม ๑
ดู โคกกระออม.

กระออม ๒
(กลอน) น. ภาชนะสานด้วยไม้ไผ่ ยาชัน รูปคล้ายกระบุง ไม่มีคอใช้ใส่น้ำ เช่น สรงสนานน้ำทิพย์สิบกระออม. (คาวี), กะออมกัลออม หรือ กะละออม ก็ว่า.

กระอ้อมกระแอ้ม
ว. อ้อมแอ้ม, ไม่ฉะฉาน, ไม่ชัดเจน, ไม่เต็มปาก, (ใช้แก่กริยาพูด).

กระอัก
ก. ทะลักออกมาจากคอ เช่น กระอักเลือด.

กระอักกระอ่วน
ว. ป่วน, พิพักพิพ่วน, ลังเลใจ, ตกลงใจไม่ได้, อักอ่วน ก็ว่า.

กระอักกระไอ
ว. อิดเอื้อน, ไม่กล้าพูด, ทําเสียงไออุบอับอยู่ในคอ, เช่นพูดจากุกกักกระอักกระไอ (ไกรทอง).

กระอั้วแทงควาย
น. ชื่อการเล่นชนิดหนึ่งในการสมโภชของหลวง, บางทีเรียกกระอั้ว ว่า นางอั้ว เช่น นางอั้วเพ่งผัวเอน ควายเสี่ยว.

กระอ้า
น. โรคพืชชนิดหนึ่งเกิดแก่ใบยาสูบ ทําให้ใบเฉาเหี่ยวแห้งหรือตายนึ่ง.

กระอาน
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ชื่อเต่าน้ำกร่อยชนิด Batagur baska ในวงศ์Emydidae สามารถปรับตัวอยู่ในน้ำจืดได้ พบเฉพาะทางภาคใต้, กะอาน ก็เรียก.

กระอิด
(กลอน) ว. อิดโรย เช่น อกกระอิดกว่าชื่นแล. (ม. คำหลวง กุมาร).

กระอิดกระเอื้อน
ก. อิดเอื้อน, ไม่กล้าที่จะพูด, กล่าวไม่เต็มปาก; แสดงอาการไม่สู้เต็มใจ.

กระอึก
(กลอน) ก. อึกทึก, อึง, เช่น ตระคอกคึกกระอึกอึง. (กลบท ๒;ม. คําหลวง จุลพน).

กระอึกกระอัก
ว. อาการที่พูดไม่ออก ติดกึกกักอยู่ในคอเพราะกลัวหรือประหม่าเป็นต้น, อึกอัก หรือ อึก ๆ อัก ๆ ก็ว่า.

กระอึด
(โบ; กลอน) ก. อึดอัด, สะอึก, เช่น กระอึดอกเซนเซนช่วยเหน้า. (กําสรวล).

กระอืด
ก. ร้องไห้ร่ำไร, ร่ำไห้, เช่น เกรงอาตม์กระอืดโอย. (สรรพสิทธิ์),จำนองกระอืดโอย ทุกขทรวงละลวงกาม. (อนิรุทธ์).

กระอุ
(กลอน) ก. ระอุ; ร้อนรน เช่น กระอุอุระประปราณ. (สมุทรโฆษ;สรรพสิทธิ์), หนึ่งรัศมีพระสุริยเย็น รัศมีพระจันทร์เป็น กระอุแลกลับร้อนรน. (อภิไธยโพธิบาทว์), ใช้เป็น กระอุก หรือ ประอุก ก็มี.

กระอุก
(กลอน) ก. ระอุ; ร้อนรน เช่น กระอุกกระลับร้อน, ใช้เป็นกระอุ หรือ ประอุก ก็มี.

กระเอบ
(กลอน) ว. อร่อย, หอมหวาน, เช่น ลิ้มไล้โอชกระเอบหวาน.(ม. คําหลวง จุลพน).

กระเอา
(กลอน) ว. กลมกล่อม.

กระเอิก
(กลอน) ว. เอิกเกริก เช่น พลเกรอกกระเออกอึง. (สรรพสิทธิ์).

กระเอิบ
(กลอน) ก. เอิบ, อิ่ม, เช่น เถ้ากระเอิบเรอสมออกแล.(ม. คําหลวง กุมาร).

-กระแอ้
ใช้เข้าคู่กับคํา กระอ้อ เป็น กระอ้อกระแอ้.

กระแอก ๑
น. เชือกหรือลวดหนังตีเป็นเกลียวหุ้มผ้าแดง ปลายสายทั้ง ๒ข้างผูกกับสายสําอางคร่อมอยู่ทางท้ายสันหลังช้าง สำหรับควาญช้างจับเมื่อเวลาคับขัน, กระแซง หรือ ประแอก ก็เรียก.

กระแอก ๒
น. อีกา. (ข. แกฺอก).

-กระแอด
ใช้เข้าคู่กับคํา กระออด เป็น กระออดกระแอด.

กระแอบ
ดู ตะขาบ ๑. (ข. แกฺอบ).

กระแอม ๑
ก. ทําเสียงแอมในคอคล้ายไอ เพื่อให้โปร่งคอ ให้เสียงหายเครือเพื่อให้เขารู้ หรือระวัง เป็นต้น, นิยมใช้เข้าคู่กับคํา กระไอ เป็นกระแอมกระไอ.

กระแอม ๒
น. ลายที่ผูกเป็นตัวลอย ๆ ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนคล้ายลายกระหนกหางโต ใช้สําหรับอุดหรือปิดช่องไฟระหว่างลายกระหนกเครือวัลย์ เรียกว่าลูกกระแอม, ตัวที่บอกให้รู้ว่าได้ทําอะไรแปลกไปจากการประดิษฐ์ แสดงเป็นตัวลูกไม้เพิ่มขึ้นเรียกว่า ตัวกระแอม.

-กระแอ้ม
ใช้เข้าคู่กับคํา กระอ้อม เป็น กระอ้อมกระแอ้ม.

กระไอ ๑
น. กลิ่น (ใช้เฉพาะกลิ่นของสิ่งที่จวนจะบูด) เช่น แกงมีกระไอจวนจะบูดแล้ว, สะไอ ก็ว่า. ว. มีกลิ่นเหม็นแสดงว่าจวนจะบูดเช่น ข้าวเหม็นกระไอ, สะไอ ก็ว่า.

กระไอ ๒
ก. ไอ, ใช้เข้าคู่กับคํา กระอัก หรือ กระแอม เป็น กระอักกระไอกระแอมกระไอ หรือ กระไอกระแอม.

กระไอกระแอม
ก. ทําเสียงไอเสียงแอม เช่น ถ้ามันจะเกริ่นกรายกระไอกระแอมแอบเข้ามา. (ม. ร่ายยาว ชูชก).

กรัก
[กฺรัก] น. แก่นขนุนใช้ย้อมผ้า; (โบ) โรงกรัก คือ โรงที่ต้มกรักในวัด.(ตะเลง ว่า แก่นไม้; ข. กราก่ ว่า แก่นขนุน).

กรักขี
[กฺรัก-] ดู สักขี ๒.

กรัง ๑
[กฺรัง] ก. แห้ง เช่น เสบียงกรัง, แห้งติดแน่นอยู่ เช่น ขี้มูกขี้ตากรัง.

กรัง ๒
[กฺรัง] น. เนิน เช่น กึกก้องไพรกรัง. (อนิรุทธ์), อเนกทั่วไพรกรัง.(ดุษฎีสังเวย).

กรัชกาย
[กะรัดชะ-, กะหฺรัดชะ-, กฺรัดชะ-] (แบบ) น. ร่างกาย เช่นเจ้างามยามประจงจัดกรัชกาย. (กลบทบัวบานกลีบขยาย).[ป. ก (น้ำ) + รช (ธุลี) + กาย = กายที่เกิดจากธุลีในน้ำ(น้ำ หมายถึง น้ำกาม น้ำอสุจิ, ธุลีในน้ำ คือ ตัวสเปิร์มที่อยู่ในน้ำอสุจิ), ก (สรีระ) + รช (ธุลี) + กาย = กายที่เกิดจากธุลีในสรีระ, กายอันบังเกิดด้วยดีด้วยธุลีเป็นไปในสรีระ(บาฬีลิปิกรม), ก (กุจฺฉิต = น่ารังเกียจ) + รช (ธุลี) + กาย =กายที่เกิดจากธุลีที่น่ารังเกียจ, กร (การกระทำ) + ช (เกิด) +กาย = กายที่เกิดด้วยสันถวะ (ความเชยชิด) อันมารดาบิดากระทำแล้ว].

กรัณฑ-, กรัณฑ์
[กะรันทะ-, กะรัน] (แบบ) น. ตลับ, หีบ, หม้อ, เช่น รัตนกรัณฑ์ =ตลับเพชร. (สังโยคพิธาน), กรัณฑรัตน. (ยวนพ่าย), กรัณฑขลังขังน้ำทิพมุรธา ภิเษกท่าน. (ราชาภิเษก ร. ๗). (ดู กรณฑ์ ๑).

กรัณฑก
ดู กรณฑ์ ๑.

กรัณย์
[กะรัน] น. กิจ. ว. อันพึงทํา เช่น ราชกรัณย์. (ป. กรณีย).

กรัน ๑
[กฺรัน] ว. เล็ก, แคระ, เช่น กรวดกรันขราราย. (สุธน).

กรัน ๒
[กฺรัน] น. ชื่อกล้วยพันธุ์หนึ่งของชนิด Musa sapientum L. ผลสั้นป้อมมีเมล็ดมาก, กล้วยเต่า ก็เรียก.

กรับ ๑
[กฺรับ] น. ไม้สําหรับตีให้อาณัติสัญญาณหรือขยับเป็นจังหวะ ทำด้วยไม้ไผ่ซีกหรือไม้แก่น ๒ อัน รูปร่างแบนยาวประมาณ ๔๐ เซนติเมตรกว้าง ๓-๔ เซนติเมตร หนาประมาณ ๑.๕ เซนติเมตร เมื่อตีหรือขยับให้ไม้ทั้ง ๒ อันนั้นกระทบกันจะได้ยินเสียงเป็น 'กรับ ๆ' เช่น รัวกรับขยับกรับ.

กรับขยับ
น. กรับเสภา.

กรับคู่
น. กรับชนิดหนึ่ง ทำด้วยไม้ไผ่ซีกหรือไม้แก่นเป็นคู่ สำหรับตีเป็นจังหวะในการฟ้อนรำขับร้อง.

กรับพวง
น. กรับชนิดหนึ่ง ทำด้วยไม้แผ่นบาง ๆ หรือแผ่นทองเหลืองหรือแผ่นงาช้างหลาย ๆ อัน และมีไม้แก่นหรืองาประกับ ๒ ข้างอย่างด้ามพัด ตอนหัวข้างหนึ่งเจาะรูร้อยเชือก เวลาตีใช้มือข้างหนึ่งจับตรงหัวทางเชือกร้อย แล้วฟาดข้างหนึ่งลงบนฝ่ามืออีกข้างหนึ่ง สำหรับตีเป็นจังหวะประกอบการฟ้อนรำและขับร้องหรือใช้ตีรัวเป็นอาณัติสัญญาณ.

กรับเสภา
น. กรับชนิดหนึ่ง ทำด้วยไม้แก่นเช่นไม้ชิงชัน เป็นรูปสี่เหลี่ยมยาวประมาณ ๒๐ เซนติเมตร หนาประมาณ ๕ เซนติเมตรลบเหลี่ยมเล็กน้อยเพื่อมิให้บาดมือและให้สามารถกลิ้งตัวกระทบกันได้สะดวก ใช้ประกอบในการขับเสภา โดยผู้ขับเสภาจะต้องใช้กรับ ๒ คู่ ถือไว้ข้างละคู่ ขณะที่ขับเสภาก็ขยับกรับแต่ละคู่ให้กระทบกันเข้าจังหวะกับเสียงขับ, กรับขยับ ก็เรียก.

กรับ ๒
[กฺรับ] (โบ) ก. แห้งติดอยู่เหมือนกาวติดชาม ว่า กรับแห้ง. (ปรัดเล).

กรัม
[กฺรํา] น. หน่วยมาตราชั่งน้ำหนัก ตามมาตราเมตริก มีอัตรา =๑๐๐ เซนติกรัม หรือ ๑ ใน ๑,๐๐๐ แห่งกิโลกรัม, ตามมาตราประเพณี อัตรา ๖๐๐ กรัม = ๑ ชั่งหลวง, อักษรย่อว่า ก.(ฝ. gramme).

กราก
[กฺราก] ก. ตรงเข้าไปโดยเร็ว เช่น กรากเข้าไป. ว. รวดเร็วเช่น น้ำไหลเชี่ยวกราก; เรียกสิ่งที่หุงหรือนึ่งสวยมากเกินไปว่าสวยกราก เช่น ข้าวสวยกราก ถั่วสวยกราก, แข็งอย่างผ้าลายที่ยังไม่ได้ซักหรือผ้าที่ลงแป้งจนแข็ง; เสียงอย่างเสียงลากกิ่งไม้.

กราง ๑
[กฺราง] ก. ถูไปถูมาด้วยบุ้ง ตะไบ หรือหนังกระเบน.

กราง ๒
[กฺราง] (โบ; กลอน) ว. เสียงอย่างเสียงใบตาลแห้งที่ถูกลมพัดกระทบกัน เช่น ด่งงไม้รงงรจิตร อันอยู่ชชิดทางเทา ร่มเย็นเอาใจโลกย์ ลําโล้โบกใบกราง. (ม. คําหลวง ชูชก).

กรางเกรียง
ว. เสียงอย่างเดียวกับกราง เช่น ก้องกงรถก้องกรางเกรียง.(พากย์; สุธน).

กร่าง
[กฺร่าง] น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ชนิด Ficus altissimaBlume ในวงศ์ Moraceae เปลือกเรียบสีเทา ใบกว้างหนารูปไข่ปลายมน ไม่มีขน ผลกลม เมื่อสุกสีส้มออกแดง, ลุง ฮ่างหลวงหรือ ไทรทอง ก็เรียก. (ปาก) ว. อาการที่ทำท่าทางหรือพูดจาวางโต เช่น เขาชอบทำกร่างอยู่เรื่อย.

กราด ๑
[กฺราด] น. ไม้กวาดที่ทําเป็นซี่ยาว ๆ ห่าง ๆ มีด้ามยาวสําหรับใช้กวาดที่ลานวัดเป็นต้น. (ข. จฺราศ). ก. กวาดด้วยกราด.

กราด ๒
[กฺราด] น. เครื่องขูดไคลม้าทําด้วยเหล็ก มีฟันคล้ายกระต่ายขูดมะพร้าว; เครื่องจีมไม้ให้แน่น.

กราด ๓
[กฺราด] น. เครื่องมือจับสัตว์น้ำชนิดหนึ่ง ใช้ประกอบกับเรือ,บางถิ่นเรียกว่า กรีด หรือ เรือกรีด, เวลาจับสัตว์น้ำใช้แจวไปตามฝั่งคลองหรือแม่น้ำ โดยให้ไม้สําหรับกรีดนั้นระไปในน้ำ.

กราด ๔
[กฺราด] น. ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด Dipterocarpus intricatus Dyerในวงศ์ Dipterocarpaceae ขึ้นในป่าเต็งรัง ต้นมียางเหนียว เจาะเอาน้ำมันยางได้, ยางกราด เหียงกราด ตะแบง หรือ สะแบง ก็เรียก.

กราด ๕
[กฺราด] ก. กวดให้แน่น เช่น กราดลิ่ม, กวดให้อยู่ในบังคับ เช่นกราดควาย กราดเด็ก; พ่นน้ำนกและไก่แล้วเอาออกผึ่งแดด;ตากอยู่กลางแดดกลางลม. ว. ซัดส่ายไปโดยไม่เจาะจง เช่นยิงกราด, สาดไป เช่น ด่ากราด.

กราดเกรี้ยว
ก. แสดงกิริยาท่าทางพร้อมทั้งดุด่าว่ากล่าวเป็นต้นอย่างรุนแรงด้วยความโกรธ, เกรี้ยวกราด ก็ใช้.

กราด ๖
[กฺราด] (ถิ่น-ปักษ์ใต้) ว. เล็ก, แคระ, แกร็น.

-กราด
ใช้เข้าคู่กับคํา กรีด เป็น กรีดกราด.

กราดวง
[กฺรา-] น. ลูกมะพร้าวทุยที่ตัดครึ่งท่อน สําหรับถูพื้นบ้านหรือหวีด้ายทอหูก, เสียงที่พูดกันเป็นกระดวง.

กราน ๑
[กฺราน] (โบ) น. ไฟ เช่น เชิงกราน, ธุมาก็ปรากฏแก่กราน. (กฤษณา).

กราน ๒
[กฺราน] ใช้เข้าคู่กับคําอื่น หมายความว่า ทอดตัว หรือ ล้มตัวลงราบ เช่น ก้มกราน หมอบกราน, หมายความว่า ค้ำ, ยัน, เช่นยันกราน ยืนกราน, ในบทกลอนใช้โดยลําพังก็มี เช่น ก็กรานในกลางรณภู. (สมุทรโฆษ), พระรามตัดตีนสินมือเสีย กรานคอไปไว้ที่นอกเมือง. (มโนห์รา), โบราณเขียนเป็น กราล ก็มี.

กรานกฐิน
[-กะถิน] ก. ขึงไม้สะดึง คือ เอาผ้าที่จะเย็บเป็นจีวรเข้าขึงที่ไม้สะดึงเย็บเสร็จแล้วบอกแก่ภิกษุทั้งหลายผู้ร่วมใจกันยกผ้าให้ในนามของสงฆ์เพื่ออนุโมทนา, ภิกษุผู้เย็บจีวรเช่นนั้น เรียกว่า ผู้กราน, พิธีทําบัดนี้ คือ สงฆ์ยกผ้าอันไม่พอแจกกันให้ภิกษุรูปหนึ่ง ภิกษุรูปนั้นทําตั้งแต่ซัก กะ ตัด เย็บ ย้อม เสร็จในวันนั้น ทําพินทุกัปปะอธิษฐานเป็นจีวรครอง เป็นจีวรกฐิน เรียกว่ากรานกฐิน. (อุปสมบทวิธี).(ดู กฐิน). (ข. กราล ว่า ปู, ลาด).

กร้าน
[กฺร้าน] ว. มีผิวด้าน, มีผิวไม่สดใส; กระด้าง, แข็ง, หยาบ.

กราบ ๑
[กฺราบ] น. ไม้เสริมแคมเรือให้สูงขึ้น, ส่วนของเรือตอนที่มีไม้เสริม,ไม้กระดานที่ติดตรงแคมเรือไปตามแนวนอนสําหรับเดิน, เรียกส่วนด้านข้างของเรือรบว่า กราบ.

กราบ ๒
[กฺราบ] ก. แสดงความเคารพด้วยวิธีนั่งประนมมือขึ้นเสมอหน้าผากแล้วน้อมศีรษะลงจดพื้น, ถ้าหมอบแล้วน้อมศีรษะลงจดมือที่ประนมอยู่กับพื้น เรียกว่า หมอบกราบ, ประนมมือเสมอหน้าผาก แล้วน้อมศีรษะลงจดมือที่วางอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ก็อนุโลมถือว่าเป็นกราบ เช่นกราบลงบนตัก, เรียกกราบไหว้ด้วยตั้งอวัยวะทั้ง ๕ ลงกับพื้น คือกราบเอาเข่าทั้ง ๒ จดพื้น ฝ่ามือทั้ง ๒ วางราบติดพื้น และหน้าผากจดพื้นว่า กราบโดยเบญจางคประดิษฐ์ เป็นอาการแสดงความเคารพอย่างสูงสุด, โดยปริยายใช้เป็นคําแสดงอาการเคารพเหมือนอย่างกราบ เช่น กราบทูล กราบเรียน.กราบพระ (โบ) น. ผ้ากราบ.

กราบ ๓
[กฺราบ] (โบ) ก. นอน เช่น เถ้าก็กราบกรนอึงอยู่นั้น.(ม. คําหลวง กุมาร).

กราบ ๔
[กฺราบ] (โบ) ว. ตราบ เช่น กราบเท่ากัลปาวสาน. (พงศ. อยุธยา).

กราฟ
น. แผนภูมิที่ใช้เส้น จุด หรือภาพเป็นต้น เพื่อแสดงความเปลี่ยนแปลงค่าของตัวแปรตัวหนึ่งเทียบกับความเปลี่ยนแปลงค่าของตัวแปรตัวอื่น; (คณิต) เซตของจุดที่เรียงกันอย่างมีระเบียบตามที่กําหนดขึ้นด้วยสมการหรืออสมการ. (อ. graph).

กราม
[กฺราม] น. ฟันที่ใช้บดเคี้ยวอาหาร.

กรามช้าง ๑
น. ตําราแพทย์แผนโบราณว่าเป็นโรคมะเร็งชนิดหนึ่งขึ้นที่แถวกราม มีอาการเป็นเนื้อร้ายงอกขึ้นที่ต่อมแถวก้านคางทําให้ขากรรไตรพองโตใหญ่ออกมา เรียกว่า มะเร็งกรามช้าง.

กรามช้าง ๒
น. ชื่อกล้วยชนิดหนึ่ง เรียกว่า กล้วยกรามช้าง. (ตําราปลูกไม้ผล).

กรามพลู
[กฺรามพฺลู] (โบ) น. กานพลู เช่น แห้วหมูพิชกรามพลูก็มี.(ม. คําหลวง มหาพน). (เทียบทมิฬ กฺรามปู).

กราย ๑
[กฺราย] น. ชื่อปลาน้ำจืดชนิด Notopterus chitala ในวงศ์Notopteridae หัวและลําตัวแบนข้างมาก สันหัวแอ่นลงท้องเป็นสันคม ครีบท้องมีขนาดเล็ก ครีบก้นยาวต่อเนื่องกับครีบหางซึ่งเล็กและมีขอบกลม บริเวณเหนือครีบก้นมีจุดสีดํา ๕-๑๐ จุด เรียงเป็นแถวตามยาว ขนาดยาวได้ถึง๑ เมตร, ตองกราย หรือ หางแพน ก็เรียก.

กราย ๒
[กฺราย] น. โรคซางจรชนิดหนึ่ง มีอาการตัวร้อน ลงรากกระหายน้ำ. (แพทย์).

กราย ๓
[กฺราย] ก. เคลื่อนไหวอย่างมีท่าทาง, เดินอย่างมีท่าที, เช่นห่มเสื้อกรายดาบง่า. (ลอ), ลอยชายกรายแขนเข้าในห้อง.(คาวี); เดินเฉียดเข้าไปใกล้ ๆ, เดินเฉียดใกล้เข้าไปอย่างไม่มีคารวะ, เช่น เดินกรายศีรษะ, ใช้เข้าคู่กับคํา กรีด กรุย และกล้ำ เป็น กรีดกราย กรุยกราย และ กล้ำกราย.

