บทเรียนที่ 10: วิทยาศาสตร์ประถม2 เรื่อง พลังงาน

พลังงาน
ความสามารถที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่หรือทำงานได้ เรียกว่า พลังงาน ดังนั้น สิ่งที่มีชีวิต คือ คน สัตว์ สามารถเคลื่อนที่ เดิน วิ่ง กระโดด ยกสิ่งของ หรือสามารถทำงานประกอบกิจกรรมต่างๆ ได้ จึงมีพลังงาน พลังที่อยู่ในมนุษย์และสัตว์ เกิดจากการที่เราได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เข้าไปในร่างกาย

ประเภทของพลังงาน
แหล่งกำเนิดของพลังงานมี 2 ประเภท คือ พลังงานจากธรรมชาติกับพลังงานจากสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้น
  1. พลังงานจากธรรมชาติ คือ พลังงานที่มีอยู่ในธรรมชาติ เช่น พลังงานจากดวงอาทิตย์ พลังงานจากน้ำตก พลังงานจากลม พลังงานจากสัตว์ เป็นต้น
  2. พลังงานจากสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น คือ พลังงานที่มนุษย์แปรรูปมาจากพลังงานธรรมชาติ เช่น พลังงานไฟฟ้าตามบ้าน พลังงานเคมีในแบตเตอร์รี่ พลังงานกล เช่น วัตถุหมุน วัตถุเคลื่อนที่
พลังงานไฟฟ้า คือ พลังงานที่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ใช้งานได้ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต และเพื่อประโยชน์ในการใช้งานในด้านต่างๆ เช่น ให้แสงสว่าง ให้ความร้อน ในการหุงข้าวต้มอาหาร ความบันเทิง และความเย็น เป็นต้น

ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 
เป็นพลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีและเป็นพลังงานที่มนุษย์สร้างหรือประดิษฐ์ขึ้น ซึ่งนำมาใช้งานได้เหมือนไฟฟ้าตามบ้านเรือน

ดังนั้น เราจะเห็นว่าไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ก็สามารถทำให้ของเล่นของใช้ทำงานได้ เมื่อต่อหลอดไฟฟ้าเข้ากับแบตเตอรี่ก็จะให้แสงสว่าง แสดงว่าไฟฟ้านี้ เป็นพลังงานเช่นเดียวกับไฟฟ้าตามบ้าน แต่สามารถเคลื่อนย้ายไปในที่ต่างๆ ได้สะดวก รูปแบบของแบตเตอรี่มีหลายแบบ หลายขนาด เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ ถ่ายไฟฉาย แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

ก้อนแบตเตอร์รี่ของถ่ายไฟฉายว่า 1 ก้อน มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ถ่ายไฟฉายมีส่วนที่สำคัญ 2 ส่วน
  • ส่วนภายนอก ประกอบด้วยสังกะสีหรือพลาสติกหุ้มส่วนภายในไว้
  • ส่วนภายใน ประกอบด้วยแท่งถ่าน ผงถ่าน และสารเคมีที่เป็นตัวนำไฟฟ้า เมื่อต่อถ่านไฟฉายให้ครบวงจรจะเกิดปฏิกิริยาเคมีขึ้นให้กระแสไฟฟ้า
การต่ออุปกรณ์ดังรูปนี้ เราเรียกว่า วงจรไฟฟ้า ซึ่งในวงจรไฟฟ้านี้ มีส่วนประกอบที่สำคัญ 3 ส่วน คือ แหล่งกำเนิดไฟฟ้า ลวดตัวนำ เครื่องใช้ไฟฟ้า การ ต่อวงจรไฟฟ้าที่กระแสไฟฟ้าสามารถเคลื่อนที่ได้ครบวงจร จากขั้วหนึ่งของแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ผ่านลวดตัวนำเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลับเข้าสู่อีกขั้วหนึ่งของแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถทำงานได้ เรียกว่า วงจรไฟฟ้าปิด

ถ่านไฟฉาย แต่ละก้อนนั้น จะมีขั้วอยู่ 2 ขั้ว โดยส่วนบนของถ่านไฟฉายจะมีลักษณะนูนคล้ายปุ่ม เราเรียกว่า ขั้วบวก และส่วนที่อยู่ตรงข้ามกับขั้วบวก เรียกว่า ขั้วลบ

เมื่อเรานำสายไฟและหลอดไฟไปต่อเข้ากับถ่านไฟฉาย กระแสไฟฟ้าจะออกจากขั้วบวกของถ่านไฟฉายไปตามหลอดไฟและสายไฟผ่านกลับมายัง ถ่านไฟฉายตรงขั้วลบ ทำให้หลอดไฟสว่างได้