กราย ๔
[กฺราย] น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Xylopia malayanaHook.f. et Thomson ในวงศ์ Annonaceae เนื้อไม้ผ่าง่ายใช้ทําฟืนและกระเบื้องไม้มุงหลังคา.

กร่าย
[กฺร่าย] น. ผ้าคาดที่ถักเป็นตาข่าย เช่น คาดกร่ายชายทองวางร่วงรุ้ง. (กาพย์ห่อโคลง).

กราล
[กฺราน] (โบ) ดู กราน ๒.

กราว ๑
[กฺราว] (โบ; คําเดียวกับ จราว) น. ตะพาบน้า เช่น ตัวกราวมีกริวพ่นชลสินธุ์. (ดู ตะพาบ, ตะพาบน้า).

กราว ๒
[กฺราว] ว. เสียงดังคล้ายเช่นนั้น เช่น เสียงของแข็งจํานวนมาก ๆร่วงลงกระทบพื้นหรือหลังคาพร้อม ๆ กัน หรือเสียงที่คนจํานวนมากตบมือพร้อม ๆ กัน.

กราว ๓
[กฺราว] น. ชื่อเพลงหน้าพาทย์ ใช้ในเวลายกทัพหรือแสดงอาการร่าเริง, ครั้นมีเพลงกราวอื่น ๆ ด้วย เพลงนี้เรียกว่า กราวใน, ต่อนี้ทําบทเชิด, ถ้ามีการพากย์ เช่น พากย์รถก่อนยกทัพออก ทําเพลงกราวในหยุด หมายความว่าสุดเจรจาแล้วใช้กราวในพอหยุดป้องหน้าแล้วจึงพากย์, สําหรับบทของมนุษย์ ลิง หรือเทวดา เปลี่ยนเป็นกราวนอก ใช้เป็นเพลงประจํากัณฑ์มหาราชในเวลามีเทศน์มหาชาติและเรียกว่า กราวเขน ก็ได้ เพราะเมื่อยกกองทัพ พวกเขนออกก่อน,ถ้าเกี่ยวกับการรําเยาะเย้ยใช้เพลง กราวรำ, อาณัติสัญญาณลาโรงก็ใช้เพลงนี้, เมื่อประสมลูกฆ้องมอญเป็น กราวรำมอญ, นอกนี้ถ้าประสมลูกฆ้องใน ๑๒ ภาษา ก็มีชื่อตามภาษานั้น ๆ คือ กราวกระแซเจือไปข้างเพลงลาว ๆ, กราวเขมร มีเนื้อร้องเป็นเพลงเขมร, กราวจีนทําในเวลาเข้าเฝ้าหรือเดินเล่นหรือเล่นสนุกกัน ทํานองเป็นเพลงจีน๒ ชั้น.

กร้าว
[กฺร้าว] ว. แข็งกระด้าง, แข็งมากหรือแข็งเกินพอดีซึ่งอาจแตกบิ่นได้ง่าย, ไม่นุ่มนวล.

กราวด่าง
ดู ม่านลาย.

กราวรูด
[กฺราว-] (ปาก) ว. ตลอดหมด, ไม่เว้น, เช่น จับกราวรูด.

กราสิก
[กฺรา-] (โบ; กลอน) น. ผ้าด้ายแกมไหม เช่น พัสตรากราสิกศรี.(ม. คําหลวง ทานกัณฑ์). (ป. กาสิก; ส. กาศิก).

กรำ
[กฺรํา] ว. ตรํา, ฝ่า, ทนลําบาก, เช่น กรําแดด กรําฝน,เคี่ยวเข็ญเย็นค่ากรําไป. (พระราชนิพนธ์ ร. ๖).

กร่ำ ๑
[กฺร่ำ] น. ที่ล่อปลาให้เข้าไปอยู่ ใช้ไม้ปักตามชายฝั่งลําแม่น้ำ เป็นรูปกลมบ้าง รีบ้าง ภายในสุมด้วยกิ่งไม้เพื่อล่อให้ปลาเข้าอาศัย เมื่อเวลาจะจับก็เอาเฝือกหรืออวนล้อม แล้วเอาไม้ที่สุมนั้นออก, เขียนเป็น กล่ำ ก็มี.

กร่ำ ๒
[กฺร่ำ] ก. เอาพร้าหวดตัดตอหญ้าที่เหลืออยู่ให้เตียน.

กร่ำ ๓
[กฺร่ำ] (โบ) น. ไม้ปักที่หมายร่องน้ำที่ทะเล. (ปรัดเล).

กร่ำ ๔
[กฺร่ำ] (ปาก) ว. ใช้ประกอบกับอาการเมา เช่น เมาเหล้า ว่าเมากร่ำ หมายความว่า เมาเรื่อยไป.

กร่ำกรุ่น
[กฺร่ำกฺรุ่น] ว. สีมัว ๆ ไม่ชัด เช่น สีกร่ำกรุ่นเป็นอย่างไรฉันไม่เคย.

กริก, กริ๊ก
[กฺริก, กฺริ๊ก] ว. เสียงของแข็ง เช่น แก้ว โลหะ กระทบกัน.

กริกกริว
[กฺริกกฺริว] ว. ขี้ริ้ว, เลว, เช่น โฉมใช่โฉมคนค้า หน้าใช่หน้ากริกกริว. (ลอ).

กริกกรี
[กฺริกกฺรี] (ถิ่น-ปักษ์ใต้) ว. มีทีท่าเจ้าชู้.

กริ่ง ๑
[กฺริ่ง] น. เครื่องบอกสัญญาณมีเสียงดังเช่นนั้น; เรียกพระเครื่องที่ทําด้วยโลหะ ข้างในกลวง มีก้อนโลหะคลอนเขย่าดังกริ่ง ๆ ว่าพระกริ่ง.[กฺริ่ง] ก. นึกแคลง, นึกระแวง, นึกสงสัย.

กริ่งเกรง
ก. ระแวงกลัวไป.

กริ่งใจ
ก. นึกแคลงใจ.

กริ๊ง
[กฺริ๊ง] ว. เสียงแหลมเบาอย่างเสียงของแข็งเช่นแท่งโลหะกระทบกัน.

กริงกริว
[กฺริงกฺริว] ว. เล็ก เช่น มนุษย์น้อยกริงกริวผิวเนื้อเหลือง.

กริ้งกริ้ว
[กฺริ้งกฺริ้ว] (ถิ่น - ปักษ์ใต้) ว. เล็ก, ผอม, เช่น รูปร่างกริ้งกริ้วคือ รูปร่างเล็ก.

กริช
[กฺริด] น. อาวุธชนิดหนึ่ง คล้ายมีด ๒ คม ปลายแหลม ใบมีดตรงก็มีคดก็มี เป็นของชาวมลายู.

กริณี, กรินี
[กะ-] (แบบ) น. ช้างพัง, ใช้ว่า กิริณี หรือ กิรินี ก็มี. (ส. กริณี;ป. กรินี).

กริตย-
[กฺริดตะยะ-] (โบ; กลอน) ก. ทํา เช่น พระบาทสญไชยก็ชําระกริตยภิษิตสรรพางค์. (ม. คําหลวง มหาราช). (ส. กฺฤตฺย).

กริน
[กะ-] (แบบ) น. ช้าง, ช้างพลาย, เช่น กรินไกรอาสนอัศวาชี.(ม. คําหลวง ฉกษัตริย์). (ส.).

กรินทร์
น. พญาช้าง, ช้างที่ควรยกย่อง, เช่น เบื้องนั้นบรรลุผู้เผือกกรินทร์หนึ่งฤๅ. (ลิลิตพยุหยาตรา), ใช้เป็น กเรนทร์ ก็มี. (ส. กรินฺ + อินฺทฺร= กรินทร์ = ช้างใหญ่, ช้างศึก, ช้างพระอินทร์).

กรินทร์
ดู กริน.

กรินี
[กะ-] ดู กริณี.

กริบ
[กฺริบ] ก. ขริบ, ตัดให้พลันขาดด้วยกรรไกรโดยไม่มีเสียงหรือมีเสียงเช่นนั้น เช่น กริบผม กริบชายผ้า, ตัดขาดโดยฉับไวและแนบเนียนด้วยความคม. ว. มาก เช่น คมกริบ;โดยปริยายหมายความว่าเงียบไม่มีเสียงดัง เช่น เงียบกริบ ย่องกริบ.

กริม
[กฺริม] น. ชื่อปลาน้ำจืดขนาดเล็กในสกุล Trichopsis วงศ์ Anabantidaeพบทั่วไป รูปร่างคล้ายปลากัด ซึ่งอยู่ในวงศ์เดียวกัน แต่หัวแหลมกว่าและสีไม่สดสวย มักมีแถบสีเข้มพาดตลอดข้างตัว ๒-๓ แถบ ที่พบมากได้แก่ กริมข้างลาย (T. vittatus), กัดป่า ก็เรียก.

กริ่ม
[กฺริ่ม] ก. กระหยิ่ม, ครึ้มใจ, อิ่มใจ. ว. อาการที่เมาเหล้าอย่างใจดีเรียกว่า เมากริ่ม.

กริยา
[กฺริยา, กะริยา] (ไว) น. คําที่แสดงอาการของนามหรือสรรพนาม.(ส. กฺริยา; ป. กิริยา).

กริยานุเคราะห์
(ไว) น. กริยาที่ใช้ช่วยกริยาอื่น เช่น คง จะ ถูก น่า, กริยาช่วย ก็ว่า.

กริยาวิเศษณ์
(ไว) น. คําวิเศษณ์ใช้ประกอบคํากริยา หรือคําวิเศษณ์ด้วยกันให้มีความแปลกออกไป.

กริยาวิเศษณ์วลี
(ไว) น. ท่อนความที่มีคํากริยาวิเศษณ์ที่พ่วงบุรพบทเข้าขยายกริยา เช่น ม้าวิ่งไปข้างโน้น ความที่ขีดสัญประกาศนั้นเป็นกริยาวิเศษณ์วลี.

กริยาวิเศษณานุประโยค
[-วิเสสะนานุปฺระโหฺยก] (ไว) น. อนุประโยคที่ประกอบกริยาหรือวิเศษณ์ในสังกรประโยค, ประโยควิเศษณ์ ก็ว่า.

กริว ๑
[กฺริว] น. เต่า เช่น เขียนกริวขึ้นขี่ที่ต้นคอ. (ขุนช้างขุนแผน),จริว หรือ ตริว ก็ว่า. (ดู ตะพาบ, ตะพาบน้ำ).

กริวลาย
ดู ม่านลาย.

กริว ๒
[กฺริว] ว. เกรียว เช่น บางหมู่ก็กริวเกริ่น. (ม. ฉันท์ มหาพน).

กริวกราว
ว. เสียงโห่, เสียงเอ็ดอึงพร้อมกันหลาย ๆ เสียง, เช่น บ้างโบกธงธุชพรายพราวโลดเต้นกริวกราว.

กริ้ว
[กฺริ้ว] (ราชา) ก. โกรธ, เคือง, ในบทกลอนโบราณใช้ในที่สามัญก็มี เช่น ฝูงมหาชนท้งงหลายกริ้วโกรธ. (ม. คําหลวง ชูชก).

กรี ๑
[กะรี] (แบบ) น. ช้าง เช่น ถัดนั้นพลนิกรพวกกรี. (ม. คําหลวงมหาราช).

กรี ๒
[กฺรี] (กลอน) ย่อมาจาก กรีธา เช่น ให้เรานี้กรีพลออกเดินไพร.(อิเหนา).

กรี ๓
[กฺรี] น. โครงแข็งแหลมที่หัวกุ้ง.

กรีฑา
[กฺรีทา] น. กีฬาประเภทหนึ่ง แบ่งออกเป็นประเภทลู่และประเภทลาน; การเล่นสนุก เช่น กรีฑาร่าเริงรื่น; การเล่นสมพาส เช่นในกามกรีฑากล. (กฤษณา); การประลองยุทธ์. (ส.).

กรีฑากร
ก. ทํากรีฑา เช่น ปางกรีฑากร อนงค์ในแท่นทอง. (สมุทรโฆษ).

กรีฑาภิรมย์
ว. น่ารื่นรมย์ยิ่งในกรีฑา, (โบ) ใช้ว่า กรีธา ก็มี เช่น แห่งอรอาตมชายาอันกรีธาภิรมย์. (ม. คําหลวง ทศพร).

กรีฑารมย์
ว. เป็นที่ยินดีในกรีฑา เช่น สองท้าวเสมอกัน และควรที่กรีฑารมย์.(สมุทรโฆษ).

กรีด ๑
[กฺรีด] (ถิ่น) น. เครื่องจับสัตว์น้ำชนิดหนึ่ง. (ดู กราด ๓).

กรีด ๒
[กฺรีด] ก. มีท่วงท่าที่มีลีลางดงามอย่างละครรำ.

กรีดกราย
ว. เยื้องกราย, เดินทอดแขน, มีท่าทางหยิบหย่ง, ทำอะไรไม่เต็มกำลัง.

กรีดน้ำตา
ว. เช็ดน้ำตาด้วยนิ้วอย่างละครรำ, โดยปริยายเป็นคำแสดงความหมั่นไส้ว่าแสร้งร้องไห้ทำให้ดูน่าสงสาร เช่น เรื่องแค่นี้มานั่งกรีดน้ำตาอยู่ได้.

กรีดนิ้ว
ก. กรายนิ้ว, ใช้นิ้วมือหยิบอย่างมีท่าทีหยิบหย่ง.

กรีดเล็บ
ก. อาการที่ใช้เล็บเก็บสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างมีท่างาม เช่น กรีดเล็บเก็บพวงสุมาลี นารีขับเพลงวังเวงใจ. (เงาะป่า).

กรีด ๓
[กฺรีด] ก. ขีดให้เป็นรอยหรือให้ขาด เช่น เอากากเพชรกรีดกระจกเอามีดกรีดใบตองเย็บกระทง; ระไป, ครูดไป, เช่น เอาหลังเล็บกรีดลูกทุเรียนเพื่อให้รู้ว่ากินได้หรือยัง; เอาคมมีดสะบัดบนของแข็งเพื่อให้คม เช่น เอามีดกรีดหินเพื่อให้คม กรีดมีดบนปากชาม.

กรีดไพ่
ก. สับไพ่ป๊อกโดยวิธีแยกไพ่ออกเป็น ๒ ส่วน ใช้มือแต่ละข้างจับไพ่แต่ละส่วนไว้ แล้วใช้ที่หัวแม่มือระไพ่แต่ละใบให้ล้มทับสลับกันจนหมดแล้วผลักรวมเข้าด้วยกัน.

กรีด ๔
[กฺรีด] ว. อาการที่ร้องเสียงแหลม. ก. ร้องเสียงแหลม เช่นกรีดร้อง กรีดเสียง.

กรีดกราด
[-กฺราด] ว. อาการที่ร้องอุทานเพื่อเรียกร้องความสนใจเป็นต้น.

กรี๊ด
ว. อาการที่เปล่งเสียงร้องดังเช่นนั้นด้วยความตกใจหรือโกรธเป็นต้น.

กรี๊ดกร๊าด
ว. อาการที่เปล่งเสียงร้องอุทานแสดงความพอใจเป็นต้น.

กรีธา
[กฺรีทา] ก. เคลื่อน, ยก, เดินทางเป็นหมู่เป็นกระบวน, (ใช้ในการยกทัพ).

กรีธาทัพ
ก. ยกกระบวนทัพ, เดินกองทัพ.

กรีธาพล
ก. รวมพลเข้าเป็นกระบวน.

กรีษ
[กะหฺรีด] (แบบ) น. คูถ, อุจจาระ, ขี้. (ส.; ป. กรีส).

กรีส
[กะหฺรีด] น. อาหารเก่า, คูถ, อุจจาระ, ขี้, เช่น หนึ่งน้ำมูตรกรีสฤๅเกียจฤๅกีด คำคนติฉิน. (สรรพสิทธิ์). (ป.; ส. กรีษ); (แบบ)มาตราวัดความยาวเท่ากับ ๑ เส้น ๑๑ วา ๑ ศอก หรือ ๑๒๕ศอก, ความจุเท่ากับ ๔ อัมพณะ คือ ประมาณ ๔๔ ทะนาน.(ลิปิ). (ป. กรีส; ส. กรฺษ).

กรึกถอง
[กรึกฺถองฺ] (โบ) ว. มากมาย, ตรึกถอง ก็ใช้.

กรึง
[กฺรึง] (โบ) ก. ตรึง, ปักแน่น, ทําให้อยู่กับที่, เช่น ต้องศรพรหมาสตร์ฤทธิรณ กรึงแน่นทรวงบน ตลอดจนยอดปฤษฎางค์. (พากย์).

กรึ๊บ
[กฺรึ๊บ] ว. เสียงเกิดจากการกลืนของเหลวเช่นเหล้าอย่างรวดเร็ว,ลักษณนามเรียกการดื่มเหล้าอึกหนึ่ง ๆ ด้วยอาการอย่างนั้น เช่นดื่มเหล้ากรึ๊บหนึ่ง ดื่มเหล้า ๒ กรึ๊บ. (ปาก) ก. ดื่ม (มักใช้แก่เหล้า).

กรึ่ม
[กฺรึ่ม] ว. อาการที่เมาเหล้าตลอดทั้งวัน เรียกว่า เมากรึ่ม.

กรุ ๑
[กฺรุ] น. ห้องที่ทําไว้ใต้ดิน ใต้พระเจดีย์ เป็นต้น สำหรับเก็บพระพุทธรูปและสิ่งอื่น ๆ,โดยปริยายหมายถึงกระทรวง ทบวง กรม ที่ข้าราชการในสังกัดถูกเรียกตัวเข้ามาอยู่ประจำโดยมิได้มีตำแหน่งหน้าที่ใด ๆเพื่อเป็นการลงโทษหรือก่อนเกษียณอายุราชการ ในความว่า เรียกเก็บเข้ากรุ.

กรุ ๒
[กฺรุ] ก. ปิดกันช่องโหว่หรือที่ว่าง เช่น กรุฝา, รองไว้ข้างล่าง เช่นกรุก้นชะลอม, ปิดกั้น เช่น กรุบ่อ, กรองกรุฉลุกรเม็ด ช่อช้อย.(เพชรมงกุฎ). น. เรียกบ่อซึ่งมีสิ่งรองไว้ที่ก้นว่า บ่อกรุ หรือ กรุ.

กรุก
[กฺรุก] ก. ขลุก, ขลุกขลุ่ย, ง่วนอยู่, เช่น พรรษาหนึ่งสองพรรษาไม่ผาสุก เข้าบ้านกรุกเลยลาสิกขาบท. (นิ. เดือน). ว. เสียงดังกุก เช่นได้ยินเสียงกรุกลุกขึ้นมอง. (คาวี).

กรุกกรัก
ก. ขลุกขลัก เช่น กรุกกรักประดักประเดิดเปิดฝาลุ้ง. (คาวี).ว. เสียงดังกุกกัก เช่น ได้ยินเสียงกรุกกรักก็ทักถาม.'(ม. ร่ายยาว ชูชก).

กรุกกรู๊
ว. เสียงนกเขาขันคู, จุ๊กกรู๊ ก็ว่า.

กรุง
[กฺรุง] น. เมืองหลวง, เมืองซึ่งเป็นที่ตั้งรัฐบาลกลาง, แต่ก่อนหมายถึงประเทศก็ได้ เช่น กรุงสยาม กรุงจีน; (โบ) กษัตริย์ เช่น จึ่งกรุงสุทโธทนเห็นอัศจรรย์ก็ทูลพลันด่งงนี้ฯ. (ม. คำหลวง ทศพร).

กรุ้งกริ่ง
[กฺรุ้งกฺริ่ง] ก. แสดงสีหน้า แววตา และท่าทางเจ้าชู้, กรุ้มกริ่ม ก็ว่า.

กรุงเขมา
[กฺรุงขะเหฺมา] น. ชื่อไม้เถาชนิด Cissampelos pareira L. var. hirsuta(Buch. ex DC.) Forman ในวงศ์ Menispermaceae ใบรูปสามเหลี่ยมปลายมน ผลกลม เมื่อสุกสีแดง.

กรุงพาลี
[กฺรุง-] น. ภาชนะทำด้วยกาบกล้วย เป็นรูปกระบะสี่เหลี่ยม สำหรับวางเครื่องเซ่นสังเวย เรียกว่า บัตรกรุงพาลี หรือ บัตรพระภูมิ, เรียกสั้น ๆว่า บัตรพลี. (มาจากชื่อท้าวพลี). (รามเกียรติ์ ร. ๖).

กรุณ
[กะรุน] (กลอน) น. กรุณา.

กรุณา
[กะรุนา] น. ความสงสารคิดจะช่วยให้พ้นทุกข์ เป็น ๑ ในพรหมวิหาร๔ คือ เมตตา กรุณามุทิตา อุเบกขา; ใช้ประกอบหน้ากริยาแสดงความขอร้องอย่างสุภาพ เช่น กรุณาส่ง; ใช้ร่วมกับคำ พระ เป็นสรรพนามสําหรับพระเจ้าแผ่นดิน เช่น กราบบังคมทูลพระกรุณา. (ป.).

กรุณาทฤคุณ
[-ทฺรึคุน] (โบ; แบบ) น. กรุณาธิคุณ, คุณอันยิ่งใหญ่ คือ กรุณา.

กรุณาธิคุณ
น. คุณอันยิ่งใหญ่ คือ กรุณา. (ป. กรุณา + อธิ + คุณ).

กรุน
[กฺรุน] ก. ตัด, ทําลาย, เช่น จะกรุนจะกราดสงคราม. (ม. ฉันท์มหาราช). (ถิ่นพายัพ กุน ว่า ตัด, ทําลาย, ใช้คู่กับ กาด ว่าทําให้ราบลง).

กรุ่น
[กฺรุ่น] ว. อาการของไฟที่ยังไม่ดับแต่ไม่ถึงกับลุกโพลง เช่น ไฟติดกรุ่นอยู่, โดยปริยายหมายความว่า ยังเหลืออยู่บ้าง, มีเรื่อย ๆ อยู่, เช่นควันกรุ่น หอมกรุ่น; ยังไม่ดับสนิท, ร้อนรุ่มอยู่ภายใน, เช่น โกรธกรุ่น.

กรุบ
[กฺรุบ] ว. เสียงดังเช่นนั้นเมื่อเคี้ยวของแข็งที่แตกง่าย. น. ขนมปั้นก้อนชนิดหนึ่ง เรียกว่า ขนมกรุบ; เรียกกะลาอ่อนของมะพร้าวว่ากรุบมะพร้าว.

กรุบกริบ
ว. เสียงกุกกิก.

กรุ่ม
[กฺรุ่ม] ก. ขันบ่อย ๆ (ปรกติใช้แก่นกเขา แต่ใช้แก่นกอื่นก็มีบ้าง)เช่น บางพวกจับเป็นคู่คูขันกันโดยธรรมดาเวลากรุ่มกําลังที่ตั้งขึ้นตามฤดู. (ม. ร. ๔ วนปเวสน์); โดยปริยายหมายความว่า สบายเรื่อย ๆ ไป เช่น มีเงินตรากินกรุ่มเป็นภูมิฐาน. (นิ. เดือน); รุ่มร้อน,ระอุ, เช่น นรกเท่ากรุ่ม เปลวร้อนเหมือนไฟ. (สุบิน).

กรุ้มกริ่ม
[กฺรุ้มกฺริ่ม] ก. แสดงสีหน้า แววตา และท่าทางเจ้าชู้ เช่น เห็นผู้หญิงเดินผ่านมาก็ทำกรุ้มกริ่มขึ้นมาทันที, กรุ้งกริ่ง ก็ว่า.

กรุย ๑
[กฺรุย] น. หลักที่ปักรายไว้เป็นเครื่องหมาย เช่น ปักกรุย. ก. ปักหลักหรือถางเป็นแนวไว้ เช่น กรุยทาง. (ข. ตฺรุย).

กรุย ๒
[กฺรุย] ว. ทําทีท่าเจ้าชู้ เช่น ห่มเพลาะกรูมกรอกรุยฉุยเฉิดฉัน.(มณีพิชัย).

กรุยกราย
ว. เดินทําทีท่าเจ้าชู้; มีท่าทางหยิบหย่ง, ในบทกลอนใช้ว่า กรายกรุยก็มี เช่น อย่านุ่งลายกรายกรุยทําฉุยไป. (สุภาษิตสุนทรภู่).

กรุยเกรียว
[กฺรุย-] (กลอน) ว. เกรียวกราว เช่น แสรกเสียงกรุยเกรียว.(ดุษฎีสังเวย).

กรู ๑
[กฺรู] ว. อาการที่ไปพร้อม ๆ กันโดยเร็ว เช่น วิ่งกรูกันไป.

กรู ๒
[กฺรู] น. ข้าวชนิดที่ทําเพื่ออุทิศให้เปรตประเภทหนึ่งในพิธีสารทเรียกว่า ข้าวกรู.

กรูด ๑
[กฺรูด] (โบ) น. มะกรูด เช่น งั่วนาวทรนาวเนกกรูดฉุรเฉกจรุงธาร.(ม. คําหลวง จุลพน); (ถิ่น-ปักษ์ใต้) มะกรูด.

กรูด ๒
[กฺรูด] ว. เสียงอย่างเสียงที่ลากของหนักถูไปกับพื้น; อาการที่ถอยอย่างรวดเร็วไม่มีระเบียบหรืออย่างตั้งตัวไม่ติด ในคําว่า ถอยกรูด.

กรูด ๓
[กฺรูด] น. โรคหูด.

กรูม
[กฺรูม] ว. กรอม, คลุม, เช่น ห่มเพลาะกรูมกรอกรุยฉุยเฉิดฉัน.(มณีพิชัย).

กเรณุ
[กะเรนุ] (แบบ) น. ช้าง เช่น ไร้เกวียนกาญจนยานสินธพแลสี-พิกากเรณุหัสดี ดำรง. (สรรพสิทธิ์).(ป.).

กเรนทร, กเรนทร์
(กลอน; แผลงมาจาก กรินทร์) น. ช้าง เช่น พลคชคณหาญหักกเรนทรปรปักษ์ ปราบประลัย. (สมุทรโฆษ).

กฤช
[กฺริด] (โบ) น. กริช.

กฤด-
[กฺริดะ-] (แบบ) ว. อันกระทําแล้ว (ใช้ประกอบเป็นส่วนหน้าของสมาส), ในบทกลอนแผลงเป็น กฤษฎา ก็มี. (ส. กฺฤต; ป. กต).

กฤดาญชลี
[กฺริดานชะลี] ก. ยกมือไหว้. (ส.; ป. กตญฺชลี = มีกระพุ่มมืออันทําแล้ว), ในบทกลอนใช้แผลงเป็นรูปต่าง ๆ คือ กฤดาอัญชลีกฤษฎา กฤษฎาญ กฤษฎาญชลี กฤษฎาญชุลี กฤษฎาญชลิตกฤษฎาญชวลิตวา กฤษฎาญชวลิศ กฤษฎาญชวเลศ.

กฤดาธิการ
[กฺริดาทิกาน] น. บารมีอันยิ่งใหญ่ที่ทําไว้. ว. มีบารมีอันยิ่งใหญ่ที่ทําไว้. (ส.; ป. กตาธิการ), ในบทกลอนใช้เป็น กฤดา หรือ กฤดาการ ก็มี.

กฤดาภินิหาร
[กฺริดาพินิหาน] น. อภินิหาร (บุญอันยิ่ง) ที่ทําไว้. ว. มีอภินิหารที่ทําไว้, (ส.; ป. กตาภินิหาร), ในบทกลอนใช้แผลงเป็น กฤษฎาหรือ กฤษฎาภินิหาร ก็มี.

กฤดยาเกียรณ
[กฺริดดะยาเกียน] (แบบ) ว. พร้อมด้วยเกียรติยศ เช่น ความชอบกอปรกฤดยากยรณ. (ม. คําหลวง ทานกัณฑ์). (ส. กีรฺติ + อากีรฺณ).

กฤดา, กฤดาการ
[กฺริดา, กฺริดากาน] (โบ; กลอน) น. บารมีอันยิ่งที่ทำไว้ (กร่อนมาจาก กฤดาธิการ) เช่น ทรงพระกฤดาเดชานุภาพยิ่งทวีขึ้น. (พงศ.อยุธยา), ผู้ใดมีบุญญากฤดาการ. (เสภาสุนทรภู่).

กฤดาญชลี
ดู กฤด-.

กฤดาธิการ
ดู กฤด-.

กฤดาภินิหาร
ดู กฤด-.

กฤดายุค
[กฺริดา-] น. ชื่อยุคแรกของจตุรยุคตามคติของพราหมณ์ ในยุคนี้มนุษย์มีธรรมะสูงสุด คือ เต็ม ๔ ใน ๔ ส่วน และมีอายุยืนยาวที่สุด. (ส. กฺฤตยุค). (ดู จตุรยุค).

กฤดาอัญชลี
[กฺริ-] (โบ; กลอน) แยกคําจาก กฤดาญชลี เช่น ขอถวายกฤดาอัญ-ชลีโอนศิโรจร. (ตําราช้างคําฉันท์).

กฤดิ
[กฺริดดิ] (โบ; กลอน) น. เกียรติ เช่น วรกฤดิโอฬาร.(ชุมนุมตํารากลอน). (ส. กีรฺติ; ป. กิตฺติ).

กฤดีกา, กฤตยฎีกา
[กฺริ-, กฺริดตะยะ-] แผลงมาจาก กติกา เช่น อันว่าความกฤดีกาแต่สองราแรกทรงพรต. (ม. คําหลวง กุมาร), ชําระกฤตยฎีกา.(ไวพจน์พิจารณ์).

กฤตติกา
[กฺริดติ-] น. ดาวฤกษ์ที่ ๓ มี ๘ ดวง เห็นเป็นรูปธงสามเหลี่ยมมีหางเรียวยาว, ดาวธงสามเหลี่ยมหรือ ดาวลูกไก่ ก็เรียก, (โบ)เขียนเป็น กฤติกา ก็มี. (ส. กฺฤตฺติกา; ป. กตฺติกา).

กฤตย-
[กฺริดตะยะ-] (โบ; กลอน) ก. ทํา. (ส.).

กฤตยา ๑
[กฺริดตะ-] (โบ; กลอน) น. เกียรติเช่น เสื่อมกฤตยาสยามยศ. (ตะเลงพ่าย).

กฤตยา ๒, กฤติยา
[กฺริดตะ-, กฺริดติ-] น. การใช้เวทมนตร์, เสน่ห์, อาถรรพณ์, เช่นมนตร์กฤตยานั้นซั้น เสื่อมสิ้นทุกอัน. (โลกนิติ), หาแม่มดถ้วนหน้าหมู่แก้ กฤติยา. (ลอ).

กฤติกา
[กฺริดติ-] (โบ) น. ดาวฤกษ์ที่ ๓ มี ๘ ดวง เห็นเป็นรูปธงสามเหลี่ยมมีหางเรียวยาว เช่น หมู่สามสมมุติ์กุกกุฏโบ- ดกกฤติกาขาน.(สรรพสิทธิ์), ดาวธงสามเหลี่ยม หรือ ดาวลูกไก่ ก็เรียก.(ส. กฺฤตฺติกา; ป. กตฺติกา).

กฤษฎา ๑
[กฺริดสะดา] (โบ; กลอน; แผลงมาจาก กฤด) ว. ที่ทําแล้ว เช่นเพื่อพระราชกฤษฎา แต่กี้ (ราชกิจที่ทรงทํามาแล้ว). (ตะเลงพ่าย).

กฤษฎา ๒, กฤษฎาภินิหาร
[กฺริดสะ-] (โบ; กลอน) แผลงมาจาก กฤดาภินิหาร เช่น เชิญชมชื่นกฤษฎา. (ม. คําหลวง ฉกษัตริย์).

กฤษฎา ๓, กฤษฎาญ, กฤษฎาญชลิต, กฤษฎาญชลี, กฤษฎาญชวลิตวา, กฤษฎาญชวลิศ, กฤษฎาญชวเลศ, กฤษฎาญชุลี
[กฺริดสะดา, -ดาน, -ดานชะลิด, -ดานชะลี, -ดานชะวะลิดตะวา,-ดานชะวะลิด, -ดานชะวะเลด,-ดานชุลี] (โบ; กลอน) แผลงมาจากกฤดาญชลี เช่น ถวายอภิวันทกฤษฎาญ กฤษฎาการกราบเกล้า.(ม. คําหลวง มัทรี; ฉกษัตริย์), กฤษฎาญชลิตไหว้. (มาลัยคําหลวง),กฤษฎาญชลียะยุ่งแล. (ม. คําหลวง ทศพร), อันว่ากฤษฎาญชวลิตวา.(มาลัยคำหลวง), อนนว่าเจ้าสากลกฤษฎาญชวลิศท่านธแล้ว.(ม. คําหลวง ทานกัณฑ์), ถวายกฤษฎาญชวเลศ ทูลแถลงเหตุนุสนธ์.(เพชรมงกุฎ), กฤษฎาญชุลีน้อม. (ฉันทลักษณ์).

กฤษฎาธาร
[กฺริดสะดาทาน] น. พระที่นั่งที่ทําขึ้นสําหรับเกียรติยศ (?)เช่น พระมหาพิชัยราชรถกฤษฎาธาร. (เรื่องพระบรมศพ).

กฤษฎี
[กฺริดสะดี] (แบบ; กลอน) น. รูป เช่น พระอินทราธิราชแปรกฤษฎี.(สมุทรโฆษ). (ส. อากฺฤติ = รูป).

กฤษฎีกา
[กฺริดสะ-] น. แผลงมาจาก กติกา เช่น ก็รับพระกฤษฎีกากําหนดแห่งพระดาบสว่าสาธุแล. (ม. คําหลวง วนปเวสน์); (กฎ) บทกฎหมายซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้น เพื่อใช้ในการบริหารเรียกว่า พระราชกฤษฎีกา; ชื่อคณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการร่างกฎหมายและกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ รวมเรียกว่าคณะกรรมการกฤษฎีกา; (กฎ; โบ) พระราชโองการที่มีลักษณะเป็นกฎหมาย.

กฤษณา
[กฺริดสะหฺนา] น. ส่วนของเนื้อไม้ซึ่งมีสีดํา เกิดเมื่อต้นไม้มีบาดแผลพบเฉพาะในต้นไม้ชนิด Aquilaria crassna Pierre ex H. Lec.และ A. malaccensis Lam. ในวงศ์ Thymelaeaceae กลิ่นหอมใช้ทํายาได้.

กล, กล-
[กน, กนละ-] น. การลวงหรือล่อลวงให้หลงหรือให้เข้าใจผิดเพื่อให้ฉงนหรือเสียเปรียบ เช่น เล่ห์กล, เล่ห์เหลี่ยม เช่น กลโกง;เรียกการเล่นที่ลวงตาให้เห็นเป็นจริงว่า เล่นกล; เครื่องกลไก,เครื่องจักร, เครื่องยนต์, เช่น ช่างกล. ว. เช่น, อย่าง, เหมือน, เช่นเหตุผลกลใด; เคลือบแฝง เช่น ถ้าจําเลยให้การเป็นกลความ.(กฎหมาย).

กลไก
[กน-] น. ตัวจักรต่าง ๆ, โดยปริยายหมายความว่าบุคคลผู้เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในระดับ ต่าง ๆ, ระบบหรือองค์การที่บุคคลผู้เป็นเจ้าหน้าที่ในระดับต่าง ๆ ปฏิบัติงานร่วมกันดุจเครื่องจักร,ระบบที่จะให้งานสําเร็จตามประสงค์, เช่น กลไกการปกครอง;(วิทยา) กระบวนการต่อเนื่องที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยา เช่น กลไกการย่อยอาหาร กลไกของการสร้างอาหารของพืชโดยการสังเคราะห์ด้วยแสง. (อ. mechanism).

กลฉ้อฉล
[กน-] (กฎ) น. การใช้อุบายหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือการจงใจปิดบังซ่อนเร้นข้อความจริงเพื่อให้ผู้อื่นหลงผิดแสดงเจตนาทำนิติกรรม การแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉลเป็นโมฆียะ. (อ. fraud).

กลบท
[กนละบด] น. คําประพันธ์ที่บัญญัติให้ใช้คําหรือสัมผัสเป็นชั้นเชิงยิ่งกว่าธรรมดา เช่น อมรแมนแม่นแม้นเจ้างามโฉม. (กลบทตรีประดับ).

กลพยาน
[กน-] น. พยานที่ถูกวานให้ไปถามเป็นคํานับ. (สามดวง).

กลไฟ
[กน-] น. เรียกเรือโดยสารหรือบรรทุกสินค้าที่ใช้ฟืนเป็นต้นเป็นเชื้อเพลิงมีขนาดใหญ่กว่าเรือไฟ นิยมใช้แล่นในท้องทะเลหรือมหาสมุทร ว่าเรือกลไฟ.

กลเม็ด ๑
[กนละเม็ด] น. วิธีที่แยบคายหรือพลิกแพลง, กัลเม็ด ก็ว่า.

กลยุทธ์
[กนละ-] น. การรบที่มีเล่ห์เหลี่ยม, วิธีการที่ต้องใช้กลอุบายต่าง ๆ,เล่ห์เหลี่ยมในการต่อสู้.

กลวิธี
[กนละ-] น. วิธีพลิกแพลง โดยอาศัยความรู้ความชํานาญ.

กลศาสตร์
[กนละ-] น. วิชาฟิสิกส์สาขาหนึ่ง ที่ศึกษาเกี่ยวกับการกระทําของแรงต่อเทหวัตถุ และผลที่เกิดขึ้นแก่เทหวัตถุนั้นภายหลังที่ถูกแรงมากระทํา. (อ. mechanics).

กลอักษร
[กน-, กนละ-] น. ชื่อเพลงยาวกลบทที่ซ่อนเงื่อนไว้ให้อ่านฉงนตัวอย่างว่า โอ้อกเอ๋ยแสนวิตก กระไรเลยระกําใจ จะจากไกลไม่เคย ให้อ่านว่า โอ้อกเอ๋ยแสนวิตกโอ้อกเอ๋ย กระไรเลยระกำใจกระไรเลย จะจากไกลไม่เคยจะจากไกล. (กลอักษรงูกลืนหาง).(จารึกวัดโพธิ์).

กลอุปกรณ์
[กนอุปะกอน, กนอุบปะกอน] น. อุปกรณ์เชิงกลที่ออกแบบหรือผลิตขึ้นเพื่อใช้ในกิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง.

กลด ๑
[กฺลด] น. ร่มขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ขอบร่มมีระบาย คันยาวกว่าก้านร่ม ใช้ถือกั้นเจ้านาย หรือพระภิกษุที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์, ราชาศัพท์ว่า พระกลด, เรียกร่มขนาดใหญ่มีด้ามสำหรับพระธุดงค์โดยเฉพาะ, เรียกดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ที่มีแสงสีรุ้งเป็นวงกลมล้อมรอบว่า ดวงอาทิตย์ทรงกลดดวงจันทร์ทรงกลด. (ข. กฺลส).

กลดกำมะลอ
น. ร่มชนิดหนึ่ง พื้นขาวโรยทองเป็นเครื่องยศ.

กลดพระสุเมรุ
น. ท่ารําละครท่าหนึ่ง อยู่ในอันดับว่า สารถีชักรถ กลดพระสุเมรุตระเวนเวหา. (ฟ้อน).

กลด ๒
[กฺลด] (โบ) น. ภาชนะใส่น้ำเทพมนตร์ของพราหมณ์. (ดู กลศ).

กล่น
[กฺล่น] ก. เกลื่อนกลาด, ดื่นดาษ, เรี่ยรายอยู่.

กลบ
[กฺลบ] ก. กิริยาที่เอาสิ่งซึ่งเป็นผงโรยทับข้างบนเพื่อปิดบัง, เอาดินหรือสิ่งอื่น ๆ ใส่ลงไปในที่เป็นหลุมเป็นบ่อ หรือเป็นแอ่งเพื่อให้เต็มหรือไม่ให้เห็นร่องรอย, โดยปริยายหมายความว่า ปิดบัง เช่นกลบความ, ใช้เนื้อ, ทดแทน, เช่น ให้เอาสินไหมมากลบทรัพย์นั้นเสีย.(กฎ. ราชบุรี), กลบลบ ก็ว่าเช่น หักกลบลบหนี้.

กลบเกลี่ย
ก. ปิดให้เรียบสนิท.

กลบเกลื่อน
ก. ทําให้เรื่องเลือนหายไป.

กลบบัตรสุมเพลิง
น. ชื่อพิธีพราหมณ์อย่างหนึ่ง ทําแก้เสนียด.

กลม ๑
[กฺลม] น. ชื่อเพลงไทยของเก่าที่ใช้เครื่องปี่พาทย์ ทําตอนตัวละครรำออกจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยตัวคนเดียว จะเหาะหรือเดินก็ได้,และใช้เป็นเพลงประจํากัณฑ์สักบรรพ ในเวลามีเทศน์มหาชาติ.

กลม ๒
[กฺลม] ดู เหมือดโลด (๑).

กลม ๓
[กฺลม] ลักษณนามเรียกจํานวนเหล้าบางประเภทที่บรรจุในภาชนะกลม ส่วนมากเป็นขวด เช่น เหล้ากลมหนึ่ง เหล้า ๒ กลม. ว. มีสัณฐานโดยรอบไม่เป็นเหลี่ยม, ถ้าเหมือนลูกหิน เรียกว่าลูกกลม, ถ้าเหมือนเส้นที่ลากเป็นวงมาจดกัน โดยมีเส้นรัศมียาวเท่ากัน เรียกว่า วงกลม, ถ้าเหมือนสตางค์ เรียกว่า กลมแบน,ถ้าเหมือนกระบอกไม้ไผ่ เรียกว่า กลมยาว, ถ้าเหมือนลูกไข่ แต่หัวและท้ายเท่ากัน เรียกว่า กลมรี; (ปาก) อ้วน เช่น เขามีสุขภาพดีขึ้นจนดูกลมไปทั้งตัว; (กลอน) โดยปริยายว่า เรียบร้อยดี เช่น ใจพระลออยู่บมิกลม. (ลอ); กลิ้งกลอกเต็มตัว เช่น คนกลมดั่งน้ำกลอกใบบัว.

กลมกล่อม
ว. ที่เข้ากันพอดี (ใช้แก่รสหรือเสียง).

กลมกลืน
ก. เข้ากันได้ดี, ไม่ขัดแย้งกัน.

กลมกลืนกลอน
น. ชื่อเพลงยาวกลอักษร ตัวอย่างว่า แสนเสียดายหายห่างโอ้แสนเสียดายกรายนาฏช่าง แสนเสียดายงอนงามเจ้า ให้อ่านว่าแสนเสียดายหายห่างโอ้ห่างหาย แสนเสียดายกรายนาฏช่างนาฏกราย แสนเสียดายงอนงามเจ้างามงอน. (จารึกวัดโพธิ์).

กลมเกลียว
ว. ที่เข้ากันได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน.

กลมดิก
ว. กลมทีเดียว, กลิ้งไปได้รอบตัว, โดยปริยายหมายความว่า กลิ้งกลอก.

กลมเป็นลูกมะนาว, กลิ้งเป็นลูกมะนาว
(สํา) ว. หลบหลีกไปได้ คล่องจนจับไม่ติด (มักใช้ในทางไม่ดี).

กลม ๔
[กฺลม] ว. (โบ) ปวง, หมด, สิ้น, เช่น ทั้งกลม คือ ทั้งปวง, จึ่งได้เมืองแก่กูทงงกลํ. (จารึกสยาม); เรียกหญิงที่ตายพร้อมกับลูกที่อยู่ในท้องว่า หญิงตายทั้งกลม หมายถึง ตายทั้งหมด คือ ตายทั้งแม่ทั้งลูก.

กลมภะ
[กะลมพะ] (กลอน) ว. หลายอย่างรวมกัน เช่น จําหลักจําหลอกกลม-ภบังอวจจําหลักกราย. (สมุทรโฆษ). (ทมิฬ กลมฺป).

กลเม็ด ๑
ดูใน กล, กล-.

กลเม็ด ๒
[กนละ-] น. ชื่อเทียนชนิดหนึ่ง ซึ่งตามประเพณีเดิมจุดตั้งแต่วันเกิดมาและเลี้ยงไฟต่อกันไว้จนถึงวันตาย เมื่อถึงวันเผาก็ใช้ไฟนั้นเผาเรียกว่า เทียนกลเม็ด, เทียนจุดคู่ชีพเวลาจะสิ้นใจ.

กลละ
[กะละละ] (แบบ) น. รูปเริ่มแรกที่ปฏิสนธิในครรภ์มารดาเช่น ผู้หญิงอันมีครรภ์ด้วยชลามพุชโยนิ เมื่อแรกก่อเป็นนั้นน้อยนักหนา เรียกชื่อว่า กลละหัวปีมีเท่านี้. (ไตรภูมิ). (ป., ส.).