ข้อสังเกต: แบตเตอรี่ที่มีขายตามท้องตลาดมีอยู่มากมายหลายชนิด และมีหลายลักษณะ การเลือกใช้ถ่านไฟฉายแบบธรรมดา ควรเลือกดังนี้
  • ถ่านไฟฉายสีแดง ใช้กับนาฬิกาปลุก รีโมท ของเล่น และวิทยุเทป
  • ถ่านไฟฉายสีเขียว ใช้กับไฟฉาย นาฬิกา และวิทยุทรานซิสเตอร์
  • ถ่านไฟฉายสีดำ ใช้กับกล้อง เกมกด และวิทยุเทปพกพา
  • การเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานอื่น 
เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านทุกชนิด ล้วนได้รับพลังงานไฟฟ้าที่ส่งมาตามบ้านเหมือนกัน แต่ทำงานในลักษณะต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน นั่นคือ พลังงานไฟฟ้าสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอื่นได้ เช่น
  • พลังงานไฟฟ้าเปลี่ยนเป็น พลังงานเสียง เช่น วิทยุ วิทยุเทป 
  • พลังงานไฟฟ้าเปลี่ยนเป็น พลังงานแสง เช่น หลอดไฟฟ้าให้แสงสว่าง โคมไฟ เมื่อเรานำมือไปใกล้หลอดไฟจะรู้สึกร้อน แสดงว่า พลังงานไฟฟ้าเปลี่ยนเป็น พลังงานแสง และ
  • พลังงานความร้อนได้ พลังงานไฟฟ้าเปลี่ยนเป็น พลังงานความร้อน เช่น เตารีด กาต้มน้ำหม้อหุงข้าว เตาอบ กระทะไฟฟ้า เป็นต้น 
พลังงานกล คือ พลังงานที่เกิดขึ้นจากวัตถุที่อยู่ในสภาพต่างๆ เช่น วัตถุหมุน วัตถุเคลื่อนที่ แสดงว่าพลังงานไฟฟ้าสามารถทำให้ขดลวดในมอเตอร์หมุนได้ ดังนั้น เราจะเห็นว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานแสง พลังงานเสียง พลังงานความร้อน พลังกลได้

พลังงานเหล่านี้ทำให้เกิดความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน  อย่างไรก็ตามเมื่อไฟฟ้ามีประโยชน์ย่อมมีโทษถ้าเราใช้ไม่ระมัดระวัง การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและปลอดภัย ไฟฟ้า เป็นพลังงานรูปหนึ่งซึ่งปัจจุบันมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น จึงอาจเกิดการขาดแคลนไฟฟ้าได้ และเกิดอันตรายจากไฟฟ้าขึ้นได้ ถ้าผู้ใช้ไม่ระมัดระวัง และไม่รู้จักประหยัดไฟฟ้า การใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัยและประหยัด มีดังนี้ คือ
  1. การใช้ไฟฟ้าแต่ละครั้ง ไม่ควรเสียบปลั๊กไฟฟ้าหลายชนิดพร้อมกัน
  2. ไม่ควรติดตั้งเต้ารับต่ำเกินไป เพราะอาจเป็นอันตรายต่อเด็ก
  3. ขณะที่มือเปียก ห้ามจับหรือเปิดสวิตซ์หรือเสียบปลั๊กไฟ เพราะจะทำให้ไฟดูดได้
  4. ไม่ควรซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าเองโดยไม่มีความรู้
  5. ไม่จับปลาโดยการนำไฟฟ้าไปช๊อตปลา และไม่ควรเล่นว่าวใกล้สายไฟ เพราะจะทำให้ไฟดูดได้
  6. ควรใช้หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์แบบผอม หรือหลอดตะเกียบประหยัดไฟเบอร์ 5
  7. ไม่ควร เปิด - ปิด ตู้เย็นบ่อยๆ เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า
  8. ควรรีดผ้าครั้งละคลายๆ ชิ้น
  9. ตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่สม่ำเสมอ
สรุปเรื่องเกี่ยวกับพลังงาน คือ
พลังงาน คือ ความสามารถที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่หรือทำงานได้

แหล่งกำเนิดพลังงานมี 2 ประเภท คือ พลังงานที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และพลังงานที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น
  1. พลังงานธรรมชาติ คือ พลังงานที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น พลังงานลม พลังงานน้ำ ดวงอาทิตย์
  2. พลังงานที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น คือ พลังงานที่แปรรูปมาจากพลังงานธรรมชาติ เช่น พลังงานไฟฟ้า พลังงานเคมีในแบตเตอรี่
แสง เสียง ความร้อน เป็นพลังงาน พลังงานกล เป็นพลังงานที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ ไฟฟ้ามีประโยชน์อย่างมาก ดังนั้นเราจึงควรรู้จักประหยัด และใช้ไฟฟ้าให้เกิดประโยชน์และปลอดภัยมากที่สุด


ความคิดเห็น