กลวง ๑
[กฺลวง] ว. เป็นรูเป็นโพรงข้างใน, ไม่ตัน.

กลวง ๒
[กฺลวง] น. บริเวณ, ที่ว่าง, ท่ามกลาง, เช่น ในกลวงป่าตาลนี้มีศาลาสองอัน. (จารึกสยาม).

กลวง ๓
[กฺลวง] (ปาก) น. โรงถลุงดีบุก, คลวง ก็ว่า.

กลวม
[กฺลวม] (โบ) ก. กรวม, สวม; ทับ เช่น บงงเมฆกลวมกลุ้มหล้าหล่อแสง. (ยวนพ่าย).

กล้วย ๑
[กฺล้วย] น. ชื่อไม้ล้มลุกหลายชนิดในสกุล Musa วงศ์ Musaceaeจัดแยกออกได้เป็น ๒ จําพวก จําพวกที่แตกหน่อเป็นกอ ผลสุกเนื้อนุ่ม กินได้ มีหลายชนิดและหลายพันธุ์ เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่กล้วยหอม บางชนิดผลสุกเนื้อแข็ง มักเผา ต้ม หรือเชื่อมกิน เช่นกล้วยกล้าย กล้วยหักมุก,จําพวกที่ไม่แตกหน่อเป็นกอ ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ใบประดับไม่ร่วง เช่น กล้วยนวล กล้วยผา.

กล้วย ๆ
(ปาก) ว. ง่ายมาก เช่น เรื่องกล้วย ๆ ของกล้วย ๆ.

กล้วยกล้าย
ดู กล้าย.

กล้วยแขก
น. กล้วยน้ำว้าชุบแป้งทอด.

กล้วยงวงช้าง
ดู ร้อยหวี.

กล้วยใต้
(ถิ่น-เชียงใหม่) น. กล้วยน้ำว้า. (ดู น้ำว้า).

กล้วยสั้น
ดู กุ ๒.

กล้วย ๒
[กฺล้วย] น. (๑) ชื่อปลาทะเลขนาดเล็กชนิด Stolephorus indicusในวงศ์ Engraulidae รูปร่างกลมยาว ที่สันท้องระหว่างครีบท้องกับครีบก้นมีหนามแหลม ๒-๕ อัน มีสีเด่นเพียงแถบสีเงินพาดตลอดข้างลําตัว มักอยู่รวมกันเป็นฝูงใกล้ฝั่ง อาจปนกับปลาชนิดอื่นในสกุลเดียวกันซึ่งมีขนาดเล็กกว่า และอาจมีชื่อเรียกปะปนกันเช่น กะตัก หัวอ่อน มะลิ ไส้ตัน หัวไม้ขีด เส้นขนมจีน เก๋ย.(๒) ดู ซ่อนทราย (๑).

กล้วยน้อย
น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Xylopia vielana Pierre ในวงศ์Annonaceae กิ่งสีน้ำตาลดําดอกหอม รากสีดํา กลิ่นเหมือนน้ำมันดิน เชื่อกันว่ารากใช้แก้พิษงู.

กล้วยไม้
น. (๑) ชื่อพรรณไม้หลายชนิดหลายสกุลในวงศ์ Orchidaceaeลักษณะต้น ใบ และช่อดอกต่าง ๆกัน บางชนิดเกาะตามต้นไม้และหิน บางชนิดขึ้นอยู่บนพื้นดิน บางชนิดมีดอกงาม บางชนิดมีกลิ่นหอม, พายัพเรียก เอื้อง. (๒) (ถิ่น-ปักษ์ใต้) ต้นจุกโรหินี.(ดู จุกโรหินี).

กล้วยหมูสัง
น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Uvaria grandiflora Roxb.ในวงศ์ Annonaceae มีแถบปักษ์ใต้ ดอกสีแดงเลือดนก,ย่านนมควาย ก็เรียก.

กลศ
[กฺลด] น. ภาชนะใส่น้ำเทพมนตร์ของพราหมณ์ มีลักษณะเหมือนคนโท มีฝาปิด มีพวยอย่างกาน้ำ เรียกว่า หม้อกลศ, (โบ) เขียนเป็นกลด ก็มี. (ส.; ป. กลส).

กลหาย
[กะละ-] (โบ; กลอน) ก. กระหาย เช่น อันว่าทวยท่ววทงงหลายหื่นกลหายสาหัส. (ม. คําหลวง ทานกัณฑ์).

กลเหย
[กะละ-] (โบ) ก. ระเหย, ซ่านออก.

กล้อ ๑
[กฺล้อ] น. เรือโกลน. ว. กลม. ก. ทําให้กลม; (ถิ่น-ปักษ์ใต้) โคลงเช่น เรือกล้อ ว่า เรือโคลง.

กล้อ ๒
[กฺล้อ] (โบ) น. เครื่องสานยาชันชนิดหนึ่ง เช่น ก็ให้น้ำเต็มเต้า เข้าเต็มไหไปเต็มหม้อ ชื่อว่ากล้อก็บมิให้พร่องเลอย. (ม. คําหลวง ชูชก). (ดู กร้อ).(เทียบ ข. กฺรฬ ว่า ไห).

กลอก
[กฺลอก] ก. เคลื่อนหรือขยับเขยื้อนกลับไปกลับมาภายในเขตของสิ่งนั้น ๆ เช่น กลอกตา กลอกหน้า, ทําให้มีอาการเช่นนั้นเช่น กลอกน้ำร้อนในถ้วยเพื่อให้เย็น.

กลอกกลับ
ว. ไม่อยู่กับร่องกับรอย, พลิกแพลง, (ใช้แก่กริยาพูด), กลับกลอกก็ว่า.

กลอกแกลก
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) ว. เหลวไหล, ไม่แน่นอน.

กลอง ๑
[กฺลอง] น. เครื่องตีทําด้วยไม้เป็นต้น มีลักษณะกลม กลวง ขึงด้วยหนัง มีหลายชนิด, ถ้าขึ้นหนังหน้าเดียว มีรูปยาวมาก ใช้สะพายในเวลาตี เรียกว่า กลองยาว หรือ เถิดเทิง, ถ้าขึ้นหนังหน้าเดียว มีรูปกลมแบนและตื้น เรียกว่า กลองรํามะนา, ถ้าขึ้นหนังทั้ง ๒ หน้า ร้อยโยงเข้าด้วยกันด้วยหนังเรียด เรียกว่า กลองมลายู, ถ้าร้อยโยงด้วยหวายเรียกว่า กลองแขก กลองชนะ, ถ้าขึ้นหนังตรึงแน่นทั้ง ๒ หน้า เรียกว่ากลองทัด.

กลองเพล
[-เพน] น. กลองทัดขนาดใหญ่ใช้ตีเป็นสัญญาณบอกเวลา ๑๑นาฬิกา เพื่อภิกษุสามเณรจะได้ฉันเพล.

กลอง ๒
[กฺลอง] น. ชื่อเพลงชนิดหนึ่งเป็นเพลงแขก ใช้ปี่ชวาและกลองแขกทํานองเล่นกระบี่กระบอง ที่เรียกว่า สะระหม่า, ทําตอนที่เล่นกีฬาท่าต่าง ๆ มีรําดาบ รําง้าว เป็นต้น เรียกว่า เพลงกลองแขก ก็ได้,อีกอย่างหนึ่งเมื่อรําเป็นท่ามลายู ซึ่งเรียกว่า สะระหม่าแขก ใช้เพลงเรียกว่า กลองมลายูเครื่องและทํานองอย่างเดียวกับเพลงกลองแขกแต่ในตอนนี้รํากริช.

กลองโยน
ดู ทะแยกลองโยน.

กล่อง
[กฺล่อง] น. ภาชนะใส่สิ่งของรูปกลมหรือเหลี่ยมมีฝาปิด, สิ่งที่ทําเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก มีลิ้นชักเข้าออกได้ สําหรับบรรจุไม้ขีดไฟ เรียกว่า กล่องไม้ขีดไฟ, กลักไม้ขีดไฟ ก็เรียก.

กล่องเสียง
น. อวัยวะสำคัญในการเปล่งเสียงพูด ตั้งอยู่บริเวณส่วนบนของหลอดลม.

กล้อง ๑
[กฺล้อง] น. วัตถุลักษณะยาวกลวงตลอด, เรียกของใช้บางอย่างที่มีลักษณะเช่นนั้น เช่น กล้องเป่าแล่น กล้องส่อง; เครื่องที่มีรูปร่างต่าง ๆ ประกอบด้วยเลนส์สําหรับถ่ายภาพหรือขยายภาพเช่น กล้องถ่ายรูป กล้องจุลทรรศน์; (ถิ่น-ปักษ์ใต้) หลอด เช่นกล้องเกียง ว่า หลอดตะเกียง.

กล้องจุลทรรศน์
น. กล้องขยายดูของเล็กให้เห็นเป็นของใหญ่. (อ. microscope).

กล้องตาเรือ
น. กล้องปริทรรศน์.

กล้องตุด
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. กล้องไม้ซาง.

กล้องโทรทรรศน์
น. กล้องสำหรับดูของไกลให้เห็นใกล้, กล้องส่องทางไกล ก็ว่า.(อ. telescope).

กล้องปริทรรศน์
[ปะริทัด] น. กล้องชนิดหนึ่งที่ใช้มองดูสิ่งต่าง ๆ ซึ่งมีที่กำบังขวางกั้น หรือใช้มองดูสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่เหนือระดับสายตาผู้มองเช่น กล้องเรือดำน้ำ, กล้องตาเรือ ก็เรียก. (อ. periscope).

กล้องระดับ
น. กล้องสํารวจชนิดหนึ่ง เป็นเครื่องวัดระดับชนิดฟองน้ำที่ใช้ประกอบกับกล้องส่องเพื่อใช้หาระดับสูงต่ำของพื้นที่.

กล้องวัดมุม
น. กล้องสํารวจชนิดหนึ่ง สําหรับวัดมุมแนวนอนและแนวยืนได้ในขณะเดียวกัน ไม่ว่าที่หมายเล็งจะอยู่บนพื้นดินหรือในท้องฟ้าก็ตามประกอบด้วยจานองศาแนวนอนกับแนวยืนเพื่อใช้วัดมุม.(อ. theodolite).

กล้องสนาม
น. กล้องส่องทางไกล มี ๒ ตา.

กล้องสลัด
น. กล้องที่ใช้ใส่อาวุธซัดไป. (พิชัยสงคราม); กล้องส่องทางไกลมีตาเดียว.

กล้องส่องทางไกล
น. กล้องโทรทรรศน์, กล้องสําหรับส่องดูของไกลให้เห็นใกล้.

กล้องสำรวจ
น. กล้องที่ใช้ในงานรังวัดและสํารวจทําแผนที่ มีหลายชนิดเช่น กล้องระดับ กล้องวัดมุม กล้องถ่ายรูปทางอากาศ.

กล้อง ๒
[กฺล้อง] ว. เรียกข้าวที่สีเอาเปลือกออกโดยยังมีจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวอยู่ว่า ข้าวกล้อง. ก. ตำข้าวเปลือกให้เปลือกหลุด; เกลา, โกลน; โดยปริยายใช้ว่า ทุบ, ถอง.

กล้องแกล้ง
[กฺล้องแกฺล้ง] ว. มีรูปร่างเอวเล็กเอวบาง, อ้อนแอ้น; มีท่าทางเป็นเชิงเจ้าชู้.

กลอน ๑
[กฺลอน] น. ไม้ขัดประตูหน้าต่าง, ดาล, เครื่องสลักประตูหน้าต่าง;ไม้ที่พาดบนแปสําหรับวางเครื่องมุงหลังคาจากเป็นต้น.

กลอน ๒
[กฺลอน] น. คําประพันธ์ซึ่งแต่เดิมเรียกคําเรียงที่มีสัมผัสทั่วไป จะเป็นโคลง ฉันท์ กาพย์ หรือร่ายก็ตาม เช่นในคำว่า ชุมนุมตํารากลอน, ครั้นเรียกเฉพาะคําประพันธ์เฉพาะอย่างเป็นโคลง ฉันท์ กาพย์ ร่าย แล้วคําประพันธ์นอกนี้อีกอย่างหนึ่งจึงเรียกว่ากลอน เป็นลํานําสําหรับขับร้องบ้าง คือ บทละคร สักวา เสภา บทดอกสร้อย, เป็นเพลงสําหรับอ่านบ้าง คือ กลอนเพลงยาว หรือ กลอนตลาด.

กลอนด้น
น. คํากลอนที่ว่าดะไปไม่คํานึงถึงหลักสัมผัส.

กลอนตลาด
น. คํากลอนสามัญ โดยมากเป็นกลอน ๘ เช่น กลอนนิราศนิทานคำกลอน.

กลอนบทละคร
น. กลอนเล่าเรื่อง ใช้เป็นบทแสดง วรรคแรกจะต้องขึ้นต้นด้วยเมื่อนั้น บัดนั้น หรือ มาจะกล่าวบทไป.

กลอนเพลงยาว
น. กลอนที่เขียนขึ้นเพื่อแสดงความรักหรือเล่าสู่กันฟัง เป็นต้นขึ้นต้นด้วยวรรครับหรือวรรคที่ ๒ ของบท.

กลอนลิลิต
น. คํากลอนที่แต่งอย่างร่าย. (ชุมนุมตํารากลอน).

กลอนสด
น. กลอนที่ผูกและกล่าวขึ้นในปัจจุบันโดยไม่ได้คิดมาก่อน,โดยปริยายหมายความว่า ข้อความที่กล่าวขึ้นในปัจจุบันโดยมิได้เตรียมตัวมาก่อน เช่น พูดกลอนสด.

กลอนสวด
น. กลอนที่อ่านเป็นทํานองสวด แต่งเป็นกาพย์ยานี ๑๑ หรือกาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ข้อความที่แต่งมักเป็นเรื่องในศาสนา.

กลอนสุภาพ
น. กลอนเพลงยาว บางครั้งเรียกว่า กลอนตลาด.

กลอน ๓
[กฺลอน] น. ลูกตุ้ม, ขลุบ, เช่น แกว่งกลอนยรรยงยุทธ์. (อนิรุทธ์).

กล่อน
[กฺล่อน] น. ชื่อโรคชนิดหนึ่ง ตามตําราแพทย์แผนโบราณว่าเกิดจากของเหลวเข้าไปขังอยู่ในถุงอัณฑะ, ถ้าของเหลวนั้นเป็นน้ำ เรียกว่ากล่อนน้ำ, ถ้าเป็นเลือด เรียกว่า กล่อนเลือด, ถ้าเป็นหนอง เรียกว่ากล่อนหนอง.

กล้อน
[กฺล้อน] ก. ตัดหรือทําให้เกรียน (ใช้แก่ผมหรือขนสัตว์). ว. เลี่ยน,โล้น.

กล่อม ๑
[กฺล่อม] น. ชื่อมาตราเงินโบราณ ๒ กล่อม เป็น ๑ กล่ำ.

กล่อม ๒
[กฺล่อม] ก. ถากแต่งให้กลมงาม เช่น กล่อมเสา กล่อมไม้;โดยปริยายหมายความว่า เหมาะเจาะ เช่น น้ำหอมกล่อมกลิ่นดอกไม้กลั่น. (ขุนช้างขุนแผน).

กล่อมเกลา
[-เกฺลา] ก. ทําให้เรียบร้อย, ทําให้ดี, โดยปริยายหมายความว่าอบรมให้มีนิสัยไปในทางดี.

กล่อมเกลี้ยง
ก. อบรมเลี้ยงดูให้มีนิสัยดี.

กล่อมท้อง
ก. ใช้ฝ่ามือคลึงบริเวณท้องเบา ๆ เพื่อให้คลอดง่าย.

กล่อมมดลูก
ก. เร่งให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้นโดยการประคบบริเวณท้อง.

กล่อม ๓
[กฺล่อม] น. ชื่อเพลงเครื่องปี่พาทย์ ทําตอนพระเข้าหานาง ซึ่งเรียกว่า โลม หรือตอนขับบําเรอ เรียกว่า กล่อมมโหรี อันใช้เป็นเครื่องสายประสมในภายหลัง และมีชื่อเป็นชนิดต่าง ๆ คือกล่อมช้าง กล่อมพระยา กล่อมนารี และกล่อมในพิธีพราหมณ์เรียกว่า ช้าหงส์ หรือ ช้าเจ้าหงส์, ชาวบ้านมักเรียกว่า กล่อมหงส์. ก. ร้องเป็นทํานองเพื่อเล้าโลมใจหรือให้เพลิน, โดยปริยายหมายความว่า พูดให้น้อมใจตาม หรือ ทําให้เพลิดเพลิน เช่น กล่อมใจกล่อมอารมณ์.

กล่อมหอ
ก. ขับร้องหรือเล่นดนตรีเพื่อให้ครึกครื้นในพิธีแต่งงานบ่าวสาวก่อนถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าสาว.

กล้อมแกล้ม
[กฺล้อมแกฺล้ม] ก. เคี้ยวไม่ทันแหลกแล้วรีบกลืน, เคี้ยวไม่ถนัด;พูดอ้อมแอ้มพอให้ผ่านไป, พูดไม่สู้ชัดความเพื่อให้เสร็จไป;กะล่อมกะแล่ม ก็ว่า.

กลอย ๑
[กฺลอย] น. ชื่อไม้เถามีหนามชนิด Dioscorea hispida Dennst.ในวงศ์ Dioscoreaceae มีหัวกลมใหญ่อยู่ใต้ดิน ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อย ๓ ใบ หัวดิบมีพิษเบื่อเมา แต่เมื่อฝานแช่น้ำไหลและนํามานึ่งหรือต้มให้สุกแล้วกินได้.

กลอย ๒
[กฺลอย] ก. คล้อย, ร่วม, เช่น กลอยใจ กลอยสวาท.

กลัก
[กฺลัก] น. สิ่งที่ทําเป็นรูปคล้ายกระบอกสําหรับบรรจุของเล็ก ๆน้อย ๆ หรือของขนาดเล็ก มีฝาสวมปาก เช่น กลักพริก กลักเกลือ,ซองยาสูบทําด้วยเมล็ดตาล มีฝาสวมปาก, สิ่งที่ทําเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก มีลิ้นชักเข้าออกได้ สําหรับบรรจุไม้ขีดไฟ เรียกว่ากลักไม้ขีดไฟ, กล่องไม้ขีดไฟ ก็เรียก.

กลัง
[กฺลัง] (โบ) น. คลัง คือ ไม้กระบอกที่ร้อยโซ่หรือเชือกสําหรับล่ามสัตว์. (สุธน).

กลัด
[กฺลัด] น. สวะที่ติดขวางคลองแน่นอยู่. ก. เสียบขัดไว้ให้อยู่ด้วยของแหลม เช่น กลัดไม้กลัด กลัดเข็มกลัด; โดยปริยายเรียกอาการที่สิ่งบางอย่างคั่งอยู่ข้างใน เช่น กลัดหนอง.

กลัดกลุ้ม
ก. ขัดข้องกลุ้มอยู่ในอก.

กลัดมัน
ว. มีความรู้สึกในทางกามารมณ์อย่างรุนแรง.

กลั่น
[กฺลั่น] ก. คัดเอาแต่ส่วนหรือสิ่งที่สําคัญหรือที่เป็นเนื้อแท้ด้วยวิธีต้มให้ออกเป็นไอ แล้วใช้ความเย็นบังคับให้เป็นของเหลว เช่นกลั่นน้ำ, โดยปริยายหมายความว่า คัดเอา เลือกเอา.

กลั่นกรอง
ก. คัดเลือกเอาแต่สิ่งที่เห็นว่าดีที่สุด, พิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบ.

กลั่นแกล้ง
ก. หาความไม่ดีใส่ให้, หาอุบายให้ร้ายโดยวิธีต่าง ๆ, แกล้งใส่ความ.

กลั้น
[กฺลั้น] ก. บังคับความรู้สึกหรือสิ่งที่อยู่ภายใน ร่างกายไม่ให้แสดงออกหรือหลุดออกมา.

กลั้นใจ
ก. อั้นลมหายใจ.

กลันทะ, กลันทก์
[กะลันทะ] (แบบ) น. กระแต, กระรอก. (ป. กลนฺท, กลนฺทก;ส. กลนฺทก, กลนฺตก).

กลับ
[กฺลับ] ก. ตรงกันข้ามกับภาวะเดิมหรือทิศทางเดิม เช่น กลับหน้าเป็นหลัง กลับบ้าน, คืนมาสู่ภาวะเดิม เช่น กลับมีอีก, พลิกหน้าเป็นหลัง เช่น กลับปลา, เปลี่ยน เช่น กลับชาติ กลับใจ, ทําตรงกันข้ามกับที่คาดหมายหรือที่ควรจะเป็น เช่น เราพูดด้วยดี ๆเขากลับด่าเอา.

กลับกลอก
ก. ไม่อยู่กับร่องกับรอย, พลิกแพลง, (ใช้แก่กริยาพูด) เช่น พูดจากลับกลอก, กลอกกลับ ก็ว่า.

กลับกลาย
ก. เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไป.

กลับเกลือก
ว. กลอกขึ้นกลอกลง (ใช้แก่ตา), กระลับกระเลือก ก็ว่า.

กลับคำ
ก. พูดแล้วไม่เป็นตามพูด, ไม่ทำตามที่พูดไว้, พูดแล้วเปลี่ยนคำพูด.

กลับคืน
ก. กลับที่เดิม, สู่สภาพเดิม.

กลับตาลปัตร
[กฺลับตาละปัด] ว. ผิดความคาดหมายอย่างตรงกันข้ามแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ.

กลับเนื้อกลับตัว
(สํา) ก. เลิกทําความชั่วหันมาทําความดี.

กลับไปกลับมา
ก. กลับกลอก, พลิกแพลง, ไม่แน่นอน. กลับหน้ามือเป็นหลังมือ (สํา)ก. เปลี่ยนแปลงหรือทําให้ผิดไปจากเดิมอย่างตรงกันข้าม, พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ก็ว่า.

กลัมพก, กลัมพัก
[กะลํา-] (แบบ) น. ผักบุ้ง เช่น ประเทศที่ต่ำน้ำลึกล้วนเหล่ากลัมพักพ่านทอดยอดยาวสล้างสลอน. (ม. ร. ๔ มหาพน). (ป., ส. กลมฺพก).

กลัมพร
[กะลําพอน] (แบบ) น. โทษใหญ่, ความฉิบหาย, เช่นมาทํากลัมพรภัย. (เสือโค), อันจ่อมกลัมพรภัย. (สมุทรโฆษ),ในบทกลอนโดยมากใช้แผลงเป็น กระลําพร หรือ กระลํา ก็มี.

กลัว
[กฺลัว] ก. รู้สึกไม่อยากประสบสิ่งที่ไม่ดีแก่ตัว เช่น กลัวบาปกลัวถูกติเตียน, รู้สึกหวาดเพราะคาดว่าจะประสบภัย เช่นกลัวเสือ กลัวไฟไหม้.

กลัวน้ำ
น. โรคพิษสุนัขบ้า เรียกว่า โรคกลัวน้ำ.

กลัวลาน
ก. กลัวจนตั้งสติไม่อยู่.

กลั้ว
[กฺลั้ว] ก. เอาน้ำหรือของเหลวเข้าไปสัมผัสพอให้ชุ่ม.

กลั้วเกลี้ย
ก. คลุกคลี. ว. มีเล็กน้อยไม่ถึงกับมากทีเดียว, พอมีอยู่บ้าง,จวนหมด, หวุดหวิด, เช่น น้ำกลั้วเกลี้ยคลอง แกงมีน้ำกลั้วเกลี้ย;พอเป็นไปได้, พอประทังไปได้.

กลั้วคอ
ก. ดื่มน้ำแต่น้อย ๆ พอให้ชุ่มคอ.

กลา
[กะลา] (แบบ) น. เสี้ยวที่ ๑๖ แห่งดวงเดือน, ดวงเดือน;ระเบียบพิธีของการบูชา เช่น ไปคํานับศาลสุรากลากิจ. (อภัย),ใช้ว่า กระลา ก็มี. (ป., ส.).

กล่า
[กฺล่า] (โบ; กลอน) ก. ควัก, แขวะ, แหวะ, เช่น อีกกรบอกหววมึงกูจะผ่า กูจะกล่าเอาขวนนหววมึงออกแล. (ม. คําหลวง ชูชก).

กล้า ๑
[กฺล้า] น. ต้นข้าวที่เพาะไว้สําหรับย้ายไปปลูกที่อื่น, โดยอนุโลมเรียกพืชที่เพาะไว้สําหรับย้ายไปปลูกในที่อื่นว่า กล้า เช่น กล้าพริกกล้ามะเขือ.

กล้า ๒
[กฺล้า] ก. ไม่กลัว, ไม่ครั่นคร้าม. ว. แข็ง เช่น เหล็กกล้า,แรง เช่น เวทนากล้า.

กล้าได้กล้าเสีย
ว. ใจป้ำ, ใจเป็นนักเลง, ไม่กลัวขาดทุน.

กล้านักมักบิ่น
(สํา) ว. กล้าเกินไปมักจะเป็นอันตราย.

กลาก
[กฺลาก] น. ชื่อโรคผิวหนังอย่างหนึ่ง มีหลายชนิด เกิดจากเชื้อราขึ้นเป็นวง มีอาการคัน, ขี้กลาก ก็ว่า, (ราชา) โรคดวงเดือน.

กลากลาด
[กฺลากฺลาด] (กลอน) ว. มากหลาย, เกลื่อนกล่น, เช่นมากลากลาดกันแดน. (ลอ).

กลาง
[กฺลาง] น. ส่วนที่ไม่ค่อนไปข้างใดข้างหนึ่ง, โดยปริยายหมายความว่าในที่หรือเวลาระหว่าง เช่น กลางฝน; ที่รวม, ที่รวมกิจการงานที่มีสาขาย่อยออกไป, เช่น สํานักงานกลาง ไปรษณีย์กลาง.

กลางเก่ากลางใหม่
ว. ไม่เก่าไม่ใหม่.

กลางคน
ว. มีอายุพ้นวัยหนุ่มสาว แต่ยังไม่แก่.

กลางคัน
ว. ในระหว่างเหตุการณ์, ในระหว่างที่ยังไม่เสร็จ.

กลางค่ำ
(โบ; กลอน) น. เวลากลางคืน, ใช้เข้าคู่กับคํา กลางคืน เป็นกลางค่ากลางคืน. (ดู ค่า).

กลางคืน
น. ระยะเวลาตั้งแต่ย่ำค่ำถึงย่ำรุ่ง, (กฎ) เวลาระหว่างพระอาทิตย์ตกกับพระอาทิตย์ขึ้น.

กลางแจ้ง
น. นอกร่มไม้ชายคา.

กลางใจมือ
น. อุ้งมือ.

กลางช้าง
น. ตําแหน่งพนักงานประจํากลางหลังช้าง.

กลางดิน
น. นอกที่มุงที่บัง เช่น นอนกลางดินกินกลางทราย.

กลางดึก
น. เวลากลางคืนตอนดึก ประมาณตั้งแต่เที่ยงคืนไป.

กลางเดือน
น. วันเพ็ญ เช่น กลางเดือน ๖.

กลางทาสี
(กฎ; โบ) น. เรียกหญิงที่มีทุกข์ยาก ชายช่วยไถ่มาเลี้ยงเป็นเมีย ว่าเมียกลางทาสี. (สามดวง).

กลางนอก
(กฎ; โบ) น. เรียกหญิงที่ชายสู่ขอมาเลี้ยงเป็นอนุภริยาว่า เมียกลางนอก.(สามดวง).

กลางบ้าน
ว. ใช้เรียกยาเกร็ดที่ชาวบ้านเชื่อถือกันเองว่า ยากลางบ้าน.

กลางแปลง
ว. ที่แสดงหรือเล่นเป็นต้นในที่แจ้ง เช่น โขนกลางแปลง หนังกลางแปลงคล้องช้างกลางแปลง.

กลางเมือง
น. ประชาชน ในคําว่า ฉ้อกลางเมือง หมายถึง ฉ้อโกงประชาชน;การรบกันเองในเมือง เรียกว่า ศึกกลางเมือง; (กฎ; โบ) เรียกหญิงที่บิดามารดายินยอมยกให้เป็นภริยาชายว่า เมียกลางเมือง.(สามดวง).

กลางวัน
น. ระยะเวลาตั้งแต่ย่ำรุ่งถึงย่ำค่ำ, ระยะเวลาราว ๆ เที่ยง, เรียกอาหารระหว่างมื้อเช้ากับมื้อเย็นว่า อาหารกลางวัน.

กลางหาว
น. กลางแจ้ง เช่น รองน้ำฝนกลางหาว, บนฟ้า เช่น เครื่องบินรบกันกลางหาว.

กลาด
[กฺลาด] ว. ดาษดื่น, ใช้เข้าคู่กับคํา เกลื่อน เป็น เกลื่อนกลาด หรือกลาดเกลื่อน.

กลาดเกลื่อน
[กฺลาด-] ว. ดาษดื่น, เรี่ยรายอยู่มาก, เกลื่อนกลาด ก็ว่า.

กลาบาต
[กะลาบาด] น. พวกนั่งยามตามไฟ, การตามไฟรักษายาม; ก้อนที่มีแสงซึ่งตกจากอากาศลงมาสู่ผิวโลก ถือว่าเป็นลางบอกเหตุร้าย,อุกกาบาต ก็เรียก. (บางทีจะเป็นคําตัดมาจาก 'อุกลาบาต' ดูอุกกา).

กลาป
[กะหฺลาบ] (แบบ) น. หมวด, ฟ่อน, กํา, มัด; ฝูงใหญ่. (ป., ส.).

กล้าม
[กฺล้าม] น. เนื้อมะพร้าวห้าว; มัดเนื้อที่รวมกันเป็นก้อน ๆ ในกายคนและสัตว์ เรียกว่า กล้ามเนื้อ.

กลาย
[กฺลาย] ก. เปลี่ยนไป, แปรปรวนไป, เช่น หน้าหนาวกลายเป็นหน้าร้อน, เป็นอื่นไป, แปลงไป, เช่น ศรกลายเป็นทิพย์กระยาหารเปรี้ยวหวานตกลงตรงหน้า. (รามเกียรติ์ ร. ๒), (โบ; กลอน) ใช้ในความว่า กราย ก็มี เช่น ไปกลายบ๋านของตนก็ดี. (จารึกสยาม),จักเจริญสวัสดิภาพศักดิศรีศัตรูไพรี บห่อนจะใกล้กลายตน.(โชค-โบราณ). ว. ที่แปลงไป เช่น แผลกลาย; เรียกปีที่ล่วงหรือเปลี่ยนไปแล้วปีหนึ่งว่า ปีกลาย.

กล้าย
[กฺล้าย] น. ชื่อกล้วยลูกผสมพันธุ์หนึ่งในสกุล Musa วงศ์Musaceae ผลใหญ่โค้ง เป็นเหลี่ยม และยาวกว่ากล้วยหอมเปลือกหนา เนื้อเหนียว ไส้แข็งสีส้ม รสหวาน นิยมกินเมื่อทำให้สุกแล้ว, กล้วยกล้าย ก็เรียก.

กลายกลอก
[-กฺลอก] ดู กระลายกระหลอก.

กล่าว
[กฺล่าว] ก. บอก, แจ้ง, พูด, เช่น กล่าวคําเท็จ; แสดง เช่น กล่าวเกลาอรรถเอมอร. (ม. คําหลวง ทานกัณฑ์); ขับร้อง เช่น จะกล่าวกลอนแก้ไข. (อิเหนา); สู่ขอ เช่น ถึงจรกามากล่าวนางไว้. (อิเหนา); แต่งงานเช่น ฝรั่งกล่าวแหม่ม. (ประเพณีของชาวคริสเตียน), คํานี้ใช้เป็นปรกติในภาษาเขียน แต่ใช้เป็นภาษาพูดก็มีในบางลักษณะ เช่น กล่าวสุนทรพจน์.

กล่าวเกลี้ยง
(กลอน) ก. พูดเพราะ เช่น กล่าวเกลี้ยงไมตรีชวนชัก. (เสือโค).

กล่าวขวัญ
ก. พูดถึง, พูดออกชื่อและการกระทําของคนอื่น.

กล่าวโทษ
ก. แจ้งว่ากระทําผิด.

กล่าวหา
ก. ฟ้อง, กล่าวโทษ.

กล่าวโอม
(ถิ่น-อีสาน) ก. สู่ขอ.

กลาโหม
[กะลาโหมฺ] น. ชื่อกรมที่ปกครองหัวเมืองฝ่ายใต้ในสมัยโบราณมีสมุหพระกลาโหมเป็นประธาน; ชื่อกระทรวงที่มีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันและรักษาความมั่นคงของราชอาณาจักรจากภัยคุกคามทั้งภายนอกและภายในประเทศ; การชุมนุมพลรบ.

กล่ำ ๑
[กฺล่ำ] น. ชื่อมาตราเงินโบราณ ๒ กล่อม เท่ากับ ๑ กล่ำ คือ อัฐ, ๒กล่ำ เป็น ๑ ไพ. (กล่ำ ได้แก่ มะกล่ำตาช้าง, กล่อม ได้แก่มะกล่ำตาหนู).

กล่ำ ๒
[กฺล่ำ] น. เครื่องดักปลาชนิดหนึ่ง. (ดู กร่ำ ๑).

กล่ำ ๓
[กะหฺล่ำ] (โบ; กลอน) ใช้เข้าคู่กับคํา กระเลือก หมายความว่ากลอกไปกลอกมา.

กล้ำ
[กฺล้ำ] ก. ควบ เช่น กล้ำอักษร อักษรกล้ำ, ทําให้เข้ากัน, กลืนกัน,เช่น กล้ำเสียง เสียงกล้ำ, มีโทษอันหนึ่งไซร้ กลบกล้ำพันคุณ.(โลกนิติ), คือดั่งปากเว้นกล้ำ แกล่เหมี้ยงหมากพลู. (โลกนิติ),กัลยาจะกล้ำอําความตาย. (อิเหนา).

กล้ำกราย
ก. เข้าไปปะปน, ล่วงเข้าไป.

กล้ำกลืน
ก. ฝืนใจ, อดกลั้นไม่แสดงให้เห็น.

กลิ่ง
[กฺลิ่ง] (โบ; กลอน) ก. เลือกสรร เช่น แลพี่แกล้งกลิ่งให้แล้ว.(ม. คําหลวง ทศพร).

กลิ้ง
[กฺลิ้ง] ก. อาการอย่างของกลมพลิกเลื่อนไปตามพื้น เช่น ซุงกลิ้ง ครกกลิ้ง ลูกหินกลิ้ง, ทําให้ของกลมพลิกเลื่อนไปตามพื้น เช่น กลิ้งครกกลิ้งซุง กลิ้งลูกหิน; โดยปริยายหมายความว่า คล่อง, ไม่มีติด, เช่นคนคนนี้กลิ้งได้รอบตัว. (โบ) น. ร่ม เช่น เมลืองมล่านกลิ้งเพรื้อมเพรอศพราย. (ยวนพ่าย). (มลายู giling ว่า กลิ้ง, คลึง, มวน).

กลิ้งกลอก
ก. กลับไปกลับมาเอาแน่ไม่ได้.

กลิ้งเกลือก
ก. พยายามกระเสือกกระสนไปตามมีตามได้ เช่น ยากจนก็กลิ้งเกลือกไปตามบุญตามกรรมไม่ขอพึ่งใคร, เกลือกกลิ้ง ก็ใช้.

กลิ้งเป็นลูกมะนาว
(สํา) ว. หลบหลีกไปได้คล่องจนจับไม่ติด (มักใช้ในทางไม่ดี),กลมเป็นลูกมะนาว ก็ว่า.

กลิ้งกลางดง
[กฺลิ้งกฺลาง-] น. ชื่อไม้เถาชนิดหนึ่งในสกุล Dioscorea วงศ์Dioscoreaceae ตามง่ามใบมีหัวกลมขรุขระ.

กลิงค์
[กะลิง] น. เรียกชาวอินเดียใต้พวกหนึ่งที่มีผิวดําว่า แขกกลิงค์,กลึงค์ หรือ กะเล็ง ก็ว่า. (คํานี้เดิมหมายถึงชาวอินเดียที่มาจากแคว้นกลิงคราษฎร์).

กลิ่น ๑
[กฺลิ่น] น. สิ่งที่รู้ได้ด้วยจมูก คือ เหม็น หอม และอื่น ๆ, บางทีใช้หมายความว่า เหม็น เช่น ของสิ่งนั้นมีกลิ่น.

กลิ่นอาย
น. กลิ่น. (เป็นคําที่มีความหมายซ้า อาย ก็ว่า กลิ่น).

กลิ่น ๒
[กฺลิ่น] น. ชื่อพวงดอกไม้ร้อยมีรูปแบนประกอบด้วยอุบะ, ถ้าทําให้ผูกแขวนคว่าลงมา เรียกว่า กลิ่นคว่า, ถ้าทําให้ผูกแขวนตะแคงเรียกว่า กลิ่นตะแคง.

กลิ้ม
[กฺลิ้ม] ก. เล็มหน้าผ้า, เย็บหน้าผ้าให้เป็น ตะเข็บเพื่อมิให้ชายผ้าหลุดออก.

กลี
[กะลี] น. สิ่งร้าย, โทษ; เรียกโรคห่าที่เป็นแก่สัตว์เลี้ยงเช่นเป็ด ไก่ วัวควาย; ด้านของลูกสกาที่มีแต้มเดียว คือมีแต่ทางแพ้; ชื่อผีร้ายหรือผีการพนันตามคติของพราหมณ์. ว. ร้าย, ไม่เป็นมงคล, มักใช้ว่ากาลี. (ป., ส. กลิ).

กลียุค
[กะลี-] น. ชื่อยุคที่ ๔ ของจตุรยุคตามคติของพราหมณ์ ในยุคนี้ธรรมะของมนุษย์ลดลงเหลือเพียง ๑ ใน ๔ ส่วน เมื่อเทียบกับในสมัยกฤดายุค และอายุของมนุษย์ก็สั้นลงโดยไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน. (ป., ส. กลิยุค). (ดู จตุรยุค).

กลียุคศักราช
น. ศักราชที่เริ่มตั้งก่อนพุทธศักราช ๒๕๕๘ ปี (กลียุคศักราชลบด้วย๒๕๕๘ เท่ากับพุทธศักราช).

กลี่
[กฺลี่] น. ภาชนะสําหรับใส่หมากบุหรี่ โดยมากมีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีลิ้นข้างใน ยกออกได้.

กลีบ
[กฺลีบ] น. ส่วนของดอกไม้ที่เรียงหรือซ้อนกันเป็นชั้น ๆ รอบเกสรโดยปรกติเป็นแผ่นบาง ๆ, ใช้เรียกของอื่นที่มีลักษณะเช่นนั้น เช่นกลีบตา กลีบผ้า กลีบเมฆ.

กลีบตา
น. เปลือกตา.

กลีบบัว
น. เรียกพานที่ริมปากทําเป็นรูปกลีบบัวโดยรอบว่า พานกลีบบัว.

กลีบหิน
น. แร่ไมกา. (ดู ไมกา).

กลึง
[กฺลึง] ก. ทําให้กลมหรือให้เป็นรูปต่าง ๆ ด้วยเครื่องหมุน.

กลึงเกลา
ว. งามเกลี้ยงเกลา, เกลากลึง ก็ว่า.

กลึ้ง
[กฺลึ้ง] (โบ) น. กลิ้ง คือ ร่ม. (กฎมนเทียรบาล ในกฎหมายราชบุรี).

กลึงกล่อม
[-กฺล่อม] น. ชื่อไม้พุ่มกึ่งไม้ต้นชนิด Polyalthia suberosa (Roxb.)Thwaites ในวงศ์ Annonaceae ใบเดี่ยว เรียงสลับ ดอกเดี่ยวกลีบเลี้ยงด้านบนมีขน กลีบดอกสีเหลืองคล้ำ ผลเป็นกลุ่มเมื่อสุกสีแดง.

กลึงค์
[กะลึง] น. แขกกลิงค์. (ดู กลิงค์).

กลืน
[กฺลืน] ก. อาการที่ทําให้อาหารหรือสิ่งอื่น ๆ ที่อยู่ในปากล่วงลําคอลงไป, โดยปริยายใช้หมายถึงอาการที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้นก็ใช้ว่า กลืน ได้ในความหมายเช่นทําให้หายหรือให้สูญไป เช่นถูกกลืนชาติ, อดกลั้นไม่สําแดงให้ปรากฏออกมา เช่น กลืนทุกข์กลืนโศก, ประสานกันหรือเข้ากันได้สนิทดี เช่น สีกลืนกัน.

กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ก. พะอืดพะอม.

กลุ่ม
[กฺลุ่ม] น. คน สัตว์ หรือสิ่งต่าง ๆ ที่รวมกันเป็นหมู่ ๆ หรือเป็นกลุ่มก้อนเช่น กลุ่มคน กลุ่มมด กลุ่มดาว กลุ่มด้าย; อาการที่เข้ามารวมกันเช่นนี้เรียกว่า จับกลุ่ม; ลักษณนามเรียกของที่เป็นกลุ่ม เช่น ด้าย ๓ กลุ่ม.

กลุ้ม
[กฺลุ้ม] ก. รวมประดังคับคั่ง เช่น พูดกันกลุ้ม, ปกคลุมอยู่ทําให้มืดคลุ้มเช่น ควันกลุ้ม เมฆกลุ้ม; รู้สึกอัดอั้นยุ่งใจ เช่น คิดไม่ออกกลุ้มเหลือเกิน;ชุลมุน, ขวักไขว่, เช่น วิ่งกันให้กลุ้ม.

กลุ้มใจ
ก. รู้สึกรําคาญหรือยุ่งยากใจ ไม่รู้ว่าจะทําอย่างไร.

กลุ้มรุม
ก. ประดังห้อมล้อมเข้ามา.

กลุ้มอกกลุ้มใจ
ก. กลุ้มใจ.

กลู่
[กฺลู่] (โบ; กลอน) ก. เกลื่อน, ใช้เข้าคู่กับคํา กลาด เช่น โกยกลู่กลาดคือลาญใน. (ม. คําหลวง จุลพน).

กลูโคส
[กฺลู-] (วิทยา) น. น้ำตาลชนิดหนึ่งประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ชนิดแอลโดเฮ็กโซส ลักษณะเป็นของแข็งสีขาว หลอมละลายที่๑๔๖ ? ซ. มีในผลองุ่นสุก น้ำผึ้ง และผลไม้โดยมากที่มีรสหวานเป็นองค์ระกอบปรกติในเลือด และมีในปัสสาวะของผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน มีรสหวานน้อยกว่าน้าตาลทราย, เดกซ์โทรส ก็เรียก.(อ. glucose).

กลูน, กลูน์
[กะลูน, กะลู] (แบบ) ก. กรุณา เช่นทุษฐโจรรันทำ กรรมแก่บดีสูรยศใดบกลูน และมาลักอัครขรรค์. (สมุทรโฆษ). ว. น่าสงสารเช่น สลดกลูน์ลุงทรวง. (สุธน). (ป.).

กเลวระ
[กะเลวะระ] (แบบ) น. ซากศพ เช่น ถึงกระนั้นก็จะพบพานซึ่งกเลวระร่าง มิเลือดก็เนื้อจะเหลืออยู่บ้างสักสิ่งอัน. (ม. ร่ายยาว มัทรี),ใช้ว่า กเฬวราก ก็มี. (ป., ส.).

กวด
ก. ทําให้แน่น ให้ตึง หรือให้เขม็งยิ่งขึ้น เช่น กวดเชือก กวดตะปู,เร่งรัดให้ดียิ่งขึ้นหรือเพื่อให้ทัน เช่น กวดวิชา วิ่งกวด. น. เหล็กเครื่องมือสําหรับกวดเลี่ยมขอบภาชนะ เรียกว่า เหล็กกวด.

กวดขัน
ว. เอาจริงเอาจัง, เร่งรัดให้ยิ่งขึ้น.

กวน ๑
(ถิ่น-อีสาน) (ปาก) น. กวาน, ชื่อตําแหน่งขุนนางในภาคอีสานสมัยโบราณ แต่ชาวอีสานบางถิ่นออกเสียงเป็น กวน เช่นบ้านเมืองข้อนขุนกวน ยาดไพร่.

กวน ๒
ก. คนให้เข้ากัน, คนให้เข้ากันจนข้น, เช่น กวนขนม, คนให้ทั่วกันหรือให้วนไปโดยรอบ เช่น กวนน้ำ; รบกวนทําให้เกิดความรําคาญเช่น กวนใจ, ก่อกวนทําให้วุ่นวาย เช่น กวนบ้านกวนเมือง, ชวนให้เกิดความรําคาญ ชวนให้ทําร้าย เช่น กวนมือ กวนตีน. น. เรียกของกินที่ทําด้วยผลไม้เป็นต้น เคี่ยวกับน้ำตาลแล้วคนให้เข้ากันจนข้น เช่น ขนมกวนทุเรียนกวน สับปะรดกวน.

กวนน้ำให้ขุ่น
(สํา) ก. ทําเรื่องราวที่สงบอยู่แล้วให้เกิดวุ่นวายขึ้นมา.

กวม
(โบ) ก. ครอบงํา เช่น มืดมนกวมกลุ้ม.

กวย ๑
(ถิ่น-พายัพ) น. ตะกร้า.

กวย ๒
น. ชาติข่า ในตระกูลมอญ-เขมร.

กวยจั๊บ
น. ชื่อของกินชนิดหนึ่ง ทําด้วยแป้งที่ใช้ทําเส้นก๋วยเตี๋ยว แต่หั่นเป็นชิ้นใหญ่ ๆ ต้มสุกแล้วปรุงด้วยเครื่องมีหมูเป็นต้น. (จ).

กวยจี๊
น. เมล็ดแตงโมต้มแล้วตากให้แห้ง ใช้ขบเคี้ยว. (จ).

ก๋วยเตี๋ยว
น. ชื่อของกินชนิดหนึ่ง ทําด้วยแป้งข้าวเจ้า เป็นเส้น ๆ ลวกสุกแล้วปรุงด้วยเครื่องมีหมูเป็นต้น. (จ).

กวะ
[กะวะ] (กลอน) ว. (ราว)-กะว่า, (ราว)-กับว่า, เช่น นกกระจอกทํารังราวกวะไม้. (จารึกวัดโพธิ์).

กวะกวัก
[กฺวะกฺวัก] ก. กวัก เช่น กวะกวักคือกวักทักถาม. (สรรพสิทธิ์). ว. กวัก ๆ, เป็นเสียงนกกวักร้อง, เช่น นกกวักลักแลเพื่อนพลางกวักปีกกวักหาง ก็ร้องกวะกวักทักทาย. (สมุทรโฆษ).

กวะแกว่ง
[กฺวะแกฺว่ง] ก. แกว่งไปมา เช่น ช่อช้อยกวะแกว่งไกว. (ม. คําหลวง จุลพน).

กวัก ๑
[กฺวัก] น. ชื่อนกชนิด Amaurornis phoenicurus ในวงศ์ Rallidaeลําตัวสั้น ขาและนิ้วยาว หน้าผากและลําตัวด้านล่างสีขาว อาศัยอยู่ตามหนองน้ำ เดินหากินบนใบพืชน้ำ เช่น บัว จอก แหนในตอนเช้าหรือพลบค่ำ ร้องเสียงดัง 'กวัก ๆ'.

กวัก ๒
[กฺวัก] ก. อาการที่ใช้สิ่งแบน ๆ พุ้ยเข้าหาตัว, ใช้มือทําอาการเช่นนั้นเพื่อเป็นสัญญาณให้เข้ามาหา เรียกว่า กวักมือ, อาการที่นกใช้ปีกพุ้ยอากาศบินไป เรียกว่า นกกวักปีก.

กวัด
[กฺวัด] ก. จับด้ามวัตถุให้ปลายตั้งขึ้นแล้วปัดไปมา, ใช้เข้าคู่กับคําแกว่ง เป็น กวัดแกว่ง หรือ แกว่งกวัด หรือใช้เข้าคู่กับคำ ไกว เป็นกวัดไกว.

กวัดแกว่ง
[กฺวัดแกฺว่ง] ก. จับด้ามวัตถุให้ปลายตั้งขึ้นแล้วปัดไปมา เช่น กวัดแกว่งอาวุธ,ไม่อยู่ที่ เช่น จิตกวัดแกว่ง, แกว่งกวัด ก็ว่า.

กวัดไกว
[กฺวัดไกฺว] ก. วัดเหวี่ยงไปมา, ไม่อยู่ที่.

กวัดไกวไสส่ง
ก. ไล่ไปให้พ้น.

กวา
[กฺวา] น. แตงกวา. (ดู แตง).

กว่า
[กฺว่า] ว. เกิน เช่น กว่าบาท; เป็นคําใช้เปรียบเทียบในการประมาณเช่น มากกว่า น้อยกว่า ดีกว่า, ย่อมพลกว่าพลแกว่น. (ม. คําหลวงมหาราช). บ. เลยไป, พ้นไป. สัน. ก่อน, ยังไม่ทัน, เช่น กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้, มักใช้เข้าคู่กับคํา จะ...ก็ เป็น กว่าจะ...ก็ หรือ กว่า...จะ...ก็,โบราณใช้ว่า ยิ่ง ก็มี เช่น ใจกว่าห้วงอรรณพ. (ม. คําหลวง นครกัณฑ์);ใช้เป็นกริยาว่า ไปจาก ก็มี เช่น แทบทางที่จะกว่า. (ม. คําหลวง จุลพน),ผิออกนางธจะกว่า. (ม. คําหลวง กุมาร); ใช้เป็นวิเศษณ์ว่า จากไป ก็มีเช่น ล๋ตายหายกว่า. (จารึกสยาม). กว่าชื่น (โบ) ว. ยิ่ง, ยิ่งนัก.

กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้
(สำ) ว. ลักษณะของการทำงานที่มีความลังเลใจ ทำให้แก้ไขปัญหาได้ไม่ทันท่วงทีเมื่อได้อย่างหนึ่ง แต่ต้องเสียอีกอย่างหนึ่งไป ดุจเอาถั่วกับงามาคั่วพร้อมกัน กว่าจะคั่วจนถั่วสุก งาก็จะไหม้หมดไปก่อน.

กว่าเพื่อน
ว. คําใช้เปรียบเทียบ หมายถึง ที่สุดในหมู่ เช่น ดีกว่าเพื่อนเลวกว่าเพื่อน.

กว้า
[กฺว้า] (โบ) ว. หรือ, อะไร, ทําไม, เป็นไร, บ้างซิ, บ้างเถิด, ว้า,หวามใจ, เช่น ในรลุงนาภี พรั่นกว้า. (ทวาทศมาส).

กวาง ๑
[กฺวาง] น. ชื่อสัตว์เคี้ยวเอื้องหลายชนิด ในวงศ์ Cervidae เป็นสัตว์กีบคู่ ลำตัวเพรียว คอและขายาว หางสั้น ตัวเมียเล็กกว่าตัวผู้ มีทั้งชนิดมีเขาและไม่มีเขาในเพศเดียวกันหรือต่างเพศ เช่น กวางป่า(Cervus unicolor).

กวางแขม
ดู เนื้อทราย ที่ เนื้อ ๒.

กวางจุก
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. เก้ง. (ดู เก้ง).

กวางเดินดง
น. ชื่อวิธีรําท่าหนึ่งอยู่ในลําดับว่า นาคาม้วนหาง กวางเดินดงหงส์ลีลา. (ฟ้อน); ชื่อกลบทอย่างหนึ่ง เช่น อกเอ๋ยอกประหลาดจริงที่นิ่งเฉย โอ้เอ๋ยผิดคิดไม่เห็นจะเป็นเลย เสียดายเอ๋ยที่พี่เคยสงวนงาม. (กลบท).

กวางทราย
ดู เนื้อทราย ที่ เนื้อ ๒.

กวาง ๒
[กฺวาง] น. (๑) ชื่อปลางัวบางชนิดในวงศ์ Triacanthidae, Monacanthidaeและ Balistidae. (ดู งัว ๕ ประกอบ). (๒) ปลาม้า. (ดู ม้า ๓).

กว่าง
[กฺว่าง] น. ชื่อด้วงปีกแข็งชนิด Xylotrupes gideon ในวงศ์Dynastidae ตัวมีสีตั้งแต่สีน้ำตาลอมแดงจนถึงเกือบดำ ตัวผู้ที่มีขนาดใหญ่เรียกว่า กว่างโซ้ง หรือ กว่างชน มีเขาที่หลังอกยื่นยาวเป็นจะงอยเรียวไปทางด้านหน้าและโค้งลง ตรงปลายเป็น ๒ แฉกกับที่หัวมีเขาเล็กยื่นออกไปเป็นเขาเดี่ยว โค้งขึ้นคล้ายนอแรด แต่ปลายแยกเป็น ๒ แฉก ตัวผู้ที่มีขนาดย่อมมีเขาสั้นเรียก กว่างกิ หรือกว่างแซม ตัวเมียไม่มีเขาเรียก กว่างแม่ หรือ กว่างอีลุ่ม, อาจเรียกแมลงปีกแข็งชนิดอื่นที่มีเขาว่าแมงกว่าง หรือ แมงกวาง เช่นกัน.

กว้าง
[กฺว้าง] น. ด้านสั้นที่คู่กับด้านยาว. ว. ไม่แคบ, แผ่ออกไป. กว้างขวาง ก. แผ่ออกไปมาก, ใหญ่โต, เช่น มีเนื้อที่กว้างขวาง; เผื่อแผ่ เช่น มีน้ำใจกว้างขวาง, รู้จักคนมากและมีคนรู้จักมาก เช่น กว้างขวางในสังคม.

กว้างใหญ่
ก. แผ่ออกไปไกล.

กวางเขน
[กฺวาง-] (โบ) น. นกกางเขน เช่น บ่าวขุนกวางเขนเขจร. (สมุทรโฆษ).

กวางโจน
[กฺวาง-] น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็ง ผลกลมรีป้อมขนาดหัวแม่มือ เปลือกคายเมื่อสุกสีแดงชาด ออกเป็นพวงกระจุก เนื้อบางสีขาวคล้ายสาคู รสเปรี้ยวกินได้ กวางชอบกิน มีตามป่าดอนทั่วไป.

กว่างชน
ดู กว่าง.

กวางชะมด
น. ชื่อสัตว์เคี้ยวเอื้องขนาดเล็กในสกุล Moschus วงศ์ Moschidaeลำตัวป้อม หัวเล็กไม่มีเขา ขนหยาบมีสีแตกต่างกัน ตัวเมียเขี้ยวสั้นมาก ตัวผู้มีเขี้ยวยาวคล้ายใบมีดยื่นพ้นริมฝีปาก และมีต่อมกลิ่นอยู่ระหว่างสะดือกับอวัยวะเพศ ขับสารคล้ายขี้ผึ้งออกมาเรียกว่า ชะมดเชียง ใช้แต่งกลิ่นเครื่องหอมและทำยาได้ มักอาศัยอยู่ตามป่าสนและป่าผลัดใบรกทึบบนภูเขา มี ๔ ชนิด ได้แก่กวางชะมดไซบีเรีย (M. moschiferus) กวางชะมดเขาสูง(M. chrysogaster) กวางชะมดดำ (M. fuscus) และกวางชะมดป่า (M. berezovskii) ไม่พบในประเทศไทย แต่ที่นำมาเลี้ยงในประเทศไทย ได้แก่ กวางชะมดป่า.

กว่างโซ้ง
ดู กว่าง.

กวางตุ้ง ๑
[กฺวาง-] น. ชาวจีนในมณฑลกวางตุ้งของประเทศจีน, เรียกภาษาของชาวจีนในมณฑลนี้ ว่า ภาษากวางตุ้ง.

กวางตุ้ง ๒
[กฺวาง-] น. ชื่อผักกาดชนิดหนึ่ง เรียกว่า ผักกาดกวางตุ้ง. (ดู กาด ๑).

กวางทอง
น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.

กวางป่า
น. ชื่อกวางชนิด Cervus unicolor ในวงศ์ Cervidae เป็นชนิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนยาวหยาบสีน้ำตาล ตัวผู้มีเขาเป็นแขนงผลัดเขาปีละครั้ง มักอยู่ลำพังตัวเดียวยกเว้นฤดูผสมพันธุ์,กวางม้า ก็เรียก.

กวางผา
[กฺวาง-] น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิด Naemorhedus goral ในวงศ์Bovidae ลักษณะคล้ายแพะและเลียงผา แต่มีขนาดเล็กกว่า ขนสีเทาหรือน้ำตาลปนเทา มีแถบขนสีดำตลอดแนวสันหลัง ตัวผู้เขายาวกว่าตัวเมีย อาศัยอยู่บนภูเขาสูงชัน กินพืช เป็นสัตว์ป่าสงวนของไทย.

กวางม้า
ดู กวางป่า.

กวาด
[กฺวาด] ก. ทําให้เตียนหรือหมดฝุ่นละอองด้วยไม้กวาดเป็นต้น,ทำให้ของเคลื่อนไปในทางเดียวกัน เช่น กวาดของลงจากโต๊ะ,โดยปริยายหมายความว่า เอาไปให้หมดสิ้นเหมือนอย่างกวาด เช่นกวาดครัวเชลย โจรกวาดทรัพย์สิน; เอายาป้ายในลําคอ เรียกว่ากวาดยา. น. สิ่งที่ใช้กวาด ทําด้วยดอกอ่อนของต้นเลาเป็นต้นมัดเป็นกำ ๆ เรียกว่า ไม้กวาด, ถ้าทำด้วยทางมะพร้าวเรียกว่าไม้กวาดทางมะพร้าว.

กวาดต้อน
ก. รวบรวมคนหรือสัตว์พาหนะเป็นต้น เอามาเป็นของตน.

กวาดตา
ก. ส่ายตาดูทั่วไป.

กวาดล้าง
ก. กําจัดให้หมดไป เช่น กวาดล้างอันธพาล กวาดล้างโจรผู้ร้าย.

กวาน, กว่าน
[กฺวาน, กฺว่าน] น. ขุนนาง เช่น แล้วบัญชาสั่งเสียพวกเพี้ยกวานให้ไปเชิญสองท่านแม่ทัพใหญ่. (ขุนช้างขุนแผน), เพลี้ยกว่านบ้านท้าวไข้ ข่าวสยวน. (ยวนพ่าย).

กว้าน ๑
[กฺว้าน] น. ตึก ใช้ควบกันว่า ตึกกว้าน; (ถิ่น-ปักษ์ใต้) ที่อยู่ซึ่งปลูกไว้คล้ายโรงนา พื้นอยู่กับดิน.

กว้าน ๒
[กฺว้าน] น. เครื่องสําหรับฉุดดึงและยกของหนัก. ก. ฉุดด้วยกว้าน,ขันกว้าน ก็เรียก; รวบรวมจากที่ต่าง ๆ มาไว้เป็นจํานวนมาก เช่นกว้านสินค้ามากักตุนไว้.

กว๊าน
[กฺว๊าน] (ถิ่น-พายัพ) น. บึง; น้ำตอนลึก, น้ำตอนที่ไหลวน.

กว้าว
[กฺว้าว] ดู ขว้าว.

กวาวเครือ
[กฺวาว-] น. ชื่อไม้พุ่มรอเลื้อยชนิด Pueraria candollei Grah. var.mirifica (Airy Shaw et Suvatabandhu) Niyomdhamในวงศ์ Leguminosae ดอกเล็ก สีม่วงอ่อน มีหัวกลม ๆ ออกที่โคนต้นและตามราก ใช้ทํายาได้.

กวิน
[กะวิน] (โบ) ว. ดีงาม เช่น ใครกวินซื่อแท้. (แช่งน้ำ).(ทมิฬ แปลว่า งาม).

กวี
[กะวี] น. ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญในศิลปะการประพันธ์บทกลอน จําแนกเป็น๔ คือ ๑. จินตกวี แต่งโดยความคิด ๒. สุตกวี แต่งโดยได้ฟังมา๓. อรรถกวี แต่งตามความจริง ๔. ปฏิภาณกวี แต่งกลอนสด. (ป.).

กวีนิพนธ์
น. คําประพันธ์ที่กวีแต่ง.

กษณะ
[กะสะหฺนะ] (กลอน) น. ครู่, ครั้ง, คราว. (ส.; ป. ขณ).

กษมา ๑
[กะสะ-] (แบบ) น. ความอดกลั้น, ความอดโทษ, เช่น พระกษมาเสมอหล้า สี่แดน. (ยวนพ่าย). ก. กล่าวคําขอโทษ, โดยมากใช้ว่าษมา. (ส. กฺษมา; ป. ขมา).

กษมา ๒
[กะสะ-] (แบบ) น. แผ่นดิน. (ส. กฺษฺมา; ป. ฉมา).

กษัตร
[กะสัด] (โบ) น. พระเจ้าแผ่นดิน, เจ้านาย. (ส. กฺษตฺร; ป. ขตฺต).

กษัตรา
[กะสัดตฺรา] (กลอน) น. กษัตริย์ เช่น คือพรหมทัตกษัตรา. (กฤษณา).กษัตราธิราช น. พระเจ้าแผ่นดิน.

กษัตริย์
[กะสัด] น. พระเจ้าแผ่นดิน, ใช้เต็มว่า พระมหากษัตริย์, คนในวรรณะที่ ๒ แห่งสังคมฮินดู ซึ่งมีอยู่ ๔ วรรณะ ได้แก่ วรรณะพราหมณ์ วรรณะกษัตริย์ วรรณะแพศย์ และวรรณะศูทร. (ส. กฺษตฺริย ว่า ผู้ป้องกันภัย,ชาตินักรบ; ป. ขตฺติย). ว. แท้ไม่มีอื่นปน เช่น ทองเนื้อกษัตริย์, เรียกรูปพรรณที่ทําด้วยโลหะมีราคา เช่น ถ้าทําด้วยเงิน ทอง นาก สลับกันเรียกว่า สามกษัตริย์.

กษัตริยชาติ
[กะสัดตฺริยะชาด] น. ชาติกษัตริย์ เช่น รู้แน่ว่าเป็นกษัตริยชาติ.(ม. ร่ายยาว สักบรรพ).

กษัตรี
[กะสัดตฺรี] (กลอน) น. กษัตริย์ผู้หญิง เช่น สมเด็จพระแก้วกษัตรี.(ม. คําหลวง ทานกัณฑ์); เจ้าผู้หญิง เช่น สองกษัตรีเจ้าหล้าแกล้วกว่าแกล้วใจกล้า กว่ากล้ากลัวอาย. (ลอ); สตรี เช่นจักเสื่อมสวัสดิ์กษัตรี. (กฤษณา).

กษัตรีย์
[กะสัดตฺรี] (กลอน) น. กษัตริย์ เช่น พินทุทัตกษัตรีย์. (สมุทรโฆษ);เจ้าผู้หญิง เช่น อันว่าพระมหาสัตว์แลกษัตรีย์. (ม. คําหลวง วนปเวสน์).

กษัตรีศูร
[กะสัดตฺรีสูน] (กลอน) น. กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ เช่น เจ้าไตรภพโลกเมาลีเป็นกษัตรีศูร. (ม. คําหลวง นครกัณฑ์). (ส. กฺษตฺร + อีศฺวร).

กษัย, กษัย-
[กะไส, กะไสยะ-] น. การสิ้นไป, การหมดไป, การเสื่อมไป, การน้อยไป;ชื่อโรคตามตำราแพทย์แผนโบราณว่า ทำให้ร่างกายทรุดโทรม มีอาการผอมแห้งตัวเหลืองเท้าเย็น, เขียนเป็น กระษัย ก็มี.(ส. กฺษย).

กษัยกล่อน
น. ชื่อโรคทางตําราแพทย์แผนโบราณว่า ทําให้ผอมแห้ง ซึ่งเกิดจากโรคกล่อน, เขียนเป็น กระษัยกล่อน ก็มี.

กษัยการ
[กะไสยะกาน] น. การที่สิ่งต่าง ๆ ค่อยผุพังและแพร่สะพัดหรือกระจัดกระจายไปเพราะพลังลมพลังน้ำ หรือปฏิกิริยาเคมี.(อ. erosion).

กษัยน้ำ
น. กษัยเนื่องจากเลือด น้ำเหลือง หรือ เสมหะเป็นพิษ ถ้ารวมทั้ง๓ ประการ เรียกว่า กษัยเลือด.

กษัยเลือด
น. กษัยเนื่องจากเลือด น้ำเหลือง และเสมหะเป็นพิษ.

กษาปณ์
[กะสาบ] (แบบ) น. กระษาปณ์, เงินตราที่ทําด้วยโลหะ, ตําลึง(= ๒๐ มาสก) เช่น ได้ถึงร้อยกษาปณ์. (ม. ร่ายยาว ชูชก).

กษิดิ, กษีดิ
[กะสิดิ, กะสีดิ] (แบบ) น. แผ่นดิน. (ส. กฺษิติ), ในบทกลอนใช้เป็นส่วนหน้าสมาส แปลว่า พระเจ้าแผ่นดิน เช่น กษิดินทรทายทานแล้ว.(ส. กฺษิติ + อินฺทฺร),. อนนว่ากษีดิศรสุริยทงงหลาย (ส. กฺษิติ + อีศฺวร),อนนว่า พระแพศยันดรกษิดิศวร์. (ส. กฺษิติ + อีศฺวร). (ม. คําหลวงทานกัณฑ์, วนปเวสน์).

กษีณาศรพ
[กะสีนาสบ] (แบบ) น. ขีณาสพ, พระผู้สิ้นอาสวะ, พระอรหันต์,เขียนเป็น กษีณาศรพ กษิณาศรพย และ กษิณาสยพ ก็มี เช่นอันว่าพระโลกยเชษฐาจารย์ ก็มีพุทธโองการพระคาถา ให้กษิณาศรพทงงหลายฟงง ดังนี้. (ม. คําหลวง นครกัณฑ์), อันว่าพระสาศดาบพิตรจะปกาสิตคาถา แก่กษิณาศรพยทงงหลาย ด่งงนี้. (ม. คําหลวงฉกษัตริย์). (ส. กฺษีณ + อาสฺรว).

กษีร-, กษีระ
[กะสีระ] (แบบ) น. น้ำนม เช่น กษีรสุทธมฤธู. (เสือโค). (ส.).

กษีรธารา
น. สายน้ำนม เช่น ให้เสวยโภชนและกษีรธารา. (ม. คําหลวง นครกัณฑ์).

กษีรรส
น. น้ำนม เช่น เปรียบเหมือนกษีรรสคือน้ำนมสดขาวสะอาด.(ม. ร่ายยาว สักบรรพ).

กษีรามพุ
น. น้ำนม เช่น ดูดดื่มกษีรามพุ. (สมุทรโฆษ). (ส. กฺษีร + อมฺพุ).;

กษีรารณพ
[กะสีราระนบ] น. ทะเลน้ำนม. (ส. กฺษีร + อรฺณว).

กษีรามพุ
ดู กษีร-, กษีระ.

กษีรารณพ
ดู กษีร-, กษีระ.

กสานติ์
[กะ-] (กลอน) ว. สงบ, ราบคาบ, เช่น ผ่องน้ำใจกสานติ์.(เฉลิมพระเกียรติพระนารายณ์). (ก + ป. สนฺติ), กระสานติ์ ก็ใช้.

กสิ, กสิ-
[กะ-] น. การทํานา, การเพาะปลูก. (ป.).

กสิกร
[กะสิกอน] น. ผู้ทําไร่ไถนา.

กสิกรรม
น. การทําไร่ไถนา.

กสิณ
[กะสิน] น. สมถกรรมฐานหมวดหนึ่งว่าด้วยอารมณ์ที่กําหนดธาตุ๔ คือ ปฐวี (ดิน) อาโป (น้า) เตโช (ไฟ) วาโย (ลม), ว่าด้วยวรรณะ (สี)๔ คือ นีล (สีเขียว) ปีต (สีเหลือง) โลหิต (สีแดง) โอทาต (สีขาว),ว่าด้วยอากาศ (ที่ว่าง) และ อาโลก (แสงสว่าง) รวมเป็น ๑๐ อย่าง. (ป.).

กหังปายา
[กะ-] น. เกณฑ์สําหรับลบพุทธศักราชเป็นจุลศักราช ตรงกับเลข๑๑๘๑.

กหาปณะ
[กะหาปะนะ] (แบบ) น. เงินตรามีพิกัดเท่ากับ ๒๐ มาสกหรือ ๑ ตําลึง คือ ๔ บาท. (ป.).

กเฬวราก
[กะเลวะราก] (กลอน) น. ซากศพ, บางทีใช้เข้าคู่กันเป็น กเฬวรากซากศพ, เขียนเป็น กเฬวราก์ ก็มี เช่น เผากเฬวราก์ผู้อนาถ.(มาลัยคําหลวง).

กอ ๑
น. กลุ่มแห่งต้นไม้ที่เกิดจากเหง้าเดียวกัน เช่น กอหญ้า กอแขมกอไผ่, ต้นไม้ที่ขึ้นเป็นกลุ่ม เช่น กอข้าว, ใช้เข้าคู่กับคํา เหล่า ว่าเหล่ากอ หมายความว่า เชื้อสาย.

กอ ๒
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ต้นก่อ. (ดู ก่อ ๒).

กอ ๓
ดู หนอนกอ ที่ หนอน ๑.

ก่อ ๑
ก. ทําให้เกิดขึ้น มีขึ้น หรือเป็นรูปขึ้น เช่น ก่อไฟ ก่อสงคราม ก่อตึก.

ก่อกรรมทำเข็ญ
ก. ก่อความเดือดร้อนให้ร่ำไป.

ก่อกวน
ก. ก่อให้เกิดความรําคาญหรือไม่สงบอยู่ได้.

ก่อการ
ก. ริเริ่มการ.

ก่อตั้ง
ก. จัดตั้งขึ้น, ริเริ่มตั้งขึ้น.

ก่อร่างสร้างตัว
ก. ตั้งเนื้อตั้งตัวได้เป็นหลักฐาน.

ก่อฤกษ์
ก. ทําพิธีเริ่มก่อสร้าง เช่น วางอิฐวางหิน.

ก่อแล้วต้องสาน
(สํา) ก. เริ่มอะไรแล้วต้องทําต่อให้เสร็จ.

ก่อสร้าง
ก. ก่อและสร้างโดยใช้อิฐและปูนเป็นส่วนใหญ่.

ก่อหวอด
ก. เริ่มจับกลุ่มเพื่อทําการอย่างใดอย่างหนึ่ง.

ก่อ ๒
น. ชื่อไม้ต้นหลายชนิดหลายสกุลในวงศ์ Fagaceae บางชนิดผลมีเนื้อในกินได้ รสมัน, ปักษ์ใต้เรียก กอ.

ก่อ ๓
(ถิ่น-พายัพ) น. ปลาช่อน. (ดู ช่อน).

ก่อ ๔
ว. งอ ในคำว่า งอก่อ หรือ งอก่องอขิง. (ไทลื้อ ก่อ ว่า งอ).

ก้อ ๑
ว. แสดงอาการเจ้าชู้ เช่น ไก่ก้อ.

ก้อร่อก้อติก
ว. แสดงอาการเจ้าชู้, ทําเป็นเจ้าชู้.

ก้อ ๒
น. ชนชาวเขาพวกหนึ่ง ในตระกูลทิเบต-พม่า มีอยู่ทางแถบเหนือของไทย คล้ายพวกมูเซอ, อีก้อ ก็เรียก.

ก๊อ
(ถิ่น-พายัพ) น. ทับทิม เช่น ต้นก๊อ ว่า ต้นทับทิม. (พจน. ๒๔๙๓).

กอก ๑
ก. ดูดเลือด หนอง หรือลมออกจากร่างกายหรือดูดเอาน้ำนมออกจากเต้านมโดยใช้ถ้วย กระบอก ฯลฯ เป็นเครื่องดูด.

กอก ๒
น. มะกอก.

ก๊อก ๑
น. เครื่องเปิดปิดน้ำจากท่อหรือภาชนะ, หัวก๊อก ก็เรียก. (อ. cock).

ก๊อก ๒
น. เรียกเปลือกต้นก่อชนิด Quercus suber L. ในวงศ์Fagaceae ที่ใช้ทําจุกขวดและอื่น ๆ ว่า ไม้ก๊อก.

กอแก
ก. เกาะแกะ เช่น อย่ากอแกชาววังหลังจะลาย.

กอง ๑
ก. ทําให้รวมสุมกันไว้, สุมกันไว้. น. สิ่งต่าง ๆ ที่รวมกันไว้เช่นนั้น เช่นกองมะม่วง กองฟืน, สิ่งต่าง ๆ ที่สุมกันไว้ เช่น กองขยะ; กำลังพลของทหาร ตำรวจ เป็นต้น จำนวน ๔ หมวด เรียกว่า กองร้อย, ถ้าเป็นทหารหรือตำรวจหัวหน้าจะต้องมียศร้อยเอก เรือเอก เรืออากาศเอก หรือร้อยตำรวจเอก เรียกว่า ผู้บังคับกองร้อย หรือทั่ว ๆ ไปเรียกว่า ผู้กองเฉพาะตำรวจนิยมเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สารวัตร; ส่วนราชการที่รองจากกรม. ว. ถ้ามีคํา เป็น ประกอบหน้า หมายความว่า มาก เช่นโตขึ้นเป็นกอง มากกว่าเป็นกอง.

กองกลาง
น. สิ่งที่กันไว้เป็นส่วนรวม หรือเป็นสาธารณะ.

กองกูณฑ์
น. กองไฟที่ใช้ในพิธีบูชาไฟ.

กองเกิน
น. ผู้ขึ้นทะเบียนรับราชการทหาร แต่ทางการยังไม่เรียกเข้ารับราชการ.

กองเกียรติยศ
น. กองทหารหรือตํารวจเป็นต้น ที่จัดขึ้นเพื่อให้เป็นเกียรติแก่ประมุขของประเทศ บุคคลสําคัญ ศพทหารตํารวจ หรือสิ่งอื่น ๆ เช่นธงชัยเฉลิมพล.

กองข้าว
น. พิธีอย่างหนึ่งที่ชาวชนบทห่อข้าวพร้อมด้วยของหวานพากันไปเซ่นผีตามป่าในหน้าแล้ง.

กองโจร
น. หน่วยกําลังที่ทําการรบแบบโจร.

กองทัพ
น. หน่วยทหารที่ประกอบด้วย ทหาร ๓ กองพล และมีทหารหน่วยอื่น ๆ เช่น หน่วยทหารช่าง หน่วยทหารสื่อสาร หน่วยทหารรถถังหน่วยทหารปืนใหญ่ เป็นส่วนประกอบ มีแม่ทัพเป็นผู้บังคับบัญชา.

กองทัพน้อย
น. หน่วยทหารที่ประกอบด้วยทหารหลายกองพล มีจํานวนไม่แน่นอน เป็นการจัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง มีแม่ทัพน้อยเป็นผู้บังคับบัญชา.

กองทุน
น. เงินหรือทรัพย์สินที่เอามารวมเป็นก้อนเดียวกันเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ในการสมรส.

กองพล
น. หน่วยทหารซึ่งมีทหารราบ ๓ กรม เป็นหลัก มีทหารหน่วยอื่น ๆเช่น หน่วยทหารปืนใหญ่ หน่วยทหารรถถัง หน่วยทหารซึ่งมีทหารราบทหารขนส่ง หน่วยทหารสารวัตร เป็นส่วนประกอบ มีผู้บัญชาการกองพลเป็นผู้บังคับบัญชา.

กองพัน
น. หน่วยทหารซึ่งประกอบด้วยทหาร ๔ กองร้อย มีผู้บังคับกองพันเป็นผู้บังคับบัญชา.

กองฟอน
น. กองขี้เถ้าศพที่เผาแล้ว.

กองมรดก
ดู มรดก.

กองร้อย
น. หน่วยทหารที่ประกอบด้วยทหาร ๔ หมวด มีผู้บังคับกองร้อยเป็นผู้บังคับบัญชา.

กองหนุน
น. ทหารที่ปลดออกจากประจําการหรือที่ปลดจากกองเกินเมื่ออายุครบกําหนด, ทหารที่จัดไว้เพื่อเพิ่มเติมหรือสับเปลี่ยนแนวหน้า.

กอง ๒
ดู รกฟ้า.

กอง ๓
(ถิ่น-พายัพ) น. ถนน, ทางเดิน, เช่น กางกอง ว่า กลางถนน.

ก่อง ๑
น. เครื่องประดับหน้าอก; ชื่อแผ่นผ้าที่ปิดอกหญิงคล้ายเต่าที่หญิงรุ่นสาวใช้.

ก่อง ๒
ว. สุกใส, สว่าง, งาม.

ก่อง ๓
น. เครื่องมือจับสัตว์น้ำชนิดหนึ่ง ใช้ในจังหวัดหนองคาย ทําด้วยตาข่ายซึ่งด้านหนึ่งติดกับลําไม้ไผ่คล้ายธง ทิ้งชายด้านหนึ่งลงไปในน้ำ มุมหนึ่งถ่วงด้วยหิน และอีกมุมหนึ่งมีเชือกโยงมาบนเรือ ลากติดไปกับเรือ พอรู้ว่าปลาติดตาข่ายก็สาวเชือกขึ้นมา.

ก่อง ๔
น. ไม้ชนิดหนึ่ง ผลคล้ายลางสาด แต่เปลือกหนา. (พจน. ๒๔๙๓).

ก้อง ๑
ว. ดังมากอย่างเสียงในที่จํากัดเช่นในโบสถ์, ดังไปได้ไกล เช่นเขาตะโกนก้องมาจากที่สูง.

ก้อง ๒
น. บรรณาการ ในคำว่า จิ้มก้อง. (จ.).

กองกอย
น. ผีชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่ามีตีนเดียว ไม่มีสะบ้าหัวเข่า จึงต้องเดินเขย่งเกงกอย ชอบออกมาดูดเลือดที่หัวแม่เท้าของคนที่นอนหลับพักแรมในป่า.

ก๊อซ
น. เรียกผ้าบาง โปร่ง ที่ใช้ปิดแผลหรือพันแผลว่า ผ้าก๊อซ. (อ. gauze).

กอด
ก. โอบไว้ในวงแขน, โดยปริยายหมายถึงอาการที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น.

กอดแข้งกอดขา, กอดมือกอดตีน
ก. ประจบประแจง.

ก่อน
ว. เดิม, เริ่ม, ลําดับแรก, เช่น แต่ก่อน, ถ้าใช้ประกอบหลังคํานามบอกเวลา หมายความว่า ล่วงมาแล้ว เช่น วันก่อน เดือนก่อน, ถ้าใช้ประกอบหน้าคํานามบอกเวลา หมายความว่า ยังไม่มาถึง เช่นก่อนเที่ยง, ใช้ประกอบหลังคํากริยา บางกรณีหมายความว่าให้ระงับยับยั้งไว้ชั่วคราว เช่น หยุดก่อน รอก่อน, บางกรณีหมายความว่าล่วงหน้า เช่น ไปก่อน.

ก้อน
น. คําบอกลักษณะของเล็ก ๆ ที่เกาะหรือติดรวมกันแน่น ไม่กําหนดรูปแน่นอน โดยมากมีลักษณะค่อนข้างกลม เช่น ข้าวเกาะกันเป็นก้อน, เรียกสิ่งที่มีลักษณะเช่นนั้น เช่น ก้อนข้าว; สิ่งที่แยกหรือแตกออกจากสิ่งใหญ่ ไม่กําหนดรูปแน่นอน โดยมากมีลักษณะค่อนข้างกลม เช่น ก้อนอิฐ ก้อนหิน ก้อนดิน; ลักษณนามเรียกของเช่นนั้นเช่น ข้าว ๓ ก้อน หิน ๒ ก้อน; โดยปริยายหมายถึง จํานวนรวม เช่นได้เป็นเงินก้อน; (ถิ่น-ปักษ์ใต้) เงิน ๑ สลึง (ที่สงขลามีค่า = ๑๕สตางค์).

ก้อนขี้หมา
น. ปุ่มเหนือปลายปากบนของจระเข้, ขี้หมา หรือ หัวขี้หมา ก็เรียก.

ก้อนเส้า
น. ก้อนดิน ก้อนอิฐ หรือก้อนหินเป็นต้นที่เอามาตั้งต่างเตา;ชื่อดาวฤกษ์ภรณี มี ๓ ดวง.

กอบ
ก. เอามือ ๒ ข้างรวบสิ่งของเข้ามาจนนิ้วก้อยของมือชิดกันแล้วยกขึ้น.น. เรียกของที่กอบขึ้นครั้งหนึ่ง ๆ ว่า กอบหนึ่ง ๆ, ลักษณนามเรียกปริมาณของของที่กอบขึ้นมาเช่นนั้น เช่น ทรายกอบหนึ่ง ข้าวสาร ๒ กอบ.

กอบโกย
ก. ขนเอาไปเป็นจํานวนมาก, รวบเอาไปเป็นจํานวนมาก.

กอบด้วย
ว. มี (มักจะใช้ในคําที่กล่าวถึงลักษณะเพิ่มเติม) เช่น นาย กเป็นผู้มีอํานาจและกอบด้วยเมตตา, ประกอบด้วย.

กอบนาง
น. ชื่อไม้เถาชนิด Chilocarpus costatus Miq. ในวงศ์ Apocynaceaeพบทางปักษ์ใต้ มียางขาว, ย่านกอบนาง ก็เรียก.

ก๊อบปี้
น. กระดาษที่ใช้สําหรับทําสําเนา เรียกว่า กระดาษก๊อบปี้. (อ. carbonpaper); (ปาก) ลักษณนามเรียกสําเนาหนังสือ เช่น ก๊อบปี้หนึ่ง สําเนา๒ ก๊อบปี้. (อ. copy).

กอปร
[กอบ] ก. ประกอบ.

ก้อม
(โบ) น. ปลาย. ว. ค่อม, เตี้ย. ก. ก้ม.

กอมก้อ
(ถิ่น-พายัพ) น. ต้นกะเพรา. (ดู กะเพรา).

ก่อมก้อ
ว. ค่อม, เตี้ย, เช่น มีเจ่งตาบอดพลาย ก่อมก้อ. (โลกนิติ).

กอย
น. คนป่าพวกหนึ่ง ตัวดํา ผมหยิก อยู่ในแหลมมลายู, เงาะ ก็เรียก.

ก๋อย
ดู อีก๋อย.

ก้อย ๑
น. นิ้วเล็กที่สุดของนิ้วทั้ง ๕ เรียกว่า นิ้วก้อย; ในการเล่นปั่นแปะหรือโยนหัวโยนก้อย เรียกสมมุติด้านหนึ่งของสตางค์หรือเหรียญกระษาปณ์ว่าด้านก้อย, คู่กับ ด้านหัว; โดยปริยายหมายความว่า เล็ก เช่น หัวเท่ากิ่งก้อย คือ หัวเล็กนิดเดียว, ไม่รู้จักนิ้วก้อยหัวแม่มือ หมายความว่าไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ หรือ ไม่รู้จักต่ำสูง.

ก้อย ๒
น. ชื่ออาหารชนิดหนึ่ง คล้ายพล่า ทำด้วยกุ้งสด เรียกว่า ก้อยกุ้ง;(ถิ่น-อีสาน) ชื่ออาหารชนิดหนึ่ง ทำจากเนื้อ ปลา กุ้ง ที่ดิบ ๆคล้ายพล่า.

ก้อร่อก้อติก
ว. อาการที่ทําเป็นเจ้าชู้.

กอริลลา
น. ชื่อลิงไม่มีหางชนิด Gorilla gorilla ในวงศ์ Pongidae เป็นลิงที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตัวสูงขนาดคนแต่ล่าสันและแข็งแรงกว่ามาก มีถิ่นกําเนิดในทวีปแอฟริกา.

กอล์ฟ
น. กีฬาชนิดหนึ่ง ใช้ไม้ตีลูกกลมผ่านพื้นที่ขวางกั้นที่เตรียมไว้ให้มีลักษณะต่าง ๆ กัน เช่น เป็นหลุมทราย บ่อน้ำ ให้ไปลงหลุมที่กําหนด. (อ. golf).

กอและ ๑
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ชื่อเรือประมงตามชายฝั่งทะเลทางภาคใต้ รูปร่างยาวเพรียว หัวและท้ายเรือแหลมสูง เขียนลวดลายสีสันต่าง ๆ ไว้อย่างสวยงาม.

กอและ ๒
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. เรียกอาหารชนิดหนึ่ง ทำด้วยไก่ที่ถอดกระดูกชุบเครื่องปรุงรส ปิ้งให้สุก ว่า ไก่กอและ.

กอเอี๊ยะ
น. ขี้ผึ้งปิดแผลชนิดหนึ่งแบบจีน. (จ.).

กะ ๑
น. เครื่องหมายบอกทํานองสวด เช่น กะมหาชาติคําหลวง, ทํานองสวดเช่น สวดกะ; รอบการเข้าเวร, ระยะเวลาที่ผลัดเปลี่ยนกันทํางาน, เช่นกะแรก กะที่ ๒. ก. กําหนด, หมาย, คะเน, ประมาณ.

กะเกณฑ์
ก. บังคับ, กําหนดเป็นเชิงบังคับ.

กะ ๒
ว. ใช้รวมกับคําวิเศษณ์ เช่น เหมือนกะ ราวกะ ถึงกะ. บ. ใช้นําหน้าผู้รับพูดหรือรับบอก เช่นพี่พูดกะน้อง เขากล่าวกะฉัน เขาบอกกะท่าน.สัน. ใช้แทนคําว่า กับเช่น ยายกะตา, ใช้แทนคําว่าแก่ เช่น มีกะใจ.(เป็นคําเสียงกร่อนมาจาก กับ หรือ แก่).

กะ ๓
น. ส่วนของสมอแบบหนึ่ง ลักษณะคล้ายแขนยื่นออกไป ๒ ข้างสำหรับช่วยยึดเกาะติดพื้นท้องน้ำ.

กะสมอ
ก. นำสมอเรือไปทอดไว้ในที่ที่เรือใหญ่ต้องการเข้าจอดหรือเทียบเรือซึ่งเป็นที่เข้าจอดหรือเข้าเทียบแล้วค่อย ๆ กว้านสมอนำเรือเข้าไป.

กะ ๔
น. ชื่อเงื่อนชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับผูกเรือเพื่อคล้องกับที่ยึดหรือเสายึดเรือเป็นเงื่อนที่แน่นแต่แก้ออกง่าย, ถ้าผูกเงื่อนชนิดทำห่วงไว้ก่อนเรียกว่า กะห่วง.

กะ- ๕
พยางค์หน้าอันใช้เป็น กระ- ได้, แต่มีบางคําซึ่งต้องการพยางค์นี้เพื่อสละสลวยหรือเน้นคําให้เด่นขึ้น เช่น เกริก เป็น กะเกริก, หรือเกิดเป็นพยางค์หน้าขึ้น โดยแยกเอาตัวสะกดในแม่กกแห่งคําหน้ามานํา เช่นนกยาง เป็น นก-กะยาง, ผักโฉม เป็น ผัก-กะโฉม, ลูกดุม เป็นลูก-กะดุม.ต่อไปนี้เป็นคําที่ขึ้นด้วยพยางค์ กะ- ซึ่งเคยใช้เป็นกระ- ได้,ให้ดูคําแปลที่ กระ- นั้น ๆ คือ :-กะเกริก, กะเกริ่น.กะง่อนกะแง่น,กะเง้ากะงอด.กะจก, กะจ้อน, กะจ้อยร่อย, กะจะ, กะจัง, กะจับ,กะจับปิ้ง, กะจับปี่, กะจ่า, กะจาด, กะจาบ, กะจิบ, กะจิริด, กะจี้,กะจุก, กะจุ๋งกะจิ๋ง, กะจุบ, กะจุ๋มกะจิ๋ม, กะจุย, กะจู้, กะจู๋กะจี๋,กะเจอะกะเจิง, กะเจา, กะเจ้า, กะเจาะ, กะเจิง, กะเจิดกะเจิง,กะเจี้ยง, กะเจี๊ยบ, กะเจียว, กะแจะ, กะโจน, กะโจม.กะฉอก,กะฉ่อน, กะฉับกะเฉง, กะฉีก, กะฉูด, กะเฉด, กะโฉม.กะชดกะช้อย,กะชอน, กะชั้น, กะชับ, กะชาก, กะชาย, กะชุ, กะชุ่มกะชวย, กะแชง.กะซิก, กะซิบ, กะซุง, กะซุบกะซิบ, กะเซ็น, กะเซอ, กะเซอะกะเซอ,กะเซอะกะเซิง, กะเซ้า, กะเซิง, กะแซะ.กะดก, กะด้ง, กะดวง,กะดวน, กะด้วมกะเดี้ยม, กะดอ, กะดอง, กะดอน, กะดอม,กะดักกะเดี้ย, กะดังงา, กะดาก, กะด้าง, กะดางลาง, กะดาน,กะดิก, กะดิ่ง, กะดิบ, กะดี่, กะดี้, กะดี้กะเดียม, กะดึง, กะดุกกะดิก,กะดุ้งกะดิ้ง, กะดุบกะดิบ, กะดุม, กะดูก, กะเด็น, กะเด้า, กะเดาะ,กะเดิด, กะเดียด, กะเดือก, กะเดื่อง, กะแด็ก ๆ, กะแด้แร่, กะแด่ว,กะแดะ, กะโดก, กะโดด, กะโดน, กะได.กะตรกกะตรํา, กะต้อ,กะตรับ, กะตรุม, กะต้วมกะเตี้ยม, กะต่องกะแต่ง, กะต๊อบ,กะต้อยตีวิด, กะตัก, กะตั้ว, กะต่าย, กะติก, กะตือรือร้น, กะตุก,กะตุกกะติก, กะตุ้งกะติ้ง, กะตุ้น, กะเตง, กะเต็น, กะเตอะ, กะเตาะ,กะเตาะกะแตะ, กะเตื้อง, กะแต, กะโตกกะตาก.กะถด, กะถั่ว,กะถาง, กะถิก, กะถิน, กะเถิบ, กะโถน.กะทง, กะทบ, กะทอก,กะท่อนกะแท่น, กะท่อม, กะท้อมกะแท้ม, กะทะ, กะทั่ง, กะทั่งติด,กะทา, กะทาย, กะทาหอง, กะทํา, กะทิง, กะทึง, กะทืบ, กะทุง,กะทุ้ง, กะทุ่ม, กะทุ่มหมู, กะทู้, กะเท่, กะเทียม, กะแทก.กะนั้น,กะนี้, กะโน้น, กะไน.กะบก, กะบวย, กะบะ, กะบั้วกะเบี้ย, กะบาก,กะบาย, กะบิ, กะบิด, กะบี่, กะบุง, กะบุ่มกะบ่าม, กะบู้กะบี้,กะบูน, กะเบน, กะเบา, กะเบียด, กะเบียน, กะเบื้อง, กะแบกงา,กะแบะ.กะปรี้กะเปร่า, กะป้อกะแป้, กะป๋อง, กะปอดกะแปด,กะปั้วกะเปี้ย, กะป่ำ, กะปุก, กะปุ่มกะป่ำ, กะเป๋า, กะเปาะ,กะโปก.กะผลีกะผลาม, กะผีก.กะพอก, กะพอง, กะพัก, กะพัง,กะพังเหิร, กะพังโหม, กะพัน, กะพี้, กะพือ, กะพุ้ง, กะเพาะ,กะเพิง, กะเพื่อม.กะฟัดกะเฟียด, กะฟูมกะฟาย.กะมัง,กะมิดกะเมี้ยน, กะเมาะ.กะย่องกะแย่ง, กะย่อม, กะยาง,กะยาหงัน, กะยิ้มกะย่อง, กะยืดกะยาด.กะรอก, กะเรียน,กะไร.กะลําพัก, กะลําพุก, กะลุมพุก, กะลุมพู.กะวาน, กะวิน,กะวีกะวาด, กะวูดกะวาด, กะเวยกะวาย, กะแวน.กะสง,กะสม, กะสร้อย, กะสวน, กะสวย, กะสอบ, กะสัง, กะสัน,กะสับกะส่าย, กะสา, กะสาบ, กะสาย, กะสือ, กะสุน, กะสูบ,กะเสด, กะเส็นกะสาย, กะเส่า, กะเสาะกะแสะ, กะเสือกกะสน,กะแสง, กะแสะ.กะหนก, กะหนาบ, กะหมั่ง, กะหัง, กะหึม,กะหืดกะหอบ, กะแห, กะแหน่, กะแหนะ, กะโห้.กะอ้อกะแอ้,กะออดกะแอด, กะออม, กะอ้อมกะแอ้ม, กะแอก, กะแอม, กะไอ.

กะกร่อม
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. เครื่องมือจับปูทะเล เป็นของชาวประมงตั้งแต่จังหวัดชุมพรถึงสุราษฎร์ธานี, บางทีเรียกว่า กร่อม หรือ ตะกร่อม,ใช้ไม้ไผ่อันเดียวผ่าตอนปลายออกเป็น ๔ ซี่ และซี่เหล่านั้นเหลาให้อ่อน จะเป็นรูปกลมหรือแบนก็ได้ เอาวงแหวนทําด้วยไม้ไผ่หรือหวายหรือลวดใส่ในหว่างซี่เหล่านั้นเพื่อบังคับให้ถ่างออก.

กะกร้าว
(กลอน) ว. มีเสียงอย่างขบฟันดังกร้วม ๆ, (โบ) เขียนเป็น กกร้าวก็มี เช่น กเกรอกขบฟนนก็ดูร้าว กกร้าวขบฟนนกดูแรง.(ม. คําหลวง มหาราช).

กะกลิ้ง
น. โกฐกะกลิ้ง. (ดู โกฐกะกลิ้ง ที่ โกฐ).

กะก่อง
(กลอน) ว. งดงาม เช่น คางเพลาคือกลวิมลกัณฐกะก่องคือแสงสรวล.(สมุทรโฆษ).

กะกัง
น. พี่ชาย. (ช. kakang).

กะกึก
(กลอน) ว. กึก ๆ เช่น ดังกะกึกกุกกักชักสายพาดขึ้นกับไก.(ม. ร่ายยาว กุมาร).

กะเกาะ
(กลอน) ว. เสียงดังเช่นนั้น เช่น เคาะพระทวารดังกะเกาะก้องกึก.(ม. ร่ายยาว ชูชก).

กะโกระ
[-โกฺระ] (ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ภาชนะชนิดหนึ่งสานด้วยใบเตยรูปร่างคล้ายครุ.

กะง้องกะแง้ง
(ถิ่น-พายัพ) ว. คดไปคดมา, งอไปงอมา.

กะจัง
ดู กระจัง ๒.

กะแจะ
ดู กระแจะ ๒.

กะชะ
น. ภาชนะสานชนิดหนึ่ง ตั้งได้คล้ายตะกร้า รูปร่างสูงตรงขึ้นไปสําหรับบรรจุเครื่องเดินทาง เช่น ผ้าและอาหาร ปากไม่มีขอบเพื่อบีบให้ติดกันแล้วร้อยเชือกแขวนไปบนหลังสัตว์บรรทุก เป็นต้น;(ถิ่น-ปักษ์ใต้) ตะกร้าชนิดหนึ่ง.

กะชัง
(โบ) น. น้ำปัสสาวะแห่งทารก, น้ำคร่ำ, เขียนเป็น กระชัง ก็มี.(มิวเซียม). (ดู กระชัง ๓).

กะชามาศ
น. ทองที่เกิดในน้ำ. (ปาเลกัว).

กะชิง ๑
ดู กรรชิง.

กะชิง ๒
ดู กะพ้อ ๒.

กะชึ่กกะชั่ก
ว. ติด ๆ ขัด ๆ, ไปไม่สะดวก.

กะแช่
น. น้ำเมาชนิดหนึ่ง ใช้ข้าวเหนียวนึ่งหมักแช่กับแป้งเชื้อ แต่ยังมิได้กลั่นเป็นสุรา.

กะซวก
(ปาก) ก. แทง เช่น กะซวกไส้.

กะซ้าหอย
ดู กะส้าหอย.

กะซี่
น. ผลหมากที่แกนไม่มีไส้ขาว, กะซี้ ก็ว่า เช่น กินหมากกะซี้เป็นหนี้เขาจนตาย.

กะโซ่, กะโซ้ ๑
น. เผ่าข่าโซ้ เป็นชาวป่าทางภาคอีสานของไทย มีลักษณะคล้ายเขมร. (วิทยาจารย์).

กะโซ้ ๒
(ถิ่น-อีสาน) น. เครื่องวิดน้ำรูปร่างคล้ายเรือครึ่งท่อน, โชงโลง.

กะดก
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. กาบ เช่น กะดกหมาก = กาบหมาก,ชาวพื้นเมืองเรียกว่า ดก.

กะดง
ดู ชาปีไหน.

กะดวน
ก. ตอกลิ่มเข้าไปในไม้. (ปาเลกัว).

กะดอก ๆ
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) ว. เปล่า ๆ, เฉย ๆ.

กะดะ
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) ก. สอย, กระทุ้ง.

กะดังบาย
ดู กะตังใบ.

กะดัด
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ต้นราชดัด. (ดู ราชดัด).

กะด้าง
(ถิ่น-พายัพ) น. ต้นกระด้าง. [ดู กระด้าง ๑ (๒)].

กะดำกะด่าง
ว. ดํา ๆ ด่าง ๆ, สีไม่เสมอกัน.

กะดี
น. โรงที่ประชุมทําพิธีฝ่ายศาสนาอิสลาม นิกายเจ้าเซ็น เช่นกะดีเจ้าเซ็นแขกเต้น ตีอก. (นิ. ประธม). (เทียบ ฮินดี คัดดี ว่าพระแท่น).

กะดี่
ก. ดีดหรืองัดของหนักขึ้น เช่น กะดี่ซุง กะดี่เสา.

กะดุ้ง
(ถิ่น-อีสาน) น. เครื่องมือจับสัตว์น้ำชนิดหนึ่งรูปร่างคล้ายยอยก,เรียกเป็นสามัญว่า สะดุ้ง.

กะเด้
(ถิ่น) ว. ประเดี๋ยว เช่น รอกะเด้ = รอประเดี๋ยว, เดี๋ยวนี้เช่น ไปกะเด้ = ไปเดี๋ยวนี้.

กะเดก
ว. โยก, โคลง.

กะเดี๋ยว
(ปาก) ว. ประเดี๋ยว.

กะได
(โบ) ว. เคย เช่น เดาะกะไดไดเลียม ลอดเคล้น. (นิ. นรินทร์).

กะตรุด
[-ตฺรุด] (กลอน) น. ตะกรุด เช่น พระกะตรุดเลศเลขลง เลิศแล้ว.(พยุหยาตรา), กะตุด ก็ใช้.

กะตอก
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. กระโถน.

กะต่อย ๑
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) ว. เล็ก, ลีบ, เช่น สะตอกะต่อย ว่า ลูกสะตอลีบ.

กะต่อย ๒
น. พลูป่า เรียกว่า พลูกะต่อย. (ปรัดเล).

กะตัก
น. ชื่อปลาทะเลขนาดเล็กทุกชนิดในสกุล Encrasicholina และStolephorus ในวงศ์ Engraulidae รูปร่างยาว กลม หรือแบนข้างเล็กน้อยแล้วแต่ชนิด ปากกว้าง ที่สันท้องระหว่างครีบท้องและครีบก้นมีหนามแหลม ๒-๗ อัน ข้างลําตัวมีสีเด่นเป็นเพียงแถบสีเงินพาดตลอดตามยาว มักอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ใกล้ฝั่งอาจคละกันหลายชนิด, หัวอ่อน ไส้ตัน เส้นขนมจีน หัวไม้ขีดมะลิ เก๋ย เรียกปะปนกันระหว่างชนิด หรือต่างกันตามท้องถิ่นที่จับ.

กะตั้ก, กะตั้ก ๆ
(ปาก) น. กองใหญ่, จำนวนมากมาย, เช่น เขามีเงินเป็นกะตั้ก ๆ.

กะตัง
น. การขึ้นเกล็ด.

กะตังมูตร
[-มูด] น. ปัสสาวะที่ขึ้นเกล็ดที่ผิวหน้า.

กะตังกะติ้ว ๑
น. น้ำยางที่ได้จากไม้เถาหลายชนิดในวงศ์ Apocynaceae เช่นมวก (Parameria barbata Schum.) กะตังกะติ้ว หรือ คุยช้าง(Willughbeia edulis Roxb.) และ ตังติ้ว (Urceola esculenta Benth.).

กะตังกะติ้ว ๒
น. ชื่อไม้เถาชนิด Willughbeia edulis Roxb. ในวงศ์Apocynaceae มีน้ำยางขาว, คุยช้าง ก็เรียก.

กะตังใบ
น. ชื่อไม้พุ่ม ๒ ชนิด ในสกุล Leea วงศ์ Leeaceae คือ ชนิดL. indica (Burm.f.) Merr.ใบเป็นใบประกอบ ใบย่อยรูปไข่ปลายแหลม ดอกเล็ก สีขาวอมเขียว ออกเป็นช่อตามยอดผลสีเขียว ใบใช้ทํายาได้, กะดังบาย ก็เรียก; และชนิด L. rubra Blume ex Spreng. ดอกมีก้านช่อ ดอกและผลสีแดง, เขือง ก็เรียก.

กะต่า
(ถิ่น-อีสาน) น. ตะกร้า, ตะกร้ามีหูหิ้ว; หูก.

กะต๊าก
ว. เสียงไก่ตัวเมียร้องเมื่อตกใจหรือออกไข่.

กะต้ำ
น. เครื่องมือจับสัตว์น้ำตามริมฝั่งชนิดหนึ่ง ใช้เฝือกกั้นเป็นคอก๓ ด้าน ด้านหนึ่งมีประตูเปิดปิดได้ ในคอกสะด้วยกิ่งไม้เพื่อล่อให้ปลาเข้าอยู่, ต้อน ก็ว่า.

กะติ๊กริก
ว. เริ่มมีเนื้อมีหนังขึ้น (มักใช้แก่เด็ก). ก. จริตจะก้าน, ระริก.

กะติงกะแตง
ก. กุลีกุจอ เช่น พระชาลีก็ลีลาแล่นไปก่อน กะติงกะแตงต้อนรับ.(ม. กาพย์ กุมาร), กะตึงกะแตง ก็ใช้.

กะตีบ
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ต้นมะแฟน. (ดู มะแฟน).

กะตึงกะแตง
ก. กะติงกะแตง.

กะตุ๊ก, กะตูก
ก. ร้องกระแทกเสียงที่ริมหูคนอื่นว่า 'กะตุ๊ก' จนหูอื้อ เป็นการล้อกันเล่น เรียกว่า กะตูกที่หู.

กะตุด
(ปาก) น. ตะกรุด, บางทีเรียก กะตรุด ก็มี.

กะตุมู
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ต้นขมิ้นอ้อย. (ดู ขมิ้นอ้อย ที่ ขมิ้น).

กะเตก
ก. ไสช้างให้เดิน, มักพูดสั้น ๆ ว่า เตก.

กะเตง
ก. พาหรือเอาไปด้วย เช่น จะกะเตงกระเป๋าไปให้เกะกะทำไมกะเตงลูกไปตามหาพ่อ.

กะเตง ๆ
ว. ลักษณะที่ไปอย่างไม่เรียบร้อยคล้ายกับมีของถ่วงอยู่ข้างหนึ่งเช่น อุ้มลูกกะเตง ๆ พายเรือกะเตง ๆ, กะเตงเรง ก็ว่า, ลักษณะที่ไปอย่างเรื่อยเปื่อย เช่น วัน ๆ ได้แต่กะเตง ๆ ไปโน่นไปนี่.

กะเตงเรง
ว. กะเตง ๆ.

กะแตว
ว. ลักษณะที่ไปรบกวนบ่อย ๆ, หย่อย ๆ, เซ้าซี้.

กะแต่ว
ว. แสดงลักษณะของการร้องหรือการทวงสิ่งของบ่อย ๆ ว่าร้องกะแต่ว ๆ.

กะโต๊ก
ว. เสียงไก่ตัวผู้ร้อง.

กะโตงกะเตง
ว. โตง ๆ เตง ๆ, ติดอยู่รุงรัง, พัวพัน.

กะโต้งโห่ง
ว. เสียงนกยูงร้อง.

กะถัว
น. นกกระตั้ว. (พจน. ๒๔๙๓).

กะทกรก
น. (๑) ชื่อไม้พุ่มรอเลื้อยชนิด Olax scandens Roxb. ในวงศ์Olacaceae ตามลําต้นมีหนามห่าง ๆ ใบรูปไข่หรือรี ๆ ดอกเล็ก สีขาวอยู่เป็นกระจุกที่ง่ามใบ ผลกลมหรือรีขนาดเท่าเม็ดบัวเขื่อง ๆ เป็นสมุนไพรที่รู้จักกันทั่วไป, น้ำใจใคร่ นางจุม หรือ นางชม ก็เรียก, อุดรเรียก เยี่ยวงัว. (๒) ชื่อไม้เถาชนิด Passiflora foetida L. ในวงศ์Passifloraceae มีมือเกาะ ใบป้อมมี๓ หยัก ดอกสีขาว ผลกลมเมื่อสุกสีเหลือง มีกาบเป็นฝอยหุ้ม ยอดนํามาต้มใช้เป็นผัก, เถาเงาะเงาะป่า หญ้ารกช้าง เถาสิงโต ถลกบาตร หรือ กระโปรงทอง ก็เรียก.

กะทอ
น. ภาชนะสานด้วยไม้ไผ่ตาโปร่งอย่างชะลอม รูปร่างเป็นกระบอกสําหรับใส่เสื้อผ้าและของอื่น ๆ ใช้กันมากในภาคอีสาน.

กะทัง
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Litsea monopetala (Roxb.)Pers. ในวงศ์ Lauraceae มีมากทางปักษ์ใต้ ใบเมื่อขยี้มีกลิ่นฉุนคล้ายการบูร ไม้ใช้ก่อสร้างบ้านเรือนได้.

กะทังหัน
น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ชนิด Calophyllum thorelii Pierreในวงศ์ Guttiferae ดอกสีขาว ผลเล็ก รูปไข่ เนื้อไม้ใช้ทําพื้น ฝา เสาบ้านและเสากระโดงเรือได้.

กะทัดรัด
ว. สมทรง, สมส่วน, เหมาะเจาะ.

กะทัน
(ถิ่น-พายัพ, อีสาน) น. ต้นพุทรา. (ดู พุทรา).

กะทันหัน
ว. ทันใด, ปัจจุบันทันด่วน, จวนแจ.

กะทับ
น. นกตะขาบ. (พจน. ๒๔๙๓).

กะทำ
(โบ) ก. กระทํา, ทํา.

กะทิ ๑
น. น้ำที่คั้นออกจากมะพร้าวขูดโดยเจือน้ำบ้างเล็กน้อย, ถ้าคั้นจากเนื้อมะพร้าวขูดล้วน ๆ เรียกว่า หัวกะทิ, ของหวานทําด้วยน้ำตาลกวนกับมะพร้าวคล้ายหน้ากระฉีก แต่ใช้น้ำตาลมากกว่า เรียกว่าน้ำตาลกะทิ, มะพร้าวห้าวที่มีน้ำข้น เนื้ออ่อนกล้ามหนา เรียกว่ามะพร้าวกะทิ. ว. โดยปริยายหมายความว่า ที่ดีเด่นเป็นพิเศษเรียกว่า หัวกะทิ.

กะทิ ๒
ดู กระติ๊ด ๑.

กะทิขูด
ดู สีกรุด.

กะทือ
น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Zingiber zerumbet (L.) Smith ในวงศ์Zingiberaceae ดอกสีเหลือง ผลกลมสีแดง เหง้าสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม ใช้ทํายาได้ เมื่ออ่อนใช้ปรุงอาหาร ช่อดอกอ่อนใช้เป็นผัก.

กะทุน
น. ชื่อแมลงพวกแมลงปอ แมลงปอเข็ม และแมลงช้างตัวเต็มวัยซึ่งมีลักษณะคล้ายแมลงปอ แต่มีหนวดยาว, ในบางจังหวัดเช่น นครปฐมราชบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ เรียกกระทุน กระชุน หรือ ปะทุน.

กะเทย
น. คนที่มีอวัยวะเพศทั้งชายและหญิง, คนที่มีจิตใจและกิริยาอาการตรงข้ามกับเพศของตน; ผลไม้ที่เมล็ดลีบ เช่น ลําไยกะเทย.(อะหม ว่า เทย).

กะเทยนางหมั่น
น. ชื่อลิ้นจี่พันธุ์หนึ่งที่เคยปลูกในกรุงเทพมหานคร.

กะเทาะ
ก. ล่อนหลุดออกมาเป็นชิ้น ๆ หรือเป็นแผ่น ๆ, ทําให้ล่อนหลุดออกเช่น กะเทาะเม็ดบัว. น. สิ่งของหรือเปลือกไม้ที่หลุดล่อนออกมาจากพื้นเดิมหรือจากต้น เช่น กะเทาะมะขาม.

กะแท้
น. ชื่อแมลงพวกมวนขนาดเล็ก ตัวยาว ๘-๑๒ มิลลิเมตร รูปร่างคล้ายโล่ สีน้ำตาลแก่อมดําหรือสีเกือบดํา เมื่อจับต้องตัวจะปล่อยกลิ่นฉุนเหม็นติดมือ บางทีคล้ายกลิ่นอุจจาระของคน มีหลายชนิดที่พบกันแพร่หลาย ได้แก่ ชนิด Geotomus pygmaeus ในวงศ์Podopidae.

กะแท่ง
น. ชื่อไม้ล้มลุกในสกุล Amorphophallus วงศ์ Araceae ต้นเล็กราวเท่านิ้วมือ เวลาออกดอกไม่มีใบ ก้านช่อดอกอ่อน ๆ ใช้แกงได้,พายัพเรียก ดอกก้าน.

กะแทน
ดู มะแฟน.

กะนวล
น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Garcinia merguensis Wightในวงศ์ Guttiferae มียางสีเหลืองจาง ๆ.

กะนัด
(ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ไม้แบน ๒ อันนอกตะกอสําหรับขัดเส้นด้ายเพื่อกันด้ายยุ่ง.

กะบอนกะบึง
(กลอน) ก. โกรธอย่างแสนงอน, โดยมากใช้ กะบึงกะบอน. ว. ไม่รู้จักจบ, เง้า ๆ งอด ๆ, (ใช้แก่กริยาบ่น) เช่น คอยสะบัดปัดกรกะบอนกะบึง. (อิเหนา), โดยมากใช้ กะบึงกะบอน.

กะบ่อนกะแบ่น
ว. กระท่อนกระแท่น, ไม่เสมอทั่วกัน, ไม่เรียบเสมอกัน, เช่นตัดผมกะบ่อนกะแบ่น ทาสีกะบ่อนกะแบ่น.

กะบัง ๑
น. เครื่องบัง เช่น กะบังหมวก, เครื่องกั้น, เครื่องรับ, เช่น กะบังหอก.

กะบังลม
น. แผ่นกั้นประกอบขึ้นด้วยกล้ามเนื้อและเนื้อพังผืดแยกช่องท้องออกจากช่องอก มีอาการยืดและหดได้เพื่อช่วยในการหายใจ.

กะบังหน้า
น. กรอบหน้าเป็นเครื่องประดับ.

กะบัง ๒
น. เครื่องมือจับสัตว์น้ำชนิดหนึ่ง ใช้เสาหรือไม้ลําปักทางซ้ายและทางขวาเรียงกันเป็นลําดับ แล้วเอาเฝือกขนาบกับเสาทั้ง ๒ ข้างอย่างเดียวกับจิบ แต่ระหว่างกลางทําร้านซึ่งสานด้วยไม้ไผ่ตลอดเป็นทางเพื่อให้ปลาเสือกตัวขึ้นแล้วเลื่อนตกลงไปในถุงอวนหรือตาข่ายที่ดักไว้ปลายทาง ต้องจับในเวลาที่น้ำไหลเชี่ยว, กะบังรังเฝือก ก็ว่า.

กะบัง ๓
น. ดอกไม้.

กะบัง ๔
น. ดินขาว.

กะบั้ง
(ถิ่น-อีสาน) น. บ้องไม้ไผ่.

กะบังรังเฝือก
ดู กะบัง ๒.


ความคิดเห็น